ตอนที่ 1080 โลหะหลอมปีศาจและความร่วมมือ
โรงเตี๊ยมเล็ก
เย่ว์หยางและฉีมู่เป็นเหมือนนักโทษนั่งอยู่ด้านตรงข้ามหมิงจู
การขัดขืนคงไม่ใช่เรื่องดีตราบเท่าที่ยังมองเห็นค้อนพิฆาตของอีกฝ่าย ไม่มีใครกล้าพอ
“ค้อนใหญ่นั่นใช้ทำอะไร?” เย่ว์หยางสะกิดถามคุณชายฉีมู่ ตามกฎสวรรค์ของหุบเขามนุษย์ไม่มีใครใช้อาวุธได้ แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่าค้อนใหญ่นี้สั่งการโดยคุณชายหมิงจู แม้มันจะไม่ได้รวมพลังกับเขาแต่ก็ถูกควบคุมด้วยความประสงค์ของเขา ไม่ใช่อสูรหุ่นที่ควบคุมให้โจมตีได้
“ความลับ เกราะลับ” ฉีมู่กระซิบบอกที่หูของเขา
“เกราะลับคืออะไร?” เย่ว์หยางถาม
“ข้าไม่รู้ เป็นคุณชายหมิงจูค้นคว้า กล่าวกันว่าใช้วิชาลับยุคโบราณโลหะหลอมปีศาจสร้างเป็นเกราะลับซึ่งได้รับการยอมรับจากหุบเขามนุษย์โดยปริยายแน่นอนว่ามีแต่เพียงเจ้าของเท่านั้นที่สามารถใช้ได้” ฉีมู่ตั้งข้อสังเกตว่าค้อนยักษ์นี้เป็นอาวุธที่ยิ่งใหญ่
“วิชาลับโลหะหลอมปีศาจ?” เย่ว์หยางตื่นเต้นในใจ เนื่องจากเงื่อนไขที่จำกัดเย่ว์หยางจึงไม่ได้ติดต่อโลหะหลอมปีศาจ
โลหะหลอมปีศาจซึ่งคล้ายกับเทพโลหะเหลวดาวตกแต่ยังมีความแตกต่างกันมาก
ทั้งสองมีความคล้ายกัน
นั่นคือเป็นของโลหะเหลวทั้งสองฝ่าย
ต่างจากโลหะหลอมปีศาจคืนสภาพเป็นของเหลวพิเศษหลังจากสร้างเสร็จ กล่าวอีกนัยหนึ่งมันสามารถตอบสนองหลังจากสร้างเสร็จแต่เทพโลหะเหลวดาวตกนั้นมีไม่พอ ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างทั้งสองก็คือ โลหะเหลวดาวตกเมื่อถูกสร้างแล้วจะเป็นของคุณภาพสูงส่งสมบูรณ์หากของวิเศษที่ผลิตไม่มีสำนึกรับรู้ มันจะสร้างจิตวิญญาณขึ้นโดยอัตโนมัติเทพโลหะเหลวดาวตกเป็นโลหะพลังงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกและมีคุณสมบัติใกล้กับสมบัติเทพอย่างไม่มีขีดจำกัด เทพโลหะเหลวดาวตกก็คือของเหลวสามารถหลอมรวมกับชิ้นของวิเศษได้อย่างไม่มีใดเทียบ
เทียบกับเทพโลหะเหลวดาวตกแล้วโลหะหลอมปีศาจยังมีคุณภาพด้อยกว่ามาก
มีการแบ่งความสูงส่งของคุณภาพ
โลหะหลอมปีศาจที่มีคุณภาพต่ำสามารถผลิตเพียงของคุณภาพต่ำและใช้เป็นของเหลวสำหรับซ่อมแซมของวิเศษบางอย่างแม้แต่โลหะหลอมปีศาจคุณภาพสูงสุดก็ยังมีระดับห่างไกลกับเทพโลหะเหลวดาวตก
ช่องว่างความห่างชั้นระหว่างทั้งสองนั้นเหมือนช่องว่างระหว่างทองเหลืองกับทองคำ
แน่นอนว่าแม้จะมีช่องว่างห่างจากเทพโลหะเหลวดาวตก โลหะหลอมปีศาจก็หาได้ยากมาก
เย่ว์หยางได้รับเทพโลหะเหลวดาวตกด้วยความบังเอิญ แต่เขาอยู่ในหอทงเทียนและแดนสวรรค์มานานแล้วอย่างไรก็ตามเขาไม่เคยได้รับเทพโลหะเหลวเช่นนั้น
“บุรุษตัวใหญ่สองคนสนใจกัดหูกระซิบกันคาดว่ามีเรื่องน่าสนใจนักใช่ไหม?” คุณชายหมิงจูสั่งเหล้าและอาหารให้เย่ว์หยางกับฉีมู่ส่วนตัวเขาเองไม่ต้องการกินเหล้า สั่งแค่น้ำผลไม้มาจิบดื่มอย่างพอใจในเวลาเดียวกันก็เตือนเย่ว์หยางและฉีมู่ให้พูดดังขึ้น อย่าพูดตามใจตัวเอง
