ตอนที่ 44 วิญญาณที่รอคอยการเติมเต็มความปรารถนา
ตอนที่ 44 วิญญาณที่รอคอยการเติมเต็มความปรารถนา
ในวันต่อมาการฝึกซ้อมของลีโอยังคงดำเนินต่อไป
ก่อนที่จะซ้อมทุกครั้งลีโอยังต้องฝึกการฟันแบบอยู่กับที่เพื่อเป็นการทบทวนตนเองไปในตัวด้วย เพราะต่อให้ท่วงท่าถูกต้องแล้ว แต่ลีโอยังต้องฝึกซ้ำ ๆ เพื่อให้ร่างกายจดจำการฟันที่ถูกต้องจนถึงขั้นใช้ออกมาโดยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
กระบวนการนี้อาศัยเวลาและความขยันหมั่นเพียรเป็นสิ่งสำคัญ
หลังจากนั้นก็ต่อด้วยฝึกท่าฟันและเดินไปพร้อม ๆ กัน ช่วงแรกเป็นการฟันในแนวตั้งฉากเดินหน้าและถอยหลัง จากนั้นก็เป็นการเดินข้างซ้ายและขวา และสิ่งที่ยากเข้าไปอีกขั้นนั้นคือการเดินด้วยท่าอิสระโดยไม่สูญเสียท่าทางการฟันไปซึ่งยากเข้าไปอีกขั้น
และนี่ก็แทบจะกินเวลาของลีโอไปทั้งวันแล้วกว่าที่ลีโอจะปรับท่าทางให้ถูกต้องได้
หลังจากฝึกซ้อมติดต่อกันทั้งวันจนดึงลีโอก็ต้องกลับที่พักเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปทำภารกิจขุดเหมือง โดยหลังจากกลับมาถึงห้องลีโอก็ล้างตัวและลงแช่อ่างฟื้นฟูทันที เพื่อให้กล้ามเนื้อที่เสียหายฟื้นตัวกลับมาได้รวดเร็วที่สุด และไม่สะสมจนส่งผลต่อการทำงาน
...
“ท่านหัวหน้า” แฮงแมนกล่าวทักทายลีโอ แต่พอเห็นว่าลีโอนั้นเดินและขยับด้วยท่าทางแปลก ๆ ก็สร้างความงงงวยให้กับแฮงแมนเป็นอย่างมาก
“ท่านหัวหน้าเป็นอะไรหรือไม่”
“หืม ข้าปกติดี” ลีโอตอบและยังคงเดินด้วยท่าทาแปลก ๆ ต่อไป
แฮงแมนเห็นก็อยากจะถามว่ามันปกติตรงไหน แต่ในเมื่อหัวหน้าทีมบอกว่าปกติก็คือปกติ เพราะแฮงแมนรู้ว่าตนนั้นไม่ควรจะถามในเรื่องส่วนตัวของหัวหน้าทีมมากไป มันอาจจะนำมาซึ่งภัยอันตรายได้
“คนอื่น ๆ มาหรือยัง” ลีโอถาม
“แล้วรออยู่ก่อนแล้ว”
“ข้าคงทำให้พวกเจ้ารอแล้ว ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ”
ลีโอกล่าวและขึ้นรถบรรทุกเหมือง ที่วันนี้มาช้ากว่าทุกครั้งนั้นเป็นเพราะว่าช่วงเช้าของวันลีโอได้ทำการฝึกฟันดาบอยู่ 3000 ครั้งไม่ขาดไม่เกิน
