ตอนที่ 1065 อ่อนโยนกับเด็กบ้างได้ไหม?
“จะให้หมาฆ่าเด็กหรือ”ทหารรับจ้างที่เคยส่งเสียงถามก่อนหน้านั้นเป็นเด็กหนุ่มอายุ 18-19 ปี เป็นผู้เยาว์วัยและเลือดร้อนที่สุดในกลุ่ม
ทันทีที่เขาเห็นฉากภาพโศกนาฏกรรมเขาแสดงความไม่พอใจต่อเทพเจ้า เขารีบวิ่งเข้ามาทันที
เขาดึงเท้าของคู่สามีภรรยาที่ถูกอสูรหุ่นรุมล้อม
ตั้งใจจะช่วยชีวิตผู้คน
ในเวลานี้เขาไม่สามารถรักษาเหตุผลของตนเองได้และนึกไม่ออกว่าเหตุใดจึงทำเช่นนั้น
มีเงาร่างหนึ่งที่เร็วกว่าเขาเงานั้นกระแทกเขาจนล้มกับพื้น
ทหารรับจ้างหนุ่มน้อยล้มกับพื้นเขาตกตะลึงไม่เคยคิดเลยว่าการขัดขวางเขาจะมาจากด้านหลัง เมื่อเขาหันกลับไปมองเขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าคนที่ออกมาห้ามตัวเขาไว้กลับเป็นหัวหน้าที่เขานับถือเสมอมา
“ทำไม?” ทหารรับจ้างหนุ่มน้อยตื่นเต้นจนเขาไม่สามารถตั้งคำถามได้ ทำไมหัวหน้าของเขาจึงต้องห้ามเขาด้วย?
เขาควรจะสนับสนุนเขาไม่ใช่หรือ!
ไม่ใช่ เขาควรจะเร็วกว่าตัวเขาเองและออกมาช่วยชีวิตคู่สามีภรรยาที่ถูกหุ่นสัตว์รบรายล้อมไว้
แต่หัวหน้าไม่เพียงไม่ทำอย่างนั้นเท่านั้น เขายังห้ามตัวเขาไม่ให้ช่วยเหลือผู้อื่น เขามีเหตุผลอะไรกัน? นี่คือหัวหน้าที่เขาเคารพเสมอมามิใช่หรือ? นี่คือหัวหน้าทหารรับจ้างที่แม่ของเขาไว้ใจให้ช่วยดูแลเขาหรือ? หากในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ความอยากมีชีวิตและความกลัวตายลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้า อย่างนั้นจะเป็นทหารรับจ้างที่มีคุณสมบัติได้อย่างไร? ที่สำคัญยิ่งกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่น่าสลดใจที่สร้างความไม่พอใจให้กับมนุษย์และเทพเจ้าได้ใครจะไม่เคลื่อนไหวเล่า ใครจะทนมองดูผู้อื่นตายโดยไม่ช่วยเหลือ?
ทหารรับจ้างหนุ่มลุกขึ้นขณะหลั่งน้ำตามองดูหัวหน้าเขาตะคอกเสียงแหลม “ทำไม ทำไมกัน”
หัวหน้าทหารรับจ้างไม่ตอบ เขาแค่ผลักเขากลับเข้ากลุ่ม
“ไม่ต้องมาแตะต้องข้า!”
ทหารรับจ้างหนุ่มตะโกนอย่างตื่นเต้นทันที “ท่านเป็นหัวหน้า ท่านอาจมีความกังวลของท่านแต่ข้าเป็นทหารรับจ้างธรรมดา ไม่ต้องให้ท่านกังวลห่วงใยอีกแล้ว ตอนนี้ข้าตัดสินใจจะช่วยชีวิตผู้คน อย่ามาห้ามข้า! ไม่มีใครห้ามข้าได้! ข้าต้องช่วยชีวิตคนให้ได้ แม้ว่าข้าจะตายก็ตาม ข้าไม่อาจทนดูทั้งสามคนประสบเคราะห์กรรม...เมื่อเห็นว่าชีวิตมนุษย์กำลังตกอยู่ในอันตราย การเห็นความตายโดยไม่ช่วยเหลือเป็นการกระทำชั่วข้อแรกเป็นการละเมิดกฎของทหารรับจ้าง ท่านลืมสิ่งนี้หมดแล้วหรือ?”
