ตอนที่ 1062 ดำเนินการตามกฎตระกูล?
หลังจากเหตุการณ์ที่เย่ว์หยางไปร่วมกินเมนูพายเนื้อน้ำค้างร้อยบุปผา อาจารย์ทุกคนในโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ารู้ว่านักเรียนไตตันเป็นนักเรียนหัวดีและกตัญญู
ทุกวันยกเว้นบทเรียนกลุ่มที่จำเป็น
อาจารย์ทุกคนในชั้นเรียนจะมาช่วยแนะแนวเย่ว์หยางในการทำวิจัยและพัฒนาความรู้สามสาขาวิชาพวกเขาแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญเป็นของตนเองเมื่อเข้าร่วมเต็มที่ความเร็วในการวิจัยและพัฒนาจึงรวดเร็วมากจริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาจารย์ใหญ่จะมีความสุขแค่ไหน ประการแรกเขาคิดว่า เขาเป็นผู้ตัดสินความสามารถที่ดี เขาพบว่านักเรียนไตตันมีแนวโน้มศักยภาพที่ไม่จำกัด และเขาเป็นคนพบเจอ นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นหลังได้กินพายเนื้อน้ำค้างร้อยบุปผาแล้วอาการคิดถึงแม่ของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด และใบหน้าของเขาเริ่มมีรอยยิ้ม
ในสายตาของอาจารย์ใหญ่เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิมหลายสิบปี
ความรู้สึกถึงความสำเร็จที่อธิบายไม่ได้
เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
“เด็กน้อย! สิ่งที่เจ้าต้องการก็คือการพักผ่อน แม้ว่าข้าจะไม่ได้ใช้ปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตข้าก็ตาม แต่ข้าไม่อยากเห็นเจ้านั่งที่นี่เฉยๆ เป็นเวลาสามเดือน ข้ารู้ว่าต้องใช้ความพยายามมากเพียงไหนอาจกล่าวได้ว่าไม่มากเกินกว่าจะตำหนิได้... ฟังให้ดี เจ้าต้องพักผ่อนสามวัน ข้าจะให้เจ้าหยุดพัก เจ้าไม่ต้องพูด ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงเรื่องอะไร! เวลาไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อาจารย์ในโรงเรียนจะค่อยๆเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป พวกเขาสามารถแบ่งเบาภาระให้เจ้ามากขึ้น” อาจารย์ใหญ่วิจารณ์อย่างมีความสุข การให้เย่ว์หยางหยุดพักพิเศษสามวันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดให้เขาหยุดไม่ต้องทำอะไร สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือพักผ่อน
“ปล่อยให้เราจัดการเอง!” อาจารย์โอมอนผู้ให้การอบรมวันนี้เขาสอนนักเรียนเสร็จก็รีบปล่อยนักเรียนผู้ไม่มีแววทันทีรีบมาให้ความสนใจกับหุ่นรบบินที่เย่ว์หยางกำลังพัฒนา
บิดาของอาจารย์โอมอนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญหุ่นนักรบที่มีชื่อเสียง
แต่จนกระทั่งเขาตายไปแล้วเขามีเรื่องเสียใจอยู่อย่างเดียว
นั่นคือเขาไม่สามารถเห็นหุ่นรบบินได้
เขาตายตาไม่หลับ
