ตอนที่ 1048 ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!
“ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”นี่คือคำสบถในนาทีแรกที่จอมปีศาจไคเทียนพูดหลังจากโกรธที่เย่ว์หยางเหยียบหลังของเขา”
“ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!” นี่คือคำพูดที่จอมปีศาจไคเทียนพูดหลังจากโจมตีต่อเนื่องผ่านไปหนึ่งชั่วโมง แต่เย่ว์หยางยังคงยืนหยัดอยู่ได้
“ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!” นี่คือคำพูดของจอมปีศาจไคเทียนหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งวันเต็ม
จอมปีศาจไคเทียนไม่เคยคิดมาก่อน
การต่อสู้กับเย่ว์หยางไม่ใช่การต่อสู้แบบครั้งเดียวก็ฆ่าได้เหมือนที่เขาทำได้ก่อนนั้นหรือเป็นการหยอกศัตรูแบบแมวหยอกหนู เพื่อล้างอายระบายความโกรธ เขาต้องการทำลายฝ่ายตรงข้าม แม้ว่าจะไม่ระดมโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้อีกฝ่ายหมดแรง แต่อีกฝ่ายก็ยังยืนหยัดสู้อยู่ได้แม้ปะทะฝีมือผ่านไปเป็นพันกระบวนท่า
นี่คือการต่อสู้ที่ยืดเยื้อซึ่งเขาไม่สามารถคาดการณ์ได้แม้ว่าเขาจะมีทักษะแฝงเร้นมองการณ์ไกล
ปัจจุบันนี้เขามองการณ์ไกลได้เต็มที่คือหนึ่งวันเต็ม
แต่ฝ่ายตรงข้ามยังคงยืนนิ่งได้ ไม่รู้ว่าจะยืนหยัดได้อีกนานถึงเท่าใด
ในใจของจอมปีศาจไคเทียนไม่มีความคิดอย่างอื่น มีอยู่เพียงความคิดเดียวนั่นคือฆ่าเจ้าเด็กผู้โค่นล้มขีดจำกัดการประเมินซ้ำแล้วซ้ำเล่า น่าเสียดายความแข็งแกร่งของเขาสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ แต่ผ่านไปหนึ่งวันเขาก็ยังล้มเหลวไม่ประสบความสำเร็จ
มีอยู่หลายครั้งที่จอมปีศาจไคเทียนคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะล้มลงและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
ใจของเขามีความหวังมากเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามเจ้าเด็กนี่แม้จะถูกความตายคุกคามแต่สีหน้าไม่เปลี่ยน สร้างความผิดหวังให้กับเขา
เจ้าเด็กนี่ลุกขึ้นยืนหยัดครั้งแล้วครั้งเล่าและเริ่มร่วงลงกับพื้นบ้าง จอมปีศาจไคเทียนพอเริ่มจะมีเวลาเยาะเย้ยเขา แต่เขากลับลุกขึ้นยืนทันที
จอมปีศาจไคเทียนบางครั้งก็รู้สึกจนปัญญา ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?
เขาไม่ต้องการเข้าใจ
เจ้าเด็กนี่เขาไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ เจ้านี่เป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกัน ทำไมถึงฆ่าไม่ตายสักทีและทำไมถึงต้านรับพลังโจมตีของเขาได้
ทุกอย่างเป็นความลับ สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้แน่นอนก็คือหลังจากเจ้าเด็กนั่นร่วงลงกับพื้นดวงตาของเขายังกระจ่างเยือกเย็น จ้องมองไม่หยุดทั้งที่เลือดไหลผ่านระหว่างคิ้วของเขา เขายังคงจ้องมองเขม็งเหมือนกับดวงดาวที่ไม่เคยตกจากฟากฟ้าเหมือนกับจะสะท้อนชีวิตนิรันดรของอีกฝ่าย
