(ฟรี) บทที่ 320 รางวัลพิเศษจากผู้นำนิกาย
เฉินเป่ยเหอนั่งบนแท่นสูงและมองไปที่หลี่หรานด้วยสายตาที่ลึกล้ำ
เฉินจื่อเทียนตกลงไปในสระชำระดาบและได้รับบาดเจ็บสาหัสจากปราณดาบ เขายังไม่ได้สติจนถึงตอนนี้
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้มีศิษย์หลายสิบคนเห็น ตอนนี้มันแพร่กระจายไปทั่วทั้งนิกาย
บุตรชายของผู้อาวุโสสูงสุด ศิษย์พี่ใหญ่ของนิกายคนปัจจุบัน ผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุด… เขาไม่สามารถเอาชนะแม้แต่มนุษย์ที่เพิ่งเข้ามาในนิกายได้
ไม่เพียงแต่เขาจะถูกส่งเหาะไปสามครั้งติดต่อกัน เขายังสลบด้วยหมัดเดียวทั้งๆที่ใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์และพละกำลังทั้งหมด
เป็นเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นที่หลี่หรานทุบตีเขา
เฉินจื่อเทียนเพิ่งลุกจากเตียงและต้องกลับไปนอนที่เดิมอีกครั้งหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน
ถึงกับมีคนแอบเรียกเขาว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ขยะ” อย่างลับๆ
เฉินเป่ยเหอไปขอความยุติธรรมจากผู้นำนิกาย แต่เขาถูกตอกหน้ากลับมาแทน
ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดของศาลาหมื่นดาบแห่งทะเลตะวันออกอันเลื่องชื่อ เมื่อใดกันที่เขาเคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้?
“หลี่เถียจู่…”
แสงแปลกๆฉายผ่านดวงตาของเฉินเป่ยเหอ
เขาโบกมือเรียกแล้วผู้ดูแลก็เดินมาอย่างรวดเร็ว ผู้ดูแลโค้งคำนับและถามว่า “ผู้อาวุโสเฉินมีคำสั่งอันใด?”
ปากของเฉินเป่ยเหอขยับในขณะที่เขาพูดบางอย่างผ่านกระแสจิต
ผู้ดูแลเผยสีหน้าลำบากใจ แต่หลังจากเห็นท่าทางเย็นชาของอีกฝ่าย เขาก็กัดฟันและพยักหน้า
เฉินเป่ยเหอมองไปที่หลี่หราน มุมปากของเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็น “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เจ้าไม่ควรมาที่นี่!”
—
สระชำระดาบ
แม้จะชื่อว่า ‘สระ’ แต่ก็กินพื้นที่ขนาดใหญ่มากและเทียบได้กับทะเลสาบ
สายลมพัดโชย เงาของต้นไม้เริงระบำ ระลอกคลื่นใต้สายลมสะท้อนคลื่นที่สดใสและสวยงาม
น้ำในสระใสมาก แสงสีเงินเคลื่อนตัวผ่านน้ำราวกับว่ามันเป็นสายธารของเหล่าปลา
อย่างไรก็ตาม หลี่หรานรู้ว่ามันไม่ใช่ปลาเลย แต่เป็นปราณดาบที่กำลังสั่นไหว
เจตจำนงแห่งดาบที่น่าสะพรึงกลัวเปล่งออกมาจากมันทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเย็นเล็กน้อย
มีใบบัวอยู่แถวหนึ่งบนผิวน้ำ ทอดยาวไปยังฝั่งตรงข้าม
อีกด้านหนึ่งเป็นหมอกพร่ามัวทำให้ไม่สามารถเห็นลักษณะที่ชัดเจนได้
หลี่หรานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “นี่คือสระชำระดาบ?”
“ถูกต้อง” เยว่เจียนหลี่พยักหน้าและกล่าวว่า “นับตั้งแต่ที่ศาลาหมื่นดาบดำรงอยู่ ผู้นำนิกายทุกรุ่นจะต้องมาชำระดาบที่นี่ ดังนั้นสระน้ำนี้จึงมีเจตจำนงแห่งดาบที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง”
หลี่หรานถามอีกครั้ง“แล้วการทดสอบล่ะ มันเป็นยังไง?”