เผียะ!
หัวหน้าทหารรับจ้างตบหน้าทหารรับจ้างหนุ่ม
ทหารรับจ้างหนุ่มเอามือลูบหน้า ตกตะลึงมองดูหัวหน้าทหารรับจ้าง “นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ท่านได้ตีข้า ต่อไปปล่อยข้าไว้คนเดียว เราต่างคนต่างมีแนวคิดที่แตกต่างกัน! ท่านเป็นหัวหน้า ท่านห่วงตัวท่านเองเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับข้าอีกต่อไป!”
“คิดถึงแม่ตาบอดของเจ้า คิดถึงน้องน้อยของเจ้าคิดถึงลูกของพี่ชายเจ้าให้ดี หากเจ้าต้องประสบภัยกับเรื่องนี้ ต่อไปพวกเขาจะอยู่อย่างไรกัน? ในอนาคตพวกเขาจะพึ่งพาใครได้? หากเจ้าไม่รอดชีวิต น้องสาวของเจ้าอาจต้องขายตัวเป็นทาสแม่ของเจ้าตาบอดไม่สามารถเลี้ยงดูหลานได้ตามลำพัง หรือจะพูดให้ถูก ครอบครัวเจ้าจะอดตายกันหมด! พ่อและพี่ชายที่เป็นวีรบุรุษของเจ้าครอบครัวที่เจ้าประคับประคองอยู่มาได้หลายปีจะพังพินาศเพราะความวู่วามของเจ้า!” หัวหน้าทหารรับจ้างจับคอเสื้อของเขาเขย่าและตบหน้าจนแก้มเขาบวมแดง
“แต่ถ้าข้าเห็นคนตกอยู่ในอันตรายในชีวิตโดยไม่ทำอะไรเลยข้ามีชีวิตต่อไปก็อับอายขายหน้าต่อชื่อเสียงท่านพ่อ” ทหารรับจ้างหนุ่มมองดูครอบครัวของคนสามคนที่ถูกอสูรหุ่นรุมล้อมทหารรับจ้างหนุ่มเห็นคู่สามีภรรยาที่บาดเจ็บเสียเลือดเนื้อพยายามใช้เรี่ยวแรงอึดสุดท้ายอุ้มลูกไว้ในวินาทีต่อไปคู่สามีภรรยานี้อาจไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป ทั้งครอบครัวจะถูกอสูรหุ่นฆ่าตาย
ไม่มีความช่วยเหลือก็ไม่มีโอกาสรอด
ความเจ็บปวดและสิ้นหวังทำให้ทหารรับจ้างหนุ่มที่เลือดร้อนขาดประสบการณ์ชีวิตหมดกำลังใจ
ทหารรับจ้างหนุ่มสูญเสียความรู้สึกร่างของเขาสั่น สหายหลายคนถือโอกาสกอดเขาปลอบใจ บางทีพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถช่วยชีวิตผู้คนอีกต่อไป ทหารรับจ้างหนุ่มน้ำตาไหลและร้องไห้เหมือนเด็กที่ถูกรังแก“สวรรค์! ทำไม ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”
เย่ว์หยางยังคงยืนนิ่ง
ไม่ส่งเสียง
มองดูทุกอย่างเงียบๆ
เมื่อทหารรับจ้างโต้เถียงกัน ทหารยามผู้เฝ้าสถานที่ก็ควบคุมอสูรหุ่นและหยุดการโจมตี
พวกเขาเดินมาทางทหารรับจ้างและเย้ยหยันล้อเลียน “โอว..นึกไม่ถึงว่าจะมีวีรบุรุษจริงๆ ในโลกนี้! ข้ากลัวแทบตายจริงๆ โชคดีที่เจ้าไม่ได้เป็นชนชั้นสูงของแดนดินมิฉะนั้นเรามีร้อยหัว ก็คงไม่พอให้ตัด! มาเลย พวกเจ้าไม่อยากช่วยชีวิตคนหรือ? วันนี้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า”
ทหารยามอีกคนหนึ่งหันหน้าไปตะโกนทางทาสชาย “ผู้ช่วยชีวิตของพวกเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว รีบร้องขอความช่วยเหลือเร็วเข้า!” คู่สามีภรรยาเห็นทหารรับจ้างหนุ่มแล้วหลับตาลงอย่างเจ็บปวด
แน่นอนว่าพวกเขาต้องการอยู่รอด
ไม่มีใครต้องการตาย
แต่อย่าว่าแต่กลุ่มทหารรับจ้างที่อยู่ตรงข้ามจะช่วยพวกเขาได้หรือไม่ ต่อให้ช่วยแล้วจะพากันหนีรอดได้ไกลแค่ไหน?
