ตอนที่ 1069 ไม่มีเสียงขณะนี้
หลังจากเย่ว์หยางกลับมายังปราสาทไดมอนด์สตาร์แล้ว...เขาไม่รอพ่อบ้านตู้ลี่ แต่ตรงเข้าไปในโลกคัมภีร์ทันที
กลุ่มคนที่ติดตามหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟจะได้รับการจัดการอย่างไรเขาเชื่อว่าพ่อบ้านตู้ลี่และแม่ครัวซูซานจะจัดการได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางการจับตาของศัตรูที่มีความโลภพวกนางยังจัดการปัญหาทั้งภายในและภายนอกได้ ทำให้ในช่วงเวลาสิบปีมีรายได้ที่ทรงตัว ทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ในปราสาทไดมอนด์สตาร์ได้อย่างโดดเด่นเช่นนั้นเย่ว์หยางยังต้องกังวลอะไรอีก?
หากมีปัญหาใดก็ปล่อยให้พวกนางจัดการเท่าที่พวกนางจะทำได้!
เมื่อได้ยินเย่ว์หยางเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเหมือง เย่ว์หวี่ที่มีจิตใจดีงามรู้สึกเห็นใจคู่สามีภรรยาและทารกลูกของพวกเขาเช่นกัน
เซี่ยอีผู้เคยพบเจอสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้มาก่อนที่ป้อมสายฟ้าก็พยักหน้าเห็นด้วยกับการเลิกสถานะทาสของเย่ว์หยาง นางรู้ว่าไม่มีอะไรแย่ไปยิ่งกว่าชีวิตของทาสในโลกนี้ ไม่มีอะไรสิ้นหวังยิ่งกว่าชีวิตของทาส
ไม่ต้องพูดอะไรมากไปกว่านั้นการเลิกทาสของเย่ว์หยาง..สร้างคะแนนนิยมในใจเซี่ยอีมากขึ้นเป็นพิเศษ
แม้ว่าปากนางจะแข็งและหาเรื่องทะเลาะกับเขาบ่อยครั้ง
แต่เมื่อเย่ว์หยางทำสิ่งนี้นางอดรู้สึกภูมิใจในตัวเขามิได้
“ถ้าจงหัวไม่ได้ไป อย่างนั้นเจ้าก็ลงมือได้ก่อน!” หุบเขามนุษย์ไม่สามารถใช้กำลังวิทยายุทธ์ได้ โล่วฮัวกังวลเกี่ยวกับสถานะของเย่ว์หยาง
“ก็ไม่ถึงกับพ่ายแพ้ แต่แกล้งแสดงสถานะเจ้านายที่สูงส่งไม่น่าจะช่วยชีวิตผู้คนได้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหยอกเขาอย่างอารมณ์ดีนางเองก็ยกย่องการกระทำของเย่ว์หยางในวันนี้
“แม้ว่าเจ้าไม่ต้องเปิดเผยพลังลับของสองพี่น้องอาเหยา-หยู อาวุธเทพร่างมนุษย์ของเขา แต่ก็ควรจะเอาเทาเถี้ยและแมงป่องดาวฟ้าติดตามไปด้วย พวกมันพอว่างไม่มีอะไรทำก็นอนหลับเกียจคร้านตลอดทั้งวัน หนุ่มน้อย!ถ้าเจ้าไม่เรียกใช้พวกมันบ้าง เดี๋ยวพวกมันจะลืมตัวว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน” อี้หนานอารมณ์ดีแต่เพื่อความสงบสุขของเย่ว์หยาง นางอดใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบเขาหยอกล้อเขามิได้ หุบเขามนุษย์ไม่สามารถใช้พลังยุทธ์หรือพลังเทพยุทธ์ได้ พลังกฎสวรรค์ทำให้ผู้คนในหุบเขาต้องพึ่งพาเครื่องมือมากขึ้น กฎสวรรค์พยายามรักษากฎระเบียบทางสังคมแบบคนธรรมดาไม่อนุญาตให้มีพลังอื่นนอกจากนั้น ห้ามมิให้ทำลายความคงอยู่ของหุบเขามนุษย์
เย่ว์หยางได้ทดสอบมาแล้วหากต้องการใช้พลังยุทธ์ จะทำได้ต่อเมื่อเขาทำได้มากกว่ากฎสวรรค์โบราณ
