ตอนที่ 1058 บรรยาย ปัญหา มหาบัณฑิตพันปี
ในหุบเขามนุษย์ เขาไม่สามารถเรียกคัมภีร์อัญเชิญได้
ไม่สามารถใช้อสูรศึก
แต่สำหรับเย่ว์หยางการกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์โดยการนำของอสูรพิทักษ์ยังคงทำได้อยู่ หลังจากกลับเข้าไปแล้วองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่เข้ามารับหน้าเขาพวกนางไม่เหมือนสาวน้อยเย่ว์ปิงที่ขยันฝึกฝนจนเหนื่อย นางนอนหลับเร็ว นางไม่มีความคิดอะไรมาก เย่ว์หยางต้องไปเยี่ยมเยือนเจ้าเมืองไม้เงินในฐานะเจ้าปราสาทคนใหม่พวกเย่ว์หวี่กังวลห่วงใยเขา
พวกนางรู้ว่าในหุบเขามนุษย์ ไม่สามารถใช้วิทยายุทธ์ได้และเย่ว์หยางก็ตัวคนเดียวตามลำพัง อาจตกอยู่ในอันตรายได้ง่าย
เมื่อเห็นเย่ว์หยางกลับมาอย่างปลอดภัย
แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่มองผิวเผินจะเย็นชาแต่แม่เสือสาวยังลอบถอนหายใจโล่งอก
“เป็นอย่างไรบ้าง ? เจ้าเมืองไม้เงินเป็นคนแบบไหน? เขามีทัศนคติอย่างไร?” นางเซียนหงส์ฟ้าเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จกลิ่นตัวนางหอมฟุ้งนางรีบเข้ามาคว้าตัวเย่ว์หยางและจูบเขา จักรพรรดินีเทียนฟาไม่มีการสงวนท่าทีมารยาทเหมือนคนอื่นแม้กระทั่งต่อหน้าทุกคนนางก็กล้าทำไม่ว่าเด็กสาวอื่นจะได้รับการสั่งสอนมาว่าดีหรือไม่ดีเพียงใดก็ตามสำหรับนิสัยของนางเมื่อเห็นเย่ว์หยางกลับมา นางจะจูบต้อนรับเขา ทุกคนเริ่มชินตาเย่ว์หวี่อึดอัดเล็กน้อย แต่ไม่คิดอะไรมาก
“เจ้าเมืองไม้เงินเป็นเฒ่าเจ้าเล่ห์และมีความอดทนเป็นพิเศษ เขาอาจจะกลัวท่านแม่มาก เป็นเวลาสิบปีมาแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแต่ทันทีที่ข้าครอบครองปราสาทไดมอนด์สตาร์เขาจะมั่นใจว่าท่านแม่ออกจากหุบเขามนุษย์ไปแล้ว และจะเริ่มลงมือทันที แน่นอนจะต้องทำอย่างลอบเร้นนอกจากนี้ยังต้องมีผีตายแทน หรือแพะรับบาปแทน นับเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากลำบาก” เย่ว์หยางแสดงความเห็น
“ตามข้อมูลที่ได้ก่อนหน้านั้นแสดงว่าคนผู้นี้รับมือไม่ง่าย ในบรรดาเจ้าชายในหุบเขามนุษย์หลายคน เขามีอำนาจมากที่สุด” โล่วฮัวพยักหน้าและถาม “นอกจากเจ้าเมืองไม้เงินแล้วมีใครโดดเด่นขึ้นมาบ้างไหม?”