เยว่เจียนหลี่ตอบว่า “เจ้าเห็นใบบัวในน้ำหรือไม่ มันเรียกว่าบัวดาบ พวกมันเกิดจากปราณดาบและมีทั้งหมดเก้าสิบเก้าชิ้น จากสิ่งนี้เราสามารถไปถึงอีกฝั่งได้”
“เหล่าศิษย์ต้องเหยียบบนใบบัว ยิ่งพวกเขาก้าวไปข้างหน้ามากเท่าไหร่ ปราณดาบก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเจ้าไปได้ไกลเท่าไหร่ ความสามารถในการต้านทานปราณดาบก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และศักยภาพของเจ้าก็จะยิ่งมากขึ้น”
“ข้าเข้าใจ… แล้วถ้าทนไม่ได้ล่ะ?”
เยว่เจียนหลี่ตอบว่า “ถ้าเจ้าร่วงลงมาตั้งแต่แรกๆ อย่างมากที่สุดเจ้าจะเพียงได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม หากเจ้าไปถึงขั้นกลางหรือขั้นปลาย ชีวิตของเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย”
“ดังนั้นในวันชำระดาบ ผู้ดูแลจะเปิดใช้งานค่ายลล่วงหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้ศิษย์ตกลงไปในน้ำ”
หลี่หรานพยักหน้า
เฉินจื่อเทียนตกลงไปในสระชำระดาบโดยไม่คาดคิด และแม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตแก่นทองคำขั้นปลายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส นับประสาอะไรกับศิษย์ธรรมดาที่ยังไม่ได้บ่มเพาะ
แน่นอนว่านิกายจะไม่ล้อเล่นกับชีวิตของศิษย์
“แล้วมีใครไปถึงอีกด้านหนึ่งได้หรือยัง?”
เยว่เจียนหลี่ส่ายหัวและพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่ามีเพียงท่านอาจารย์เท่านั้นที่สามารถไปถึงอีกด้านหนึ่งได้ เหล่าศิษย์ต่างไม่มีใครทำสำเร็จ ตอนนั้นข้าไปถึงใบบัวที่แปดสิบหกเท่านั้น”
“หากไปถึงอีกด้านหนึ่งได้สำเร็จ ไม่เพียงแต่เจ้าจะได้รับการยอมรับเป็นศิษย์สายตรงเท่านั้น เจ้ายังจะได้รับรางวัลพิเศษจากท่านอาจารย์อีกด้วย”
หลี่หรานลูบคาง “รางวัลพิเศษ? น่าสนใจ”
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน พิธีชำระดาบก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ศิษย์เข้าแถวและก้าวขึ้นไปบนใบบัวตามชื่อที่ผู้ดูแลอ่าน
“หวังเต๋อฟา!”
“ขอรับ!” ศิษย์ชายคนหนึ่งตอบรับ
เขาก้าวขึ้นไปบนใบบัวอย่างเคร่งขรึม
เสื้อผ้าของเขาปลิวไสวโดยไม่มีลมใดๆ ในขณะที่ใบหน้าของเขาซีดลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาเจอกับการโจมตีของปราณดาบแล้ว
บัวดาบค่อยๆลอยไปข้างหน้าภายใต้การควบคุมของค่ายกล
สระชำระดาบนั้นใหญ่มาก และระยะห่างระหว่างใบบัวก็ไม่น้อย มันใช้เวลาอย่างน้อยสามลมหายใจเพื่อไปถึงบัวใบที่สอง
เขาก้าวไปข้างหน้า
จากนั้นใบบัวที่สองก็เคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง
หลังจากมาถึงใบที่ยี่สิบ ร่างกายของเขาก็เริ่มเดินโซเซ
เมื่อเขาก้าวขึ้นไปบนใบที่ยี่สิบเอ็ด ปราณดาบก็ส่งเขาลอยออกไป เขาตกลงไปในสระด้วยเสียงร้องน่าเวทนา...