เมื่อซูซี่และฮานเห็นลีโอเดินเข้ามาก็รีบทักทาย ลีโอไม่มากความทักทายกลับและบอกให้ออกเดินทางกันได้
ตามปกติพวกเขาจะออกเดินทางทุก ๆ 3 วัน แต่เพราะครั้งก่อนหาแร่สื่อวิญญาณได้มากมาย จึงได้เวลาหยุดมาเพิ่มอีก 2 วัน
จุดหมายนั้นยังคงเป็นเส้นทางเดิมที่ชั้น 5 แต่พอพวกเขาไปถึงก็ต้องพบกับปัญหา
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ฮานที่นั่งอยู่ทางหลังสุดเอ่ยถาม
“มีปัญหาแล้วพวกเราโดนแย่งที่แล้ว” ซูซี่พูดด้วยน้ำเสียงเชิงหงุดหงิด
“คนพวกนั้น ทีม 86” แฮงแมนตรวจสอบและรู้อย่างรวดเร็วจากตัวเลขที่ข้างตัวรถ
“โถ่เอ๊ย พวกมันต้องรู้เรื่องที่เราขุดได้จำนวนมาก สุดท้ายหาพิกัดที่เราขุดจนเจอจนได้ พวกนี้มัน...” ซูซี่คำรามในคอราวกับต้องการออกไปขย้ำคนเหล่านั้น
ลีโอมองอย่างเงียบ ๆ ไปยังทิศทางด้านหน้าที่มีแสงไฟจากเสาเขตแดนจำนวนมาก
ตอนนั้นเองก็มีการติดต่อมาจากทีม 86
“ทีม 107 พวกเจ้ามาช้าแล้ว” ใบหน้าของชายหนุ่มคางยาวผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา
“ดันเต้ เจ้าตั้งใจมาตัดหน้าพวกเราใช่ไหม” แฮงแมนถามขึ้นมาด้วยแววตาจริงจัง
ดันเต้ที่ฉายอยู่เพียงยิ้มและกล่าวว่า “ใครแย่งพวกเจ้ากัน ที่นี่คือเหมืองมรณะไม่มีของใครทั้งนั้น แต่พวกข้าก็ไม่รังเกียจแบ่งที่ให้เจ้าเข้ามาขุด...สนใจไหม”
“หึ เจ้าหมาขี้เรื้อนเอ๊ยใครอยากจะได้กากเหลือจากเจ้ากัน” ซูซี่ปากคอเราะรายด่าใส่ทันที
“ซูซี่ ปากเจ้ายังคมเหมือนเดิม ถ้าไม่อยากได้พวกเจ้าก็ไปหาทางอื่นแล้วกัน” ดันเต้ตัดสัญญาณไปทันที
“เอายังไงกันดี” ฮานกล่าวถาม
ทั้งสามไม่ติดจะไปขอส่วนเหลือจากดันเต้อยู่แล้ว เพราะมันเสียเวลาและสิ่งที่ได้ก็ไม่คุ้มค่ากับเวลาที่จ่ายไป แต่จะให้ไปแย่งก็ไม่ได้
ทุกดินแดนมีกฎต่อให้ป่าเถื่อนเพียงใดก็มีกฎ
มาก่อนย่อมได้สิทธิ์ก่อน นี่เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่เข้าใจโดยทั่วกัน
...
