ตอนที่แล้วตอนที่ 1056 ยิ้มลี้ลับของเย่ว์หยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1058 บรรยาย ปัญหา มหาบัณฑิตพันปี

ตอนที่ 1057 ใครจะหัวเราะในท้ายที่สุด?


เย่ว์หยางยังไม่ได้ไปรายงานตัวที่จวนเจ้าเมืองในเมืองไม้เงิน

เขาอยู่ในเมืองไม้เงินมาสามวัน

ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้ทำอะไรมาในสามวันนี้ และพ่อบ้านตู้ลี่ยังคงส่งเย่ว์หยางกลับไปยังปราสาทไดมอนด์สตาร์  จนกระทั่งยามเย็นวันที่สามก่อนพระอาทิตย์ตกดินในที่สุดเย่ว์หยางก็มาถึงจวนเจ้าเมืองไม้เงินส่งบัตรเกิดใหม่พิสูจน์สถานะและเข้าพบเจ้าเมือง

ในฐานะขุนนางชั้นสูงและมีปราสาทมีศักดินาของตนเองพวกทหารไม่กล้าละเลยเขา

ไม่เพียงแค่นั้นเจ้าเมืองไม้เงินถึงกับลงมารับเย่ว์หยางด้วยตนเอง

เพื่อแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของเขา

เจ้าเมืองไม้เงินเป็นชายชราผมหงอกไว้เคราขาวยาวถึงหน้าอกสวมชุดยาวถือไม้เท้าหัวมังกร เขามองดูเหมือนบัณฑิตผู้ทรงภูมิมากกว่าเป็นเจ้าเมือง แม้ว่าจะเป็นจักรพรรดิที่ไม่มีอำนาจจริงในหุบเขามนุษย์แต่ก็เป็นตัวแทนผู้รับผิดชอบประทับตราในตำแหน่งหุ่นเชิดที่ทำหน้าที่ประทับตราขุนนางเย่ว์หยางรู้สึกเหมือนอยู่ในสมัยรัฐฉิน อำนาจจริงในหุบเขามนุษย์ก็คือราชาซึ่งมีหลายคน  เจ้าเมืองไม้เงินเป็นหนึ่งในเจ้าชายที่มีอำนาจแท้จริงเขามีทหารฝีมือดีและบ่าวทาสบริวารเป็นหมื่นๆ มีกองทัพที่ติดอยู่ในห้าอันดับแรกของหุบเขามนุษย์

คนที่มีอำนาจมากอย่างนั้นกลับลงมาต้อนรับเด็กหนุ่มเจ้าครองปราสาทคนใหม่ด้วยตนเองแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถกุมหัวใจคนรอบข้างได้

ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้น

คนรอบตัวเขา ล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ผู้ปกครองทั้งนั้น

“หนุ่มน้อย, ทันทีที่ข้าเห็นเจ้าข้าก็ชอบใจทันที  เจ้าเก่งพอๆกับมารดาเจ้า แต่น่าเสียดายที่นางมีความทะเยอทะยานในระดับที่สูงขึ้นไปไม่มีความตั้งใจจะอยู่ในหุบเขาตลอดไป ไม่เช่นนั้นราชินีองค์ใหม่จะต้องเกิดขึ้นเหมือนดวงดาวที่งดงาม  ข้าชอบเจ้ามากกว่าลูกชายข้าเสียอีก  เจ้านั่นไม่ยอมทำงาน อย่าไปพูดถึงเขาเลย  แต่เจ้ายังหนุ่มแล้วยังยอดเยี่ยมมาก  ข้าได้คนดีมาเพิ่มอีกคน  มานี่เถอะพ่อหนุ่ม! ข้าสั่งคนให้จัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับไว้แล้ว  ข้าต้องใช้พิธีต้อนรับที่เคร่งครัดที่สุดเพื่อต้อนรับเจ้าปราสาทและขุนนางใหม่แห่งเมืองไม้เงิน  นั่งลงก่อนพ่อหนุ่ม มานั่งใกล้ๆ ข้า  ใช่แล้ว เจ้ามีคุณสมบัตินี้  สำหรับเด็กหนุ่มที่มีความโดดเด่นข้ายินดีต้อนรับเสมอ  ข้าชอบบุรุษหนุ่มมากกว่าอะไรทั้งนั้น”  เจ้าเมืองไม้เงินเป็นเหมือนผู้เฒ่าใจดีสั่งให้เย่ว์หยางมานั่งใกล้เขาเพื่อให้ดูสง่างาม