การโจมตีต่อเนื่องผ่านไปอีกหนึ่งวัน เขาโจมตีทุกวิธีพลังโจมตีหนักหน่วงเริ่มหมื่นครั้ง
ต่อให้เป็นเทพเจ้าเชื่อได้ว่าคงตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม
ฝ่ายตรงข้ามยังคงยืนอยู่ได้เสมอ
เขาจะฆ่าเจ้าเด็กนี่ได้อย่างไร? บางครั้งจอมปีศาจไคเทียนสงสัยว่าเจ้าเด็กนี้เป็นเทพเจ้าโบราณสร้างขึ้นมาหรือไม่ และร่างของเขาเป็นร่างอมตะที่ไม่มีวันตายมิฉะนั้นจะทนรับพลังโจมตีของเขาได้เป็นล้านครั้งได้อย่างไร?สิ่งที่จอมปีศาจไคเทียนกลัวที่สุดก็คือวิธีที่เขาใช้โจมตี เจ้าเด็กนี่ไม่ได้เรียกอสูรศึกไม่ได้ใช้คัมภีร์อัญเชิญ ไม่ได้ใช้วิทยายุทธ์อย่างอื่น... สิ่งเดียวที่เขาใช้ก็คือวิชาต่อสู้ต่างๆที่เขาได้เรียนรู้ชั่วคราว
ในการต่อสู้ เด็กหนุ่มผู้นี้ได้ซึมซับกลยุทธ์วิธีการต่างๆในการต่อสู้เหมือนฟองน้ำที่ซับน้ำ
ทุกครั้งที่ถูกซัดลงไปกับพื้นเขาจะเรียนรู้ได้เพิ่มอีกเล็กน้อย
ถ้าเขาไม่ฆ่าเจ้าเด็กนี่ปล่อยให้หนีไปได้อย่างลอยนวลและรับประโยชน์จากการต่อสู้ทั้งหมด จอมปีศาจไคเทียนนึกไม่ออกเลยว่าเจ้าเด็กนี่จะเติบโตได้มากขนาดไหนในอนาคต...
ซ้อมมือ!
บางครั้งจอมปีศาจไคเทียนก็รู้สึกเหมือนเป็นการซ้อมมือและทุกอย่างที่เขาทำก็คือมอบประสบการณ์ให้เจ้าเด็กนี่ได้เติบโตขึ้น
ครืน.. ครืน... ครืน...ทันใดนั้นโดมหลังคาทรุดตัวลงมาอีกครั้ง ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวปรากฏให้เห็นทันทีซากปรักหักพังของถ้ำใต้ดินอันมืดมิดที่ซ่อนลึกลงไปในพื้นเป็นระยะทางเกือบร้อยกิโลเมตร โดมและผนังหินพังทะลุจนถึงท้องฟ้า เมื่อจอมปีศาจไคเทียนมองเห็นท้องฟ้า เขาแค่นเสียงสูดหายใจลึกข่มความโกรธและอารมณ์ด้านลบในใจของเขา
เขาตัดสินใจไม่โกรธ
เพราะโกรธไปก็ไร้ประโยชน์ เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ความโกรธของเขาฆ่าเจ้าเด็กข้างหน้า
คิดจะฆ่าฝ่ายตรงข้ามมิอาจใช้อารมณ์ด้านลบได้ มีทางเดียวเท่านั้นคือสู้เพื่อกิน
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะฆ่าเจ้าเด็กนี่ในทันที แม้ว่าเขาจะใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงปราณราชันย์ระดับห้าแต่พื้นฐานของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งเหมือนกำแพงเมืองการข่มปราบด้วยพลังปณิธานหรือขอบเขตพลังใดๆ ล้วนไร้ผล หากจะเปรียบเทียบจอมปีศาจไคเทียนคิดว่าเขาเหมือนกับกองทัพอัศวินเกราะเหล็กขี่ม้านับแสนตัว ทุกที่ๆ ผ่านไปจะถูกทำลายหมด มีแต่เจ้าเด็กนี่ที่เหมือนปราสาทมั่นคงที่มีทหารมือดีคอยปกป้องแต่ยากจะจินตนาการว่าจะเข้าตีได้อย่างไร
หากต้องการเอาชนะกันจะต้องทำลายกันไปข้างหนึ่ง
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะโจมตีบดขยี้อย่างรุนแรงได้สำเร็จ
ขอเพียงตัดกำลังไปเรื่อยๆ ด้วยพลังแข็งแกร่งที่สุด และหลังจากพลังชีวิตเหลือเพียงเล็กน้อยหรือแทบหมดไปอีกฝ่ายจะทรุดลงแทบเท้าเขาเอง