“อย่างน้อยก็มีสาม” เย่ว์หยางหัวเราะ
“มากขนาดนั้นเชียวหรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย
จะมีสักกี่คนที่ทำให้เย่ว์หยางเรียกพวกเขาว่าเป็นบุคคลโดดเด่นแม้จะอยู่ในแดนสวรรค์ก็ตาม? ในเมืองไม้เงินหุบเขามนุษย์นี้นอกจากเจ้าเมืองจิ้งจอกเฒ่าแล้วยังมีอีกสามหรือ? หุบเขามนุษย์เต็มไปด้วยพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนจริงๆ
เย่ว์หวี่ได้ยินเช่นนี้นางยิ่งกังวลมากขึ้น
ไม่สามารถใช้วิทยายุทธ์สู้ในหุบเขามนุษย์ได้ นั่นคือข้อกังวลของนาง
เย่ว์หยางทำท่าทางให้นางสงบจิตใจบอกว่าเขาสามารถรับมือได้เขาบอกทุกคนเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้พบเห็นในเมืองไม้เงิน “นอกจากเจ้าเมืองไม้เงินยังมีอีกคนหนึ่งชื่อหงเย่ เป็นเจ้าเกาะใบไม้ร่วง เขาเป็นคนลึกซึ้งเหมือนทะเลมองอย่างผิวเผินเป็นเหมือนคนธรรมดาลักษณะของเขาถ้าปรากฏตัวในฝูงผู้คนไม่มีอะไรโดดเด่นให้สังเกต ระหว่างงานเลี้ยงไม่มีใครให้ความสนใจถ้าจักษุญาณทิพย์ของข้าไม่สามารถมองเห็นการปลอมตัวของเขา บางทีข้าอาจจะปล่อยให้เขาหลอกลวงผ่านไป แต่คนผู้นี้ยังดีไม่เทียบเท่ากับจ้าวสุริยาแต่พลังและสติปัญญาของเขาไม่ด้อยกว่าราชาเฉินม่อ บางทีอาจจะพอๆกับจักรพรรดินีฟ้า เขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองไม้เงินเพราะเหตุผลบางอย่าง ข้าหวังว่าเป้าหมายของเขาคือเจ้าเมืองไม้เงิน มิฉะนั้นข้าคงปวดหัวจริงๆ”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า “นี่คือหนึ่งในนั้น แล้วอีกสองคนเล่า?”
เย่ว์หยางชูนิ้วกล่าวอีกครั้ง “คนที่สองเป็นหญิงรับใช้ใกล้ตัวเจ้าเมืองไม้เงิน แม้ว่านางจะมีสถานะต่ำ ดูเหมือนเป็นเพียงสาวใช้ของเจ้าเมือง แต่ข้าสังเกตอย่างระมัดระวังเมื่อใดก็ตามที่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าเมืองไม้เงินมักจะหันไปมองตานางก่อน ดังนั้นถ้าคนผู้นี้ไม่ใช่ที่ปรึกษาของเจ้าเมืองไม้เงินก็น่าจะเป็นธิดาของเจ้าเมืองไม้เงิน... ข้ากล้าพูดได้ว่าแม้แต่นางสนมก็ไม่มีทางได้รับความไว้วางใจขนาดนั้น”
เจ้าเมืองโล่วฮัวใส่ใจคำถามเดียว “เป็นสาวงามใหญ่ หรือสาวน้อย?”
เย่ว์หยางหัวเราะอย่างพอใจ “สาวใช้ที่รับเลือกมาในงานจัดเลี้ยงจะน่าเกลียดไหม? มีแต่คนโง่เท่านั้นที่เลือกสาวอัปลักษณ์มาดึงดูดใจ เอาเถอะน่าแม่สาวโล่วฮัวเจ้าไม่ต้องหึงนักหรอก”
“นางเป็นผู้เกิดใหม่หรือเปล่า?” องค์เชี่ยนเชี่ยนต้องการรู้ข้อมูลมากขึ้น
“มองผิวเผินนางไม่มีป้ายระบุสถานะ แต่เป็นไปได้ว่าน่าจะถูกถอดออก แม้แต่เจ้าเมืองไม้เงินก็ยังไม่มีตราสัญลักษณ์ แต่ข้าแน่ใจว่าเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้เป็นคนเกิดใหม่แน่ทั้งมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์” เย่ว์หยางยืนยันเต็มร้อยข้อหนึ่ง ทำให้ทุกคนประหลาดใจ แม้ว่าเป็นคนเกิดใหม่แต่รู้ได้อย่างไรว่าฝ่ายตรงข้ามเกี่ยวข้องกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์?
“ให้ข้าเดานะ” อี้หนานร่วมหัวข้อสนทนา ดวงตาดำและขาวของนางเปล่งประกายปัญญา “ข้าคิดว่าเจ้าต้องพบเห็นคนเกิดใหม่ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ในงานเลี้ยงมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าเมืองไม้เงิน”
“หือ?” เมื่อทุกคนได้ยิน ก็อดมองมาทางสาวน้อยอี้หนานไม่ได้ สาวน้อยนางนี้ปกติไม่ค่อยพบเจอ แต่นางค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว
“ผิดหรือเปล่า?” อี้หนานอายก้มหน้า
“ไม่ผิด, เดาได้ถูก!ข้าให้รางวัลเจ้า!” ว่าแล้วเย่ว์หยางดึงสาวน้อยเข้าหาตัวและประทับจูบนางทำให้อี้หนานรู้สึกอายหน้าแดงทุกคนหัวเราะปล่อยให้นางซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเย่ว์หยางเหมือนนกกระทาน้อย เย่ว์หยางรอจนทุกคนหัวเราะจบจึงพูดต่อ “อี้หนานพูดถูก ข้าเห็นคนเกิดใหม่เป็นคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่งานเลี้ยง และคนผู้นั้นคือเจ้าตำหนักแสงจงหัว!”
