ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 200 อวี๋จื่อเจี้ยน
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 200 อวี๋จื่อเจี้ยน
แปลโดย iPAT
เสียงที่เหมือนเสียงร้องของนกขมิ้นทำให้เฉียนหรงจื่อตกตะลึงไปชั่วขณะ นางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “สวัสดี!” อย่างไรก็ตามนางเพียงมองจากระยะไกลเท่านั้น นางไม่กล้าเข้าใกล้เสี่ยวอัน
ตามข้อตกลงของพวกเขา หลี่ฉิงซานมอบเม็ดยาและวิธีการบ่มเพาะที่เกี่ยวข้องกับนิกายเมฆาพิรุณให้เฉียนหรงจื่อ
มีเม็ดยาเมฆาพิรุณชั้นยอดเก้าขวด เม็ดยาปราณหยินสามขวดที่ถูกปรุงมาเป็นพิเศษสำหรับคนที่ฝึกปราณหยิน ยังมีเม็ดยาอื่นๆเช่นเม็ดยาปลุกกำหนัดและเม็ดยาใจสงบที่ไม่คุ้มค่าให้เอ่ยถึง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนางไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นแต่เป็นตำราที่ชื่อว่าเคล็ดวิชาสะกดใจซึ่งเกี่ยวกับการใช้คาถาอาคมที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เฉพาะคนที่มีสถานะบางอย่างในนิกายเท่านั้นจึงจะมีโอกาสฝึกเคล็ดวิชานี้ ศิษย์ทั่วไปไม่สามารถเรียนรู้มัน
ด้วยทักษะที่นางมีอยู่แล้วรวมกับเคล็ดวิชาสะกดใจ นางจะสามารถควบคุมผู้คนได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้นหลี่ฉิงซานก็เปิดปากกล่าว “ขอเม็ดยาเมฆาพิรุณให้ข้าสองขวด”
เฉียนหรงจื่อมองเขา เมื่อหลี่ฉิงซานต้องการแลกเปลี่ยนเม็ดยาเมฆาพิรุณด้วยเม็ดยาปราณแท้ นางก็ไม่ปฏิเสธ นางกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ข้าสามารถล่อคนอื่น...”
หลี่ฉิงซานขัดจังหวะ “เจ้าควรคิดหาวิธีออกห่างจากเรื่องนี้ก่อน!” สถานะของยายทั้งสองในนิกายเมฆาพิรุณสูงกว่าจ้าวเหลียงฉิงมาก มันจะนำไปสู่ความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
นอกจากนั้นหลี่ฉิงซานก็ต้องระวังตัวมากขึ้น การเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขั้นเก้าสองคน เขามีโอกาสชนะห้าสิบส่วน หากเขาต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขั้นสิบหรือผู้นำนิกายที่แข็งแกร่งกว่านั้น มันจะเป็นเวลาตายของเขาจริงๆ
รอยยิ้มของเฉียนหรงจื่อกลายเป็นแข็งค้าง นางก็คิดเช่นเดียวกัน เมื่อนิกายเมฆาพิรุณตรวจสอบร่องรอยของยายทั้งสอง พวกเขาจะพบว่ายายทั้งสองติดต่อนางเป็นคนสุดท้าย นางต้องจัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง แม้แผนการของนางจะดูซับซ้อน แต่แท้จริงแล้วนางกำลังเต้นรำอยู่บนขอบเหว
“ขอบคุณสำหรับคำเตือน ข้ายังคงเป็นหญิงโลภมาก เมื่อข้าเห็นผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆเหล่านั้น ข้าก็กลายเป็นคนตาบอดเพราะพวกมัน”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าพูดเพื่อตัวข้าเอง” หลี่ฉิงซานส่งเม็ดยาปราณแท้สองขวดให้นางก่อนจะจากไปพร้อมกับเสี่ยวอัน
เฉียนหรงจื่อมองเม็ดยาปราณแท้ที่อยู่ในมือพร้อมคำนวณผลประโยชน์และความเสี่ยงทั้งหมดในครั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วนางเชื่อว่าตนเองเป็นคนมีไหวพริบและร้ายกาจ แต่เมื่อใดก็ตามที่นางได้รับผลประโยชน์ ความโลภของนางก็จะแสดงออกมา นางไม่ใช่คนที่ยิ่งใหญ่เช่นหลี่ฉิงซาน
ภูเขาที่อยู่ไกลออกไปถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว เกล็ดหิมะร่วงลงมาในชามสุราก่อนที่มือใหญ่จะยกชามสุราขึ้นดื่มจนหมด
หลี่ฉิงซานเช็ดริมฝีปากของตน กลิ่นสุราจางหายไปแล้ว ความเย็นเข้าแทนที่
เขาไม่พบปีศาจกิ้งกือ บางทีมันอาจหมดความอดทนและกลับลงไปใต้ดินแล้ว
เขายังจำคำเชิญของปีศาจกิ้งกือได้ “ใต้ดินมีสิ่งใด?”