“เจ้าคือคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า” จอมปีศาจไคเทียนไม่ต้องการยอมรับ แต่นั่นเป็นเรื่องจริงไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนที่ผนึกเขา นั่นเป็นคนที่ไม่อาจจินตนาการได้ถึงและจอมปีศาจไคเทียนมิอาจท้าทาย คนที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่อดีตคู่ต่อสู้เมื่อก่อนนี้ แต่เป็นผู้เยาว์ที่ไม่รู้จักตายข้างหน้านี้
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตข้า....” เย่ว์หยางไม่คิดเช่นนั้น จอมปีศาจไคเทียนมีพลังมากพอแน่ แต่เย่ว์หยางคิดว่าเบื้องหลังจอมปีศาจไคเทียนยังมีผู้มีพลังน่ากลัวมากกว่านี้ อย่างเช่นผู้ทรงพลังที่สุดของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ คนผู้นั้นน่ากลัวที่สุด เมื่อเทียบเจ้าตำหนักสูงสุดจอมปีศาจไคเทียนและจีอู๋ลี่ อย่างมากที่สุดก็เป็นหัวหน้าระดับรอง ไม่ใช่หัวหน้าสูงสุด เย่ว์หยางกล่าวเช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าลดระดับตนเอง เขาหยุดมือและพยักหน้าจริงจัง “ถ้าสำนึกเทพของเจ้าไม่ถูกผนึกไว้ที่วิหารปีศาจฟ้าและอยู่ในสภาพมีพลังสูงสุดเหมือนหมื่นปีก่อน เจ้าอาจเป็นคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า น่าเสียดายที่เจ้าได้รับความเสียหายจากการถูกผนึก และเจ้าก็ยังไม่รู้ตัว”
“แม้ว่าข้าไม่ได้อยู่ในสภาพพลังสูงสุด แต่ข้าจะโค่นเจ้าให้ได้” จอมปีศาจไคเทียนสาบานว่าไม่ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนเขาต้องฆ่าเด็กหนุ่มนี่ให้ได้
จะปล่อยให้เจ้าเด็กนี่เติบโตขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อเจ้าเด็กนี่เติบโตขึ้น เขาเกรงว่าเขาจะเหนือกว่าคนรุ่นก่อนทั้งหมดและกลายเป็นคนที่ไม่มีใครไล่ตามได้ทัน
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เอาแค่ในสนามรบนี้ เพียงแค่การเรียนรู้และพัฒนาอย่างไม่รู้จบก็น่ากลัวพอแล้ว จอมปีศาจไคเทียนไม่เคยเห็นคนที่เรียนรู้และก้าวหน้าในขณะนั้นเลย
“เจ้าไล่ตีข้ามาทั้งวันแล้ว คราวนี้ถึงคราวข้าเอาคืนบ้าง!” เย่ว์หยางปล่อยให้อีกฝ่ายโจมตีเป็นบ้าเป็นหลังมาทั้งวัน แทบไม่มีความสามารถตอบโต้คืน นั่นไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการตอบโต้คืน เพียงแต่เขาทำไม่ได้ พลังของจอมปีศาจไคเทียนสามารถบดขยี้โค่นนักสู้ที่มีระดับต่ำกว่าปราณชันย์ระดับเก้าได้ทั้งหมด และเพื่อตอบโต้กับศัตรูดังกล่าวเย่ว์หยางรู้สึกว่ายากยิ่งกว่าการกินเต้าหู้
แม้แต่จ้าวสุริยาเขาก็สู้อาบเลือดมาแล้ว เฉียดตายก็หลายครั้ง
อย่างไรก็ตามตอนนี้สู้กับจอมปีศาจไคเทียน ก็มีอันตรายถึงตายได้ทุกเมื่อทุกที่ พลังโจมตีทุกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังระเบิดของจอมปีศาจไคเทียนมีทักษะการฆ่าโบราณแตกต่างกันเป็นพันๆ กลยุทธ์ที่เขาแสดงออกมา มีความเชี่ยวชาญในการฆ่าทุกอย่างที่ทำให้เย่ว์หยางไม่สามารถป้องกันตัวได้
เปลี่ยนเป็นคนอื่นคงตายไปนานแล้ว