“อะไรนะ ว่าไงนะ?”
พอเย่ว์หยางพูดทุกคนรวมทั้งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและนางเซียนหงส์ฟ้าหน้าเปลี่ยนสีทันที
เจ้าตำหนักแสงจงหัวแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นคนเจ้าเล่ห์แข็งแกร่งพลังเป็นรองเพียงจีอู๋ลี่ แต่ความฉลาดของเขาพอกัน ศัตรูแข็งแกร่งขนาดนั้นจู่ๆก็ปรากฏตัว น่าประหลาดใจจริงๆ
หลังจากทุกคนสนองตอบแล้ว พวกนางกลับมาไตร่ตรองอีก
ในใจของพวกนางต่างค้นหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ เย่ว์หยางกลัวว่าทุกคนจะฟุ้งซ่านรบกวนใจจึงรีบอธิบายต่อ “สบายใจได้, จงหัวไม่รู้จักสถานะของข้า เขากับจีอู๋ลี่เป็นมิตรกันแต่เพียงผิวเผิน พวกเขาเป็นคู่แข่งกันและกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ข้าแกล้งทำตัวเป็นลูกหลานเผ่าบูรพาอมตะจากตระกูลลับของแดนสวรรค์บน พอเขาได้ยิน เขาดีใจมากและพยายามจะเอาชนะในการแข่งขันนี้ให้ได้ คาดว่าคงไม่มีปัญหาชั่วคราว อย่างน้อยจนกว่าข้าจะพบจีอู๋ลี่และเปิดเผยสถานะของข้า จงหัวก็ยังจะไม่มีปัญหา”
เย่ว์หวี่ยังกังวลอยู่เล็กน้อย “จงหัวหรือ? เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้หรือเปล่า? จุดมุ่งหมายของเขาคืออะไร?”
เจ้าเมืองโล่วฮัวก็มีความคิดเดียวกัน “เมื่อเจ้าเข้าหุบเขามนุษย์ เจ้าได้รับตกทอดปราสาทไดมอนด์สตาร์กลายเป็นเจ้าปราสาทคนใหม่ จงหัวไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่รู้”
เย่ว์หยางโบกมือ “สถานะของเจ้าของปราสาทไดมอนด์สตาร์ไม่มีใครเคยรู้ มิฉะนั้นเจ้าเมืองไม้เงินจะยอมรอมาถึงสิบปีโดยไม่ทำอะไรเชียวหรือ? นอกจากนี้ความตั้งใจเดิมของจงหัวอยู่ที่เมืองทรายขาวและเมืองศิลาดำได้เปลี่ยนไป แต่การเผชิญหน้ากับความตายของจงหัวนั้นใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ เขาสงสัยว่าข้าเป็นลูกหลานของเผ่าบูรพาอมตะจึงยกเลิกความคิดเดิมและร่วมมือกับข้า ข้าสามารถจัดการกับเขาได้ ถ้าเขารู้ว่าข้าเป็นนักรบของหอทงเทียนเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแสดงเจตนาที่ดีก่อน และมีแนวโน้มว่าเขาจะพยายามเอาชนะข้าเพื่อท้าสู้กับจีอู๋ลี่”
“นี่เป็นเรื่องดีที่คาดไม่ถึง” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชื่นชมดีใจ “ศัตรูระแวงกันเอง นั่นดีสำหรับเรา”
“ระวังคำพูดและการกระทำด้วย อย่าให้จงหัวสังเกตพบได้ คนฉลาดมักระแวงอยู่เสมอ เขาจะไม่เชื่อคนง่ายๆ แน่นอน ต้องมีเหตุล่อใจในอนาคตอย่างแน่นอน” นางเซียนหงส์ฟ้าและสาวๆชี้บอกจุดใหญ่ที่ควรระวังอย่างรวดเร็ว
“ข้าคิดวิธีจัดการเขาไว้แล้ว คราวนี้ไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะหลอกเขาจนตาย” ด้วยระดับปัจจุบันของเย่ว์หยางการกล่าวอ้างว่าเป็นเผ่าบูรพาอมตะย่อมไม่เป็นปัญหา