อาจารย์โอมอนเป็นบุตรกตัญญูในครอบครัวเขามีพี่น้องเก้าคน เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว พี่น้องเก้าคนเริ่มรับมรดกตกทอดการค้นคว้าของบิดาแต่ไม่มีความคืบหน้า ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง อาจารย์โอมอนจู่ๆได้ยินว่ามีนักเรียนอัจฉริยะประสบความสำเร็จในการพัฒนาหุ่นนักรบชนิดร่อน เขารอข้อมูลการทดลองและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในสนามรบ
เมื่ออาจารย์ใหญ่สั่งให้เขามีส่วนร่วมและช่วยเย่ว์หยางค้นคว้าวิจัยหุ่นรบบินเขาดีใจแทบคลั่ง
ในตอนเผชิญหน้าเย่ว์หยาง
อาจารย์โอมอนไม่พูดอะไร
แต่พอเขาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เขาน้ำตาไหลพรากร้องไห้เหมือนเด็ก ... เพราะขาดแคลนกำลังคนอาจารย์โอมอนจึงเรียกพี่น้องทั้งหมดในตระกูล พวกเขานำเงินทุกคนมาจำลองการสร้างหุ่นนักรบบินขนาดใหญ่ตามแบบผังที่เย่ว์หยางออกแบบ
แน่นอนว่านี่เป็นแค่ไม้สำหรับทำตัวอย่าง
อัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง
วัสดุทุกชนิดที่จำเป็นสำหรับการผลิตหุ่นนักรบบินจริงไม่มีทางซื้อได้หมดในคราวเดียว
แม้ว่าการบินนี้เป็นไปได้ทางทฤษฎี แต่เก้าพี่น้องทำงานกันอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนไม่รู้จักหลับจักนอน
ด้วยวิธีนี้เอง
ในห้องปฏิบัติการหุ่นรบบินจะมองเห็นเก้าผู้เชี่ยวชาญงานสร้างหุ่นนักรบเหมือนกับเป็นศิษย์ที่ฟังเย่ว์หยางสั่ง ตราบเท่าที่เย่ว์หยางสั่ง ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาทำไม่ได้
มีอาจารย์ในโรงเรียนที่ไม่พอใจอยู่คนเดียวก็คืออาจารย์อูผู่เขารับผิดชอบค้นคว้าผังอักขระรูน
เนื่องจากโรงเรียนมุ่งเน้นการผลิตหุ่นรบบินการวิจัยอักขระรูนของเขาจึงถูกพักไว้ชั่วคราว แม้ว่าอาจารย์อื่นในโรงเรียนยินดีจะช่วยสร้างหุ่นนักรบบิน และไม่มีใครช่วยเขาที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางวิจัยพัฒนาผังอักขระรูนนี้เอามาใช้กับหุ่นนักรบบิน หากไม่มีอักขระรูน หุ่นนักรบบินก็จะด้อยคุณภาพดังนั้นเขาจึงต้องประท้วงอาจารย์ใหญ่ ถ้าผังอักขระรูนถูกใช้กับหุ่นนักรบบิน อย่างนั้นสมาธิจะคลาดเคลื่อน และอาจารย์อูผู่ก็ต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เกียรติยศโดยรวมแห่งความสำเร็จของคนๆนั้นจะยิ่งฉายประกาย แม้แต่คนโง่ก็รู้
ยิ่งกว่านั้นเขารู้สึกว่าถ้าเขาค้นคว้าวิจัยอักขระรูนกับนักเรียน เขาจะมีความลับความสัมพันธ์ที่จริงใจมากกว่า คาดว่าแม้แต่อาจารย์ใหญ่ก็ยังมาหาเขา
“อาจารย์ใหญ่ อาจารย์โอมอน อาจารย์อูผู่ข้าขอลา...” ก็เหมือนเด็กมารยาทดีประจำโรงเรียนหลังเลิกเรียน เย่ว์หยางเดินออกจากประตูโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าโดยมีอาจารย์ใหญ่ตามส่ง
“เด็กคนนี้!” อาจารย์ใหญ่ถอนหายใจ น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่หลานชายของเขามิฉะนั้นในชีวิตนี้เขานับว่าตายตาหลับแล้ว
เมื่อกลับไปปราสาทไดมอนด์สตาร์พ่อบ้านตู้ลี่นำจดหมายสองสามฉบับมาให้เย่ว์หยาง
