ตอนที่ 1081 เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์
ไม่มีใครรู้ว่าเย่ว์หยางคุณชายหมิงจู คุณชายฉีมู่พูดคุยอะไรกันในร้านเหล้าเล็กๆ
ไม่มีใครตระหนักว่ารูปแบบอนาคตของหุบเขามนุษย์จะเปลี่ยนไป
คุณชายหมิงจูและคุณชายฉีมู่ออกเดินทางในวันเดียวกัน
เย่ว์หยางอยู่ต่ออีกสามวันและซื้อผลิตภัณฑ์พิเศษมากมายก่อนกลับไปที่โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าในเมืองไม้เงินด้วยเรือเหาะพร้อมกับอาจารย์ใหญ่ ก่อนออกเดินทางหยางผิงและพวกของเขาจากสาขาเมืองเปลวอาทิตย์ยังคงมาตามหาเย่ว์หยางเพื่อใช้คำพูดยั่วยุให้เย่ว์หยางเลือกเขาเป็นคู่ต่อสู้ท้าทายในงานประเมินคะแนนชีวิต
“ตกลง! เจ้าจะได้รับตามต้องการ” เย่ว์หยางเหมือนพยัคฆ์หลับเมื่อเห็นหนูสองสามตัวมาท้าสู้ก็ไม่อยากทะเลาะด้วย
หลังจากกลับไปถึงเมืองไม้เงินเย่ว์หยางพักอย่างสบายใจอีกสองวัน
อาจารย์โอมอนและอาจารย์อูผู่ดำเนินการวิจัยค้นคว้าก้าวหน้าเป็นอย่างดี อาจารย์ใหญ่รู้สึกว่าตอนนี้ก็ดีแล้ว เวลาจะกระชั้นเข้ามาทุกขณะ ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาไม่ยอมให้เย่ว์หยางเหนื่อยจากเดินทางไกลจึงอนุญาตให้เย่ว์หยางหยุดอีกสามวัน สิ่งที่อาจารย์ใหญ่กลัวที่สุดก็คือเย่ว์หยางจะไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอที่จะรับมือในพิธีการประเมินคะแนนชีวิตของนักเรียนใหม่ได้
ต้องชนะเลิศ
นี่คือเกียรติยศที่ครูใหญ่ต้องการ
แม้ว่าในการประชุมสัมมนาเมืองใบทองเขาได้เห็นหุ่นรบแม่เหล็กที่จินฉีสร้างแล้วก็ตาม แต่อาจารย์ใหญ่มั่นใจอย่างเต็มที่ในหุ่นรบบินที่เขาพัฒนา
หุ่นรบแม่เหล็กเป็นอะไรที่ไม่มากไปกว่าหุ่นรบตัวหนึ่ง แต่หุ่นรบบินเป็นวิธีการต่อสู้ที่ครอบคลุมและเป็นนวัตกรรมทิศทางการพัฒนาทั้งสองไม่มีอะไรเทียบได้ และพวกเขาก็รู้ว่าวิธีใดจะนำไปสู่ความสำเร็จ สิ่งที่ยิ่งกว่านั้นการวิจัยพัฒนาของโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าเมืองไม้งามไม่ง่ายเหมือนการต่อสู้ทางอากาศธรรมดา มีทั้งหุ่นรบบินลาดตระเวน หุ่นรบโจมตีไม่ว่าจะสร้างอะไรออกมา ล้วนสั่นสะเทือนอำนาจในหุบมนุษย์ในปัจจุบันนี้!