“โชคดีที่ครั้งนี้ เจ้าได้รับมรดกปราสาทของท่านแม่และปกปิดจงหัวได้ ถ้าเจ้าได้รับแต่เพียงความมั่งคั่งของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเจ้าจะต้องถูกมองออกอย่างแน่นอน และนั่นจะเป็นอันตราย จีอู๋ลี่และจงหัว ทั้งคู่เข้าสู่หุบเขามนุษย์ล่วงหน้าก่อนเราสามเดือน ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาคงผ่านการคัดเลือกได้ พวกเขาไม่ใช่คนใหม่ และเรายังไม่ได้ทำพิธีประเมินชีวิตในอีกสามเดือนข้างหน้า อย่างน้อยเรายังปลอดภัยได้สามเดือน” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรวบรวมข้อมูลทั้งหมดและวิเคราะห์พวกเขาทีละคน และพบว่าเย่ว์หยางยังมีข้อได้เปรียบบางอย่าง โดยเฉพาะความเข้าใจผิดของจงหัวจะทำให้เย่ว์หยางถูกมองข้ามในระยะแรกและใช้ชีวิตที่ราบรื่นได้
“นั่นดีจริงๆ ช่วยให้เราคลายกังวลไปได้” เย่ว์หวี่ค่อยรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
“จงหัวมีสถานะอะไร?” นางเซียนหงส์ฟ้ายังต้องการคุยหัวข้อเรื่องจงหัว เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิด อย่างนั้นก็อาจทำให้เข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น
“เป็นบุตรคนที่สิบของเจ้าเมืองไม้เงิน” เย่ว์หยางเสริม “จีอู๋ลี่เหนือชั้นกว่า เขากลายเป็นเจ้าชายโอรสสวรรค์... คาดว่าเขาต้องการเอาชนะชิงบัลลังก์ทำได้สำเร็จก็จะได้คะแนนสูง เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากคัมภีร์เทพ”
“ถ้าเขาทำเช่นนั้น ก็ต้องพบกับชะตาเป็นศัตรูของสาธารณะ ปล่อยเขาไปก่อนตอนนี้เราสามารถนั่งบนภูดูพยัคฆ์กัดกันไปก่อน” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่านี่เป็นการกระทำที่ดีที่สุด จีอู๋ลี่ตกเป็นเป้าหมายของทุกคนเพื่อให้เย่ว์หยางสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วในลักษณะไม่ทำตัวให้โดดเด่น ทันใดนั้นนางพยักหน้าและกล่าว “ดูเหมือนเจ้าเมืองไม้เงินจะเป็นคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จริงๆจีอู๋ลี่รับบทในนามจักรพรรดิหุ่นเชิด เขาใช้ประโยชน์จากภูมิหลังตระกูลที่มีชื่อเสียงแต่ก็พอผ่านไปได้อย่างไม่เต็มใจนัก แต่คนที่มีบทบาทที่แท้จริงอย่างเจ้าเมืองไม้เงินจงหัวยังยอมเป็นลูกชายคนที่สิบของเขาถ้าเจ้าเมืองไม้เงินไม่ใช่คนในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ก็มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยอมรับเจ้าบัดซบจงหัวนี้เป็นลูกชาย”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าเมืองไม้เงินนี้คือบิดาของจงหัวจริงๆอย่างนั้นหรือ?” อี้หนานทำตาโตขณะถาม
“มีความเป็นไปได้ อย่างน้อยก็คงเป็นญาติกัน” นางเซียนหงส์ฟ้าเห็นด้วยกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่ว่าหากไม่ได้รับการยอมรับจากเจ้าเมืองไม้เงิน จงหัวจะไม่มีทางได้เป็นบุตรคนที่สิบของเจ้าเมืองไม้เงิน เจ้าเมืองไม้เงินเป็นคนมีชีวิตและจิตใจไม่ใช่ตัวละครที่ดำเนินไปตามที่เกมคอมพิวเตอร์ตั้งค่าไว้