สำหรับเจ้าของเหมืองทหารรับจ้างไม่ต่างอะไรกับมดแมลง ตราบใดที่พวกเขากล้าเริ่มต้น อย่างนั้นผู้บริสุทธิ์จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น...นี่ไม่มีหัวใจกันเลยหรือ?
“เจ้าอยากตายใช่ไหม? อย่างไรก็ตามเจ้าคงไม่ลืมลูกสาวเจ้าสินะ? คิดว่าลูกสาวเจ้าถูกกินอย่างไร?” ทหารยามเตือนด้วยใบหน้ายิ้มพูดให้ทั้งคู่ได้ยิน ใบหน้าของสตรีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดนางต้องการจะพูด แต่บุรุษต้องการห้ามแต่นางดิ้นรนและส่งเสียงมาทางทหารรับจ้าง “พี่ชายทั้งหลาย ข้าขอร้องให้ช่วยเราด้วย โปรดสงสารลูกของข้าด้วยได้โปรดช่วยเด็กที่ไร้เดียงสาด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าออกไปทีได้โปรด...”
“นั่นแหละ ต้องอย่างนั้น!” ทหารทั้งสี่หัวเราะลั่น
“เสียงร้องไห้น่าอนาถวังเวงเหลือเกิน เจ้าขอให้ใครก็ได้อุ้มลูกสาวเจ้า เจ้าทำอย่างไม่มีความจริงใจได้อย่างไร?”
“เจ้ามั่นใจได้ เราจะให้โอกาสนี้กับเจ้าแต่เจ้าต้องพยายามอย่างหนัก อย่าทิ้งลูกสาวของเจ้าไว้บนพื้นไม่เช่นนั้นหัวของแม่หนูน้อยถูกสุนัขข้ากัดเปิด แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เฮ้ ...พวกเจ้าที่ประกาศตัวเองว่าเป็นทหารรับจ้าง จะไม่ตอบรับอะไรเลยหรือหรือว่าพวกเจ้าขี้ขลาดกันหมด?”
“ถ้าไม่มีใครร่วมมือ ก็ไม่มีอะไรสนุกถ้าอย่างนั้นเราเลิกเล่นเกมได้แล้ว เจ้าตูบทั้งหลาย...จัดการได้!”
ทหารรับจ้างหนุ่มร้องไห้ในสภาพที่ย่ำแย่ เขาเกลียดสถานะตนเองนักทำไมเขาไม่ได้เป็นลูกขุนนางผู้สูงศักดิ์ ทำไมเขาถึงไม่มีกองทหารสักแสนนายทำไมเขาถึงเป็นลูกของทหารรับจ้างแก่ผู้น่าสมเพช เกิดมาไม่มีอะไรดีไร้อำนาจวาสนาเหมือนกับมดแมลงน้อยที่น่าสมเพช ทำไมชีวิตของเขาถึงต้อยต่ำกว่าคนอี่น? ทำไมถึงไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมผ่านการฝึกฝนหนักได้?
