ตอนที่ 7 ลูกศิษย์เพียงคนเดียวยังไม่พอ
"จงตั้งสมาธิและทำความเข้าใจในพลังของข้าอย่างระมัดระวังและซึมซับทุกอย่างเข้าไป!"
ในขณะที่ลู่หยานรันกําลังสงสัยเสียงของยื่อซวนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ดวงตาของเธอก็เริ่มละอายใจเล็กน้อยก่อนที่เธอจะตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากช่องว่างระหว่างระดับของพวกเขาทั้งสองคนนั้นกว้างเกินไป ยื่อซวนจึงต้องชะลอความเร็วของการถ่ายทอดพลังทางจิตจิตวิญญาณของเขา
เพราะว่าเส้นลมปราณของลู่หยานรันนั้นอ่อนแอเกินไป หากพลังทางจิตจิตวิญญาณที่มากเกินไปถูกถ่ายทอดไปที่เธอในครั้งเดียวมีโอกาสมากที่เส้นลมปราณของเธอจะได้รับความเสียหาย
ในขณะที่เขาถ่ายทอดพลังทางจิตจิตวิญญาณนี้ ยื่อซวนก็ให้ความสนใจกับสภาพของลู่หยานรันเช่นกัน เพราะการถ่ายทอดพลังทางจิตวิญญาณไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เขาต้องควบคุมความเร็วในการถ่ายทอดอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเรื่องนี้มันเกี่ยวกับสภาพของลู่หยานรันด้วย หากเส้นลมปราณของเธอเริ่มจะรับไม่ไหวเขาจะต้องลดความเร็วลง
แน่นอนว่าแม้ว่าลู่หยานรันจะสามารถทนต่อพลังของเขาได้ เขาก็ไม่สามารถถ่ายทอดพลังทางจิตวิญญาณทั้งหมดในร่างกายของเขาได้อย่างประมาท
เพราะเขาจะไม่สามารถได้รับการตอบแทนจากระบบได้อย่างแน่นอน แม้ว่าค่าของการตอบแทนนั้นจะต่ำมาก แต่ถ้าหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมานั่นคือหายนะของยื่อซวน
เหตุผลนั้นง่ายมาก หากลู่หยานรันอดทนที่จะรับพลังทั้งหมดของยื่อซวนและจู่ๆเส้นลมปราณของเธอเกิดการขยายตัวพร้อมกันมันอาจส่งผลให้เธอบาดเจ็บได้
แม้ว่ายื่อซวนจะถ่ายทอดพลังออกไปจนหมดแล้วเส้นลมปราณของลู่หยานรันนั้ยก็ยังต้องใช้เวลาฟื้นฟูอยู่มากและอาจส่งผลต่อรากฐานพลังของเธอในอนาคต
"ลูกศิษย์คนนี้ยังไม่แข็งแกร่งมากพอ ข้าต้องรับลูกศิษย์เพิ่มมากขึ้นและเมื่อถึงเวลานั้นพลังของข้านั้นจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก!"
ยื่อซวนยังคงถ่ายทอดพลังทางจิตวิญญาณของเขาให้กับลู่หยานรันในขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
หากลูกศิษย์ทั้งหมดของเขาได้รับการถ่ายทอดพลังทางจิตวิญญาณของเขา เขาจะได้รับการตอบแทนในอัตราที่สูง ซึ่งเขาจะสามารถทนต่อพลังได้อย่างง่ายดายและไม่ทําลายรากฐานพลังของลูกศิษย์คนนั้นด้วย
นอกจากนี้เขาสามารถหาลูกศิษย์เพื่อเพิ่มพลังด้านต่างของเขาได้อีก ด้วยเหตุนี้เขาจะสามารถก้าวหน้าได้อย่างมากในระยะเวลาอันสั้น
ด้วยพลังทางจิตวิญญาณที่เพิ่มขึ้นของยื่อซวนนั้น ในไม่ช้าลู่หยานรันก็ได้รู้สึกถึงการพัฒนาของระดับของเธอ
หลังจากที่กลายเป็นผู้ฝึกตนระดับแรกนั่นก็คือรูปแบบการปรับแต่ง
ภายนอกภูมิภาคเทียนหยวนอันกว้างใหญ่และไร้ขอบเขตทุกคนนั้นมีพลังฉีอยู่ในร่างกายของพวกเขา แต่การจะนำมันออกมาใช้นั้นยังต้องผ่านการฝึกฝน
หากใครก็ตามที่อยากเป็นผู้ฝึกตนในรูปแบบแก่นแท้จริง พวกเขาต้องค้นหาพลังฉีโดยธรรมชาติในร่างกายของพวกเขาก่อน จากนั้นค่อยๆหมุนเวียนพลังฉีนั้นไปทั่วร่างกายของพวกเขาเพื่อเป็นไปตามเทคนิคการฝึกตน