ผ่านไปสองวัน
ที่นอกเมืองไม้เงินเย่ว์หยางประพฤติตัวเป็นนักเรียนดี เขาขอลาเป็นพิเศษเพื่อไปพบกับคุณชายหมิงจูและคุณชายฉีมู่
เกี่ยวกับการมาถึงของคุณชายทั้งสองคนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางได้อธิบายเหตุผลไว้ก่อนอาจารย์ใหญ่อาจสงสัยว่าเป็นการขโมยวิทยาการหุ่นรบบินหรือไม่ อย่างไรก็ตามหลังจากเย่ว์หยางอธิบาย อาจารย์ใหญ่ก็ชื่นชมยินดีทันที เพราะด้วยการสนับสนุนของคุณชายหมิงจูแห่งหุบเขาอัญมณีและคุณชายฉีมู่แห่งเมืองจันทร์เงินนักเรียนไตตันที่เขาภาคภูมิใจที่สุดจะต้องชนะเลิศในกลุ่มนักเรียนใหม่แน่นอน... ต้องทราบว่าคุณชายทั้งสองคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญของหุบเขามนุษย์และพลังอำนาจที่หนุนหลังพวกเขาก็มีอำนาจมากเช่นกันพวกเขามีอิทธิพลยิ่งกว่าราชาองค์หนึ่งในหุบเขามนุษย์ และทั้งสองนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเมืองไม้งาม
จุดที่สำคัญที่สุดก็คือเย่ว์หยางประกาศยืนยัน
คุณชายหมิงจูและคุณชายฉีมู่ไม่ได้มาเพื่อหุ่นรบบิน แต่ร่วมมือทำหุ่นรบอย่างอื่น
“โลหะหลอมปีศาจสามคุณภาพ พื้นฐาน ปานกลางและชั้นดี ข้าเตรียมไว้พร้อมแล้ว เจ้าลองดู” คุณชายหมิงจูไม่ได้มาอย่างเอิกเกริก แต่มาเมืองไม้เงินลับๆ คุณชายฉีมู่ที่มาถึงก่อนได้ซื้อสวนเล็กๆชานเมืองไม้เงินอย่างลับๆ เพื่อใช้เป็นฐานค้นคว้าวิจัยและพัฒนาลับสำหรับสามคน
รถบรรทุกสัมภาระหลายสิบคันปลอมเป็นกองคาราวานมาพร้อมกับคุณชายหมิงจู
ภายในเต็มไปด้วยวัสดุต่างๆสำหรับใช้ทำการเกษตร
แน่นอนว่าของหายากอย่างโลหะหลอมปีศาจถูกบรรจุไว้ในแหวนเก็บของของคุณชายหมิงจู
คุณชายหมิงจูใช้เวลานานกว่าจะโน้มน้าวผู้อาวุโสในตระกูลให้เห็นด้วย หลังจากได้รับมอบโลหะหลอมปีศาจปริมาณมากจากหุบเขาแต่ผู้อาวุโสถามถึงความเป็นไปได้ นี่คือสาเหตุที่คุณชายหมิงจูเสียเวลาไปสองวัน
“ข้าออกแบบไว้เสร็จแล้วและทำเสร็จเกินกว่าแผนเดิมที่เราตั้งใจไว้ว่าจะสร้างสาม แต่ข้าวาดไว้ถึงห้าแบบไม่มีปัญหาในการทดสอบผังอักขระรูนมีความเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์” เย่ว์หยางมองดูคุณชายหมิงจู ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขายิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น คือสร้างผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป”
เขากล่าวขณะส่งแบบที่เขียนไว้ให้คุณชายหมิงจูและคุณชายฉีมู่
คุณชายหมิงจูรู้สึกพอใจ
มีการเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว
ฉีมู่ทำหน้าตกใจ เขาตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึงและคว้าภาพวาดมาดูอยู่เป็นเวลานานตาของแทบถลนจากเบ้า “เป็นไปไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกแบบได้สำเร็จ นี่เจ้าออกแบบมาได้ยังไง? พระเจ้า, สมองเจ้าสร้างมาจากอะไรเปิดให้ข้าดูได้ไหม... จากมุมมองนี้ ดูเหมือนว่าจะสามารถทำได้จริงๆ ข้าฝันไปหรือเปล่า! ข้ายอมรับว่าข้าเชื่อถือเจ้าครึ่งเดียวเท่านั้นข้าไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดีนัก ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าหัวคิดเจ้าร้ายกาจขนาดนี้! เดี๋ยวก่อน นั่นหมายความว่ายังไง?งานที่ข้ารับผิดชอบมีความแข็งแกร่งทางกายภาพขนาดไหนแล้ว เจ้าดูถูกไอคิวข้าหรือ? บอกกับเจ้าสติปัญญาของข้าไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย หากเจ้าไม่ส่งความสามารถมาทางใจ ข้ากับเจ้าเกรงว่า....”