ทหารรับจ้างทุกคนพากันก้มหน้า
ทุกคนมีบ้านที่ตนเองต้องรับภาระเป็นเสาหลัก
พวกเขาไม่กล้านึกภาพว่าครอบครัวของพวกเขาจะเป็นเช่นไรหากเสาหลักของครอบครัวพังทลาย
บางทีภรรยาอาจถูกฆ่าลูกที่น่ารักอาจถูกขายไปเป็นทาส บางทีภรรยาอาจคอยปกป้องค้ำจุนครอบครัว แต่เมื่อครอบครัวขาดรายได้คนในบ้านหลายๆ คนอาจอดตายพร้อมกัน โครงกระดูกของพวกเขาอาจถูกสุนัขจรจัดแทะกิน...
ช่วยชีวิตคน ทุกคนก็อยากจะช่วย
แต่ทุกคนรู้ผลกระทบตามมาที่รุนแรงของการช่วยคนครั้งนี้
แม้ว่าพวกเขาต้องการช่วย แต่ 99% ไม่สามารถช่วยได้สำเร็จเพราะเมื่อเทียบกับหุ่นสัตว์รบที่ทรงพลังของฝ่ายตรงข้ามแล้วอสูรหุ่นของทหารรับจ้างไม่มีระดับพวกเขาจะหลบหนีการไล่ล่าของผู้ล่านับไม่ถ้วนได้อย่างไร?
การเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่น่าสลดใจนี้แม้แต่เทพเจ้าก็ยังไม่พอใจ
จะช่วยหรือไม่ช่วยดี?
คำตอบนี้มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่ตอบได้แต่เทพเจ้ามิได้ลืมตา ทั้งมิได้ชี้นำ หากไม่มีปาฏิหาริย์ ทุกคนไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน
“น่าผิดหวังเหลือเกิน เจ้ากลุ่มคนขี้ขลาด! เทียบดูแล้วดวงตาของทาสเหล่านี้ยังมีแววต่อต้านมากกว่า” ทหารยามแค่นเสียงเยาะเย้ย
“ทาสหญิงที่ถูกไล่ตามทันยังพร้อมจะเอาตัวกันหมาเหล่านี้ไว้ทั้งที่เจ้าหมาเหล่านี้ถูกส่งออกมาไล่ฆ่าแท้ๆ...”
เงาดำกลุ่มใหญ่กำลังใกล้เข้ามา และนั่นคือทาสที่ถูกล่ามมือและเท้า
ทาสประจำเหมือง
ทาสเหมืองหลายคนมีรอยถูกกัดเลือดหยดไหลออกจากบาดแผลที่น่ากลัว
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้สตรีอดร้องไห้มิได้
แต่สายตาของผู้เป็นสามียิ่งสิ้นหวังมากขึ้นเพราะเขาเห็นนายกองคุมเหมืองเดินอยู่ด้านหลังของกลุ่มผู้คน มีองครักษ์คอยหนุนเสริมและแม่ทัพเหลยผาวผู้มีอำนาจสูงสุด เห็นชีวิตคนเหมือนกับผักปลา
คนเหล่านี้ล้วนแต่มีหุ่นอสูรที่แข็งแกร่งทั้งนั้น
“มีใครกล้ายืดอกเป็นวีรบุรุษอีกไหม? วีรบุรุษสักนาทีเดียวก็ยังดี!” องครักษ์ผู้มีชื่อถ่มน้ำลายลงพื้นกล่าวดูถูก “กลุ่มสวะทั้งนั้น”
“ข้าไม่ใช่วีรบุรุษ และไม่ใช่สวะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น
หัวหน้าทหารรับจ้างยืนอยู่ข้างหน้ากลุ่มทหารรับจ้างเดินออกมาทันทีในท่ามกลางสายตาที่อยากเชื่อของทหารรับจ้างหนุ่ม เขาเดินไปช้าๆ ที่ร่างคู่สามีภรรยาที่โชกเลือดโดยไม่สนใจหุ่นอสูรที่ล้อมรอบและค่อยๆ ยื่นมือ “ถ้าเจ้าเชื่อใจข้า ข้าจะพาหนูน้อยไปเอง ครอบครัวข้ามีลูกห้าคน ข้าไม่ถือสาที่จะเลี้ยงดูเพิ่มอีกสักคนอย่างไรก็ตาม ข้าเองไม่กล้ารับประกัน ข้าแค่บอกได้ว่าข้าแค่หาอาหารเสื้อผ้าให้เธอได้เท่านั้น”