“ถึงแม้ว่าท่านจะมีใจเอื้อเฟื้อเมตตา  แต่ด้วยธรรมเนียมที่ข้าได้รับการอบรมมาข้าควรจะนั่งให้ถูกที่” เย่ว์หยางรีบขอบคุณเขา สายตาที่ริษยาสามารถฆ่าเขาได้ เขาไม่อาจนั่งข้างเจ้าเมืองไม้เงินได้

ประการแรกนี่เป็นการทดสอบของเจ้าเมืองไม้เงินเพื่อดูว่าเด็กหนุ่มนี้จะรู้ถึงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำหรือไม่

ประการที่สองการนั่งใกล้เจ้าเมืองไม้เงินไม่ใช่เรื่องดี มีแต่จะทำให้คนอื่นไม่พอใจ

อาจตกเป็นเป้าหมายของทุกคนแทน

อาจเป็นการดีกว่าถ้าปฏิเสธความโปรดปรานแบบผิวเผินนี้

เจ้าเมืองไม้เงินรู้จักพี่สาวของแม่สี่อย่างนั้นหรือ?

เย่ว์หยางคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นตัดสินได้จากข้อมูลที่รวบรวมได้ก่อนนั้น เจ้าเมืองไม้เงินมีแนวโน้มว่าค่อนข้างจะเกลียดชังเจ้าของปราสาทไดมอนด์สตาร์ซึ่งเป็นพี่สาวแม่สี่มารดาของเย่ว์หยาง สตรีลึกลับที่ไม่ลึกลับอีกต่อไป

อย่างน้อยก็ไม่เห็น

ไม่มีใครต้องการคนโดดเด่นในการสร้างปราสาทไดมอนด์สตาร์ในดินแดนอาณาเขตของตนเอง

ไม่มีใครต้องการให้เมืองทั้งสองที่อยู่ใกล้เคียงเขตอำนาจของเขาตกอยู่ในการควบคุมของผู้อื่น

คนผู้ไม่มีความกระหายอำนาจไม่มีทางทำได้สำเร็จ

ยิ่งไปกว่านั้นคนอย่างเจ้าเมืองไม้เงินเป็นพวกบ้าอำนาจและต้องการขยายอำนาจ?

มองผิวเผินเป็นคนดีไม่จำเป็นต้องมองเรื่องส่วนตัว ถ้าเจ้าเมืองไม้เงินเป็นคนดีมากจริงๆ เมื่อมีอสูรทะเลที่เมืองทรายขาว มีโจรขโมยที่เมืองหินดำ ทำไมเขาถึงไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย?

ดังนั้นไม่ว่าจะยิ้มหรือหน้าบึ้งเย่ว์หยางจะไม่เชื่อใจคนง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีอำนาจควบคุมความเป็นความตายได้  เย่ว์หยางเคยได้ยินคำคมหนึ่ง ‘ไม่มีพ่อค้าที่ใจดีแท้จริง ไม่มีนักการเมืองมือสะอาดไม่มีอำนาจที่มีความการุณย์  เขาเชื่อว่าเจตนาดีของผู้ปกครองชั้นสูงไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน

แน่นอนว่าแสดงความโกรธโดยตรงย่อมไม่ใช่เรื่องดี

ที่นี่คือหุบเขามนุษย์

ไม่สามารถใช้กำลังแก้ปัญหาได้  เขาต้องใช้สติปัญญาแก้ไข

ในงานเลี้ยงทั้งเจ้าภาพและแขกเหรื่อต่างจิบเหล้าไวน์อย่างเพลิดเพลินมองผิวเผินดูกลมเกลียวกันดี

จนกระทั่งจบงานเลี้ยง จู่ๆบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งลำดับที่สามแถวซ้ายมือถัดจากบัลลังก์เจ้าเมืองไม้เงินพลันลุกขึ้นยืน  หน้าของคนผู้นี้ขาว ตาคม ริมฝีปากบางราวกับดาบมองดูก็รู้ว่าเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาด

ก่อนหน้านี้เจ้าเมืองไม้ขาวได้แนะนำเขาให้รู้จักเย่ว์หยางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  โดยกล่าวว่าเขาเป็นหนึ่งในข้าราชการประจำเมืองไม้ขาวชื่อว่าฟ่าน เจ้าหน้าที่ผู้นี้แค่ยิ้มและดื่มทักทายเย่ว์หยางตามมารยาทดูเหมือนจะมีความเป็นมิตรคาดไม่ถึงว่าในท้ายงานเลี้ยงเขากลับจู่โจมอย่างไม่คาดคิด  เขาทำความเคารพเจ้าเมืองไม้ขาวและดื่มอวยพรให้เย่ว์หยางในฐานะนักดื่ม“ตอนนี้, ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ปรึกษา ข้าอยากจะแสดงความเคารพและขอต้อนรับเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์คนใหม่  ข้าหวังว่าจะมีสายเลือดขุนนางชั้นสูงเข้าร่วมกับเรา อย่างเช่นท่านที่ยอดเยี่ยมเหมือนเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์คนก่อนที่กระตือรือร้นแสวงหาขอบเขตที่สูงกว่าบางทีความสัมพันธ์ของเราคงจะใกล้ชิดสนิทกันมากยิ่งขึ้น”

เย่ว์หยางเมื่อได้ยินเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ที่นี่คนที่กล้าพูดเช่นนี้เป็นศัตรูไม่ใช่สหาย ไม่ว่าผิวเผินจะดูดีเพียงใดแต่มิอาจซ่อนความโลภในจิตใจที่ต้องการจะกลืนกินแม้แต่กระดูกของเขาเอง

เจ้าหน้าที่เมืองผู้นี้เป็นศัตรูของพี่สาวแม่สี่หรือไม่?

หลังจากสามารถอดทนรอจนงานเลี้ยงสิ้นสุดจากนั้นค่อยตอบโต้คืน  ฝีมือคนผู้นี้ไม่เลว

“ข้าไม่ทราบว่าใต้เท้าจะให้เด็กผู้มาใหม่อย่างข้าทำอะไร?”เย่ว์หยางไม่เคยกลัวการท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการประลองกำลัง หรือปัญญา

“ในฐานะเพื่อนบ้านของเจ้า  ควบคู่ไปกับมิตรภาพความภักดีทั้งสองรุ่นอายุคนข้าได้ยินมาว่าเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์เพิ่งจะพบเจอปัญหาเมื่อเร็วๆ นี้มันน่ารำคาญจริงๆ เพิ่งจะออกจากบ้านกลับมาควบคุมปราสาทต้องมาพบกับปัญหาอสูรทะเลและโจรขโมยนี่เป็นเรื่องน่าหงุดหงิดรำคาญจริงๆยิ่งไปกว่านั้นท่านเจ้าปราสาทยังต้องเรียนรู้ต้องทำการผ่านด่านไม่มีอำนาจในเขตปกครอง ระหว่างที่ต้องศึกษาสามเดือนเป็นอย่างน้อย เห็นได้ชัดว่าถ้าเจ้าเมินเฉยกิจการภายในเขตอำนาจของเจ้าคงจะไม่ดีนักหากท่านเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์ยอมรับเพื่อนบ้านอย่างข้าในฐานะสหาย  ข้ายินดีจะยื่นมือช่วยด้วยมิตรภาพส่งคนออกไปกำจัดอสูรทะเลและโจรป่าโดยไม่คิดอะไร เพื่อปกป้องความสงบสุขในเขตของเราด้วย” ท่านฟ่านนี้คาดว่าคงอ่านเรื่องเหลยฟงเยาวชน(คอมมิวนิสต์) ตัวอย่างมาไม่น้อย

“ขอบคุณ, นี่นับเป็นข่าวดีจริงๆ”  เย่ว์หยางตอบรับเบาๆ ไม่โกรธ หรือปฏิเสธ

“แม้ว่าจะเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดแต่อาณาเขตเป็นของคนอื่นหากใต้เท้าฟ่านส่งกำลังคนเข้าไปในเขตปกครองของปราสาทไดมอนด์สตาร์ดูเหมือนเป็นการละเมิดกฎหมายอยู่บ้าง” ใครบางคนลุกขึ้นยืนทันทีและคัดค้านพฤติกรรมที่ส่งทหารเข้าไปในเขตปกครองของผู้อื่น