มิฉะนั้นก็ใช้ไม่ได้
ต่อให้เขาต้องใช้หุ่นอสูรรบ เขาต้องได้รับอนุญาตจากสำนึกที่ยังหลงเหลือของรูปปั้นเทพแห่งสงคราม
ขณะเดียวกันผู้มีหุ่นอสูรรบไม่สามารถโจมตีผู้อื่นโดยพลการได้ พลังของอสูรหุ่นจะมีผลก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเป็นอันตรายต่อการดำรงอยู่ของพวกเขาหรือแย่งชิงผลประโยชน์ของตนเพื่อสร้างอำนาจอิทธิพลและฝ่าฝืนกฎหมาย หุ่นอสูรของหุบเขามนุษย์ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อปล้นทรัพย์ แต่ในทางกลับกันวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของการสร้างของพวกเขา... เพื่อปกป้องความปลอดภัยในชีวิตความมั่งคั่งส่วนบุคคล และดำเนินกิจการงานตามปกติของหุบเขามนุษย์
อย่างไรก็ตามไม่ว่ากฎจะเข้มงวดเพียงไหนก็ย่อมมีช่องโหว่
เพียงแต่
ค้นพบและนำมาใช้
ในหุบเขามนุษย์นี้ไม่สามารถอัญเชิญคัมภีร์ได้ อสูรพิทักษ์ก็ไม่สามารถเรียกออกมาได้แม้แต่อสูรหุ่นที่ทำสัญญาก็ยังเรียกใช้ไม่ได้ง่ายๆ ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างคนธรรมดาในสังคมคนธรรมดา
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทดสอบและพบว่ายังมีพื้นที่ช่องโหว่ในหุบเขามนุษย์
ตัวอย่างเช่นอาวุธเทพร่างมนุษย์ อาวุธเทพร่างอสูร และอาวุธเทพร่างเทพหายากที่สุดแม้แต่ในแดนสวรรค์บน
อาวุธเทพร่างเทพ,ร่างมนุษย์, ร่างอสูร
ไม่สำคัญว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน ในหุบเขามนุษย์พวกเขาจะถูกจำแนกว่าเป็น ‘อาวุธ’ หรือ ‘เครื่องมือ’
สิ่งที่ไม่สอดคล้องกับหุ่นอสูรได้แก่อาวุธเทพร่างมนุษย์ อาวุธเทพร่างอสูรอาวุธเทพร่างเทพมีสติปัญญาและปณิธานเป็นของตนเอง พวกเขาเป็นอาวุธที่มีปัญญาเป็นเครื่องมือที่ฉลาดมีบุคลิกภาพเป็นของตนไม่ใช่หุ่นอสูรที่ใครๆ ก็ใช้งานได้
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง
ในมือของเย่ว์หยาง ดาบเทาเถี้ยแมงป่องดาวฟ้า และอสูรทองน้อย (ทงเทียน) สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่อิคคาซึ่งมีชีวิตเชื่อมกับเย่ว์หยางไม่สามารถเรียกออกมาได้เหมือนพวกมัน สองสาวมังกรอาเหยา อาหยูไม่ว่าพวกนางจะอยู่ในร่างมนุษย์หรือในอาวุธเทพร่างมนุษย์ซึ่งกลายสภาพเป็นอาวุธติดปีกพวกนางสามารถเคลื่อนไหวในหุบเขามนุษย์ได้อย่างอิสระและพลังการต่อสู้ของพวกนางไม่ได้ลดลง... เย่ว์หยางไม่ต้องการพาพวกนางออกมาเพราะเขาไม่ต้องการดึงดูดความสนใจ ดังนั้นจึงให้พวกนางอยู่ในโลกคัมภีร์เพื่อเรียนรู้จากคนอื่น
“ถ้าพวกนางไม่พา ภูตน้อยหลิงหลิงมาด้วยก็ดีหรอกสาวงามโล่วฮัวรู้สึกว่าไม่ดีเลยที่เย่ว์หยางไม่ตอบสนอง
หลิงหลิงที่นางพูดถึงก็คือภูตนำทางโบราณสหายสนิทของตั่วตั่ว
สิ่งมีชีวิตธาตุโลหะที่ยอดเยี่ยมซึ่งบินออกมาจากโลงทองโบราณ