บุรุษร่างโชกเลือดไม่สามารถพูดได้อีก
เขายืดตัวตรง
และทิ้งเข่าลงกับพื้น
ใต้เข่าบุรุษมีค่าเท่ากับทองบุรุษผู้นั้นถูกอสูรหุ่นกัดเลือกโชก และเขาไม่เคยคุกเข่าขอความเมตตาเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก
อย่างไรก็ตามด้วยคุณธรรมของหัวหน้าทหารรับจ้างทำให้เขาไม่สามารถแข็งขืนยืนอยู่ได้เพราะพระคุณครั้งนี้หนักแน่นยิ่งกว่าภูเขา ลึกล้ำยิ่งกว่าท้องทะเล นอกจากประกาศขอบคุณเขา เขานึกหาวิธีแสดงความขอบคุณเขาไม่ออก
สตรีผู้เป็นมารดาสะอึกสะอื้นหัวใจนางทั้งตื่นเต้นและเศร้าสร้อย
ในที่สุดลูกสาวของนางก็ปลอดภัย
อย่างไรก็ตามลูกสาวของนางจะต้องจากนางไปในไม่ช้าและนี่จะเป็นการอำลา... นางกอดเงาสีดำเล็กๆ ในอ้อมแขน และจูบหน้าดำของเธอและจูบมือน้อยๆ ที่ยังแข็งแรงไม่พอ
“อย่าทำอย่างนั้น” บุรุษนั้นกังวลใจรีบส่งเด็กออกไปเมื่อแม่ทัพเหลยผาวมาถึง ลูกสาวของเขายังจะรอดชีวิตหรือเปล่า?เขาฝืนใจอุ้มลูกสาวจากอ้อมแขนภรรยาและสูดหายใจลึกก่อนโยนลูกไปทางกลุ่มทหารรับจ้างในขณะที่อสูรหุ่นกำลังวิ่งเข้ามา “พี่ชาย ขอให้ท่านโชคดี ชาติหน้าข้าค่อยชดใช้หนี้บุญคุณให้ท่าน!”
“ฮึ่ม!” หัวหน้าทหารรับจ้างถูกอสูรหุ่นรายล้อมพยายามสู้ไม่ยอมให้อสูรหุ่นกัดเขาเหยียดแขนต้องการรับทารกหญิงที่บิดาของเธอโยนออกมา
ที่ด้านข้างของแม่ทัพเหลยผาว
มีอสูรหุ่นร่างมนุษย์สูงสามเมตรควงหอกในมือราวกับสายฟ้าแล่บ
วืดดดดดด
หอกนั้นพุ่งเร็วกว่าลูกธนูถึงสิบเท่าพุ่งเข้าที่หน้าอกของหัวหน้าทหารรับจ้างทันทีหอกนั้นมีความคมมากประกอบกับซัดด้วยกำลังแรงจึงทะลุออกหลังตรึงกับร่างหัวหน้าทหารรับจ้างกับพื้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ขณะมองดูทารกหญิงกำลังร่วงศีรษะอยู่ล่างเท้าอยู่บนแม่ทัพเหลยผาวลูบเคราด้วยความพอใจกับท่าตกนั้นอย่างยิ่ง
เขาหัวเราะปากพลางกล่าว “วีรบุรุษ ไม่มีใครเป็นได้หรือ! อา?”
ทารกหญิงร่วงลงจากท้องฟ้าอย่างแปลกประหลาด
แต่ไม่หล่นในฝูงอสูรหุ่น
กลับร่วงลงห่างออกไปสิบเมตรในอ้อมอกเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มคนนี้ลูบใบหน้าสกปรกของทารกหญิงและพูดด้วยสำนวนประหลาด “อยู่ต่อหน้าคนรักเด็ก พวกเจ้าอ่อนโยนกับเด็กทารกบ้างได้ไหม?”