“เรากำลังชื่นชมความมีน้ำใจของคุณชายหมิงจู ถ้าเจ้ากินอิ่มแล้วจะให้เราช่วยล้างเท้านวดไหล่หรือนวดทั้งตัวก็ยังได้” เย่ว์หยางลอบถอนหายใจ
“เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือ?” คุณชายหมิงจูยื่นมือไปที่ค้อนใหญ่
“ทันทีที่พบว่าเมื่อเจ้ากลับไปพักหลังอาหารแล้วนั่นก็ไม่เลว นอนเร็วตื่นแต่เช้า ทำให้สุขภาพดี” เย่ว์หยางกำลังหลั่งเหงื่อ
“ใช่ ใช่แล้ว เราต้องรักษาสุขภาพ ไปนอนพักเร็วๆ จะได้ตื่นแต่เช้า...”ฉีมู่หวาดกลัวจนตัวสั่นคาดว่าเขาคงโดนค้อนหวดมามากและมีผลเหมือนเงาที่ฝังอยู่ในจิตใจ ไม่มีทางสู้ พลังของค้อนนี้ในหุบเขามนุษย์มีพลังมากกว่าสมบัติเทพแม้ว่าจะมีคุณภาพระดับระดับทองเท่านั้นก็ตาม
“ไม่ มาแลกเปลี่ยนกันดีกว่า!” หมิงจูที่ขู่เย่ว์หยาง จู่ๆก็ยื่นข้อเสนอ “ข้าใช้วิชาโลหะหลอมปีศาจแลกกับเคล็ดสร้างปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า”
“ก็ดีเหมือนกันนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดทำให้พอใจกันทุกฝ่าย” ฉีมู่แตะมือเย่ว์หยางทำท่าบอกให้เขารับปาก
“เสียใจด้วย” เย่ว์หยางปฏิเสธ
“เจ้าโง่....” ฉีมู่ตกตะลึงในตอนแรกราวกับชาวโลกมองเห็นมนุษย์ดาวอังคารเดินบนท้องถนนและในที่สุดก็เห็นว่าเย่ว์หยางไม่ได้ล้อเล่น เขาถอนหายใจมีความรู้สึกเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม จากมุมมองของฉีมู่วิชาโลหะหลอมปีศาจของคุณชายหมิงจูเป็นสมบัติล้ำค่าใครก็ตามที่ได้รับ ก็เท่ากับได้หุ่นเกราะลับระดับทองและมีชุดเกราะลับปกป้องได้ตลอดเวลา แม้ว่าหุ่นเกราะลับระดับทองจะไม่ได้รับความนิยมเท่ากับหุ่นเกราะลับระดับทองประเภทอื่นแต่พลังการต่อสู้ของมันไม่ด้อยไปกว่าใครรวมทั้งอสูรไอพ่นของจงหัวนักรบทะเลของกัปตันคุ้กและหุ่นความแค้นของเจ้าชายของจีอู๋ลี่ก็ยังไม่อาจข่มอสูรเกราะลับได้
“เจ้าบอกเหตุผลข้าได้ไหม?” หมิงจูประหลาดใจแต่ก็ต้องการรู้เหตุผลที่เย่ว์หยางปฏิเสธจะแลกเปลี่ยน
“เรื่องง่ายมาก วิชาโลหะหลอมปีศาจของเจ้าข้าก็ทำได้เพียงแต่มีวัตถุดิบในการสร้างไม่พอ แต่การสร้างปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ นอกจากข้าแล้วไม่มีใครสามารถค้นคว้าวิจัยสร้างได้ แม้ว่าข้าจะบอกเจ้าหรือเปิดเผยให้ทุกคนในหุบเขามนุษย์รู้ก็ไม่มีใครเรียนรู้ได้”เย่ว์หยางอธิบายอย่างนั้น
“เจ้ามีความมั่นใจตัวเองมากพอจริงๆ” หมิงจูฟังคำพูดที่ดูหยิ่งของเย่ว์หยางก็ไม่โกรธ
“แค่ปากกาขนห่านเล็กๆ สามารถพัฒนาให้ถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ? นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องพัฒนาให้ไปถึงระดับศักดิ์สิทธิ์หรือ?” ฉีมู่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวอย่างคาดไม่ถึง
ฝีมือของเด็กน้อยไม่ได้ดีกว่ามันใช้ทำเงินได้หรือ?