นางซ่อนตัวอยู่หลังตั่วตั่วพอได้ยินโล่วฮัวพูดถึงนาง นางร้องหวาดกลัวทันทีนางกลัวเย่ว์หยางราวกับว่าเป็นเสือตัวใหญ่ที่จะกินนางเมื่อใดก็ได้
ช่างเถอะ ถ้าเขาต้องพึ่งนางเขาพึ่งเจ้าอ็อพติมัส ไพรม์และเจ้าเมกะทรอนดีกว่า
ยังไงพวกมันก็ยังช่วยขุดเหมืองป่นศิลาได้
“ไม่, วันนี้ ข้าอยู่ในเหมืองแร่ บังเอิญพบความลับอย่างหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ” เย่ว์หยางใช้ความรู้สึกส่งลงไปที่เบื้องล่างพื้นพิภพผ่านผังภูมิอักขระรูนโบราณเมื่อรวมพลังงานที่ยุ่งเหยิงเข้าด้วยกันเขาพบว่าหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟมีร่างกายเสมือนสิ่งมีชีวิตแต่สิ่งที่แน่นอนก็คือการกระทำแบบเดียวกันนั้น ไม่อาจทำได้ในแดนสวรรค์ แม้ว่าจะสามารถสร้างยักษ์หินภูเขาไฟได้ แต่จะไม่มีร่างที่เสมือนสิ่งมีชีวิตซึ่งพอตื่นขึ้นมามีลักษณะใกล้เคียงกับจิตสำนึกของมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์หรือหอทงเทียน
หุ่นอสูรไม่สามารถสร้างสำนึกได้เว้นแต่จะมีพลังสูงกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์
ในหุบเขามนุษย์นั้นเย่ว์หยางพบสถานะที่แปลกประหลาดนานแล้ว...นั่นคือทหารรับจ้างและทหารประจำการหรือแม้แต่คนธรรมดาก็สามารถควบคุมหุ่นนักรบและอสูรหุ่นได้
หุ่นรบไม่มีสติไม่อาจเลือกเชื่อฟังเจ้านายโดยเฉพาะได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมด้วยคำสั่งที่ซับซ้อน
แม้ว่าจะไม่มีสำนึกอัตโนมัติ แต่ต้องมีร่องรอยแห่งสำนึกที่ทำให้อสูรหุ่นและหุ่นนักรบรับฟังคำสั่ง
นี่เป็นเรื่องที่น่าสงสัย
หลังจากสังเกตเห็นการต่อสู้ระหว่างทหารเฝ้าเหมืองกับทหารรับจ้างที่เหมือง เย่ว์หยางได้ทดสอบส่วนตัวและประสบความสำเร็จในการสร้างร่างเสมือนของยักษ์หินภูเขาไฟอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
ยักษ์หินภูเขาไฟนี้ไม่ใช่มีความคิดของตนเองแต่เหมือนกับมีความปั่นป่วน
แต่มันสามารถปฏิบัติตามคำสั่งที่เย่ว์หยางมอบให้อย่างซื่อตรงแม้ว่าคำสั่งจะซับซ้อนก็ตาม มันก็ทำได้อย่างเป็นระเบียบโดยไม่สับสน
“ยักษ์หินภูเขาไฟจะมีสติสำนึกของตนเองได้หรือ? แม้ว่าจิตสำนึกจะไม่เป็นอิสระ แต่นับว่าเป็นการค้นพบที่ดี” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสนใจทันทีที่ได้ยินข้อมูล ควรทราบว่าในความสามารถทั้งหมดที่เย่ว์หยางทำได้ดี อักขระรูนเป็นความสามารถพิเศษของเขานี่เป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่นที่จะฉายผังภูมิอักขระรูนลงบนพื้นเพื่อสร้างหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟโดยตรง อย่างนั้นในหุบเขามนุษย์นี้เย่ว์หยางจะสามารถสร้างกองทัพหุ่นได้ไม่รู้จบและหุ่นอสูรแต่ละตัวก็จะไม่ด้อยไปกว่าหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟตนแรก!