“แล้วจะทำยังไงต่อไปดี?” อี้หนานรู้สึกว่าเขาต้องคิดหาแผนที่ดีก่อนพัฒนาภายใต้อิทธิพลของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
“ฮ่าฮ่าฮ่า, ได้เวลาพักแล้ว!” เย่ว์หยางอุ้มสาวน้อยอี้หนานไปที่สระน้ำและพักผ่อนด้วยกันไม่เปิดโอกาสให้สาวน้อยขี้อายได้ปฏิเสธ นางเซียนหงส์ฟ้าอดโมโหไม่ได้ตัดสินใจร่วมมือกับพี่น้องปราบปีศาจใหญ่นี้ให้ได้ โล่วฮัวตื่นเต้นเล็กน้อย แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่นิ่งทั้งคู่ พวกนางไม่สนุกด้วย
“เจ้าหมอนี่!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโมโหอยากจะลากตัวลามกใหญ่มาทุบตีจริงๆ
“......” เย่ว์หวี่รีบกลับเข้าห้องพักเพราะหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาจะมีกิจกรรมแปลกๆเมื่อได้ยินเสียงแล้วมันน่าอายและอึดอัดใจ
วันรุ่งขึ้นเย่ว์หยางออกมาด้วยความสดชื่นเต็มเปี่ยม
เขาเดินไปตามถนนเมืองไม้เงิน
วนรอบเมืองครึ่งรอบ เขาจึงค่อยไปรายงานตัวกับสมาคมผู้พเนจร
ที่เรียกว่าสมาคมผู้พเนจรหมายถึงคนที่เกิดใหม่ ผู้เกิดใหม่ในหุบเขามนุษย์ทั้งหมดโดยทั่วไปถูกมองว่าเป็นผู้พเนจรที่ออกไปหาประสบการณ์อดีตชาวหุบเขาเดิมเรียกผู้มาเกิดใหม่ว่าผู้พเนจรพฤติกรรมที่กลับมาจากภายนอกเรียกว่าการหวนคืน แน่นอนอดีตผู้อยู่อาศัยในหุบเขาบางคนก็เป็นลูกหลานคนผู้เกิดใหม่ เขาเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่มันถูกเรียกมาอย่างนี้เป็นพันปีแล้วโดยไม่เปลี่ยนแปลง
สมาคมผู้พเนจรถูกสร้างขึ้นในเมืองใหญ่เท่านั้นมีสองรูปแบบคือ “สมาคมผู้พเนจรสูงศักดิ์’ และ ‘สมาคมผู้พเนจรรากหญ้า’
การฝึกฝนทั้งสองรูปแบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ผู้ผู้พเนจรสูงศักดิ์จะฝึกฝนวิถีชีวิตของคุณชายตระกูลสูงส่งและอย่างอื่น และผู้พเนจรรากหญ้าจะต้องเรียนรู้ถึงวิธีการเอาชีวิตรอดในหุบเขามนุษย์ เรียนรู้ทักษะในการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นในหุบเขามนุษย์วิธีสะสมทรัพย์สินและใช้ชีวิตที่ดีในหนึ่งวันโดยไม่ต้องคำนึงถึงเสื้อผ้าและอาหาร
แน่นอนสำหรับคนเกิดใหม่ สิ่งที่ต้องทำจริงๆคือผ่านการทดสอบให้เร็วเท่าที่ทำได้
หุบเขามนุษย์ไม่ใช่ที่พักถาวรสำหรับคนเกิดใหม่
ต้องทำรายได้ให้ถึงแสนผลึกสวรรค์จึงจะได้ออกจากหุบเขานั่นคือเป้าหมายสูงสุดของผู้เกิดใหม่
เนื่องจากสถานะของเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์ พนักงานต้อนรับจึงให้ความเคารพเขาอย่างมากหลังจากลงทะเบียนแล้วเย่ว์หยางมอบเงินทิปให้เขา คนผู้นี้กระซิบแนะนำเย่ว์หยาง “มหาบัณฑิตพันปีกำลังบรรยายเพื่อขจัดความสงสัย ถ้าเจ้าปราสาทไตตันมีเวลา ท่านควรไปฟัง นั่นเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง เพราะมหาบัณฑิตพันปีอยู่บรรยายอย่างนี้ปีละครั้ง ถ้าพลาดปีนี้ไป คุณชายจะต้องรอปีหน้า”
เย่ว์หยางเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาจะรออะไรอีก?