จดหมายเขียนมาจากจงหัวเจ้าเมืองไม้เงินและนายกเทศมนตรีสองคน
นายกเทศมนตรีทั้งสองเรียนว่าอสูรทะเลถูกกำจัดและโจรถูกกวาดล้างในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาเขาทำอย่างดีที่สุด เย่ว์หยางโยนจดหมายทิ้งโดยไม่อ่าน ใครก็ตามที่เชื่อความภักดีของพวกหญ้าบนกำแพงก็นับว่าโง่เต็มประดาถ้าไม่ใช่เพราะเขาแสดงฝีมือเล็กๆ น้อยๆ ที่จวนเจ้าเมืองไม้เงินนายกเทศมนตรีทั้งสองเมืองคงแจ้นเข้าไปกอดต้นขาจงหัว จดหมายจากเจ้าเมืองไม้เงินเห็นได้ชัดว่าเขารู้สถานะของเย่ว์หยางจากจงหัว เขาต้องการแก้ไขความคิดเห็นเล็กน้อยและใช้คำที่สุภาพมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเชิญให้เย่ว์หยางเข้าร่วมงานเลี้ยงอีกครั้ง เขายังกล่าวอีกว่าเขาจะเข้าร่วมในพิธีประเมินชีวิตและร่วมแสดงความยินดีกับเย่ว์หยางซึ่งเป็นเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและชัยชนะของเขา
เพราะอาจารย์ใหญ่กำชับอาจารย์ในโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าไว้อย่างเด็ดขาดให้ทุกคนตระหนักว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างชื่อในหุบเขามนุษย์การประกาศเกียรติคุณสามสาขาของเย่ว์หยางจะรั่วออกไปไม่ได้
มิฉะนั้นเจ้าเมืองไม้เงินคงจะไม่ยอมนั่งเฉยและดำเนินการตรวจสอบโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้า
จดหมายจากจงหัวเจ้าตำหนักแสงมีความจริงใจมากขึ้น คำพูดคำกล่าวให้เกียรติเรียกกันเหมือนพี่เหมือนน้องทุกคำ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางรู้ว่าเจ้าผู้นี้ไม่ใช่ตัวดี เขาคงสับสนแน่นอน
สำหรับจงหัวเกียรติยศในหุบเขามนุษย์ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของเขา
ไม่ว่าเขาจะสู้มากเพียงไหนเขาไม่อาจแข่งกับจีอู๋ลี่ได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาสามารถร่วมมือกับเผ่าพันธุ์อมตะที่ลี้ลับที่สุดในแดนสวรรค์บน เขาเชื่อว่าจีอู๋ลี่และเจ้าตำหนักสูงสุดจะใหญ่ขึ้นสามเท่าเลยทีเดียว
เพื่อให้ได้เป็นสหายที่ดีกับเย่ว์หยาง จงหัวแทบทนรอไม่ได้ที่จะควักหัวใจออกมาให้เขาดู อสูรทะเล โจรป่า ฝูงหมาป่ารบกวน หรือเงินขาดมือ จงหัวจะไม่ว่าอะไรเลยเขาจะช่วยทำเรื่องนี้ให้ราบรื่น หากไม่ใช่เพราะช่วงแรกเย่ว์หยางต้องอยู่ที่โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าแล้ว คาดว่าจงหัวคงจะมาเยี่ยมหาเขาทุกวัน เพื่อส่งเสริมจงหัว เจ้าเมืองไม้เงินแทบไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรส่งของหายากหลายอย่างไปที่ปราสาทไดมอนด์สตาร์ในนามของจงหัว “คนขี้โกง! เจ้าสามารถหลอกลวงผู้คนได้จริงๆ!” กลับไปยังโลกคัมภีร์ สาวงามโล่วฮัวโผเข้าอ้อมกอดเย่ว์หยาง นางบีบจมูกเขาเกรี้ยวกราดเล็กน้อย ขณะที่คนอื่นไม่ใส่ใจเขารีบจุ๊บปากนางราวกับแมลงแตะผิวน้ำ
“ปกติข้าไม่เห็นด้วยกับการต้มตุ๋นผู้คน แต่คนอย่างจงหัวต้องหลอกให้หนักเท่าที่เป็นไปได้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชูหมัดน้อยๆ กวัดแกว่ง
นางไม่ชอบคนตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ไม่ว่าจะเป็นจีอู๋ลี่
จงหัว
นอกจาก (ผู้อาวุโส)สองคนที่ต่อสู้อย่างดุร้ายที่หอทงเทียนยังได้มุมมองที่ดี
เย่ว์หยางเห็นแม่เสือสาวอารมณ์ดีในวันนี้อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อนาง “แม่เสือสาว,วันนี้คงมีอะไรดีใช่ไหม? หรือการกระบวนการหลอมรวมกับดาบเทพมีความก้าวหน้า?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเมื่อได้ยินนางก้มหน้าลง ในแง่การฝึกฝนนางเป็นคนที่ฝึกฝนหนักเอาจริงจังอย่างไม่ต้องสงสัย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะไล่ตามเสวี่ยอู๋เสียผู้หลอมรวมกับประกายเทพได้อย่างไร? อย่างไรก็ตามการหลอมรวมกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้นางยังไม่สามารถหลอมรวมในขั้นตอนสุดท้ายได้ นี่คือขอบเขตปราณราชันย์ระดับหนึ่งเพื่อเลื่อนไปที่ระดับสอง แต่ก็ยังเหมือนเดิมทำให้นางผิดหวัง
เย่ว์หวี่ลอบส่งสัญญาณบอกน้องชายไม่ให้พูดจี้ใจดำของใครบางคน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยากนักที่จะอารมณ์ดี
ตอนนี้ทั้งหมดกลายเป็นเช่นนี้
“แม่เสือสาว, ข้าจะช่วยเจ้าเองรับประกันสามวันเห็นผล” เย่ว์หยางรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เขาต้องลงมือช่วยนาง มิฉะนั้นจะส่งผลต่อการฝึกฝนของนางได้ง่ายและไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะปล่อยให้นางติดอยู่ในสภาพคอขวดเป็นเวลานานไป
“เจ้าช่างพูดจริงๆ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผลักอกเย่ว์หยางอย่างไม่พอใจ และนางยังคงดื้อดึง นางจะยอมรับน้ำใจไมตรีเขาต่อหน้าคนอื่นๆหลายคนได้อย่างไร ที่สำคัญที่สุดเมื่อต้องให้เขาช่วยให้นางหลอมรวมดาบเทพจักรพรรดิอวี้นางก็ต้องฝึกพลังคู่รักกับเขา หากเขาติดต่อใกล้ชิดและดำเนินการฝึกลึกซึ้งไปอีกขั้นนางอาจไม่มีความมั่นใจในการป้องกันตัวเอง ก่อนที่เสวี่ยอู๋เสียจะคืนสติจากการหลอมรวมประกายเทพองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่านางควรกระตือรือร้นมากขึ้นไม่ยอมปล่อยให้สาวหิมะหัวเราะนาง และนางไม่อยากแพ้
“เฮ้, ข้าต้องการช่วยเจ้าจริงๆนะ...” เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเขาเหมือนคนที่ทำให้ทำให้ใครต้องอยู่ในอาการเสี่ยงหรือ?
“เสี่ยวซาน” เย่ว์หวี่ส่งสัญญาณไม่ให้เย่ว์หยางโวยวายนางชูนิ้วขาวเหมือนหยกและพูดกระซิบด้วยความเขินอายเล็กน้อย “ความจริงข้าคุยกับเชี่ยนเชี่ยนแล้ว นางเองก็เห็นด้วย แต่เจ้าไม่ควรให้ทุกคนรู้เชี่ยนเชี่ยนเป็นคนหน้าบาง เจ้าพูดอย่างนั้นนางจะเสียใจได้!”
“ขอบคุณพี่หวี่!” เย่ว์หยางตื่นเต้นวางโล่วฮัวลงและกอดเย่ว์หวี่เต้นหมุนตัวอย่างลืมตัว
ปมในใจนี้ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่อาจหลอมรวมกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้สำเร็จ
เขากังวลอย่างใจจดใจจ่อ
เขาไม่คาดว่าเย่ว์หวี่จะคลี่คลายปัญหานี้ได้
อยู่ต่อหน้าโล่วฮัวและอี้หนานเย่ว์หวี่อายและกังวล นางใช้กำปั้นทุบไหล่เย่ว์หยาง “เสี่ยวซาน! ปล่อยข้านะ ข้าเวียนหัว!”
เย่ว์หยางค่อยได้สติเขาอดหลั่งเหงื่อเยียบเย็นมิได้ นี่เขากอดเย่ว์หวี่ได้ยังไง? ทั้งยังทำต่อหน้าทุกคนด้วย... “ทำอะไรเหมือนเด็กอยู่เรื่อย!” เย่ว์หวี่เคอะเขิน แต่โชคดีที่เย่ว์ปิงและเป่าเอ๋อไม่อยู่ที่นั่นมิฉะนั้นนางคงรู้สึกอายมากกว่าเดิม นางตำหนิเย่ว์หยางให้หาวิธีแก้ไขปัญหาเสร็จก็รีบกลับเข้าห้องพักตนเองใจเต้นแรงเหมือนกวางตื่น
“ข้าลืมตัวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เย่ว์หยางมองดูโล่วฮัวและรีบแก้ตัวพัลวัล
“หือ? จะมีใครบอกว่าไม่เชื่อเจ้าเล่า? ไม่มี ไม่มีเลยจริงๆ ฮะฮะ” โล่วฮัวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
นางยิ้มและยักไหล่เหมือนกิ่งไม้หอมที่ไหวเอน
มีเสน่ห์ยั่วยวนจริงๆ
เย่ว์หยางตัดสินใจใช้กฎครอบครัวตอนกลางคืนสะสางกับสาวงามโล่วฮัว
แน่นอนว่าก่อนนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจดึงอี้หนานเข้ามากอดและจับมือสาวน้อย “อี้หนานผู้น่ารักของข้า ครั้งสุดท้ายเราทำการบ้านตอนกลางคืนเจ้าแอบตีก้นข้าจำได้ไหม?”
อี้หนานได้ยินเช่นนั้นนางรู้สึกหวานชื่นในใจโชคดีว่านางมีสติไม่พยักตอบรับ ขณะที่โล่วฮัวมองตาคม
โล่วฮัวฉวยโอกาส “กล้าจริงนะหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวจะยอมรับผิดหรือไม่?”
เย่ว์หยางรับบททันที “คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ถ้าข้าถูกหักเงินเดือนที่ยังไม่ได้รับเลย กฎหมายแรงงานคุ้มครองข้าไม่ได้เสียด้วย”
สำหรับตัวร้ายอย่างเขาจะทำอย่างไรได้?
โล่วฮัวหลบไม่ให้เขาจับตัวและใช้ไม้ตายสุดท้าย “เจ้ากล้าสู้ตอบโต้หรือ ไม่ร่วมมืออีกต่อไปแล้วใช่ไหม อย่างนั้นข้าจะเล่นงานเจ้าไม่ให้เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป!” คำขู่นี้เกี่ยวข้องกับความสุขในชีวิตของเขา ไม่มีทางที่เย่ว์หยางจะแข็งขืนนอกจากยอมรับโดยดุษฎี เขากอดนางทันที “เด็กโง่ ขืนจัดการเจ้าช้าเกินไปแล้วข้าจะหาเรื่องเจ้าได้ยังไง”
ยากที่จะเอาชนะสาวโล่วฮัวเขาได้แต่รับการจัดการจากนาง
มือหมาป่าเริ่มซุกซนขึ้นทุกขณะ
ทั้งสองเริ่มเสียงอ่อนและไม่ต่อต้านกันอีกต่อไป นางกระซิบที่หูเขาเบาๆ “เจ้าต้องการเบี้ยเลี้ยงองครักษ์ส่วนตัวไม่ใช่หรือ?”