ผ่านไป 1 เดือนเต็ม ๆ นอกจากฝึกซ้อมดาบอย่างเอาเป็นเอาตายก็เป็นการออกไปขุดแร่ที่วนเวียนอยู่แบบเดิมซ้ำ ๆ จนลีโอนั้นแทบไม่ทำอย่างอื่นเลย
แม้แต่การเขียนยันต์ก็ยังไม่ได้กระทำมากนัก ลีโอใช้ยันต์ที่ตัวเองสะสมไว้ เพื่อโจมตีพวกผีเร่ร่อน และในบางครั้งก็ไม่ต้องลงมือโจมตี เพราะลีโอนั้นสามารถหลบมันได้โดยอาศัยท่วงท่าที่ฝึกฝนมา
มันง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งลีโอสัมผัสได้ถึงความต่างอย่างชัดเจน
เช่นปกติเขาต้องกระโดดหนีทั้งตัวไม่ก็กระโจนหนี แต่หลังจากการฝึกพื้นฐานดาบ ลีโอเข้าใจการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น โดยอาศัยการขยับที่น้อยที่สุดให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
“มีที่อื่นอีกไหม” ลีโอเอ่ยถาม
“ถ้าพื้นที่ดี ๆ ในชั้นนี้ก็มีไม่กี่แห่ง คงโดนจับจองหมดแล้ว” แฮงแมนกล่าวตอบ
“แล้วชั้นถัดไปละ” ลีโอกล่าวถามถึงชั้น 6 ซึ่งหลายครั้งพวกเขาไม่ได้คิดจะไป แต่ถ้าไม่มีที่ดี ๆ ก็ควรจะไป เพราะว่าลีโอไม่ต้องการเสียเวลามากนักที่ด้านนอกนี้
เนื่องจากต้องรีบกลับไปฝึกฝนต่อ
“ชั้น 6 เราจะไปกันจริง ๆ เหรอ” ฮานกล่าวขึ้นมาด้วยความระวัง
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ลีโอหันไปถามฮาน
“เออ...” ฮานได้แต่ลากเสียงยาว
“หัวหน้าที่จริงพวกเรายังไม่เคยไปถึงชั้น 6 มาก่อน อย่างมากก็วนเวียนแถวชั้น 5 ลงไป เพราะชั้น 6 ขึ้นไปอัตราการตายจะมากขึ้น” ซูซี่กล่าวแทนฮาน
ลีโอครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะกล่าวไป “ไม่ไปพวกเจ้าตัดสินกันก็แล้วกัน”
พอทิ้งท้ายไว้ก็สร้างความลำบากให้ทั้งสามทันที
“ทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยง แต่ผลตอบแทนก็น่าสนใจเช่นกัน” แฮงแมนกล่าวอย่างเอนเอียง
“เจ้าเหล่าฮานคิดยังไง” ซูซี่ที่ลังเลขอความคิดเห็นของฮานเพื่อตัดสินใจ
“ท่านหัวหน้าเคยบอกว่าเวลาของข้านั้นมีน้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไปที่นั่นกันเถอะ” ฮานตัดสินใจทันที ซึ่งแน่นอนว่าซูซี่ไม่คิดค้านอยู่แล้ว
ทั้งสามคนเห็นด้วยกับการไปชั้น 6 ของลีโอ ซึ่งถ้าเกิดเรื่องอันตรายจนถึงตายก็คงกล่าวโทษใครไม่ได้แล้ว
“ไปเถอะ” ลีโอกล่าวเป็นคำตัดสินสุดท้าย
ซูซี่พยักหน้าตกลงเปลี่ยนทิศทางจุดหมายไปยังชั้น 6 ขณะที่แฮงแมนนั้นเริ่มการระบุตำแหน่งและคอยเชื่อมต่อกับทุ่นสื่อสารไปเรื่อย ๆ
ยิ่งชั้น 6 ยิ่งมีสัญญาณการรบกวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซูซี่ต้องใช้ความระวังมากขึ้น จนมาถึงเส้นทางลงจากเนินเพื่อลงไปยังชั้น 6 รถอยู่ ๆ ก็โดนรบกวนด้วยบางสิ่ง
“หัวหน้า” ซูซี่หันมาถามเสียงสั่นเทา
“ไม่เป็นไร แค่พวกที่ผ่านมา ข้าจัดการเอง” ลีโอกล่าวและลุกขึ้นยืน
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นทุบมันทันที” ลีโอส่งขวดน้ำมนต์ที่เคยซื้อไว้ให้กับแฮงแมน
แฮงแมนรับมาด้วยความระวัง พวกเขาพอจะรู้ว่าของในขวดนี้ไม่ธรรมดาเฉกเช่นหน้าตาของมัน
นี่คือความพิเศษของยาและน้ำมนต์อย่างหนึ่งนั้นคือใครก็ใช้ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอผี แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะใช้มันด้วยประสิทธิภาพสูงสุดได้ดีเท่าหมอผี
ประตูเปิดออกลีโอเดินออกจากรถไป ขณะที่ซูซี่พยายามรีบูทระบบรถใหม่ให้กลับมาติดได้อีกครั้ง ปัญหานี้มักพบเจอได้ 2-3 ครั้งในรอบปี ดังนั้นซูซี่จึงมีความรู้และประสบการณ์มาระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเจอเองหรือการได้ยินได้ฟังมา
แต่ว่าการดับของรถไม่ได้เกิดเพราะตัวรถแต่ปัญหาด้านนอก ทำให้ต้องรอลีโอจัดการทุกอย่างจึงจะกลับมาเป็นปกติ
ตุบ!