ในวันท้ายๆฉีมู่พบว่างานของเขาเป็นการจัดส่งวัสดุตามคำสั่งของเย่ว์หยาง เขาเริ่มกังวลทันที
เขารู้ว่าเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก แต่เขาไม่พอใจกับความเคลื่อนไหวหลายอย่าง
ถ้าการออกแบบตามภาพวาดเหล่านี้ได้รับรู้ไปทั่วทั้งหมดจะเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของหุบเขามนุษย์ จะไม่อาจเขียนบันทึกผลรวมลงในประวัติศาสตร์ได้อย่างไรว่า ในปีหนึ่งคุณชายฉีมู่ขนย้ายวัสดุอย่างดีที่สุดของเขาด้วยความทุ่มเทไม่เห็นแก่ตัว ในที่สุดบารอนไตตันก็สร้างความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน..งานนี้ของคนรุ่นถัดไปไม่สามารถบันทึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์ได้ สถานะของเขาจะต้องเป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ในการวิจัยพัฒนาไม่ใช่เด็กชายน้อยๆ ที่บังเอิญผ่านไปประสบพบเหตุ
ฉีมู่เกือบอดตะโกนออกมาไม่ได้ ถ้าไม่ให้เขาช่วย เขาจะสร้างปัญหา
ในที่สุดเย่ว์หยางก็ถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น
เขาต้องแจกจ่ายงานส่วนหนึ่งให้ฉีมู่คุณชายผู้มีปัญญาสูง จะขอเข้าร่วมวิจัยพัฒนารวมกลุ่มเป็นสามผู้ยิ่งใหญ่
คุณชายหมิงจูไม่ได้คัดค้านแต่ยิ้มเยาะเล็กน้อย “เสี่ยวมู่! ทำในสิ่งที่เจ้าทำได้ เจ้าไม่ฟังเลยถ้างานของเจ้าไม่เสร็จซึ่งส่งผลต่อแผนการรวม เจ้าจะเป็นคนบาปตลอดกาล”
“ถ้าทำเสร็จไม่ทัน ข้ายอมตายคาห้องวิจัย” เพื่อพิสูจน์ว่าสติปัญญาของเขาไม่มีปัญหาฉีมู่ทำตามวินัยทหาร
“นั่นไม่จำเป็น เราเข้าใจเจ้า” เย่ว์หยางพูดว่าเข้าใจจนฉีมู่เกือบจะปลื้มอยู่แล้ว ก่อนจะมีคำพูดตามมา “ความฉลาดมีไม่พอ นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
“.....” ฉีมู่รู้สึกหดหู่
เมื่อพูดถึงเรื่องสติปัญญา
ถ้าเขาไม่ได้พบกับเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูที่ฉลาดเกินธรรมดาสหายอีกคนหนึ่งเช่น จินฉีบุตรคนที่สี่ของเจ้าเมืองใบทองหรือหยางผิงแห่งเมืองเปลวอาทิตย์ หรือแม้แต่พี่ชายของหยางผิงคุณชายหยางฉวน ฉีมู่ก็มีความรู้สึกว่าเขาเองยังมีสติปัญญาสูงกว่า
อย่างไรก็ตามสำหรับเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูแต่ละคนมีสติปัญญาที่เขาต้องก้มหัวให้
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามีความฉลาดไม่พอ
เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้สติปัญญาสูงส่งเกินไปจนตัวเขากลายเป็นผู้มีสติปัญญาต่ำได้อย่างไร?
ฉีมู่แข็งใจ ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะต้องต่อสู้พากเพียรเพื่อสติปัญญาของตนเอง ไม่ใช่คนทั่วไปที่มีสติปัญญาความรู้สึกด้อย
ต่อไปเป็นการใช้โลหะหลอมปีศาจเพื่อเริ่มการผลิตจะกลายเป็นฝันร้ายที่คุณชายฉีมู่ยากจะเลือนไปจากใจตลอดชีวิต เพราะคุณชายหมิงจูมีภาระให้ทำมากมายในเวลาที่กำหนดทั้งยังมีกำลังเหลือพอติดตามความคืบหน้าของงานของเขา แต่เย่ว์หยางคนเกียจคร้านไม่เคยทำงานนี้กลับใช้เวลาน้อยกว่าหลายนาทีในการทำงานให้เสร็จซึ่งปกติไม่มีทางทำให้เสร็จได้ในสองสามวัน
ยิ่งกว่านั้นยังทำได้สมบูรณ์แบบเป็นพิเศษ
สมบูรณ์จนคุณชายฉีมู่อยากจะเอาศีรษะโขกผนังให้ตายไม่อยากมีชีวิตอีก!
“เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่งานวิทยาศาสตร์” ฉีมู่ไม่เคยเห็นคนมีฝีมือร้ายกาจอย่างนั้นมาก่อนในชีวิตของเขาเห็นได้ชัดว่าเขาดูเกียจคร้านเป็นไปได้อย่างไรที่ทำงานที่ยากให้สำเร็จในพริบตาอย่างน่าทึ่ง? ทุกคนรู้ว่าเย่ว์หยางรับผิดชอบส่วนที่เป็นหัวใจของงานที่ยากที่สุดของแผน แต่เขาไม่เพียงแต่ทำให้สำเร็จอย่างง่ายดาย แต่ยังแก้ไขส่วนข้อต่อที่ไม่สามารถทำให้เสร็จได้หลังจากเวลาผ่านไปสองสามวัน ในที่สุด เขาขอโทษและพูดว่าเขาไม่ทันระวัง บ้าไปแล้ว..นี่เป็นความพลั้งเผลอทั้งหมดคนเลินเล่อมีมากมายในโลก แต่คนเลินเล่ออย่างนี้เหมือนกับตบหน้ากัน!
“ยังจะพูดอีก เจ้ายืนยันว่าจะทำงาน เจ้าสิ่งนี้สามารถทำได้ในวันเดียว เพราะความงี่เง่าของเจ้าทำให้เสียเวลาไปทั้งวัน” คุณชายหมิงจูหยิบค้อนทอง
“เราต้องสามัคคีกัน สามัคคีคือพลัง เราต้องผูกพันด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง...” เย่ว์หยางรีบคว้ามือของคุณชายหมิงจู
“ผูกพันด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง?” ฉีมู่ฟังแล้วทำไมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย?
“บัดซบ, ขุดหลุมเดี๋ยวนี้ เจ้าจะยืนบื้อไปถึงไหน?” คุณชายหมิงจูจับมือเย่ว์หยางและอุทานคำพูดที่เย่ว์หยางใช้ประจำโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่เขาได้ยินว่าให้ขุด คุณชายฉีมู่รีบถลกแขนเสื้ออย่างรวดเร็วและบอกว่าเขาจะเป็นคนขุดโปรดเหลือผลงานให้เขาได้สร้างไว้บ้าง ตอนนี้ฉีมู่เลิกคิดพิสูจน์สติปัญญากับสองปีศาจอย่างเย่ว์หยางและหมิงจู ก็ได้ เขาจะไม่ทำเรื่องโง่เกินไปจะได้ไม่ทำร้ายจิตใจพวกเจ้ามากเกินไป
ในไม่ช้าฉีมู่ขุดหลุมที่ลานบ้านน้อยถึงสิบหลุม
นี่ไม่ได้ใช้ฝังใคร
ไม่ใช่วันปลูกต้นไม้แห่งชาติ นี่เป็นหุ่นรบชนิดหนึ่ง
คุณชายหมิงจูลงมือทันทีเขาวางหินผลึกพลังงานและวัสดุในแต่ละหลุม
ขั้นตอนสุดท้ายส่งต่อให้เย่ว์หยางเขาเทโลหะหลอมปีศาจปริมาณต่างๆ ในแต่ละหลุมและวาดผังภูมิอักขระรูนน้อยใหญ่ในแต่ละหลุมอย่างประณีต
เหมือนกับมีดวงอาทิตย์ผุดจากพื้นในแต่ละหลุมเป็นดวงอาทิตย์น้อยๆ ที่โผล่ออกมาเปล่งรัศมีนุ่มนวล
ตอนแรกแสงยังไม่เจิดจ้า
แต่ในไม่ช้าแสงที่ฉายออกมาก็เจิดจ้ารุนแรงจนไม่สามารถมองได้
ฉีมู่ต้องใช้มือบังแสงสีทองข้างหน้าเขาเขาต้องการมองดูกระบวนการทั้งหมด แต่โชคไม่ดีที่ดวงตาของเขาไม่สามารถทนมองแสงแบบนั้นได้ เขาได้แต่รอให้แสงจางหายไปอย่างจนใจ รอจนแสงสว่างลดลงเขาพบว่าทั้งคุณชายหมิงจูและเย่ว์หยางทั้งคู่สวมแว่นตากันแดดสีดำคนละชุดขณะที่พวกเขามองดูกระบวนการในท่ามกลางแสงเจิดจ้าอย่างใจเย็น ฉีมู่โมโหทันที “มากเกินไปแล้วพวกเจ้ายังคงพูดว่าสามผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมข้าไม่มีของแบบนี้บ้าง?”