เย่ว์หยางกัดฟันยืนขึ้น
จนกระทั่งวันต่อมา
จอมปีศาจไคเทียนหยุดโจมตีเย่ว์หยางรอเวลาตอบโต้
“เจ้ายังต้องการตอบโต้กลับอีกหรือ?” จอมปีศาจไคเทียนได้ยินแล้วรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ในใจ เขาต้องการเยาะเย้ยอีกฝ่าย แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ เขาคิดว่าฝ่ายตรงข้ามอาจมีพลังตอบโต้ได้จริงๆ และไม่ใช่พลังที่เล็กน้อย
“แน่นอนข้าจะต้องซัดเจ้าจนแม่เจ้าจำหน้าเจ้าไม่ได้!” เย่ว์หยางไม่ใช่เป็นคนช่างเจรจา เขาจะไม่ปล่อยโอกาสให้ไคเทียนลงมือ แม้ว่าเขาโชคดียั่วโมโหไคเทียนได้ แต่เขาไม่ได้ดีใจแม้แต่น้อย ถ้าโจมตีคืนไม่ได้ถึงสิบครั้งนั่นยังจะเป็นเขาได้หรือ? เย่ว์หยางถอดเกราะที่แตกหักทุกชิ้นออกจากร่างและเปลือยกายเขาใช้เพลิงอมฤตควบแน่นสร้างเป็นเกราะอมฤต มือซ้ายถือตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้มือขวาถือคทาเทพจักรพรรดิอวี้ที่ยังไม่ได้ใส่หัวมังกร
คัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์ปรากฏออกมาครั้งแรกในการต่อสู้ครั้งนี้
สว่างเจิดจ้า
ลำแสงรัศมีฉายขึ้นไปบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ภายในร้อยเมตรของโลกที่แตกสลายเกิดดวงดาวนับไม่ถ้วนภายในสนามพลังสร้างโลกของเย่ว์หยางเลียนแบบสนามพลังดารารายของจักรพรรดินีราตรีมีดวงดาวนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นกลุ่มดาวซึ่งมีพลังไม่สิ้นสุด
ปรากฏร่างยักษ์ทองยืนขึ้นแต่ไม่ใช่ยักษ์เทพชะตาที่ปรากฏตอนที่เย่ว์หยางหมดสติหรือที่ปรากฏตอนที่เย่ว์หยางใช้พลังเกินขีดกำหนดแต่เป็นยักษ์ทำลายล้างที่เย่ว์หยางสร้างขึ้นผ่านสนามพลังสร้างโลกและพลังดวงดาวที่ไม่มีสิ้นสุดรวมทั้งพลังเทพวิบัติและพลังศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าพลังของยักษ์ทำลายล้างไม่อาจเทียบได้กับพลังของยักษ์เทพชะตาที่ควบคุมพลังแห่งโชคชะตา ต้องทราบกันว่าพลังยักษ์เทพชะตาไม่ใช่พลังที่ดีที่สุดของเขา แต่ช่วยให้ได้เปรียบจ้าวสุริยาในการสู้รบอาบเลือดกับเย่ว์หยางอยู่หลายชั่วโมง ก่อนที่เขาจะบาดเจ็บสาหัสและตายไป อย่างไรก็ตามยักษ์ทำลายล้างที่เย่ว์หยางใช้ความสามารถของตนเองสร้างขึ้นไม่ใช่พลังระดับเดียวกัน แต่ศัตรูใดประมาทอาจต้องตายภายใต้พลังหมัดของมัน
จอมปีศาจไคเทียนผู้หยิ่งยโสเมื่อเห็นยักษ์ทำลายล้างปรากฏตัวหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
พลังกฎสวรรค์ เขารู้สึกได้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้พลังกฎสวรรค์
ใช้พลังวิญญาณสร้างร่างมนุษย์ยักษ์ได้โดยตรง!
แม้ว่าพลังกฎสวรรค์นี้ยังถือว่าน้อยมากอยู่ ไม่ถึงกับเรียกว่าพลังกฎสวรรค์ได้ แต่ก็เพียงพอต่อการทำเช่นนี้ได้ อย่างน้อยเริ่นเทียนเกอ และพระยายมซิวอิ่งยอดนักสู้ปราณราชันย์ระดับแปดและคนอื่นๆ ก็ยังใช้พลังกฎสวรรค์น้อยไม่ได้ อย่าว่าแต่ถึงขั้นเชี่ยวชาญเลย
“เสริมพลัง!”