เท้าของลีโอสัมผัสเข้ากับพื้นดินที่นี่คือรอบต่อระหว่างชั้น 5 และชั้น 6 ให้ความหนาวเย็นที่สุดจะบรรยายออกมาเป็นคำกล่าวได้
แต่ก็ยังไม่รุนแรงจนทำอะไร
ดวงตาของลีโอกะพริบขึ้นลงโลกเบื้องหน้าก็เปลี่ยนเป็นหมอกจุดสีเทาหม่นทันที เพราะมีอนุภาควิญญาณวนเวียนรอบตัวเป็นจำนวนมาก
ลีโอสูดลมหายใจเอาอนุภาคเข้าไปก็รู้สึกทั้งหนาวและสดชื่นไปพร้อม ๆ กันจิตสัมผัสของลีโอมองผ่านดวงตาผนึกเทพกวาดหาต้นตอของเรื่อง ปรากฏว่าลีโอนั้นพบเจอปัญหาอยู่ที่ป่าข้างทาง
คนหน้าซีดร่างจาง ๆ ยืนมองลีโอด้วยใบหน้านิ่งเฉย
ลีโอฉายแววตาจริงจังทันที แต่ว่าผีคนนี้กลับไม่โจมตีเขาทันที มันเพียงหันกลับเดินเข้าไปที่ป่าข้างทาง
“ผีที่ไม่โจมตี!?”
แม้จะประหลาดใจ แต่ว่าก็ใช่จะไม่เคยพบเจอ แน่นอนว่าไม่ใช่ลีโอที่เจอ แต่เป็นหมอผีหลายรุ่นหลายยุคหลายสมัย
เหมือนเรื่องราวพอจะคาดเดาได้บ้าง
พริบ!
บอลแสงถูกโยนออกมาใช้เพื่อสองนำทาง จากนั้นลีโอจึงก้าวเท้าเดินตาม แต่ก็ไม่ได้คิดจะลดความระวังลงแม้แต่สักนิดเดียว
ซ้ายถือน้ำมนต์ ขวาถือด้วยยันต์ไฟพร้อมโจมตีถ้าเกิดเรื่องราวที่ไม่ชอบมาพากลขึ้น
แววตาของลีโอนั้นกลอกกลิ้งไปมารอบกายไม่มีหยุด ถ้ามีอันตรายหลบซ่อนก็ไม่มีทางผ่านพื้นสายตาของเขาได้ ผ่านไป 100 เมตรจึงพบกับผีตนเดิมที่ปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการมอง แต่ยกยกมือชี้ไปที่ด้านหลังของต้นไม้
ลีโอได้กลิ่นเหม็นชวนอาเจียนมาจากทางด้านหลัง จึงเดินเข้ามาใกล้ผีตนนั้น ผีเองก็ไม่ได้หายไป เพียงยืนรอลีโอเดินเข้ามาหา
สิ่งแรกที่เห็นหลังจากเดินพ้นหลังต้นไม้ คือแสงไฟที่สาดส่องไปที่ร่างศพหนึ่ง ซึ่งเริ่มเน่าจนส่งกลิ่นเหม็นแล้ว แม้ใบหน้าจะไม่น่ามองดูจากการเน่าเปื่อย แต่ก็พอมองถึงเค้าร่างว่าคือใบหน้าที่เหมือนกับผีตนที่ยืนข้าง ๆ
ผีคนนี้ไม่เกรงกลัวแสงสว่าง อาจจะเพราะมันไม่ได้สนใจว่าตนจะอ่อนแอ เพียงเดินไปข้าง ๆ ศพมองดูด้วยความอาลัยอาวรณ์ต่อร่างกายนี้
ก่อนจะหันกลับมามองลีโอโดยไม่พูดอะไร
“เจ้าคิดจะให้ข้าเอาศพกลับไปอย่างนั้นเหรอ” ลีโอเอ่ยถาม