หลังจากกินดื่มกับปีศาจกิ้งกือในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาตระหนักว่าขุนพลปีศาจในบริเวณนี้อยู่ภายใต้การปกครองของราชาปีศาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมณฑลชิงเหอ ราชามังกรทมิฬ
หากปีศาจกิ้งกือขึ้นมายังเมืองมนุษย์ มันจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ทำลายล้างทุกสิ่ง บางทีคำสั่งของราชาปีศาจอาจมีไว้เพื่อรักษาสันติภาพระหว่างมนุษย์กับปีศาจ
ทันใดนั้นสายลมกรรโชกแรงก็พัดเข้ามาด้านหลังเขา หลี่ฉิงซานหันศีรษะไปเล็กน้อยขณะที่ก้อนหิมะพุ่งผ่านแก้มของเขา เมื่อเขาหันหน้าไปรอบๆ เขาก็พบว่าเสี่ยวอันกำลังปิดปากและหัวเราะเยาะเขา
หลี่ฉิงซานกล่าว “เอาล่ะ เอาล่ะ อย่าเสียใจไปเลย!” ก่อนที่เขาจะพูดจบ หิมะอีกก้อนก็ลอยเข้ามา เมื่อเขาเอียงศีรษะหลบ ก้อนหิมะก็เปลี่ยนทิศและพุ่งกระแทกใบหน้าของเขา
ปรากฏว่าลูกประคำหัวกะโหลกซ่อนอยู่ในก้อนหิมะ
หลี่ฉิงซานเช็ดหิมะออกจากใบหน้าและมองไปที่เสี่ยวอัน “ข้าจะโกรธล่ะนะ!”
เสี่ยวอันแลบลิ้นออกมาก่อนจะหนีออกจากหลุม นางมองย้อนกลับไปและเป็นไปตามความคาดหมาย หลี่ฉิงซานไล่ตามนางมาอย่างใกล้ชิด เขาตะโกน “ลองทักษะบอลหิมะที่ยอดเยี่ยมของข้า!”
เกล็ดหิมะลอยเข้ามารวมตัวเป็นก้อนอยู่ในมือของหลี่ฉิงซานก่อนที่เขาจะผลักมันไปทางเสี่ยวอัน
“ระวัง! ระวัง!” คนขับรถม้าตะโกนและพยายามควบคุมบังเหียนขณะลากรถม้าผ่านเส้นทางที่ถูกหิมะปกคลุม เขาสวมชุดเครื่องแบบของสำนักดาบสะท้านภพ เขาเป็นศิษย์ที่ไว้ใจได้ของอวี๋ฉูกวง เขาคือชายหนุ่มอ่อนโยนที่มาส่งอาหารให้กับหลี่ฉิงซานเสมอ ชื่อของเขาคืออวี๋เหลียน
รถม้าเดินทางมาถึงคฤหาสน์บนภูเขาหิมะ
เมื่อรถม้าหยุด อวี๋เหลียนก็เปิดปากกล่าว “ท่านอาจารย์ เรามาถึงแล้ว!”
นักดาบที่มีเคราผู้หนึ่งปีนลงมาจากรถม้า เขาคืออวี๋ฉูกวง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข เขาสวมชุดผ้าไหมสีแดง เขาโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะเคาะประตูเบาๆด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อย “ท่านหนิว ท่านอยู่หรือไม่?”
ทันใดนั้นเขาพลันได้ยินเสียงที่แปลกประหลาดบางอย่าง เขาแนบใบหูเข้ากับประตูและตั้งใจฟัง เสียงประหลาดดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ปัง!”
“โอ้ ไม่!” อวี๋ฉูกวงรีบใช้ทักษะท่าร่างหลบออกไปอย่างรวดเร็วขณะที่ก้อนหิมะขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากประตูและตกลงบนพื้นและกลิ้งลงไปจากภูเขา
หัวใจของอวี๋ฉูกวงสั่นไหว หากเขาหลบไม่ทัน เขาอาจเสียชีวิตไปแล้ว แม้นั่นจะเป็นเพียงก้อนหิมะ แต่เขาไม่เคยเห็นหิมะก้อนใหญ่เช่นนี้มาก่อน
หลี่ฉิงซานยืนอยู่ในลานบ้านและมองอวี๋ฉูกวงจากระยะไกล เขาถามเสียงดัง “วีรบุรุษอวี๋ สิ่งใดนำท่านมาที่นี่?”
อวี๋ฉูกวงรีบโค้งคำนับก่อนจะมองไปรอบๆด้วยความตกตะลึง มีร่องรอยของก้อนหิมะยักษ์อยู่ทุกหนทุกแห่ง ทางเดินพังทลาย โรงเก็บฟืนทางทิศตะวันออกพังพินาศ
“นายท่านกำลังทำสิ่งใด?”
“ข้ากำลังเล่นปาหิมะ!” หลี่ฉิงซานยกคอเสื้อของเสี่ยวอันขึ้น “ข้าต้องแสดงให้เด็กคนนี้เห็นว่าผู้ใดเป็นผู้ใด!”
ด้วยเส้นผมที่ทิ้งตัวลงมาปกคลุมใบหน้า นางนิ่งเงียบอย่างเชื่อฟัง ในความเป็นจริงนางดูเหมือนหวาดกลัวเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานรู้ว่านางไม่คุ้นเคยกับผู้คน เมื่อนางพบคนแปลกหน้า นางจะกลายเป็นคนขี้อายทันที
อวี๋ฉูกวงตัวสั่น การหยอกล้อของพยัคฆ์ช่างน่ากลัวนัก! เขาขว้างก้อนหิมะยักษ์ใส่เด็กผู้หญิงที่น่ารักคนนี้จริงๆ หากก้อนหิมะกระแทกนาง มันอาจกลายเป็นการฆาตกรรม! อย่างไรก็ตามเขากลัวเกินกว่าจะกล่าวสิ่งใด เขายังลังเลกับสิ่งที่เขาวางแผนไว้ตั้งแต่แรก
หลี่ฉิงซานถามอีกครั้ง “สิ่งใดนำท่านมาที่นี่?”
อวี๋ฉูกวงตัดสินใจส่งเทียบเชิญให้หลี่ฉิงซาน เขาต้องการเชิญหลี่ฉิงซานไปร่วมงานเลี้ยงที่สำนักดาบสะท้านภพในตอนเที่ยงของวันพรุ่งนี้เพื่อฉลองให้กับอวี๋จื่อเจี้ยนที่สามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรของจอมยุทธ์พลังปราณได้สำเร็จ
หลี่ฉิงซานถาม “ลูกสาวของท่านกลับมาแล้วงั้นหรือ?”
อวี๋ฉูกวงตอบ “ยัง นางอาจกลับมาถึงคืนนี้”
“ขอแสดงความยินดีด้วย!” หลี่ฉิงซานถามเสี่ยวอัน “เจ้าต้องการไปหรือไม่?”
เสี่ยวอันมองหลี่ฉิงซานด้วยสายตาลังเลราวกับนางกำลังพยายามเดาความคิดของเขา
หลี่ฉิงซานยิ้ม “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!” เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้พานางออกไปเที่ยวเล่น เขากล่าวกับอวี๋ฉูกวง “ตกลง ข้าจะไป แต่ข้าไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของข้า ดังนั้นโปรดเตรียมห้องส่วนตัวให้ข้าด้วย”
อวี๋ฉูกวงมีความสุขมาก เขารีบรับปากทันที
ในตอนเที่ยงของวันถัดไป มันเป็นฤดูหนาวแต่ไม่มีหิมะแม้แต่เกล็ดเดียวอยู่บนลานกว้างหน้าสำนักดาบสะท้านภพ ศิษย์ของสำนักทำความสะอาดมันตลอดเวลา มีโคมไฟและของประดับตกแต่งอยู่ทุกหนทุกแห่ง ใบหน้าของผู้คนเต็มไปด้วยความสุข
สำหรับคนในยุทธภพ ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขมากกว่าการทะลวงเข้าสู่อาณาจักรจอมยุทธ์พลังปราณ
ไม่ว่าจะเป็นอำนาจหรือความมั่งคั่ง พวกมันก็เป็นเพียงเมฆที่ลอยอยู่ชั่วขณะ แต่ชีวิตที่ยืนยาวคือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา หลังจากทั้งหมดจอมยุทธ์ขั้นสูงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงสองศตวรรษ
ตอนนี้อวี๋จื่อเจี้ยนกลายเป็นจอมยุทธ์พลังปราณไปแล้ว สถานะของสำนักดาบสะท้านภพพุ่งสูงขึ้น ศิษย์ทั่วไปจะได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้เช่นกัน ขณะที่อวี๋จื่อเจี้ยนซึ่งเป็นบุตรสาวของอวี๋ฉูกวงเป็นหญิงสาวที่น่ารักและปราศจากความเย่อหยิ่ง นางไม่เพียงปฏิบัติต่อศิษย์ทั่วไปด้วยความเมตตากรุณา แต่นางยังรักความยุติธรรมและชอบช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ชาวเมืองภูเขาเกลือต่างเคารพรักและยกย่องนาง
เมื่อคนเช่นนี้ได้รับพรจากโชคชะตา คนอื่นๆย่อมรู้สึกยินดีไปกับนางจากก้นบึ้งของจิตใจ
อย่างไรก็ตามยังมีศิษย์ผู้หญิงหลายคนลอบคร่ำครวญอยู่ภายใน สิ่งนี้ทำให้พวกนางไม่สามารถแข่งขันกับนางได้อีกต่อไป
“ผู้นำนิกายหลิว ท่านมาแล้ว! เชิญด้านในก่อน!” อวี๋ฉูกวงยืนต้อนรับแขกอยู่ที่ทางเข้าด้วยตนเอง เมื่อเขาเห็นสหายร่วมศึก เขารู้สึกภูมิใจในตัวเองจนแทบไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้
อวี๋จื่อเจี้ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้กลางห้องด้วยท่าทางที่ค่อนข้างฝืนธรรมชาติ ทุกคนแสดงความยินดีและทักทายนางด้วยความเคารพ นี่ทำให้นางรู้สึกอัศจรรย์อยู่ภายใน ปรากฏว่าการเป็นจอมยุทธ์นั้นยอดเยี่ยมาก
งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแต่อวี่ฉูกวงกลับขอโทษทุกคนและพาอวี๋จื่อเจี้ยนเข้าไปในห้องด้านหลัง
“ท่านพ่อ เราจะไปที่ใด?”
อวี๋ฉุกวงกล่าว “ข้ากำลังจะพาเจ้าไปพบแขกผู้มีเกียรติ เมื่อเจ้าพบเขา เจ้าต้องสุภาพให้มาก”
อวี๋จื่อเจี้ยนค่อนข้างงุนงน ก่อนหน้านี้อวี๋ฉูกวงไม่ยอมให้นางสุภาพเมื่อนางต้องการ แต่ตอนนี้เขากลับบอกให้นางรักษาท่าทีแม้นางจะเป็นจอมยุทธ์พลังปราณก็ตาม ผู้ใดที่ทำให้พ่อของนางจริงจังถึงเพียงนี้
ภายในห้องที่มือสลัว ประตูหน้าต่างถูกปิดอย่างมิดชิด อวี๋จื่อเจี้ยนมองเห็นร่างสูงและกำยำภายใต้หมวกไม้ไผ่ขนาดใหญ่ขณะที่ด้านข้างเขามีตะกร้าไม้ไผ่วางอยู่
อวี๋จื่อเจี้ยนไม่สามารถสัมผัสกลิ่นอายใดๆจากคนผู้นี้ แต่มันไม่ได้ทำให้แรงกดดันของเขาลดน้อยลงเลย มันทำให้นางรู้สึกเคร่งเครียดเล็กน้อย
อวี่ฉูกวงแนะนำ “นี่คือ...ท่านหนิว วีรุบุรุษหนิวผู้ยิ่งใหญ่!”
“พรวด!” ท่าทางที่จริงจังของอวี๋จื่อเจี้ยนพังทลายลงทันที
“ลูกชั่ว อย่าหัวเราะ!” อวี๋ฉูกวงเร่งตำหนิเสียงดังเพราะเกรงว่านางจะทำให้หลี่ฉิงซานโกรธ
อวี๋จื่อเจี้ยนขอโทษ “วีรบุรุษหนิวผู้ยิ่งใหญ่ ข้าไม่ได้หัวเราะเยาะท่าน โปรดอย่าถือสา” นางรู้สึกแย่มากที่หัวเราะชื่อของฝ่ายตรงข้าม แต่นางก็อดไม่ได้จริงๆ
หลี่ฉิงซานจำได้เพียงว่านางคือหญิงชุดม่วงที่ติดตามฮัวเฉิงลู่ไปรอบๆ ตอนนี้เมื่อเขาเห็นนางอีกครั้งรวมถึงการแสดงออกของนาง เขาก็รู้สึกประทับใจนางมากขึ้น
ผมของนางไม่ได้ตกแต่งเป็นพิเศษ มันเป็นเพียงมวยผมสองก้อนที่รวบไว้สองข้างเท่านั้น มีปลอยผมเล็กๆทิ้งตัวลงมาที่แก้มของนาง นั่นทำให้นางดูน่ารักสดใสและเป็นธรรมชาติ นางสวมชุดสีม่วงอ่อนและรัดเอวด้วยแถบสีม่วงเข้มซึ่งทำให้เอวของนางดูเล็กและน่ารัก
ความอ่อนโยนและเป็นธรรมชาติของนางดูดีไม่น้อย แม้มันจะไม่เพียงพอให้เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบแต่นางก็ยังเป็นผู้หญิงที่น่ารักและสามารถทำให้หัวใจของเขาปั่นป่วนหรือสงบลงได้