กล่าวอีกนัยหนึ่งบุคคลผู้นี้ไม่ใช่ผู้มาใหม่ที่ไม่คุ้นกับการเห็นใต้เท้าฟ่านรังแกเด็กใหม่อย่างเย่ว์หยาง

แต่กังวลว่าเมื่อกฎถูกทำลายคนอ่อนแอก็จะไม่ยอมทนต่อไป

ดังนั้นเขาจึงคัดค้านหัวชนฝา

แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่หลายคนที่ยืนขึ้นและพูดถึงผลประโยชน์ของตนเอง

บางคนเห็นด้วยบางคนคัดค้านแข็งขัน ทั้งสองฝ่ายต่างใช้คำพูดโจมตีด้วยมุมมองของตนเอง  พยายามปกป้องผลประโยชน์ของตนเองในระดับสูงสุด

เย่ว์หยางมองคนเหล่านี้อย่างใจเย็นไม่พูดอะไรสักคำราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของเขาเอง เจ้าเมืองไม้เงินมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดดวงตาของเขาทอประกายประหลาดใจวูบหนึ่ง เพราะเย่ว์หยางเด็กใหม่ผู้นี้มีหลายอย่างผิดธรรมดาเกินไป

ตัวอย่างเช่นไม่แยแสผลประโยชน์และมีความมั่นคง นี่เป็นเรื่องหายาก

หรือตัวอย่างเช่นถ้าเขาตกอยู่ในอันตราย เขาจะยังใจเย็นอยู่ได้

พลังภายในอันยอดเยี่ยมของเย่ว์หยางนั้นเกินคาดหมายเจ้าเมืองไม้เงินไปอย่างสิ้นเชิง เขาคิดว่าเย่ว์หยางจะมีความคิดหัวรุนแรงเมื่อได้ยินคำพูดของใต้เท้าฟ่านอย่างน้อยก็ควรจะเปลี่ยนสีหน้า และแสดงความโกรธเมื่อมีคนต้องการยักยอกสมบัติของเขาในภาวะที่เป็นเด็กหนุ่ม ไม่มีเหตุผลใดที่เขาต้องเยือกเย็นขนาดนั้น  แต่น่าแปลกที่เด็กหนุ่มผู้นี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ไม่ต้องพูดถึงการยั่วยุของผู้อื่น แต่ทัศนคติของเขาคลุมเครือไม่ทำให้ชัดเจนว่าจะยืนยันรับ หรือปฏิเสธเด็ดขาด

ทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร?

หรือว่าเขาคาดการณ์เรื่องนี้ออกทั้งหมดแล้ว?

ขุนนางอีกคนหนึ่งยืนขึ้นแสดงความเคารพเจ้าเมืองไม้เงินบุรุษผู้นี้เป็นชายชราเคราดำนั่งอยู่ทางด้านขวามือตำแหน่งที่หนึ่งของเจ้าเมืองไม้เงิน  เขาพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย  “นับตั้งแต่การก่อตั้งเมืองไม้เงินขึ้นมา  พี่น้องพ้องเพื่อนของพวกเรามีความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมานานนับพันปีโดยพยายามไม่ให้มีการต่อสู้กันเองภายในเป็นเพราะเราไม่เคยเสียเลือดเนื้อสิ้นเปลืองพลังงานต่อสู้กันเอง  ดังนั้นจนถึงทุกวันนี้เราจึงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในการเผชิญศัตรูที่ทรงพลัง ทั้งยังพัฒนาก้าวหน้าต่อไป  ก่อนอื่นเราต้องขอขอบคุณใต้เท้าฟ่านสำหรับความกระตือรือร้นและน้ำใจไมตรีของเขา ที่กล้าเสี่ยงอันตรายและเสียสละอย่างยิ่งใหญ่จนเราสามารถมีวันนี้ได้   อย่างไรก็ตามบรรพบุรุษเราในหมื่นปีที่ผ่านมาได้กำหนดไว้ว่าเราไม่ควรเปลี่ยนข้อธรรมเนียมปฏิบัติจนมากเกินไปเพื่อไม่ให้หลงเดินเข้าสู่หนทางที่ผิด เราควรจะชื่นชมความตั้งใจดีของใต้เท้าฟ่าน  สำหรับการแก้ปัญหาชั่วคราวในเขตปกครองของเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์เราก็ควรช่วยด้วยเช่นกัน เราหวังว่าทุกคนจะแสดงมิตรภาพไมตรีด้วยตนเอง   ยิ่งเราช่วย สหายของเราก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น  ข้ามีข้อเสนอแนะที่อาจดูไม่เป็นผู้ใหญ่เกินไป  บางทีพวกเราทุกคนอาจมีส่วนร่วมได้ทั้งหมด เราจะรวมตัวชั่วคราวภายใต้การบัญชาการของท่านเจ้าเมืองเพื่อช่วยเหลือเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์อย่างสะดวกช่วยแก้ปัญหาเล็กน้อยเช่นนี้ นอกจากนี้เจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์จะได้เรียนรู้การใช้อำนาจของของเจ้าปราสาทไปพร้อมกัน”

