ตอนที่ 1061 ข้าคืออาจารย์ใหญ่!
ปากกาขนนกธรรมดาร้อยด้ามนี้ไม่มีราคาถึงหนึ่งผลึกสวรรค์ด้วยซ้ำ
แต่ปากกาของวิเศษนี้มีมูลค่าถึงพันผลึกสวรรค์นั่นยากจะแลกเปลี่ยนได้ และนั่นเป็นของที่ไม่มีวันหมดอายุ
เขาไม่รู้จะวิพากษ์วิจารณ์นักเรียนคนนี้ยังไงจริงๆ จะบอกว่าเขาไม่ดีแต่เขาสามารถเปลี่ยนปากกาขนนกให้เป็นสมบัติวิเศษได้และใส่พลังวิญญาณที่สามารถวิวัฒนาการไปเป็นสมบัติกึ่งเทพในปากกาธรรมดาได้... ถ้าจะพูดว่าเขาทำได้ดีเขาไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร ถ้าเจ้าเด็กนี่เป็นลูกชายของเขา คาดว่าอาจารย์ใหญ่คงตบหน้าเขาไปแล้วนี่มันของวิเศษอะไรกัน?
เขาใส่พลังวิญญาณลงไปในปากกาเพราะเอาไว้ใช้เองไม่ใช่หรือ?
เย่ว์หยางเรียนด้วยความเคารพ “อาจารย์ใหญ่ที่เคารพถ้านักเรียนเรามีปากกาถ่ายทอดความรู้ อย่างนั้นในเวลาเรียน ท่านก็ไม่ต้องทำงานหนักกับการลอกการเขียนบันทึกตามแค่เพ่งสมาธิกับการฟังคำบรรยายปล่อยให้ปากกาจดไปเรื่อยๆ ท่านว่าดีหรือไม่?”
อาจารย์ใหญ่ฝืนถอนหายใจ “ใช่...”
เขาอยากจะบอกว่านอกจากเด็กน้อยเจ้าอยู่ในชั้นเรียนแล้วมีคนเรียนจริงจังไม่กี่คน มิฉะนั้นแมลงขี้เกียจอย่างพวกนั้นคงไม่ต้องมาสอบซ้ำชั้นเดือนแล้วเดือนเล่าปีแล้วปีเล่า? แม้ว่าจะมีนักศึกษาใหม่ที่ดีหลายคนในอนาคตอันใกล้ แต่สิ่งที่แน่นอนคือว่าแม้ภูมิปัญญาของทุกคนจะรวมกันเพิ่มพูนทวีคูณเป็นสิบเท่า แต่เกรงว่าคงไม่ได้ครึ่งหนึ่งเด็กน้อยเจ้าเป็นแน่
แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเย่ว์หยาง อาจารย์ใหญ่แม้ว่าจะรู้สึกขมขื่นในใจแต่ไม่สามารถหาคำวิจารณ์ออกมามาพูดได้เลย เขาได้แต่กล้ำกลืนคำพูด
สมบัติวิเศษช่างเถอะ เขาสามารถมีทิศทางการวิจัยแบบนี้ก็ได้
เรื่องใหญ่ก็คือลองให้เขาทำสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์อีกชิ้น...ฯลฯ
เด็กร้ายกาจนี่จะทำสมบัติวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์ได้อีกครั้งหรือไม่?
ชีพจรของอาจารย์ใหญ่เต้นแรงถึง300 ครั้งต่อนาทีจนหลอดเลือดแทบระเบิด เขาตื่นเต้นหัวใจเกือบวาย โชคดีที่อาจารย์ใหญ่เป็นผู้เห็นโลกมามาก แม้ว่าหัวใจของเขาแทบทนไม่ได้ แต่มองผิวเผินเขาเข้มแข็งและสงบ “นักเรียนไตตัน! เจ้าทำได้ดีแล้ว จงพยายามต่อไป!”
“ขอบคุณที่ท่านอาจารย์ใหญ่สนับสนุน ถ้าข้าสามารถเปลี่ยนปากกาขนนกไปเป็นระดับกึ่งเทพได้ภายในหนึ่งเดือน ข้าจะทุ่มเททำให้อาจารย์ใหญ่เป็นของขวัญในการสำเร็จการศึกษา” เย่ว์หยางทำตัวเหมือนเป็นนักเรียนจากโรงเรียนทหารมอบของขวัญให้กับขุนพลเก่า ทันทีที่พูดเช่นนั้นอาจารย์ใหญ่ปลาบปลื้มจนน้ำตาซึมเขาช่างเป็นนักเรียนที่ดีงาม ทำงานเสร็จแล้วก็ยังคิดถึงอาจารย์ใหญ่ หากเขามีกองทัพอยู่ในมือเชื่อได้ว่าขาคงจะส่งมอบให้เย่ว์หยางอย่างไม่ลังเล นักเรียนดีๆ แบบนี้จะหาได้ที่ไหน?