วินาทีถัดมา น้ำในสระก็กระเพื่อมโอบรอบตัวเขาแล้วพากลับเข้าฝั่ง
“หวังเต๋อฟา ยี่สิบก้าว เข้าสู่นิกายชั้นนอก!”
ฝูงชนเงียบลง
หลังจากเดินไปได้กว่ายี่สิบก้าวบนใบบัว พวกเขาสามารถเข้าสู่นิกายชั้นนอกเท่านั้น?
เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของหวังเต๋อฟา เหล่าศิษย์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลมากขึ้น
ผู้ดูแลยังคงขาดชื่อ “จ้าวซือ!”
“ขอรับ!” ศิษย์คนหนึ่งเดินขึ้นไปอย่างขลาดเขลา
และสุดท้ายเขาก็ร่วงลงหลังจากไปถึงใบที่สิบ เขาได้เข้าสู่นิกายชั้นนอกโดยธรรมชาติ
ขณะที่พิธีชำระดาบดำเนินไป สถานการณ์ก็ค่อนข้างน่าสังเวชอย่างแท้จริง
ศิษย์ส่วนใหญ่ไปได้เพียงยี่สิบถึงสามสิบก้าวเท่านั้น ผู้ที่ดีที่สุดก็ไปได้แค่เพียงห้าสิบก้าว
บนแท่นสูง ผู้อาวุโสขมวดคิ้ว
คุณภาพของศิษย์กลุ่มนี้ค่อนข้างแย่
อันที่จริงเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับงานชุมนุมสวรรค์อมตะ
ครั้งนี้ต้นกล้าที่ดีส่วนใหญ่ถูกวิหารโหยวหลัวชิงตัวไป
คุณภาพและจำนวนของศิษย์ที่พวกเขาคัดมาจึงด้อยกว่าปีที่ผ่านมามาก
ในขณะนั้นเอง ผู้ดูแลตะโกนว่า “หลี่เถียจู่!”
ผู้อาวุโสต่างรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“หลี่เถียจู่?”
“นั่นไม่ใช่ศิษย์ส่วนตัวคนใหม่ของผู้นำนิกายหรอกเหรอ?”
“นางเป็นศิษย์ของผู้นำนิกาย ซึ่งหมายความว่าพรสวรรค์ของนางต้องยอดเยี่ยม ข้าไม่คิดว่านางจำเป็นต้องผ่านการทดสอบ”
“ในเมื่อเรียกชื่อนางแล้วก็ให้นางลองทำดู ศิษย์ส่วนตัวของผู้นำนิกายนั้นต้องไม่อ่อนแออย่างแน่นอน”
“เป็นเรื่องดีที่มีอัจฉริยะมาเพิ่มขวัญกำลังใจ”
—
เมื่อได้ยินการสนทนาของทุกคน ริมฝีปากของเฉินเป่ยเหอก็โค้งเป็นรอยยิ้มเย็น
เมื่อหลี่หรานได้ยินชื่อของเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “ข้าต้องไปด้วยเหรอ?”
เยว่เจียนหลี่อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พูดตามเหตุผลแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องทำ ข้าก็สงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงเรียกเจ้า”
เหล่าศิษย์ทั้งหมดจ้องมองมาที่เขาโดยพร้อมเพรียงกัน
หลี่เถียจู่
ชื่อนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งนิกายตั้งแต่เมื่อวาน
นางเพิ่งเข้านิกายมาวันแรก แต่นางได้ทุบตีบุตรชายของผู้อาวุโสสูงสุดไปแล้ว ความสำเร็จนี้ทำให้นางมีชื่อเสียงอย่างมาก
เหล่าศิษย์เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลี่หรานส่ายหัวและพูดว่า “ช่างเถอะ มันบังเอิญว่าข้าก็สงสัยเกี่ยวกับรางวัลพิเศษนั้นเหมือนกัน”
เขาส่งเซินหนิงให้เยว่เจียนหลี่และค่อยๆเดินไปที่สระ
/////