“เห็นด้วย, มีท่านเจ้าเมืองเป็นผู้นำน่าจะดีกว่า” ใครบางคนได้ยินวิธีการนี้แล้ว รีบสนับสนุนเห็นด้วยทันที

“ต้องเป็นเจ้าเมือง”  ทุกคนส่งเสียงกึกก้อง

“ข้าเห็นด้วย” มีเพียงใต้เท้าฟ่านที่เหลืออยู่  หน้าของเขาเฝื่อนลงทันทีแต่ไม่อาจแข่งกับเสียงส่วนมากได้ เขาต้องปั้นรอยยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย

“แล้วใครจะเป็นผู้นำในการดำเนินการ?ถ้าเป็นใต้เท้าฟ่าน อย่างนั้นข้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง” ใครบางคนสังเกตปัญหาออกรีบกันใต้เท้าฟ่านออกไปทันที  เพื่อไม่ให้คนโลภถือโอกาสใช้เป็นข้ออ้าง

“เฮอะ” ใต้เท้าฟ่านแค่นเสียง แผนของเขาไม่ได้ผล เขาย่อมไม่ขอความช่วยเหลืออีกเป็นธรรมดา

“เราผู้เฒ่าจะขอเสนอทางเลือกได้ไหม?” ชายชราศีรษะล้านที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของเจ้าเมืองไม้เงินชูมือขึ้นทันใด  “ทำไมพวกท่านต้องกังวลเรื่องแบบนี้ด้วยเล่า ?  ความจริงมีผู้ที่มีคุณสมบัติที่ดีที่สุด  ข้าต้องการขอให้เขาช่วยลงมือพิทักษ์สมบัติ แต่ถ้าเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์กระตือรือร้นจะให้เขาเป็นผู้นำก็ได้”

“ใครกัน? เจ้ากำลังพูดถึงใคร?”  คนที่นั่งอยู่ในที่ประชุมสงสัยเล็กน้อย

“จะเป็นใครไปไม่ได้ เขาคือจงหัว บุตรคนที่สิบของท่านเจ้าเมืองซึ่งกลับมาจากโรงเรียน”  ชายชราหัวเราะอย่างมีความสุข

“.....”เย่ว์หยางเมื่อได้ยินก็เข้าใจเรื่องราวความนัยในที่สุดโชคดีที่จอมปีศาจไคเทียนหรือจีอู๋ลี่ไม่ได้ปรากฏตัวในเมืองไม้เงินมิฉะนั้นคงยุ่งยากมากขึ้น

เรื่องที่ตามมาเป็นเรื่องง่ายมากตอนนี้ผู้มีอำนาจที่นี่ได้อนุมัติข้อเสนออย่างเป็นเอกฉันท์และเลือกให้จงหัวเป็นผู้นำปราบปรามทันที  สำหรับมุมมองของเย่ว์หยาง เจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์ทุกคนไม่ต้องสนใจเรื่องนี้  ขุนนางมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาร่วมยังไม่เสร็จสิ้นการศึกษาวิจัยยังไม่ได้รับอำนาจอย่างเป็นทางการจากเจ้าเมืองยังจะพูดอะไรได้?