“สร้างดินให้กลายเป็นหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟ หากเจ้าฉายผังภูมิอักขระรูนในที่อื่นจะเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพลังอักขระรูนในหุบเขามนุษย์จึงไม่ลดลงแต่กลับให้ผลที่มากขึ้น?” อู๋เหินที่เงียบมาตลอดเอ่ยด้วยความสงสัย
“ค้นพบการสร้างหุ่นอสูร...อาจเป็นหนึ่งในความลับของชีวิตในหุบเขามนุษย์ที่จำเป็นต้องเข้าใจให้ชัดเจน” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหน้าผ่องใสเหมือนกับเกิดภูมิปัญญา
“ที่ข้างนอกหุ่นนักรบเกือบทั้งหมดทำจากวัตถุที่เป็นโลหะถ้าธาตุดินสามารถสร้างเป็นหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟ องค์ประกอบธาตุอื่นๆ เช่นน้ำ ลม ไฟก็น่าจะหาวิธีสร้างได้สำเร็จ” นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกว่าเย่ว์หยางน่าจะสร้างหุ่นอสูรด้วยองค์ประกอบธาตุอื่นๆได้สำเร็จ
“หือ?” อี้หนานตอบสนองทันที “ถ้าสร้างยักษ์น้ำยักษ์ลมและยักษ์ไฟอย่างนั้นพวกมันมิไร้เทียมทานหรือกหรือ? พี่เทียนฟาสร้างสายฟ้าจากพลังกฎฟ้าถ้าเจ้าสร้างยักษ์สายฟ้าได้ ใครจะสู้เจ้าได้ในหุบเขามนุษย์แห่งนี้?”
“เจ้าช่างกล้าคิดจริงๆ!” เย่ว์หยางพูดอย่างมีความสุข
ความจริงเขาคาดเดาได้ว่าพลังควบคุมในหุบเขามนุษย์มีความสมดุลเป็นหลัก
ยักษ์หินภูเขาไฟจึงถูกสร้างได้
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เทียบเท่ากับทะลวงช่องโหว่ของกฎสวรรค์คล้ายกับปลั๊กอินในเกมคอมพิวเตอร์ สามารถใช้ไปได้เรื่อยๆจนกว่าจะถูกเจอและถูกแบนในที่สุด ถ้าใช้ในขนาดไม่ใหญ่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของหุบเขามนุษย์เชื่อว่าไม่น่าจะสัมพันธ์กัน
ภายในกฎสวรรค์ไม่สำคัญว่าใครจะหาช่องโหว่เล็กน้อยได้หรือไม่
ที่สำคัญจะต้องไม่ใช้ช่องว่างนั้นเกินงาม
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเย่ว์หยางทุกคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แม้ว่าเย่ว์หยางจะคาดเดาไม่ถูกก็ตาม แต่ความเสี่ยงในการถูกกีดกันตามกฎสวรรค์ ทำให้ทุกคนไม่ต้องการเสี่ยง
“แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างอิทธิพลมากเกินไปจนหุบเขามนุษย์เสียสมดุล” เย่ว์หวี่คาดว่าการพบวิธีสร้างสามถึงสี่อย่างไม่ควรเป็นปัญหาใหญ่เกินไป
“มีแค่สามหรือสี่คำ ยังน้อยเกินไป...เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้องค์ประกอบธาตุต่างๆ มันไม่เคยถูกใช้ในหุบเขามนุษย์ มีแต่หุ่นรบเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในหุบเขามนุษย์ ไม่สามารถเอาออกไปใช้ในแดนสวรรค์ได้” โล่วฮัวมีความรู้สึกว่าเย่ว์หยางน่าจะทำได้ ดังนั้นนางพบว่าเย่ว์หยางน่าจะสร้างสักหลายหมื่นจากนั้นขนออกไปข้างนอกก็จะกลายเป็นกองทัพที่ทรงอำนาจ