เย่ว์หยางตวาดลั่นประหนึ่งทหารนับล้านโห่ร้องคำรามเหมือนสายฟ้าฟาดอัสบาตทั่วทั้งโลกสั่นสะเทือน
เขาโบกคทาเทพจักรพรรดิอวี้เบาๆภายใต้การสั่งการของเขาคัมภีร์อัญเชิญของเขาพลิกเปิดไปทีละหน้าไปที่หน้าเงายักษ์พิเศษมันออกมาจากคัมภีร์อย่างรวดเร็ว กระโดดไปรวมกับร่างยักษ์ล้างโลกทันที ยักษ์ล้างโลกมีพลังเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่าจนเกือบจะร้อยเท่า....
จอมปีศาจไคเทียนไม่เคยคาดคิดเลยว่าอสูรพิทักษ์ของเจ้าเด็กนี่จะมีพลังวิเศษมากมายถึงเพียงนั้นทำให้เขาสีหน้าเปลี่ยนทันที
เสริมพลังขึ้นร้อยเท่าเชียวหรือ?
นี่มากเกินไปหรือเปล่า?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังของยักษ์ล้างโลกขยายมากขึ้นและสามารถเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า ทักษะแบบนี้ขี้โกงชัดๆ!
“ผ่าภูผามหานที!”เย่ว์หยางชูตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้และยักษ์ล้างโลกก็ทำอย่างเดียวกันแต่มันไม่ได้ใช้ตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ แต่ใช้พลังเทพวิบัติสร้างเป็นดาบ ดาบโค้งพลังเทพวิบัติ!
“ฮึ่ม!” จอมปีศาจไคเทียนต้องการจะรับพลังดาบนั้น แต่เมื่อเขาเห็นพลังทำลายล้าง เขากลับเลือกตั้งสติและฉากหลบ
ยากจะรับพลังโจมตีนี้หรือ?
นั่นมันโง่เกินไป ข้าไม่อาจจะทำแบบนั้นได้
จอมปีศาจไคเทียนหลบพลังฟันที่น่ากลัว ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเขาถูกตรึงโดยสำนึกเทพของฝ่ายตรงข้า เขารู้สึกถึงแรงฟันที่เท้า ไม่รู้ว่ากระบี่เทพสีดำฟันใส่ขาเขาตั้งแต่เมื่อใด เขาไม่รู้ว่านี่คือกระบี่ดำกุยจ้างของเย่ว์หยาง แต่เขารู้ว่ามันร้ายกาจรุนแรงสะท้านหัวใจเขาจนต้องรีบหายตัวไปในอากาศทันที
“ฉัวะ!”
เย่ว์หยางใช้กระบี่ดำกุยจ้างเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีพ้น อย่าว่าแต่จอมปีศาจไคเทียนลังเลที่จะหลบท่าดาบของยักษ์ล้างโลกดาบผ่าปฐพี จึงพลาดโอกาสสนองตอบที่ดีที่สุดไป
กระบวนท่าแรกสำเร็จ
เย่ว์หยางไม่ผ่อนคลายใช้กระบี่ขาวซวงหัว กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนตามติดต่อเนื่อง
จอมปีศาจไคเทียนทั้งตกใจทั้งโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีพลังแข็งแกร่งมากมายบางทีเขาอาจถูกเจ้าเด็กนี่ฆ่าตายไปแล้ว ... เขาเช็ดเลือดที่มุมปากและสูดหายใจลึกและข่มความโกรธจนจิตใจเขาสงบลง “หนุ่มน้อย,เจ้าทำได้ดีกว่าที่ข้าคาดเอาไว้มาก หากสามารถฆ่าเด็กหนุ่มอย่างเจ้าได้ นี่คงเป็นความทรงจำที่ไม่รู้จบของข้า หรือจะบอกว่าการได้ทำลายเด็กรุ่นใหม่เช่นเจ้าก็เท่ากับพิชิตโลกได้ทั้งโลก ข้าขอสาบาน ไม่ว่าต้องใช้เวลาหนึ่งวัน สองวันสิบวัน ยี่สิบวัน หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี ข้าไม่สนใจทั้งนั้น ตราบเท่าที่ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ ต่อให้ใช้เวลาร้อยปีพันปีก็ช่าง!”
“ข้าต้องฆ่าเจ้า!” นี่คือคำสาบานของจอมปีศาจไคเทียนเป็นการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดนับแต่ถูกเย่ว์หยางตอบโต้
“ฝันไปเถอะ!” นี่คือคำตอบของเย่ว์หยาง