นอกจากนี้จงหัวยังเป็นบุตรคนที่สิบของเจ้าเมืองไม้เงิน เขาเพิ่งผ่านการฝึกฝนได้ผลงานที่โดดเด่น กล่าวกันว่าผู้ที่ฝึกฝนในบรรดาผู้มาใหม่ทุกคนที่กลับมาจากการศึกษาท่องเที่ยว จงหัวรั้งผู้มีผลงานยอดเยี่ยมเป็นอันดับสอง  ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาอย่างแท้จริงผลงานของเขาแค่เป็นรองจีอู๋ลี่ เด็กหนุ่มอัจฉริยะ โอรสสวรรค์

ผู้มีความแข็งแกร่งและชื่อเสียงขนาดนั้นถูกขอให้เป็นหัวหน้าปราบโจรเล็กโจรน้อย ย่อมไม่มีใครพูดเป็นธรรมดา

จงหัวถูกขอให้ออกมาช่วย

จงหัวมีความสง่างามสมกับเป็นบุตรที่ดีที่สุดของเจ้าเมืองไม้เงิน  ทันทีที่จงหัวปรากฏตัว เสน่ห์ราศีของเขาท่วมท้นครอบคลุมทั้งชายและหญิงโดยเฉพาะกับสาวใช้ที่มีพร้อมกับขุนนางต่างมองเขาด้วยความหลงใหล  จงหัวถ่อมตัวตอบรับตำแหน่งหัวหน้าปราบโจร เขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าบอกว่าเขาเพิ่งกลับมาจากการศึกษาดูงานยังไม่สามารถรับภาระหนักหน่วงได้  อย่างไรก็ตามในเมื่อทุกคนมีน้ำใจเขาขอรับน้ำใจไว้

เขาพูดในจุดที่เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อปราบโจร

อย่าไว้วางใจทุกคนมากไป

ในที่สุดเขารับรองกับเย่ว์หยางว่าการเดินขบวนไปจะไม่รบกวนผู้คนความต้องการในการจัดหาเสบียงให้เป็นหน้าที่ของเมืองไม้เงิน  ไม่จำเป็นต้องรบกวนเย่ว์หยางเจ้าประสาทคนใหม่

“เจ้าปราสาท !  เจ้ามีความคิดเห็นว่าไงบ้าง?”  เจ้าเมืองไม้เงินมองดูพร้อมกับรอยยิ้มในที่สุดเขาถามขึ้นเมื่อทุกคนพูดจบ

“ต้องขอบคุณท่านเจ้าเมืองมากที่ให้ท่านจงหัวช่วยเหลือในฐานะที่กิจการนี้อยู่ในขอบเขตของข้า ในฐานะขุนนางแม้ว่าข้าจะไม่ได้เป็นผู้บริหารจัดการเขตแดนอย่างสมบูรณ์แต่ข้าก็ขอรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ในครั้งนี้ถ้าโจรถูกฆ่าตาย ทางปราสาทไดมอนด์สตาร์ยินดีมอบเงินร้อยผลึกสวรรค์เป็นเงินสมทบช่วยเหลือ”  เย่ว์หยางปรบมือและร่วมยินดีอย่างเป็นธรรมชาติ  เขายิ้มจากใจแท้จริงเพราะคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาคือจงหัว ไม่ใช่จีอู๋ลี่หรือจอมปีศาจไคเทียน สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขก็คือเขาไม่รู้สาเหตุของการสงสัยร่วมกันหรือมิฉะนั้นจีอู๋ลี่คงไม่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับจงหัว  ดังนั้นจงหัวจึงไม่รู้จักตัวเขาหรือจงหัวไม่ทราบว่าเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์เป็นนักรบหอทงเทียน

ไม่ว่าจงหัวจะสงสัยสถานะของเย่ว์หยางเพียงไหนก็ตามแต่เขาไม่มีทางเดาออก

แน่นอนว่าเย่ว์หยางมีอย่างมีความสุข

เมื่อจงหัวเข้ามาดื่มอวยพรให้เย่ว์หยางเขาถามด้วยความสงสัย  “น้องชายเจ้าเป็นผู้เกิดใหม่ ไม่ทราบว่าเจ้ามาจากไหน? ทำไมดูแล้วข้ารู้สึกคุ้น?”

