ตอนที่ 940 ร้านของพวกคุณเปิดต้อนรับลูกค้า และในฐานะลูกค้า ผมเข้าไปไม่ได้?
มีบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิงอยู่ 3 บริษัท เทียนเสวีย เอนเตอร์เทนเมนท์ และเชอร์รี่ เอนเตอร์เทนเมนท์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น…
หลินฟาน ได้รับรางวัลจากระบบในก่อนหน้านี้ และได้เข้าถือหุ้น 100% ของ เทียนเสวีย เอนเตอร์เทนเมนท์ และกลายมาเป็นเจ้านายใหญ่ของยักษ์ใหญ่ด้านวงการบันเทิงนี้
และผู้ที่รับผิดชอบ เทียนเสวีย เอนเตอร์เทนเมนท์ ก็คือ ตู้เถา ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในแวดวงบันเทิง ว่ากันว่า.. ตู้เถา สามารถทำให้แวดวงบันเทิงสั่นสะเทือนได้ถึงสามรอบ ตราบเท่าที่เขากระทืบเท้าลงไป ทั้งนี้มันก็จะเห็นได้ว่าทรัพยากรที่ ตู้เถา ถือครองอยู่ มีสิทธิ์มีเสียงในวงการบันเทิงมาก ขนาดไหน..
และในฐานะที่เขาเป็นเจ้านายใหญ่ของ เทียนเสวีย เอนเตอร์เทนเมนท์ หลินฟาน ก็ได้ลงทุนในบริษัท เหวินเยว่ ของ หวาง เซียงเฉียน เป็นการส่วนตัว และเขาก็ได้กลายมาเป็นบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของ เหวินเยว่ หากมองผิวเผินแล้ว บริษัทเล็กๆ อย่าง เหวินเยว่ ก็ไม่มีอะไรน่าสะดุดตาในวงการบันเทิง ศิลปินเพียงคนเดียวที่สามารถผลิตออกมาได้ ก็คือ หนิง เสี่ยวเยว่ ที่โดดเด่นขึ้นมาจากในรายการ Creation Stars..
มีแต่คนที่รู้เรื่องราวภายในเท่านั้นที่รู้ และเนื่องมาจากความสัมพันธ์ของ หลินฟาน เมื่อ บริษัท เหวินเยว่ มีความต้องการ และมันจำเป็นจริงๆ ก็แค่ระดมความช่วยเหลือจากความสัมพันธ์ของทาง เทียนเสวีย เอนเตอร์เทนเมนท์..
เมื่อครั้ง หนิง เสี่ยวเยว่ ได้เข้าร่วมในรายการ Creation Stars ตู้เถา ก็ได้มีส่วนร่วมไปไม่น้อยเลย…
ครั้งนี้ หนิง เสี่ยวเยว่ ได้ถูก หลิว จินเวย บังคับพาตัวไป หลินฟาน ก็ได้นึกถึง ตู้เถา แม้ว่า ตู้เถา จะไม่สามารถช่วย หนิง เสี่ยวเยว่ ออกมาได้.. แต่ด้วยอำนาจที่ ตู้เถา มีอยู่.. อย่างน้อยๆ ก็สามารถทำให้เขาได้เข้าใจสถานการณ์โดยรวม ..ได้อย่างชัดเจน
ตู้เถา ได้รับสายโทรศัพท์ของ หลินฟาน ในทันที “เจ้านาย.. ตอนนี้ฉันได้ออกเดินทางมาที่ หางโจว แล้ว และกําลังจะถึงในไม่ช้า…”
แน่นอนว่า ตู้เถา ไม่ได้ทําให้ หลินฟาน ผิดหวังจริงๆ มาตอนนี้เขาได้ทราบถึงข้อมูลทั้งหมดได้เป็นอย่างดีแล้ว และเมื่อตอนที่เขาได้รับรู้ว่า หนิง เสี่ยวเยว่ ประสบอุบัติเหตุ นั่นทำให้เขาไม่ได้นั่งรีรอ ให้ หลินฟาน ออกคำสั่งใดๆ เขาเองได้เริ่มดําเนินการทันที เมื่อได้ทราบข่าว.. เขาเองเพียงแค่อยากลองแก้ไขมันก่อน แล้วค่อยโทรไปรายงานเรื่องนี้ต่อ หลินฟาน
หลินฟาน กล่าวว่า : “โอเค ตอนนี้ผมก็กำลังรีบไปที่หางโจว เหมือนกัน.. ไม่ว่ามีข่าวอะไร ก็รีบติดต่อผมกลับมาทันที ..”
หลังจากวางสาย หลินฟาน ก็เกือบที่จะเดินมาถึงรถ Rolls-Royce ของเขาแล้ว
แต่ในเวลานี้ หลินฟาน ก็ได้เห็นร้านขายเสื้อผ้า อยู่ข้างๆ และมองกลับมาที่เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนร่างกายของเขา หลินฟาน ก็ตัดสินได้ในทันที และเมื่อนั้นเขาก็ได้เดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้..
หลินฟาน ไม่ค่อยรู้เรื่องแบรนด์เสื้อผ้าเท่าไร แต่เขาเอง ก็สามารถแยกแยะได้ระหว่างเสื้อผ้าผู้ชาย และเสื้อผ้าผู้หญิง พอเมื่อเห็นว่าร้านนี้ขายเสื้อผ้าผู้ชาย เขาจึงได้เดินเข้าไป…
ในเวลานี้ ภายในร้านก็มีพนักงานเพียงแค่คนเดียว และเป็นผู้หญิง ในร้านยังมีหญิงวัยกลางคนที่กําลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ พนักงานหญิงเองก็กําลังช่วย หญิงวัยกลางคนคนนี้เลือกเสื้อผ้า.. ที่เธอต้องการซื้อ
เมื่อเห็น หลินฟาน เดินเข้ามา พนักงานหญิงก็ได้มองมาที่เขา แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ได้แสดงสีหน้าดูถูกออกมาในทันที หลินฟาน ที่สวมใส่เสื้อผ้าแผงลอยดูเก่าๆ แต่แค่นั้นก็ช่างมันเถอะ แต่ดูสิ.. นี่มันคาดไม่ถึงเลยว่าเสื้อผ้าของเขาก็ยังจะขาดอีก นี่ถ้าไม่ใช่ใบหน้าที่สะอาด และหล่อเหลา พนักงานหญิงคนนี้ก็เกือบจะคิดไปว่า หลินฟาน เป็นขอทาน..
แต่ถึงแม้จะไม่ใช่ขอทาน แต่เขาก็ต้องเป็นคนจน.. ข้อนี้ มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม.. ในสายตาของใครหลายๆ คนเอง ก็มักที่จะเลือกตัดสินคน ..จากรูปลักษณ์ภายนอกอยู่แล้ว
“คุณผู้หญิง รอสักครู่นะค่ะ” พนักงานหญิง ได้พูดกับหญิงวัยกลางคนคนนั้น แล้วจึงหันไปหา หลินฟาน “เดี๋ยวก่อน! คุณน่ะ หยุดอยู่นิ่งๆ เลยนะ! แล้วนี่คุณ.. มาทำอะไรที่นี่?”
พนักงานหญิง ได้มองไปที่ หลินฟาน ด้วยท่าทีระแวดระวัง..
หลินฟาน ได้พูดว่า : “คุณ.. ร้านนี้ไม่ใช่ร้านขายเสื้อผ้าเหรอ? ผมเองก็แค่มาซื้อเสื้อผ้า..”
พนักงานหญิง ได้มองไปที่ หลินฟาน อย่างสงสัย และได้พูดว่า “ใช่ว่าร้านนี้คือ ร้านขายเสื้อผ้าจริงๆ แต่คําถามคือ คุณแน่ใจหรือ ..ว่าคุณสามารถซื้อเสื้อผ้าของเราที่นี่ได้? ก่อนที่คุณจะเข้ามา คุณไม่เห็นป้ายหน้าร้านของเราเหรอ? เราเป็นแบรนด์จำหน่ายชุดเสื้อผ้าผู้ชายที่นําเข้าจาก เยอรมัน และเสื้อผ้าของเราก็แพงมาก”
เมื่อได้ยินเสียงดังเช่นนี้ หญิงวัยกลางคนคนนั้น ก็ได้หันมามอง หลินฟาน และก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฉันกลัวจริงๆ ว่า คนๆ นี้คงไม่ใช่ว่าตาบอดใช่ไหม? และคุณไม่เคยได้ดูน้ำหนักของตัวเองเลยหรือว่ามันกี่กิโล หรือสองกิโล กัน?(ไม่มองความสามารถ หรือสำคัญตัวเองผิด)”
เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ หลินฟาน ก็ไม่รังเกียจที่จะพูดไปว่า “ไม่เป็นไร.. เสื้อผ้าของผมมันขาด และเพียงแค่อยากที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ และแถวๆ นี้เองก็ดูเหมือนจะไม่มีร้านขายเสื้อผ้าอื่นอีกแล้ว.. ผมเองก็ขี้เกียจที่จะวนหาแล้วเช่นกัน เลยคิดจะเข้ามาเลือกสักตัว คุณไม่ต้องมาสนใจผมหรอกนะ พอผมเลือกเรียบร้อยแล้ว คุณก็ค่อยกลับมาช่วยคิดเงินให้กับผม ก็ได้..”
พนักงานหญิง จึงได้ตอบทันทีว่า “คุณคะ คุณอาจจะกำลังเข้าใจฉันผิด.. และฉันจะขอพูดตรงๆ กับคุณเลยว่า ตัวคุณมีเงินพอที่จะซื้อเสื้อผ้าของเราที่นี่ไหม? โอ้.. ขอร้องอย่าเพิ่งไปแตะต้องมัน ถ้าเกิดคุณแตะต้องมันแล้วเสื้อผ้าของทางเราสกปรกขึ้นมาล่ะ!”
หญิงวัยกลางคน ได้ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพูดว่า “จริงๆ แล้ว คนเรานี้ก็ไม่สนใจดูสถานะของตัวเองเลยจริงๆ อย่ามาเสียเวลาตรงนี้เลย คุณเองก็รีบๆ ออกไปเถอะ”
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ หลินฟาน จะเหงื่อตก เขาเองก็ไม่ใช่เป็นคนหยิ่งยะโสอะไร แต่ไม่คิดเลยว่า ภายในร้านค้าเล็กๆ บนถนนสายนี้ เขาจะได้มาพบกับเรื่องเช่นนี้ได้.. หรือเป็นเพราะแบรนด์เสื้อผ้าของเยอรมัน ที่ทําให้ พนักงานคนนี้ มีความมั่นใจที่จะแสร้งทำเป็นก้าวร้าว?
หลินฟาน กล่าวว่า : “ร้านของพวกคุณเปิดต้อนรับลูกค้า และในฐานะลูกค้า ผมเข้าไปไม่ได้?”
พนักงานหญิง ไม่คิดเลยว่า หลินฟาน จะกล้าพูดตอบกลับ สีหน้าของเธอก็ได้กลายเป็นดูน่าเกลียดขึ้นมาทันที แล้วเธอได้พูดไปว่า “นี่คือร้านของเรา.. และแน่นอนว่าเรามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ จะให้ใครเข้ามา หรือไม่ให้ใครเข้ามาก็ได้! แล้วก็.. คนจนๆ อย่างคุณ พวกเราไม่ต้อนรับ! ทําไมคุณไม่รู้จักมองดูตัวเองเสียบ้าง! รู้ว่าซื้อไม่ได้ ก็ยังต้องการที่จะเข้ามา เสียเวลาของตัวเองไม่พอ ยังคิดมาทำให้ฉัน.. เสียเวลาไปด้วย!”
หลินฟาน ได้หัวเราะออกมา ก่อนจะพูดไปว่า : “ถ้ามันเป็นแบบนี้ คุณก็ควรที่จะติดกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้ที่ประตูหน้าร้าน เขียนอธิบายให้ชัดเจนว่า ‘จ่ายไม่ได้ก็อย่าได้เข้า!’ กล้ามั้ย? ผมกล้ารับรองได้เลยว่าคุณไม่กล้า เพราะถ้าคุณกล้าเขียน และติดโพสต์กระดาษแบบนี้ลงไปจริงๆ ล่ะก็ ร้านค้าของคุณ ..มันก็จะต้องปิดตัวลงไปแน่ๆ และลูกค้าแต่ละคนๆ ก็จะต้องพูดบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมา…..”
“ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมเองสามารถโทรแจ้งตํารวจเดี๋ยวนี้ให้ได้เลยนะ และให้สหายตํารวจมาเป็นผู้ประเมิน ..ว่าในฐานะที่ผมเป็นผู้บริโภค ผมสามารถเข้ามาที่นี่ ..ได้ หรือไม่ได้?” หลินฟาน ได้พูดออกมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินว่า หลินฟาน จะโทรแจ้งตํารวจ พนักงานหญิง ก็ได้เกิดกลัวขึ้นมาทันที จากนั้นเธอก็ได้พูดด้วยความโกรธออกไปว่า “ฉันขี้เกียจที่จะพูดกับคุณแล้ว!”
อย่างไรก็ตามเธอคิดว่า หลินฟาน คงไม่สามารถซื้อเสื้อผ้าที่นี่ได้ ..อย่างแน่นอน ดังนั้นแม้ หลินฟาน จะเลือกเสื้อผ้าได้เรียบร้อยแล้ว อีกสักพักพอเมื่อ หลินฟาน ต้องการจ่ายเงิน เขาก็จะต้องไม่มีเงินพอที่จะจ่ายแน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้น มันก็จะกลายมาเป็นเวลาของเธอที่จะจัดการกับอีกฝ่าย และเธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะดุด่า หลินฟาน ออกไปอย่างดุเดือด..
ดังนั้น พนักงานหญิง จึงเลิกสนใจ หลินฟาน และหันกลับไปทักทาย และให้บริการแก่ หญิงวัยกลางคน ..ต่อ
หลินฟาน ไม่สนใจ และได้เดินไปรอบๆ ร้านอย่างอิสระ และเลือกเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว เพราะกางเกงของเขาเองก็ยังคงเปียกอยู่เล็กน้อย เขาจึงเลือกกางเกงตัวหนึ่งมา และได้เข้าไปในห้องลองเสื้อที่อยู่ข้างๆ โดยตรง
เขาได้ลองเปลี่ยนทั้งเสื้อ และก็กางเกง
เมื่อได้มองดูไปที่กระจก มันก็ไม่เลว พอดีตัวมากๆ แม้ว่าพนักงานจะมีทัศนคติที่ย่ำแย่มาก แต่ชุดของแบรนด์นี้ก็ดูใส่สบายมาก มันทำให้เขารู้สึกพอใจ
หลินฟาน ก็เลือกที่จะสวมมัน และเดินออกไปจากห้องลองเสื้อโดยตรง
“คนสวย มาคิดเงินให้ผมด้วย” หลินฟาน ได้ร้องเรียก พนักงานหญิง
พนักงานหญิง ก็ได้หันหน้ากลับไป แล้วต้องตกตะลึงไปในทันที…
หลินฟานในขณะนี้ กับหลินฟาน คนเมื่อกี้นี้ ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย.. ก็ว่าได้ อย่างคำพูดที่ว่า ‘คนต้องพึ่งเสื้อผ้า’ นี่มัน.. ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หลินฟาน แม้จะหล่อ แต่การแต่งตัวแบบเมื่อกี้นี้ ก็ทำให้คนคิดไปได้โดยง่ายว่าเขา เป็นคนจน..
ในเวลานี้.. มันกลับแตกต่างออกไป มองปราดเดียวก็รู้ว่า หลินฟาน เป็นคนรวย และก็ช่างหล่อเหลาจริงๆ!
พนักงานหญิง ได้ส่ายหัวของเธอ เพื่อปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้น มาตอนนี้เธอ.. อย่าได้ไปหลงกลในรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของ หลินฟาน ตอนนี้เธอมันกำลังถูกหลอกอยู่นะ และก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเขามันเป็นคนจน และไม่สามารถจ่ายมันได้!
“คนสวย รีบๆ บอกหน่อยว่าชุดนี้ ราคาเท่าไหร่? ตอนนี้ผมกำลังรีบ” หลินฟาน ได้กล่าว
พนักงานหญิง ที่กลับมามีสติ และตั้งใจจะบอกราคา เพื่อให้ หลินฟาน ถอยกลับออกไป..
แต่ไม่ทันที่ พนักงานหญิง จะได้พูดออกไป ทันใดนั้น หญิงวัยกลางคน กลับพูดออกไปว่า “ยัยหนู ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเอาชุดนี้ ลูกชายของฉันหากใส่แล้วจะต้องดูหล่อมากแน่ๆ ราคาเท่าไหร่ มาๆ ช่วยฉันคิดเงินก่อนเถอะ”
พนักงานหญิง ก็ได้รีบพูดไปว่า : “ได้ค่ะ..”
จากนั้นเธอก็ได้ตั้งใจที่จะช่วย หญิงวัยกลางคน ชำระเงินก่อน..
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินฟาน ก็ได้ขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “คนสวย ดูเหมือนผมจะร้องเรียกให้คิดเงินก่อนนะ”
คําพูดนี้มันได้ทำให้ หญิงวัยกลางคน รู้สึกไม่พอใจ และเธอก็ได้มองไปที่ หลินฟาน แล้วก็ได้พูดหัวเราะเยาะออกมาในทันทีว่า “คุณเนี่ยนะ.. ก็แค่ไอ้พวกคนจนๆ ที่ตายไปแล้ว คิดได้อย่างไรว่าตัวเองจะสามารถจ่ายมันได้ อย่ามาทำขายหน้าคนอื่นเลย และก็อย่าได้มาขัดขวางฉันจ่ายเงินด้วย รู้ไหมว่าคุณมันกำลังถ่วงเวลาของฉัน!”
ถ้าผู้หญิงคนนี้ มีทัศนคติที่ดี หลินฟาน ก็ย่อมที่จะปล่อยเธอไป.. แต่เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้ว หลินฟาน ก็ไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยเธอ..
“โอ้.. ป้าใหญ่ กรุณาต่อแถวด้วย ขอบคุณ” หลินฟาน ได้กล่าว พร้อมกับได้หัวเราะออกมาเบาๆ
“อะไรนะ.. นี่คุณเรียกฉันว่าอะไร?” หญิงวัยกลางคน ก็ได้กระโดดขึ้นมาด้วยความโกรธ..