“ในเมื่อมีน้ำใจดีอย่างนี้ของวิเศษชั้นศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเราผู้เฒ่าจะรับไว้ก็แล้วกัน” อาจารย์ใหญ่ปลาบปลื้มจนริมฝีปากสั่น
“ขอให้อาจารย์ใหญ่ช่วยดูผลงานชิ้นที่สามของข้าด้วย” เย่ว์หยางทำท่าบอกให้เขาดูหุ่นนักรบผลงานชิ้นที่สาม
“มีปีกด้วยหรือ? เป็นปีกจริงๆ หรือนี่? หุ่นรบบินได้หรือนี่?” อาจารย์ใหญ่ข่มความตื่นเต้นท่าทางดูงุ่มง่ามตะลึง ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเคยคิดหุ่นรบบินได้ แต่ไม่มีใครทำได้สำเร็จ หุ่นรบบินได้ เจ้าเด็กร้ายกาจทำสำเร็จได้จริงๆ หรือนี่? ถ้าคำตอบคือใช่ นี่จะเป็นความก้าวหน้าของยุคสมัยแห่งการศึกษาค้นคว้า
“เพราะข้าไม่ได้เข้าสู่สนามรบจึงไม่มีทางได้ผลลัพธ์สุดท้ายโดยผ่านการทดสอบที่เฉพาะเจาะจง นอกจากนี้นี่ยังเป็นหุ่นแบบจำลองเท่านั้น การออกแบบของข้าคิดว่ามันจะเป็นหุ่นรบบินได้ขนาดใหญ่ที่มีปีกกางกว้างถึงสามสิบเมตรและมีน้ำหนักมากกว่าร้อยตันบทบาทของมันไม่สามารถใช้ในการต่อสู้โดยตรงได้ในขณะนี้ แต่ถ้ามีหุ่นนักรบอื่นเข้าสู่สมรภูมิและโจมตีมันอย่างน่าทึ่งบางทีมันอาจมีการทำงานตอบโต้บางอย่าง รุ่นนี้หากทดสอบในเมืองไม้เงิน สามารถบินได้.. ไม่, มันไม่ใช่การบินทดสอบจริงๆ การบินนั้นจริงๆแล้วคือการร่อนเป็นระยะทางสิบสองกิโลเมตรยังไม่นับว่าเป็นการบิน” เย่ว์หยางแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าสยดสยองของอาจารย์ใหญ่ เขาพูดช้าๆ แสดงอาการ ‘ถ่อมตัว’ อย่างมากที่สุด
“เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร?” อาจารย์ใหญ่คว้าคอเสื้อเย่ว์หยาง เขาใจจดใจจ่อรอคำตอบเพราะการออกแบบหุ่นนักรบในหุบเขามนุษย์เพื่อใช้ต่อสู้มีมานานแล้ว
“....” เย่ว์หยางยังคงนิ่งเงียบ
“นักเรียนไตตัน! โปรดยกโทษให้ข้าเพราะงานวิจัยของเจ้าน่าทึ่งจริงๆ เจ้าฟังให้ดีเจ้าอาจมีความหวังว่าจะออกแบบได้อย่างยอดเยี่ยมสมบูรณ์ตลอดเวลา เจ้าอาจเปลี่ยนความสัมพันธ์มากมายในหุบเขามนุษย์และนั่นจะส่งผลต่อผู้คนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเจ้าต้องศึกษาอย่างระมัดระวังและเจ้าจงค้นคว้าให้ดีอย่างจริงจังไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าใดก็ตาม จะใช้ทรัพยากรมนุษย์ทรัพยากรวัสดุ สถาบันผู้พเนจรแดนฟ้า เมืองไม้เงินขของเราจะสนับสนุนเจ้า หากเจ้าสามารถผลิตให้สำเร็จได้ในพิธีประเมินผลในอีกสามเดือนข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปเพียงใดก็ตามข้ากล้าบอกได้เลยว่าเจ้าชนะเลิศแน่นอน! นักเรียนไตตัน ตอนนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลอะไรทั้งนั้น การค้นคว้าวิจัยหุ่นรบบินได้ครั้งแรกของเจ้าเจ้ามีความต้องการสิ่งใด ก็ขอให้บอก!” อาจารย์ใหญ่รู้สึกว่าฤดูใบไม้ผลิของชีวิตของเขากำลังมาเยือน
เพราะเทพเจ้าทรงประทานนักเรียนที่ยอดเยี่ยมมาให้เขา หากเขาไม่สนับสนุนให้เจ้าเด็กนี่สร้างผลงานชิ้นโบว์แดงนั่นจะเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ในชีวิต
โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าเมืองไม้เงินจะมีสถิติที่น่าภาคภูมิใจที่สุด
อดีตครูใหญ่
เขามีชื่อเสียงเพราะมีเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์รุ่นก่อนเป็นศิษย์
เจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์รุ่นก่อนได้รังสรรค์ผลงานที่ไม่มีใครเทียบได้ ขณะนี้บุตรของนางก็เป็นอัจฉริยะด้วยเช่นกัน ทั้งมารดาและบุตรล้วนเป็นอัจฉริยะที่ร้ายกาจ ความโชคดีที่น่าอิจฉาของอาจารย์ใหญ่คนก่อนกลับมาตกลงที่ตัวเขา
เจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์รุ่นปัจจุบันเป็นบุตรของเจ้าปราสาทรุ่นก่อนไม่ใช่คนรุ่นหลังที่กินบุญเก่าที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ แต่กลับเป็นอัจฉริยะไม่มีใครเทียบ
โอกาสมาถึงอีกครั้ง
ถ้าเขาต้องการคว้าโอกาสนี้คาดว่าอาจจะถูกผู้คนว่ากล่าวเสียดสี
แม้ว่าเขาจะไม่ยกโทษให้ตัวเอง..แต่ในฐานะอาจารย์ใหญ่ต้องการช่วยเหลือเย่ว์หยาง ในมุมมองต่อหน้าของอาจารย์ใหญ่ แม้ว่าจะไม่ได้รับเชิญจากนักเรียนกับทั้งระเบียบความลับในการวิจัย อาจารย์ใหญ่ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องคอยดูเงียบๆอย่างทรมาน ถ้าชื่อของนักออกแบบหุ่นนักรบบินมีชื่อของเขาเองอยู่ด้วย ต่อให้เป็นเพียงผู้ช่วยคนหนึ่งก็นับเป็นเกียรติที่ไม่มีใครเทียบได้ในหุบเขามนุษย์แล้ว!
“นักเรียนไตตัน! เจ้าต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนสิ่งใด ข้าขอบอกไว้ก่อนเลยว่ายินดีสนับสนุนเจ้าเต็มที่!” อาจารย์ใหญ่รีบเสนอตนเองอย่างไม่ลังเล
“ถ้าท่านไม่ถือสา ข้ามีอยู่เรื่องหนึ่งยากจะบอกกล่าวอยู่บ้าง” เย่ว์หยางพูดเช่นนี้ อาจารย์ใหญ่รีบบอกโดยแทบไม่ได้พักหายใจ
“บอกมาได้เลย ไม่ว่าจะยากแค่ไหน อาจารย์ใหญ่จะแก้ปัญหาให้เจ้า”
“ขอท่านช่วยเพิ่มเมนู ‘ของว่างร้อยบุปผา’ ในอาหารกลางวันข้าได้ไหม? ข้ารู้ว่านี่ไม่ค่อยถูกกฎ แต่ข้าชอบจริงๆเพราะนี่เป็นอาหารที่ท่านแม่ข้าออกแบบ เพราะเมื่อข้าได้กินแล้วทำให้ข้านึกถึงท่านแม่” เย่ว์หยางพูดแผ่วเบา แต่อาจารย์ใหญ่ได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนใจสลายแม้เขาจะเป็นคนที่เคร่งครัดมากก็ยังอดน้ำตาซึมไม่ได้
ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ!
เด็กฉลาดอย่างนี้ไม่มีมารดาอยู่ด้วยน่าสงสารจริงๆ
ขณะที่คนอื่นมีพ่อแม่ดูแล เด็กน้อยผู้น่าสงสารใช้ชีวิตอิสระอยู่ภายนอกต้องวุ่นวายกับการเรียน วุ่นวายกับการค้นคว้าไม่มีเวลาแม้แต่คิดถึงมารดาจนกระทั่งถึงเวลาอาหาร...อาจารย์ใหญ่ยังนึกถึงบุตรชายตนเองได้ เขาไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เอาแต่เตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกตลอดทั้งปี
เขาเห็นคำขอของนักเรียนผู้น่าสงสารข้างหน้าเขาแล้วอยากจะร้องไห้จริงๆ
ในฐานะอาจารย์ใหญ่ เขาพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาบุคลิกของเขา
แม้ว่าจะปลอบใจด้วยเสียงอ่อนโยนธรรมดาเพราะเขากลัวว่าพูดเสียงแข็งไปเล็กน้อยจะทำให้เด็กน้อยผู้น่าสงสารใจสลาย “โถ, เด็กน้อยผู้น่าสงสาร คำขอแบบนี้จะอุกอาจได้อย่างไร! ความกตัญญูของลูกเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีอะไรแทนได้ ส่วนของว่างน้ำค้างร้อยบุปผาที่เจ้าต้องการแม้ว่าจะไม่มีขายในร้านอาหารทั่วไปก็ตาม ข้าจะขอให้แม่เฒ่าโดโรทำให้ นางเป็นภรรยาข้าเอง นางเป็นคนรักเด็ก ถ้ารู้ว่าเจ้ามีความกตัญญูถึงเพียงนี้นางฟังแล้วคงร้องไห้ ฟังให้ดีเจ้ามาเป็นอาคันตุกะที่บ้านข้าได้ตลอดเวลา เจ้าไม่จำเป็นต้องถูกจำกัด เจ้าเป็นเหมือนอาคันตุกะเป็นเหมือนลูกหลานที่ข้ารักและแม่บ้านของข้าจะต้อนรับเจ้าที่บ้านเป็นอย่างดี...ตราบเท่าที่เจ้าต้องการ นางจะทำอาหารที่มารดาเจ้าคิดค้นขึ้นให้เจ้า!”
“จริงหรือ?” เย่ว์หยางถามด้วยความประหลาดใจ
“แน่นอน” อาจารย์ใหญ่เมื่อเห็นท่าทีไร้เดียงสานี้ เขาอดนึกสงสารจับใจมิได้ ท่าทางแบบนี้แม้แต่สิงโตหินหน้าบันไดยังทรุดตัวเลียมือของเด็กหนุ่มน้อยนี้ได้ เด็กหนุ่มน้อยผู้น่าสงสาร คงไม่มีใครรักเขามิฉะนั้นก็คงโดนทำร้ายจิตใจมาอย่างรุนแรงที่สุด
อาจารย์ใหญ่เงยหน้าขึ้น
เขารีบเช็ดคราบน้ำตาที่หางตาอย่างรวดเร็ว
เขากระแอมสองครั้งพยายามรักษามาดของอาจารย์ใหญ่ไม่ให้น้ำตาไหลต่อหน้าคนอื่น
เมื่อเย่ว์หยางโค้งคำนับและขอบคุณอย่างแข็งขันเขาอดยื่นมือประคอง‘เด็กผู้น่าสงสาร’ นี้ไม่ได้ “เด็กน้อย ความจริงเจ้าไม่ต้องฝืนใจไปเลย ถ้าเจ้าไม่มีเวลา จะช้าลงบ้างก็ได้ ข้าคาดหวังว่าเจ้าจะมีความสุขมากกว่าเกียรติยศศักดิ์ศรี!”
เย่ว์หยางทำนัยน์ตาไร้เดียงสาแปลกประหลาดเหมือนกับเป็นเด็กดีเขามองหน้าอาจารย์ใหญ่และตอบรับอย่างว่าง่าย “ท่านอาจารย์ใหญ่ ทุกๆ เดือนอย่างเดียวกัน แค่สามเดือนก็พอแล้วตราบเท่าที่ข้ามีเวลาว่างตอนบ่ายสักเล็กน้อย...” คำพูดหลังๆ เขาเสียงอ่อนแต่อาจารย์ใหญ่ยังคงได้ยิน นัยน์ตาของเขาร้อนผ่าวเขารีบหันไปทางอื่นกลัวนักเรียนเห็นน้ำตาสองสาย
ข้าต้องดูแลเด็กคนนี้เอง!
ถ้าเขายังคงพูดว่ายังคงต้องการเกียรติยศตอนนี้อาจารย์ใหญ่คงต้องทำใจ เขาตัดสินใจว่าจะต้องทำให้เด็กน้อยผู้นี้มีความสุข เขาจะพยายามอย่างดีที่สุด เด็กนี่มีความประพฤติดีและขยันทำงานหนักอย่างนี้ด้วยความสามารถระดับสูงเช่นนี้ เขาจะต้องผลักดันเขาให้ไปสู่อันดับหนึ่งของหุบเขามนุษย์ เขายังมีคุณสมบัติคู่ควรกับตำแหน่งผู้อาวุโสมิใช่หรือ?
“อาจารย์ใหญ่!อย่างนั้นพรุ่งนี้ ข้าขอให้แม่เฒ่าโดโรช่วยทำของหวานร้อยบุปผาจะได้ไหม?” เย่ว์หยางขอแม้แต่คนหัวรั้นที่สุดก็ยังพยักหน้า
“ไป, เรากลับไปกินกันเดี๋ยวนี้เลย...” อาจารย์ใหญ่ไม่เหลียวหลังจูงมือเย่ว์หยางและมีเสียงสะอื้นพาเขาไปบ้าน
“อาจารย์ใหญ่ร้องไห้หรือ?”
“เหลวไหล, ข้าแสบตา ลมมันพัดแรงน้ำตาข้าก็เลยไหล ข้าเป็นอาจารย์ใหญ่นะเฮ้ย...”