ในห้องบรรยายกลุ่มนักเรียนที่ฟังบรรยายคาดว่ามาจากสถานที่อื่นๆ เมืองไม้เงินไม่ได้มีผู้เกิดใหม่เป็นผู้สูงศักดิ์มากมายแน่
เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปในห้องบรรยาย แต่ยืนฟังอยู่ที่ระเบียงก็ยังดี
อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่มีที่นั่ง
เย่ว์หยางตั้งใจฟัง ขณะที่ฟังนั้นเขาประหลาดใจ เพราะมหาบัณฑิตพันปีบรรยายข้อว่า...“ชีวิตคืออะไร? บางทีทุกคนอาจรู้แล้วว่างู หนอน นกและอสูรเป็นสิ่งมีชีวิตรวมทั้งคนต่างเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นโนม คนแคระปีศาจ เทพ เอลฟ์ มนุษย์ ทุกอย่างในที่โลกนี้ที่เราเห็นด้วยตา ล้วนมีชีวิต แต่ข้ากล้าบอกได้ว่าหลายคนไม่รู้ว่าชีวิตจริงคืออะไร? และอะไรคือความหมายที่แท้จริงของชีวิต...”
“ความลับของชีวิตแม้แต่เทพเจ้าก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ เทพเจ้าสร้างอะไรได้หลายอย่าง อย่างเช่นเทพสมบัติที่ทรงพลัง วิหารที่รุ่งเรือง แม้แต่บรรพตภูผา ทะเลสาบยักษ์ เทพเจ้ามีอำนาจทุกอย่างในสายตาเรา แต่พวกเจ้าอาจไม่รู้ว่าแม้แต่เทพเจ้าก็ไม่สามารถสร้างชีวิตขึ้นง่ายๆโดยเฉพาะชีวิตชั้นสูงยากที่จะสร้างได้
“พวกเราหลายคนคิดว่าชีวิตไม่มีอะไรที่เป็นความลับทุกคนในห้องนี้สามารถผ่าสิ่งมีชีวิตเช่นซากกบและเปิดดูโครงสร้างอวัยวะภายในแค่มองดูก็รู้ว่าง่ายและชัดเจนมาก ฆ่าหมาป่าและแล่เนื้อพวกมันออกดูทั้งหมด ก็เป็นเรื่องง่าย”
“แต่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ชีวิตเลย”
“ชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ตาเปล่าจะมองเห็นได้ สัจธรรมทั้งหมดเป็นเรื่องลี้ลับมาก”
“เรามาลองยกตัวอย่าง มนุษย์, สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ไม่มีทักษะระดับชีวิตปานกลางเหมือนกับมดตัวหนึ่ง มีชีวิตที่เจ็บปวด จะลุกเดินงอตัวก็รู้สึกเจ็บปวดพิการได้ง่าย จะทำลายชีวิตของพวกเขาก็ทำได้ง่าย สำหรับหลายๆ ชีวิตมนุษย์นั้นไร้ความสามารถ เปราะบางและอายุขัยสั้นมาก ในช่วงร้อยปีอาจสูญสลายไปจนไม่เหลืออะไร ร่างกายของพวกเขาไม่สามารถต้านทานได้ มีดสามารถตัดฟันร่างของพวกเขาจนเลือดสาด ความเจ็บไข้ได้ป่วยสามารถทรมานร่างกายของพวกเขาจนแทบไม่อยากมีชีวิตต่อไป จุดที่น่าสังเวชที่สุดก็คือมนุษย์ไม่มีพลังใจที่แข็งแกร่งพวกเขาต้องพักผ่อนทุกวัน นอนหลับทุกคืนไม่เช่นนั้นวิญญาณร่างกายของพวกเขาจะพังทลาย ลองคิดดูมนุษย์เปราะบางขนาดนั้น ชีวิตอย่างนั้นทำไมเราถึงต้องไปพูดถึงด้วย? ทำไมต้องให้ความสนใจกับสิ่งมีชีวิตเช่นนี้?”
“เหตุผลง่ายๆ พวกเจ้าบางคนอาจรู้ว่ามนุษย์ที่อ่อนแอและน่าสมเพชที่ข้าเพิ่งกล่าวถึงนี้ เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น พวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุด”
“ในทุกเผ่าพันธุ์จำนวนมนุษย์ที่มาในแดนสวรรค์นั้นมากกว่าจำนวนของเผ่าพันธุ์อื่นถึงสิบเท่ารวมกัน
“ข้าคิดว่าทุกคนคงจะเริ่มคิดได้หลังจากได้ฟังความแตกต่าง”
“ชีวิต..คืออะไรกันแน่?”
“ความลับของชีวิตคืออะไร?”