“ไม่จำเป็นต้องสร้างหุ่นเป็นกองพะเนินเก็บไว้ในโกดังขนาดนั้น ทำไมไม่สร้างหุ่นอสูรในหุบเขามนุษย์เพื่อไขความลึกลับที่แท้จริงของสำนึกอย่างง่ายๆ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวอย่างนั้น
“ค้นคว้าวิจัยออกมาได้ อาจได้รางวัลตามกฎ!” อี้หนานตื่นเต้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ไชโย!” สาวน้อยเย่ว์ปิงดูเหมือนมองเห็นความสำเร็จของพี่ชายนาง
“ถ้าจะให้ดีขุดดินของหุบเขามนุษย์กลับไปหอทงเทียนจากนั้นก็สร้างหุ่นนักรบที่คล้ายกับยักษ์หินภูเขาไฟก็ได้!” เป่าเอ๋อจินตนาการเตลิด
“พวกเจ้าไปนอนกันได้แล้ว!” นางเซียนหงส์ฟ้าใช้อำนาจจักรพรรดิแดนดินสั่งการถ้าเด็กสาวพวกนี้ไม่ไปนอน พวกนางคงพูดจาเหลวไหล ตอนนี้เป็นเวลาละเล่นของผู้ใหญ่ เด็กๆ ไม่เกี่ยว พอนางพญาแสดงอำนาจพวกเด็กสาวต่างแอบแลบลิ้นด้วยความตกใจยอมถอยสองก้าวคาดว่าคงกลับไปทะเลาะกันที่เตียงนอนอีกกว่าจะหลับกันได้
“เราอยู่ก็ไม่ช่วยอะไร กลับไปพักผ่อนบ้างดีกว่า” ราชันย์ปีศาจใต้ไปพร้อมกับโล่วฮัว
ไม่ใช่แค่สองคนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจุ้ยมาวอี้และเซี่ยอี
นางเข้าใจว่าเวลาครั้งต่อไปต้องมอบให้เย่ว์หยางได้พิชิตองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เมื่อเห็นว่าเย่ว์หวี่และอู๋เหินไปแล้วองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชูกำปั้นบ่นว่าทุกคนเล่นไม่ซื่อ และโยนนางให้หมาป่าอย่างเย่ว์หยาง
นางยังไม่พูดอะไรก็ถือโอกาสทุบเขาไว้ก่อน “หัวเราะอะไรคิดว่าไม่รู้หรือว่าเจ้าคิดอะไรอยู่?”
ทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ของนางไม่สามารถทำร้ายใครได้
เย่ว์หยางน้ำตาคลอ
โชคดีที่แม่เสือสาวผู้ถือดีจะดุร้ายกับเย่ว์หยางตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้นพอทุกคนไปแล้วนางถึงเลิกดุร้าย บางครั้งก็ค่อนข้างอ่อนโยน “หน้าโง่ ทำไมเจ้าไม่หลบ? ช่างเถอะข้าไม่ได้ใช้กำลังสักหน่อย เจ้ายังแกล้งทำเป็นตายอีกหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าตอนที่เจ้าหัวเราะนี้น่าหมั่นไส้ขนาดไหน ถ้าสาวหิมะอยู่ด้วยคงสงเคราะห์เจ้าหนึ่งหมัด... ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ข้าไม่สามารถหลอมรวมประสานกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้ ก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากเจ้า เป็นเพราะข้ากำลังมองหาพี่หวี่ นางจึงขอร้องแกมบังคับ นี่ถึงทำให้เจ้ามีโอกาส!”