แม้ว่าจะทำไปอย่างเสียเปล่าแต่ไม่น่าเสียเวลาทำปากกาขนนกที่ไร้ค่านี้!
หากเขาสามารถนำวิทยาการผลิตปากกาขนนกชั้นศักดิ์สิทธิ์ไปผลิตหุ่นรบหรือหุ่นอสูรก็จะได้หน้าเหมือนอย่างที่คุณชายจินฉีสร้างหุ่นรบแม่เหล็กจนได้รับคำชมหน้าบาน...สร้างของระดับศักดิ์สิทธิ์ได้เว้นแต่พวกมีสมองผิดธรรมดาในประวัติศาสตร์ก็อย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจักรพรรดิอวี้จ้านฟง...นอกจากนี้คนเหล่านี้ล้วนมีชื่อเสียงทั้งนั้นพวกเขาสามารถสร้างหุ่นรบระดับศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ?
ในโลกนี้สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์อาจปรากฏขึ้น
อสูรอาวุธ อะไรๆ ก็ล้วนเป็นไปได้
แต่อย่างไรก็ตามมีแต่เพียงหุ่นรบไม่มีสติปัญญาไม่มีจิตสำนึกวิญญาณ เกือบทั้งหมดยากจะไปถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ อสูรหุ่น อสูรรบเป็นไปไม่ได้ที่จะยกระดับ พวกมันจะต้องถูกสร้างให้มีสำนึกจิตวิญญาณจึงจะไปถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ได้
นี่แหละคือจุดยาก
จีอู๋ลี่ที่เป็นนักสู้ระดับกึ่งเทพใช้ความพยายามอย่างหนักสร้างหุ่นแค้นของเจ้าชายก็ยังทำได้เพียงระดับแพลตตินัม
ระดับแพลตตินัมห่างจากระดับศักดิ์สิทธิ์ราวฟ้ากับดินจะเลื่อนจากระดับแพลตตินัมไปเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ยากเป็นแสนเท่าเหมือนกับปีนป่ายขึ้นไปบนยอดเขาแล้วไม่มีทางบินได้! ถ้าไม่ใช่เพราะประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าพูดว่าเย่ว์หยางมีความสามารถเปลี่ยนขนนกให้เป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างนั้นฉีมู่จะไม่มีทางเชื่อเลย
ไม่มีทางที่ปากกาขนนกที่ไม่มีคุณภาพอะไรจะใส่สำนึกวิญญาณและยกระดับไปได้ถึงระดับศักดิ์สิทธิ์
แค่คิดก็รู้สึกสยองเสียแล้ว
นี่คือปาฏิหาริย์ที่สร้างขึ้นโดยพลังเทพ
นอกจากนี้ไม่มีคำอธิบายอื่น
“มันง่ายสำหรับข้า สำหรับเจ้า บางทีเจ้าค้นคว้าจนหมดรุ่นเจ้าอาจค้นคว้าไม่ได้อะไรเลย” เย่ว์หยางยิ้ม เพราะเหตุนี้เขาไม่สามารถสอนได้โดยไม่เห็นทุกอย่างผ่านจักษุญาณทิพย์ ไม่มีสนามพลังสร้างโลกไม่มีเทพอัญมณีสร้างโลก ไม่มีกระแสพลังเทพปั่นป่วนและไม่มีความเชี่ยวชาญของกฎสวรรค์น้อย ไม่มีความรู้ตกทอดจากมารดาไม่มีแกนพลังที่ได้จากวงเวทอักขระรูนยักษ์ลอยฟ้าและไม่มีพื้นฐานจากสารานุกรมหุ่นของเย่ว์กงไม่มีผังแบบหุ่นรบทองสองแบบที่บันทึกไว้ในโลงทองโบราณ อาวุธเทพร่างอสูรเทาเถี้ยและการรวมตัวของแมงป่องดาวฟ้าที่ไม่เพียงแต่ค่อยๆ เลื่อนระดับช้าๆ แต่ต้องสร้างพื้นฐานไปทีละขั้น ไม่อย่างนั้นเย่ว์หยางคงสร้างปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เป็นแน่
อาจกล่าวได้ว่าประสบการณ์ของเย่ว์หยางก่อนหน้านั้นและความสามารถอัจฉริยภาพส่วนบุคคลทำให้พบวิธีสร้างของเขา
สิ่งที่เขาครอบครองนั้นจะขาดไปไม่ได้สักอย่าง
เปลี่ยนเป็นคนอื่น
อย่างฉีมู่หรือหมิงจูยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเลียนแบบเย่ว์หยาง
“ไม่ต้องสนใจว่าข้าทำได้หรือไม่เจ้าแค่แสดงขั้นตอนการผลิต แสดงรายละเอียดอีกครั้ง อา.. ใช่แล้ว เราร่วมมือกันเราร่วมมือซึ่งกันและกัน เจ้าใช้วิธีลับสร้างปากกาขนนกศักดิ์สิทธิ์ ข้าจัดหาวัสดุทำโลหะเหลวปีศาจและให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นบางอย่าง เรามาวิจัยร่วมพัฒนาเกราะลับศักดิ์สิทธิ์กันเป็นไง?” หมิงจูสนใจสร้างหุ่นรบชั้นศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
“ร่วมมือ? ถ้าเจ้าสร้างหุ่นรบระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องใช้โลหะเหลวปีศาจในปริมาณที่มากขึ้น” เย่ว์หยางรู้สึกว่าการร่วมมือครั้งนี้เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่ายสำหรับคนที่กระตือรือร้นได้รับวัตถุดิบหายาก นี่เหมือนกับฝนตกได้ถูกเวลาในฤดูร้อน
“โลหะหลอมปีศาจไม่ต้องกังวลมีที่คุณภาพดีจนถึงระดับทองแต่อย่างคุณภาพบรอนซ์ หรือเงินก็มีมากเท่าที่เจ้าต้องการ บอกตามตรงโลหะหลอมปีศาจคุณภาพต่ำ ที่ข้าผู้เชี่ยวชาญใช้วิชาลับผสมขึ้นมา”คุณชายหมิงจูไม่รู้ว่าเอาพัดกระดาษออกมาจากไหนจากนั้นคลี่โบกพัด และมองดูดวงตาที่ประหลาดใจของเย่ว์หยางหมิงจูรู้สึกว่าความหงุดหงิด ความไม่พอใจหายไปเหมือนได้ดื่มน้ำเย็นในฤดูร้อน
“มันเยี่ยมมาก” เย่ว์หยางจับมือคุณชายหมิงจูเขย่า และทำท่าจะไม่ยอมปล่อย
“เจ้าคิดอย่างนั้นไหม?” หมิงจูมองไปทางฉีมู่
“ข้าตาบอด มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” ฉีมู่ร่ำร้องในใจว่าแย่แน่ เมื่อใดก็ตามที่หมิงจูยิ้มอย่างนี้ให้เห็นนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ น่าเสียดาย สายเกินไป วินาทีต่อมาหมิงจูเงื้อค้อนทุบเย่ว์หยางลงกับพื้น
“ซวยเป็นบ้า ในเมื่อตัดสินใจจะร่วมมือกัน ต่อให้ไม่ชนแก้วดื่มกันนี่ต้องลงมือใช้ค้อนด้วยหรือ?” เย่ว์หยางโมโหพลางยกมือคลำศีรษะ
“อา..ข้าเผลอตัว” หมิงจูขอโทษโดยไม่แสดงท่าทางอะไร
“เราคุณชายจะสู้กับเจ้า!” เย่ว์หยางลุกขึ้นได้ก็กระโจนหาหมิงจูและใช้กรงเล็บมังกรในตำนาน
ปัง ปัง ปัง...ค้อนทองหวดลงอีกครั้งไม่สามารถต้านทานได้
เย่ว์หยางถูกหวดลงไปนอนกับพื้นโดยตรง คุณชายหมิงจูนั่งอย่างเกียจคร้านไม่ขยับเขยื้อน แต่มือซ้ายควบคุมค้อนทองควงไปมาอย่างสบาย ฉีมู่แอบอยู่มุมหนึ่งหวาดกลัวจนหลั่งเหงื่อพรั่งพรูเขายกมือยอมจำนนกลัวว่าหมิงจูจะทุบเขาไปด้วย
หลังจากตัดสินใจร่วมมือแล้วความคิดเห็นที่หมิงจูมีต่อเย่ว์หยางเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอีกเล็กน้อย
ถ้าเย่ว์หยางไม่ใช้วิชากรงเล็บมังกรในตำนาน(ท่าขยำอก) ค้อนทองของหมิงจูคงไม่หวดลงที่ศีรษะของเขาได้ง่าย
“ก่อนอื่น,เจ้าต้องเอาชนะการแข่งขันพิธีประเมินคะแนนชีวิตของนักเรียนใหม่ให้ได้เสียก่อน จึงจะอยู่ในระดับที่ไล่ตามจีอู๋ลี่เท่าที่เป็นไปได้” คุณชายหมิงจูแนะนำเย่ว์หยาง “พูดตามตรงก็คือในตอนนี้ เจ้าไม่อาจสู้กับจีอู๋ลี่ได้ เราต้องให้ความสนใจผู้ชนะเลิศมือใหม่ อาจดูเหมือนว่าไม่ยากเกินไป แต่ถ้าเจ้าคิดว่าหุ่นรบแม่เหล็กของจินฉีเป็นหุ่นรบที่ดีที่สุดเจ้าก็คิดผิด บางทีเจ้าอาจไม่รู้ผู้ที่เกิดใหม่พร้อมกับจีอู๋ลี่ คนหนึ่งเรียกว่าว่านหมอ อีกคนหนึ่งชื่อหลานฟงพวกเขาเป็นเจ้าตำหนักของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทุกคนเป็นพันธมิตรผู้ภักดีของจีอู๋ลี่ทุกคนเพื่อหลีกเลี่ยงการแย่งตำแหน่งที่จำกัดกับจีอู๋ลี่และเพื่อพัฒนาก่อนการแข่งขันพวกเขาเตรียมหุ่นรบโลหิตและหุ่นรบเพลิงพิโรธไว้ในพิธีประเมินคะแนนชีวิตเพื่อให้ได้ตำแหน่งชนะเลิศครั้งที่สอง”
“หุ่นรบโลหิตและหุ่นรบเพลิงพิโรธ?” เย่ว์หยางเมื่อได้ยิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“หุ่นรบเพลิงพิโรธความจริงก็คือธาตุไฟ แต่ข้าไม่เข้าใจว่ามันกลับกลายเป็นสถานะหุ่นรบได้อย่างไร?” ฉีมู่ว่าเขาเคยเห็นหุ่นรบเพลิงพิโรธที่ผลิตสำเร็จมาแล้ว
“คาดว่าคงเป็นหุ่นรบสายธาตุองค์ประกอบ แต่คิดว่าคงจะเสริมโครงหุ่นที่ควบคุมบางส่วนได้เข้าไปบางส่วนและข้อมูลของเรายังไม่บริบูรณ์ อย่างไรก็ตามหุ่นรบโลหิตสร้างขึ้นโดยว่านหมอมีข้อมูลออกมาเช่นนั้นจริงๆ นั่นคือหุ่นที่มีส่วนประกอบของเลือดและเนื้อจริงๆ แม้ว่าจะไม่สามารถยืมพลังงานของร่างกายมนุษย์ได้เช่นกัน แต่ด้วยการควบคุมของร่างกายมนุษย์พลังการต่อสู้ที่หุ่นรบแสดงออกมาอาจมากกว่าหุ่นระดับเดียวกันถึงสิบเท่า ในแง่การควบคุมและพลังต่อสู้หุ่นเลือดเนื้อบางทีไม่เป็นรองเกราะลับของข้า นอกจากนี้อสูรหุ่นเลือดเนื้อสามารถผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก” เมื่อหมิงจูเอ่ยถึงหุ่นเลือดเนื้อเขาอดเลิกคิ้วที่งดงามไม่ได้เหมือนกับว่าเขารังเกียจหุ่นเลือดเนื้อที่มีความโหดอำมหิต
“นอกจากหุ่นรบเลือดเนื้อและหุ่นรบเพลิงพิโรธแล้วยังมีสิ่งที่น่าสนใจอย่างอื่นอีกไหม?” เย่ว์หยางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและถามอีกครั้ง
“ก็ยังมีหุ่นรบอีกสองสามประเภทแต่ละตัวมีลักษณะการทำงานเฉพาะของตนเองและข้อมูลยังคงถูกรวบรวมแล้วจะมอบให้กับเจ้าภายหลัง!” ฉีมู่บอกเย่ว์หยางตามความเป็นจริง ครั้งนี้หลังจากจีอู๋ลี่ได้ตำแหน่งชนะเลิศไปแล้ว มีหลายคนพยายามจะเอาชนะเป็นผู้ชนะเลิศให้ได้ มีพี่น้องที่ซ่อนตัวหลายคนถูกส่งเข้ามาเพื่อแข่งขันชนะเลิศให้ได้
“เวลาเหลือให้ข้าน้อยเกินไป..”
เย่ว์หยางถอนหายใจเบาๆ
โชคดีที่ข้อมูลในตัวเขาเองยังไม่รั่วไหลออกไป และยังมีจงหัว,ฉีมู่และหมิงจูคอยช่วยเหลือหรือมีผู้สนับสนุนอย่างเริ่นเทียนเกอ บัณฑิตตาเงินทำให้การต่อสู้ครั้งนี้สามารถสร้างชื่อได้
ยิ่งเวลาน้อยก็ยิ่งดีเพราะทันทีที่สร้างชื่อเสียงได้ ศัตรูจะให้ความสนใจมากเป็นร้อยเท่า และเขาคิดว่าตอนนี้จะค้นคว้าและพัฒนาได้อย่างสงบ
เขาเกรงว่าอาจเป็นไปไม่ได้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีอู๋ลี่ผู้มีความรู้สึกถึงวาระวิกฤตอย่างกล้าแข็งได้ ทันทีที่เขาพบว่ามีการโดดเด่นขึ้นมาของเย่ว์หยาง ต้องมีผลกระทบแน่นอน
ฉีมู่และหมิงจูไม่ทราบว่าโครงการสร้างหุ่นรบบินและหุ่นรบแปลงร่างที่พัฒนาโดยเย่ว์หยางนั้นค่อนข้างน่ากังวลสำหรับเขา ถ้าเวลาของการร่วมมือถูกผลักดันมาที่เย่ว์หยางที่เพิ่งเข้ามาในหุบเขามนุษย์จากนั้นต้องเอาชนะเลิศในพิธีประเมินคะแนนชีวิตจากการประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเกราะลับโลหะหลอมปีศาจระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบสองเดือนเหลือเวลาอีกเดือนเดียวเขาจะทำได้อย่างไร?
ฉีมู่เกาศีรษะอยู่นาน แต่ในที่สุดเขาก็ยังหาวิธีคลี่คลายไม่ได้
คุณชายหมิงจูขมวดคิ้ว แต่จู่ๆ ก็ยิ้มออกทันที “ข้าคิดว่ามีวิธี แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันใช้ได้หรือเปล่าแต่ก็คุ้มค่าน่าลอง!”