ดูเหมือนว่าเป็นความคุ้นเคยจอมปลอมจงหัวไม่เคยรู้เรื่องกิจการของเย่ว์หยาง เย่ว์หยางยิ้ม เขาชูแก้วตอบสนอง “มิบังอาจ,เจ้าตำหนักจงหัวผู้มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ราวกับฟ้าร้องกรอกหูข้าเด็กน้อยในตระกูลไม่อยากเอ่ยอ้างถึง หลีกเลี่ยงการหัวเราะเยาะแล้ว”

จงหัวเป็นเจ้าตำหนักแสงแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คิดว่าเขากำลังชนะด้วยขอบเขตพลังเทพ  เขาพบว่าน่าสงสัย และย่อมไม่ยอมแพ้เป็นธรรมดา

เจ้าสามารถรับมรดกปราสาทไดมอนด์สตาร์ได้จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?

คาดว่าต้องเป็นตระกูลมีชื่อเสียงจากแดนสวรรค์บน

เขาไม่กล้าแข่งดีกับตัวเขาเองดังนั้นจึงทำตัวไม่เด่นและปฏิเสธจะบอกชื่อตระกูล

เย่ว์หยางถูกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เขาแกล้งทำเป็นฝืนยิ้ม และแกล้งกระซิบที่ข้างหูจงหัวทำให้จงหัวตระหนักทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น แม้จะเป็นข้ออ้างแต่ก็ทำสีหน้าอบอุ่นเป็นกันเองและพยักหน้าให้เย่ว์หยาง  “น้องชาย! เมืองไม้เงินมีจงหัวอยู่จะไม่มีใครลงมือกับปราสาทไดมอนด์สตาร์ของเจ้าได้ ใต้เท้าฟ่านอย่าล้อเล่นเราคือผู้เกิดใหม่ที่สามารถได้รับเกียรติยศอย่างแท้จริง น้องชาย! ตราบเท่าที่เจ้ากับข้าร่วมกำลังกันเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าว่าแต่ใต้เท้าฟ่านเลย ต่อให้เป็นจีอู๋ลี่ผู้โอหังก็ยังอาจพ่ายแพ้ในมือพวกเราได้มีพลังครอบครัวเจ้าหนุนหลังและมีข้าคอยดำเนินการภายในแดนสวรรค์จะเป็นสถานที่ซึ่งข้าสามารถปกครองได้อีกนาน   ดีล่ะ ไม่ต้องพูดกันมาก ข้าจงหัวมีจิตใจที่เป็นมิตร  น้องชาย แล้วเจ้าจะเห็นความจริงใจของข้าในอนาคต”

จงหัวกล่าวลาเย่ว์หยางตอนนี้เขาเป็นเหมือนกับป๊อบอายที่กินผักโขมเพิ่มพลัง

เดิมทีเขาต้องการยึดดินแดนของผู้มาใหม่

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาไม่ต้องการทำเช่นนั้นแม้แต่น้อย เพราะเขาพบว่าเด็กใหม่ผู้นี้เป็นเหมือนขุมทรัพย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังของตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเขา  พลังยิ่งใหญ่ของแดนสวรรค์บน  ถ้าเขาสร้างมิตรภาพและได้ความช่วยเหลือจากเขา  ต่อไปเมื่อเขาต้องแข่งกับจีอู๋ลี่เขาจะมีความมั่นใจไว้ก่อน

หลายอย่างในหุบเขามนุษย์เทียบกับอนาคตในแดนสวรรค์บน  คนโง่ก็ยังรู้ว่าต้องเลือกเช่นไร

นอกจากนี้จงหัวยังไม่มีความมั่นใจว่าจะได้รับคัมภีร์เทพโดยหลักเขามาที่นี่เพื่อพยายามโจมตีคู่ต่อสู้บางคนที่อาจได้รับคัมภีร์เทพได้อย่างเช่นจีอู๋ลี่

ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลของเด็กหนุ่มจากแดนสวรรค์บนผู้นี้หลายอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง

แน่นอนว่าวัตถุประสงค์เบื้องต้นคือทำอย่างไรจึงจะได้รับความเชื่อใจจากเด็กหนุ่มนี่

ที่สำคัญฝ่ายตรงข้ามค่อนข้างระมัดระวังตัวมาก

จงหัวส่งเย่ว์หยางออกไปด้วยตัวเองและพยายามบอกเป็นนัยหลายครั้งว่าเขาไม่ได้อยู่ในหุบเขามนุษย์  เขาตั้งใจจะก้าวหน้าขึ้นไปอยู่แดนสวรรค์บน  ถ้าเป็นไปได้เขาจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเย่ว์หยาง  เย่ว์หยางย่อมรู้สึกพอใจเป็นธรรมดา  “ท่านเจ้าตำหนักจงหัว!  ทุกอย่างในหุบเขามนุษย์ไม่มีอะไรมากไปกว่าการฝึกฝน ผู้อาวุโสมักจะพูดเช่นนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจ  เข้าใจจิตใจมนุษย์รับรสชาติชีวิตที่แท้จริงทำความเข้าใจว่าคนที่แท้เป็นเช่นไร สำหรับข้าไม่สำคัญว่าเงื่อนไขนั้นยอดเยี่ยมหรือจะต้องทำงานอย่างหนัก  เข้าใจได้เร็วก็ถือว่าสำเร็จการออกจากสถานการณ์นี้ได้คือเป้าหมายของข้า นั่นคือวิธีที่ข้าจะได้รับเกียรติ ในแง่ของความร่วมมือนั่นเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน ที่สำคัญการผนึกพลังกันนั้นย่อมแข็งแกร่งดีกว่าการต่อสู้อย่างเดียวดาย แต่ว่าท่านเจ้าตำหนักจีอู๋ลี่เป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา  ข้ายังไม่สามารถยืนยันได้ชั่วคราวก่อนไว้ปรึกษากับผู้อาวุโสในตระกูลก่อนแล้วค่อยยืนยันคำตอบต่อท่านเจ้าตำหนักจงหัว”

ถ้าเย่ว์หยางรับปากทันทีจงหัวอาจจะสงสัย

เรื่องใหญ่อย่างนี้เขาต้องถามตระกูลก่อน

เป้าหมายหลักของจงหัวไม่ใช่จัดตั้งความเป็นพันธมิตรทันที  แต่ต้องการสร้างสัมพันธ์ที่ดีและรอโอกาสในอนาคต

เขาเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งกับจีอู๋ลี่มาเป็นเวลาหลายปี  เขาไม่สนใจจะรออีกต่อไปตราบใดที่ลูกหลานแห่งแดนสวรรค์บนเด็กหนุ่มผู้นี้ยินดีจะทำงานร่วมกับเขาอย่างนั้นการแข่งขันต่อสู้มีโอกาสสำเร็จถึงครึ่งหนึ่ง เมื่อเด็กหนุ่มนี้อยู่ในเส้นทางเดียวกับเขาเอง  ต่อให้จีอู๋ลี่พบเจอ เขาจะปฏิเสธจีอู๋ลี่อย่างไม่น่าเชื่อ

ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ก็เหมือนลงเรือลำเดียวกัน

รอจนฝ่ายตรงข้ามลงเรือเขาจะแล่นเรือทันที ต่อให้เขาพบว่านี่ไม่ใช่เส้นทางที่เขาต้องการไปก็คงเกินกว่าเขาจะควบคุมได้แล้ว

ในเวลากล่าวคำอำลาทั้งสองต่างยิ้มแย้มให้กัน ต่างแสดงอารมณ์ที่ดีต่อกัน...แต่ทั้งคู่ต่างมีความคิดเป็นของตนเอง

ยังมีความลับน้อยๆ อยู่ในหัวใจทุกคนไม่มีใครสามารถค้นหาทำลายได้

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาน่าจะได้หัวเราะในท้ายที่สุด  เพราะคนฉลาดอย่างเจ้าตำหนักจงหัว กลับไม่คาดว่าเขาเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่เขาเข้าใจผิดว่าเย่ว์หยางเป็นลูกหลานของตระกูลลึกลับจากแดนสวรรค์บน......

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด