ตอนที่ 1060 นักเรียนดีมีความสามารถพิเศษ
ผ่านไปสามวันนับแต่ได้ฟังมหาบัณฑิตพันปีบรรยายจากหน้าต่าง
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับความลับของชีวิต แต่เขารู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป มิติดินแดนทดสอบฝีมือคือสถานที่ซึ่งผู้คนจะเข้าใจความลับของชีวิต เป้าหมายสูงสุดของการผ่านด่านไม่ใช่คัมภีร์เทพ แต่เป็นการเลื่อนชั้นไปเป็นระดับเทพ ที่สำคัญเทพแต่ละตนไม่ใช่ว่าจะเข้าใจความลับของชีวิต
ในช่วงสามวันที่ผ่านมาเย่ว์หยางขยันเข้าเรียน
หากคนที่เป็นครูอาจารย์เห็นเช่นนี้คาดว่าคงปากอ้าตาค้างไม่เชื่อภาพที่เห็นเป็นแน่
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในชั้นเรียนนี้เย่ว์หยางสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้มากมาย อย่างน้อยก็เป็นความรู้ที่ภายนอกไม่มีเปิดเผยให้เห็น ต้องอยู่ในหุบเขามนุษย์เท่านั้น สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือมหาบัณฑิตพูดในชั้นเรียนคาบเดียวแต่ต่อมาเขาไม่ได้บรรยายเพื่อแก้ข้อสงสัย แต่เขาได้พูดคุยกับเย่ว์หยางสักพัก แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจกับเจ้าของปราสาทไดมอนด์สตาร์ซึ่งเป็นพี่สาวของแม่สี่ มหาบัณฑิตพันปีไม่ได้บอกว่ารู้จักพี่สาวของแม่สี่ได้อย่างไร และไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับมารดาผู้ลึกลับของเย่ว์หยางนี้เพียงแต่เขาชื่นชมความเข้าใจในชีวิตของนางเย่ว์หยางสงสัยคำพูดเหล่านี้หมายความว่านางเข้าใจความลับของชีวิตหรือไม่
นางรู้เรื่องแดนล่มสลายแห่งทวยเทพหรือไม่?
เมื่อกลับไปยังโลกคัมภีร์ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนค่อนข้างจะเห็นด้วยกับการคาดเดาของเย่ว์หยาง แต่ความจริงก็คือเขาจะต้องหา ‘ท่านแม่’ เพื่อรู้เรื่องนี้ให้ได้
“นักเรียน, พวกเจ้าทั้งนักเรียนที่อยู่ในตระกูลสูงและนักเรียนสามัญชนอื่นๆทั่วไป วันต่อมาพวกเจ้าอาจอยู่คนเดียวหรือสืบทอดตำแหน่งสำคัญของตระกูล อนาคตของพวกเจ้าไม่มีที่สิ้นสุด แต่ข้าอยากเตือนพวกเจ้าว่าที่นี่ พวกเจ้าต้องมีความรู้และทักษะวิชาชีพก่อนที่จะได้รับสิ่งนี้ โปรดทราบว่าเราไม่ใช่ทหารรับจ้างผู้ดูเขลา เราไม่ต้องใช้หยาดเหงื่อพลังงานในการเลี้ยงดูพลเมือง แต่เราเป็นขุนนางผู้สง่างามและเป็นผู้บังคับบัญชาที่แท้จริง”
“ด้วยวิธีและความหมายเช่นนี้เราจะต้องเป็นเจ้านายที่มีความรู้และความสามารถสูง”
“ในช่วงสามเดือนต่อนี้ไปเราจะทำการฝึกฝนอบรมอย่างต่อเนื่อง มีผู้ฝึกสอนซ้ำๆ หลายคนในชั้นเรียน พวกเขามีประสบการณ์มากมาย ผู้มาใหม่อาจต้องถามพวกเขาให้มากขึ้น สองเดือนแรกนอกเหนือจากการเรียนรู้ เราจะเริ่มสร้างและเตรียมงานเพื่อวางรากฐานสำหรับการประเมินชีวิตในเดือนที่สาม”
“จำเอาไว้ เกียรติยศจะสถิตย์อยู่กับพวกเจ้าตลอดไป”
“ในการประเมินครั้งก่อน ถ้าไม่มีบารอนจงหัวเมืองไม้เงินของเราคงต้องอับอายในการประเมินจัดอันดับซึ่งข้าในฐานะผู้อำนวยการไม่ต้องการจะเห็น ข้าหวังว่าในการประเมินครั้งนี้จะมีคนสอบผ่านมากขึ้นและได้รับเกียรติยศ ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถติดสิบอันดับแรกพวกเจ้าจะมีคุณสมบัติได้รับตำแหน่งบารอน เมื่อได้สามอันดับ เจ้าจะมีอาณาเขตที่เป็นเอกสิทธิ์แม้จะเป็นเมืองเล็กๆก็ตาม หากพวกเจ้าลองใช้ข้อมูลสำหรับเปรียบเทียบข้าสามารถบอกได้เลยว่าแม้แต่เมืองน้อยที่เล็กที่สุดในเมืองไม้เงินก็มีมูลค่านับหมื่นผลึกฟ้าและไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้ามีเกียรติยศมากพอจะซื้อ”
“ต้องการเป็นเจ้าปราสาทที่แท้จริง? จงเรียนให้หนักทุกอย่างต้องสร้างขึ้นด้วยมือของพวกเจ้าเอง!”
สมาคมผู้พเนจรแดนฟ้ามีโรงเรียนให้การอบรมศึกษาความรู้แก่ผู้พเนจร
มีครูบาอาจารย์ให้การสั่งสอนสิบคน
อาจารย์ใหญ่เป็นชายชราหน้าเหมือนนกกระเรียนตาคมราวกับตาอินทรี เขาปฏิบัติต่อนักเรียนได้ไม่เลว จริงจังกับการสอนแต่เขาเข้มงวดกวดขันในเรื่องเกียรติยศของชีวิต
มีวิชามากกว่าร้อยอย่างในโรงเรียนให้เลือกศึกษา ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตาตื่นใจ นักเรียนในโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าเลือกเรียนได้อิสระและพวกเขาสามารถเลือกวิชาเอกได้สิบวิชาและพวกเขาสามารถเลือกวิชาเอกอุวิชาหนึ่ง ในวิชาเอกที่มากกว่าร้อยวิชาเหล่านี้ ถ้าในวิชาเอกมากกว่าร้อยวิชานักเรียนมีความสามารถโดดเด่นเหนือกว่าคนอื่นนอกจากนี้เขาอาจบรรลุเอกลักษณ์ที่เป็นของตนเอง โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าจะเป็นผู้สนับสนุนที่ดีที่สุดนอกเหนือจากให้คำปรึกษาเท่าที่จะทำได้
เย่ว์หยางเลือกเรียนวิชาเอกเจ็ดวิชาคือการเจรจาต่อรอง, กลยุทธ์, ทรัพยากร, การเงิน, ชีวิต, ศิลปะและวรรณคดี
ในบรรดาวิชาเหล่านั้นงานเขียน วรรณกรรมโบราณคือเป้าหมายในการค้นคว้าของเขา
สำหรับศิลปะเป็นเพราะในเรื่องของสถาปัตยกรรมจิตรกรรม ดนตรีหรือการประยุกต์อย่างอื่นก็ดี เด็กหนุ่มผู้มาจากโลกอื่นมีความมั่นใจว่าเขาสามารถทำงานได้หลังจากผ่านไปสามเดือน ชีวิตของชนชั้นสูงและทรัพยากรในหุบเขามนุษย์ล้วนเป็นสิ่งที่เย่ว์หยางต้องทำความเข้าใจอย่างเร่งด่วน สำหรับกลยุทธ์และการเจรจาต่อรองเย่ว์หยางต้องการรู้สองเรื่องนี้จริงๆ เพื่อใช้งานในหุบเขามนุษย์ นอกเหนือจากบางรายการที่มากกว่าร้อยแล้ว เย่ว์หยางสมัครสามวิชาใหญ่ที่ไม่แยกต่างหากคือวิชารูน วิชาสมบัติวิญญาณและวิชาหุ่นรบ
วิชาเอกหุ่นรบในหุบเขามนุษย์ไม่มีใครสามารถต่อสู้ได้โดยตรง
รวมทั้งทหารในสมรภูมิ
หากต้องการเข้าร่วมสงครามจะต้องสมัครผ่านรูปปั้นเทพขัดแย้ง
จากนั้นทุกคนเข้าสู่สนามรบเฉพาะเจาะจงและทหารผู้ขับเคลื่อนหุ่นรบจะเริ่มต่อสู้เอาชนะกัน...ผู้ชนะจะได้ครอบครองสินสงครามจากผู้แพ้ อย่างเช่นรับทรัพยากร เมือง เหมืองแร่หรือป่า ไร่สวน
ในสนามประลองก็เป็นความจริงที่เหมือนกัน
หากไม่มีหุ่นรบจะไม่มีทางสู้กันโดยตรงในหุบเขามนุษย์ นี่คือกฎเหล็ก
หุ่นรบขับขี่มีมาก่อนตั้งแต่หลายหมื่นปีที่แล้วอสรูรบปรากฏขึ้นมาอย่างน้อยสามหมื่นปีที่แล้วเป็นหุ่นรบที่ทหารต้องเข้าไปนั่งควบคุมเหมือนเป็นเกราะรบ แม้ว่าจะค่อนข้างงุ่มง่ามก็ตาม หุ่นรบขับขี่กลายเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในสนามรบจนกระทั่งหมื่นปีที่แล้วนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเข้ามาในหุบเขามนุษย์และเลือกวิชาเอกเป็นอสูรรบนางได้สร้างอสูรหุ่นรบที่ไม่เคยมีมาก่อน
เป็นอสูรหุ่นที่เชื่อมโยงกับทหาร สร้างเป็นอสูรรูปแบบสัตว์ต่างๆและรูปแบบพิเศษ หลังจากเข้าสู่สนามรบสามารถสู้กับศัตรูได้ตราบเท่าที่ทหารผู้สั่งการยังไม่ตาย พวกมันจะสู้ได้ตลอด
เนื่องจากความสำเร็จที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนนี้ ภายในเวลาเพียงสามเดือนนางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้รับสถานะนายอำเภอและจากนั้นหลังจากอสูรหุ่นของนางถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการนางเลื่อนลำดับขึ้นไปถึงระดับดัชเชส หากมิใช่เพราะนางออกไปจากหุบเขามนุษย์นางจะกลายเป็นธิดาสวรรค์และปกครองหุบเขามนุษย์แน่นอน บารมีชื่อเสียงของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่เพียงแค่มีอยู่ข้างนอกเท่านั้น แต่ในหุบเขามนุษย์นี้ นางมีชื่อเสียงไม่เบา!
แน่นอนว่าเย่ว์หยางคงไม่เดินตามเส้นทางเก่าของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
เขาต้องการพัฒนาหุ่นนักรบ
นั่นจะเป็นหุ่นนักรบพิเศษที่สร้างขึ้นในยุคใหม่
ยังไม่ต้องพูดถึงระดับของเย่ว์หยางในวันนี้ เย่ว์หยางได้รับสารานุกรมหุ่นอสูรที่เย่ว์กงทิ้งไว้ให้ นอกจากนี้เขายังได้สิ่งอ้างอิงที่ดีจากหุบเขามนุษย์นี้ หุ่นนักรบคือจุดแข็งของเย่ว์หยาง
“นักเรียนไตตัน, เจ้ามั่นใจจริงๆหรือว่าจะสร้างความสำเร็จในสามสาขาวิชาใหม่เหล่านี้ได้สำเร็จ?” เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อาจารย์ใหญ่ได้พบเห็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่เด็กนักเรียนสามารถเอาความโดดเด่นแต่ละสาขาวิชามาประมวลลงในวัตถุชิ้นเดียวนี่นับเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่พอ เด็กคนนี้ไม่ใช่พ่อค้าแม่ค้าขายผักตามตลาดสดทั่วไปไม่ใช่หรือ?
“อ่า.. นี่เป็นแนวคิดเริ่มต้นของงานข้า อาจารย์ใหญ่โปรดชี้แนะแก้ไขด้วย” เย่ว์หยางไม่ได้บอกว่าเขามีสาวๆกลุ่มใหญ่อยู่ที่บ้านคอยช่วยทำงาน ทุกนางมีความสามารถในการขีดเขียนอย่าว่าแต่สามวิชาเลย ต่อให้เป็นงานวิจัยสามสิบชิ้นก็ยังทำได้
“แผนภูมิอักขระรูนนี้....” อาจารย์ใหญ่สีหน้าเปลี่ยนทันทีเมื่อได้ยินว่านักเรียนเรียนได้สามวันก็สร้างผลงานได้แล้ว นี่มันอัจฉริยะแบบไหนกัน?