เย่ว์หยางหัวเราะ “ก็ข้าเพิ่งถามเจ้าหยกๆ แต่เจ้าปฏิเสธข้าก็เลยคิดว่าเจ้ามีความสามารถมองแสงเจิดจ้าได้!”
ฉีมู่แทบจะตบปากตนเอง
เมื่อครู่นี้เย่ว์หยางถามว่าจะให้ช่วยไหม? แต่ในเวลานั้นเขากระตือรือร้นจะพิสูจน์ความสามารถของตนเองและปฏิเสธความตั้งใจดีของเขาโดยตรง เขานึกว่ากำลังถูกหยอกล้อ เขาพลาดไปแล้ว!
เขารีบคว้าแว่นมาจากหน้าเย่ว์หยางและแปะเข้ากับดั้งจมูก และรู้สึกว่าดีขึ้น
ถึงตอนนี้แสงเจิดจ้าหายไปเกือบหมดแล้ว
เหลือแต่แสงสีทองเลือนลางอยู่ในหลุม
พื้นสั่นสะเทือนรุนแรงและหลุมใหญ่ทุกหลุมดูเหมือนมีบางอย่างกำลังทะลวงออกมา
แขนของหุ่นทลายพื้นดินออกมาและจากนั้นแขนหุ่นอีกข้างหนึ่งทลายพื้นดินออกมาพื้นทรุดลงทันทีปรากฏเป็นหุ่นรบยักษ์ระดับทอง มันขยับร่างออกมาจากพื้น ไม่แต่เพียงหลุมนี้ แต่หลุมอีกเก้าหลุมก็มีลักษณะอย่างเดียวกันหุ่นรบสิบตัวที่มีขนาดแตกต่างกันและมีระดับกำลังรบที่แตกต่างกันทลายพื้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
รอจนหุ่นรบตัวสุดท้ายขึ้นมาจากพื้นหุ่นรบทั้งหมดมารวมตัวพร้อมกัน
กลุ่มหุ่นรบก้าวออกมาข้างหน้าเหมือนกับอัศวินผู้ภักดีต่อราชา
และคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
พวกมันคุกเข่าต่อหน้าเย่ว์หยางคุณชายหมิงจูและคุณชายฉีมู่ที่ยืนตะลึง “อ๊า.. นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว!” ฉีมู่อยากอาเจียนหลายอย่างที่เห็นดูเหลือเชื่อ แต่เขาไม่เคยเห็นเรื่องเหลือเชื่อเช่นนั้น คนอื่นทำงานหนักหนาสาหัสแทบตายกว่าจะสร้างหุ่นรบได้สิ้นเปลืองทั้งหยาดเหงื่อและน้ำตาอย่างมากมายแต่นักเรียนไตตันยอดเยี่ยมเขาปลูกหุ่นรบในหลุมได้โดยตรง ด้วยวิธีนี้ช่างผู้สร้างหุ่นรบในหุบเขามนุษย์ยังจะมีชีวิตต่อไปได้หรือ? สิ่งนี้ไม่ใช่หัวไชเท้าจะปลูกขึ้นมาจากหลุมได้ยังไง?
ถ้าเป็นไปไม่ได้ มันถูกสร้างขึ้นมาโดยข้าหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่
แล้วเขาเองมีความสามารถยิ่งใหญ่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
แน่นอน เขาคืออัจฉริยะ!
ไม่ว่าฉีมู่จะคิดเรื่องนี้อย่างไร ก็หาคำตอบไม่เจอไม่มีทาง เขาต้องเชื่อว่าเขาคืออัจฉริยะที่มองไม่เห็น และยังไม่ถูกพบ