เย่ว์หยางไม่พูดอะไรสักคำแค่ดึงมือแม่เสือสาวมากุมเบาๆ
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูด!
ไม่ได้ยินหรือว่าไม่มีใครกระซิบกันในเวลากลางคืน นี่เป็นเวลาไม่มีเสียง
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าตัวร้ายเข้ามาใกล้และประกบปากลงช้าๆนางใช้มือปิดป้องด้วยความอาย “เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ เจ้าจะทำอะไร? เจ้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่พูดแล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าจูบหรือ?”
เย่ว์หยางไม่พูดแต่มือของเขาไม่ทราบว่าโอบไหล่นางตั้งแต่เมื่อใด เขาหายใจรดหน้านางทำให้นางรู้สึกร้อนเล็กน้อย นางอาย และรู้สึกอ่อนแรง ดวงตาที่งดงามของแม่เสือสาวพร่าแล้วค่อยปิดลงมือของนางผลักไสเขาไปได้ครึ่งหนึ่ง แต่ในใจวาดหวังว่าเขาจะเข้ามาใกล้มากกว่านี้ นางอภัยให้ตัวร้ายที่น่าโมโห ไม่ว่าเขาจะน่ารังเกียจขนาดไหนมาก่อนแต่ตอนนี้เขาอ่อนโยน
บางทีนี่อาจเป็นดาวข่มที่นางต้องทุบตี
เขาเคยเอาเปรียบนางไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยายามอย่างหนักหาข้ออ้างให้ตนเองนางค้นหาข้ออ้างก่อนที่เขาจะจูบนาง .. ถูกแล้ว ท้ายที่สุดนางไม่ต้องการหาข้ออ้าง นางยอมรับว่าต้องการจูบเขาจริงๆ... ในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้านี่ทำให้ชีวิตนางแย่ เกลียดนักเกลียดคนทึ่ม
นางอ้าปากต้องการจะกัดปากเย่ว์หยางเป็นการลงโทษ
คาดไม่ถึงเลยว่าเย่ว์หยางชิงลงมือก่อน
โอย!
เจ็บนะ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะลึงพักหนึ่ง
เขามากัดนางได้ยังไง?เมื่อเห็นเย่ว์หยางเผ่นหนี นางเข้าใจทันทีว่าเจ้าตัวร้ายนี่ล้อนาง นางโมโหทันที เจ้าวายร้าย บังอาจกัดข้าหรือ?”
“เข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้อยากกัดจริงๆ!” เย่ว์หยางอธิบายพลางหนีไปพลาง “เป็นเพราะองค์หญิงผู้หยิ่งผยองน่ารักเกินไป มันต้องเลยกัดตามสัญชาตญาณ...เจ้าจะทำอะไรกับดาบ? เหวอ.. ไว้ชีวิตข้าเถิด ช่วยด้วย องค์หญิงไล่ฆ่าข้าแล้ว” “ข้าก็จะฟันเจ้าตามสัญชาตญาณ”
“การสื่อสารเป็นเรื่องดีในการเริ่มลดความห่างเหิน”โล่วฮัวยิ้มให้ราชันย์ปีศาจใต้
“กัดกันนี่ เป็นการสื่อสารหรือ?”อี้หนานไม่เข้าใจ?
“โอว บางครั้งคนกัดกันก็เป็นการสื่อสารที่ดี”โล่วฮัวอธิบายอย่างจริงจัง
“ข้าง่วงแล้ว ทุกคน รีบพักได้แล้ว!” เย่ว์หวี่เมื่อได้ยินหัวข้อสนทนานี้รู้ว่าไม่เหมาะให้เด็กฟังนางรีบกลับห้องพักทันที