ผีตนนั้นส่ายหัวเบา ๆ ก่อนก้มลงไปจับที่กระเป๋าในตอนนั้นก็มีแพดสื่อสารลอยออกมาหนึ่งอัน แพดสื่อสารยังคงค้างหน้าบันทึกเสียงไว้คาดเดาว่าคงเป็นข้อความสั่งเสียถึงคนที่มันคิดถึง
ลีโอเข้าใจแล้วจึงพยักหน้าและหยิบแพดสื่อสารมา
พอเห็นว่าแพดสื่อสารถือมือของลีโอมันก็มองเขาด้วยแววตาขอบคุณ ก่อนจะค่อย ๆ สลายหายไป ราวกับว่าความตั้งใจได้รับการเติมเต็มแล้ว
หลังจากหลายไปก็เหลือเพียงผงวิญญาณเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ลีโอใช้พลังจิตกวาดพวกมันมาเก็บไว้ในขวด ถือเป็นค่าตอบแทน
“หลังจากกลับไปคงค่อยมอบให้ทางฐานจัดการ ไม่ใช่หมอผี แต่มันคงเป็นแรงงานคนใดคนหนึ่งที่ตายในเหมืองแห่งนี้ และด้วยจิตใจและความตั้งใจเดิมในตอนที่ตายคงหวังอยากจะกล่าวคำพูดถึงคนที่คิดถึง จึงยังทำให้คงเจตนาดังเดิมได้เช่นนี้กลายเป็นวิญญาณที่ติดอยู่ระหว่างกลาง รอคอยการเติมเต็มความปรารถนาจึงจะไปสู่สุคติได้ แต่ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ แพดสื่อสารคงเป็นวัตถุสิงสถิตและตัวมันเองก็คงกลายเป็นวิญญาณสิงสถิต”
ลีโอถอนหายใจเบา ๆ สอดแพดสื่อสารมาเก็บไว้
“แต่จะทิ้งร่างนี้ไว้ก็คงจะใจคับแคบเกินไป”
ยันต์ไฟในมือสะบัดครั้งหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ร่างศพ แถมยังดูดกลืนอนุภาควิญญาณที่หนาแน่นให้ทรงพลังขึ้นไปอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งต้องใช้ทั้งพลังจิตและความตั้งใจ
แต่ไม่มีใครมารบกวนลีโอ ดังนั้นใช้เวลาไม่นานก็เหลือเพียงขี้เถ้ากองหนึ่ง
ในมือของลีโอปรากฏขวดที่ไว้ใช้สำหรับเก็บผงวิญญาณขนาดปลายนิ้วก้อย ลีโอจัดการกรอกเอาขี้เถ้าใส่ขวด จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป ไม่สนใจสิ่งที่หลงเหลืออยู่อีก
แพดสื่อสารมีข้อมูลที่ตนตายอยากจะพูดกับคนรัก ขี้เถ้าในขวดถือเป็นสิ่งที่ใช้แทนตัวตน ส่วนกองที่เหลือนั้นเป็นเพียงสสารที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของภพภูมินี้ ส่วนภพภูมิหน้านั้นมีเพียงแต่วิญญาณที่จากไปแล้วเท่านั้นถึงจะไปได้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กันอีก