เขายากจะเชื่อเมื่อได้ยินเช่นนี้จริงๆ
หลังจากรับไปดูแล้วเขาพบว่าแผนภูมิอักขระรูนมีความซับซ้อนชั้นบนประกอบไปด้วยแผนภูมิอักขระรูนโบราณสามผังอักขระรูนสวรรค์หกผังและอักขระรูนที่ไม่คุ้นเคยอีกเก้าผังซึ่งเขาไม่รู้จัก ผังรูนจะมีการหมุนทุกๆ วินาทีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ในทุกวินาทีเขาตื่นตาตื่นใจตะลึงงันทันทีไม่อาจละสายตาจากผังอักขระรูนได้เป็นเวลานาน ผังอักขระรูนนี้ลึกลับเกินไป เขาไม่อาจชี้แนะได้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือแม้แต่คนที่อ้างตนเองว่าเป็นหอสมุดประจำเมืองไม้เงินก็ไม่รู้จักแผนภูมิอักขระรูนนี้นั่นทำให้เขาเสียหน้า
หน้าผากของอาจารย์ใหญ่มีเหงื่อผุดขึ้นหนาเม็ด
แน่นอนว่าหลังจากมีความลำบากใจแต่เขาก็มีความปิติใจอีกเช่นกัน เขาเองไม่สามารถชี้แนะให้คำแนะนำได้ อย่างนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีความแข็งแกร่ง หลังจากการประเมินสามเดือนคาดว่าเด็กหนุ่มนี้คงติดอันดับสามสุดยอดเมื่อเป็นเช่นนั้นเกียรติยศก็ยังคงอยู่ในเมืองไม้เงิน มีนักเรียนเช่นนี้ผู้เป็นอาจารย์พลอยได้หน้าไปด้วย!
เมื่อเขาคิดถึงตนเองในอีกสามเดือนข้างหน้าเขาคงมีความสุขอยู่ต่อหน้าสหายเก่าหลายคนได้
ฮะฮะไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นจะทำสีหน้าอย่างไร!
อิจฉา
เฮ้อ..อิจฉาเพราะไม่มีศิษย์ที่ดีเช่นนี้!
“เรียนอาจารย์ใหญ่ที่เคารพ,ผังภูมิอักขระรูนนี้เป็นแค่ต้นแบบเท่านั้น ยังจะต้องใช้เวลาอีกเดือนหนึ่งจึงจะสมบูรณ์” เย่ว์หยางอธิบาย ‘อย่างถ่อมตัว’
“หนึ่งเดือนหรือ? หนึ่งเดือน ฮ่าฮ่าไม่มีปัญหาเลย!” อาจารย์ใหญ่รีบปาดเหงื่อที่หน้าผากและยิ้มออกเป็นครั้งแรก “ข้านึกไม่ถึงเลยว่าผลของการค้นคว้าวิจัยอักขระรูนโบราณของนักเรียนไตตันถึงได้ลึกซึ้งยิ่งนัก สมกับเป็นบุตรของเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์จริงๆ...บัดนี้ ข้าจะให้เวลาที่เพียงพอแก่เจ้า ถ้าความรู้ในด้านสายอื่นช้าเกินกว่าจะเรียนรู้ อย่างนั้นเจ้าทุ่มสมาธิค้นคว้าวิชาหลักก่อนข้าจะแจ้งข่าวนี้ให้กับอาจารย์ผู้สอน เจ้าสงบใจเรียนต่อไปได้เลย”
“อย่างนั้นคงไม่ดีงามข้าต้องให้ความเคารพอาจารย์ผู้สอนทุกท่าน” ตอนนี้เย่ว์หยางประพฤติตัวเป็นนักเรียนที่ดีเหมือนตอนที่เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่สอง“นอกจากนี้ ยังไม่มีผลต่อการเรียนศึกษา หลังจากเรียนวิชาหลักแล้วยังพอมีเวลากลับไปค้นคว้าที่บ้านตอนกลางคืนได้
“นี่..อย่างนี้ จะไหวหรือเปล่า?” อาจารย์ใหญ่แสดงสีหน้าว่าไม่รู้สึกอะไรแต่ในใจรู้สึกว่าเด็กนักเรียนแบบนี้ เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต
“ผลงานอื่นอีกสองชิ้นอาจารย์ใหญ่โปรดช่วยข้าแก้ไขให้ถูกต้องด้วย” เย่ว์หยางจะเสนอผลงานอีกสองชิ้น
“เจ้าทำปากกาขนนกเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์หรือนี่? พระเจ้า, สิ้นเปลืองเกินไป... ของวิเศษเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นของวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์!” อาจารย์ใหญ่แทบยืนอยู่กับพื้นไม่ไหว
นักเรียนไตตันนี้ร้ายกาจจริงๆใส่พลังวิญญาณลงในปากกาขนนกทำเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้
เขาไม่รู้หรือว่านั่นเป็นเรื่องที่ทำลงไปแล้วฟ้าอาจพิโรธได้?