หลังจากฝึกการไหลเวียนพลังฉีแล้ว ในร่างกายของผู้ฝึกตนนั้นจะค่อยๆแข็งแรงขึ้น และมันจะพัฒนาเป็นความแข็งแกร่งโดยธรรมชาติมากขึ้นซึ่งจะเสริมสร้างเส้นลมปราณและกล้ามเนื้อของผู้ฝึกตน
พลังฉีในรูปแบบการปรับแต่งนั้นแบ่งออกเป็นสิบขั้นตอน ทุกครั้งที่ผู้ฝึกตนผ่านด่านเล็กๆความแข็งแกร่งของพลังฉีและพลังในร่างกายของพวกเขาจะเพิ่มเป็นสองเท่ารวมถึงร่างกายของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน
เมื่อแก่นกลางและเส้นลมปราณของผู้ฝึกตนนั้นเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งของพลังฉีของพวกเขา นั่นหมายความว่าการฝึกฝนของผู้ฝึกตนได้ก้าวข้ามไปถึงขั้นที่สิบของรูปแบบการปรับแต่งแล้ว
หากผู้ฝึกตนในระดับดังกล่าวอยู่บนโลกนี้พวกเขาจะมีพลังที่มากพอที่จะทำลายอาคารสิ่งปลูกสร้างด้วยมือเปล่าได้
ดังนั้นการใช้วิธีการฝึกฝนที่ถูกสอนโดยนิกายพลังทางจิตวิญญาณระหว่างสวรรค์และโลกจะถูกดูดซึมเข้าสู่แก่นกลาง รูปแบบนี้เรียกว่ารูปแบบการเปลี่ยนแปลงฉี
เมื่อเทียบกับพลังการเปลี่ยนแปลงของพลังฉีที่รูปแบบการปรับแต่งก่อนหน้านี้พลังทางจิตจิตวิญญาณที่ไหลเวียนระหว่างสวรรค์และโลกนั้นจะอยู่ในระดับที่สูงขึ้นและมีผลอย่างมากต่อร่างกายของผู้ฝึกตน
หลังจากที่ดูดซับพลังทางจิตวิญญาณของสวรรค์และโลกมากพอแล้วพวกเขาสามารถขยายพื้นที่ในแก่นกลางร่างกายได้
รูปแบบการเปลี่ยนแปลงฉีนั้นมีทั้งหมดสิบขั้น
ระดับของยื่อซวนนั้นตอนนี้อยู่ที่รูปแบบแก่นแท้จริง พลังในร่างกายของเขาอยู่ในระดับที่สูงกว่าพลังทางจิตวิญญาณของสวรรค์และโลกดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องพูดอะไรถึงเรื่องนี้อีก
เขาถ่ายทอดพลังของเขาให้กับลู่หยานรันความเร็วของความก้าวหน้าในรูปแบบที่เขาสามารถเร่งปฏิกิริยาภายในตัวเธอ
"ขั้นที่สี่ของรูปแบบการปรับแต่ง!"
"ขั้นที่ห้า..."
"ขั้นที่หก..."
ลู่หยานรันรู้สึกเหมือนระดับของเธอกําลังก้าวหน้าอย่างบ้าคลั่ง สิ่งที่สําคัญที่สุดคือพลังที่เธอได้รับนั้นบริสุทธ์มากและไม่ส่งผลใดๆต่อรากฐานพลังของเธอ
เหตุผลนั้นง่ายมาก เมื่อลู่หยานรันได้ก้าวผ่านขั้นเล็กๆน้อยๆของเธอไปแล้ว ยื่อซวนจึงเพิ่มพลังในการถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายของเธออย่างระมัดระวังและใช้พลังทางจิตวิญญาณของเขาเพื่อรักษารากฐานพลังของเธอไว้ด้วย
ในตอนนี้ลู่หยานรันนั้นเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
ในนิกายชิงหยุนนั้นจะมีปรมาจารย์คนไหนบ้างที่ทำแบบที่ยื่นซวนทำ?
อย่าว่าแต่นิกายชิงหยุนเลย—แม้แต่เรื่องราวที่เธอเคยได้อ่านมาเธอไม่เคยได้ยินเรื่องของปรมาจารย์ที่เสียสละตัวเองขนาดนี้มาก่อน
"หลังจากที่ข้าแก้แค้นให้ครอบครัวแล้ว ข้าจะรับใช้ปรมาจารย์ของข้าไปตลอดชีวิต!"
เด็กสาวคนนี้ซึ่งอยู่ในช่วงสําคัญของชีวิตของเธอได้กล่าวคําปฏิญาณในใจอย่างเงียบ ๆ
ยื่อซวนนั้นไม่รู้ว่าลู่หยานรันกําลังคิดอะไรอยู่ แต่เขากำลังจริงจังกับการถ่ายทอดพลังของตัวเองให้กับเธอ
ในไม่ช้าลู่หยานรันก็ก้าวข้ามด้วยความเร็วที่เธอรู้สึกได้ด้วยตาเปล่า
ขั้นที่เจ็ดของรูปแบบการปรับแต่ง...
ขั้นที่แปด...
ขั้นที่เก้า...
ขั้นที่สิบ...
เมื่อพลังฉีวิ่งผ่านตัวของลู่หยานรันเส้นลมปราณของเธอก็เปิดขึ้นทันที ในเวลาเดียวกันเธอสามารถรู้สึกถึงพลังทางจิตวิญญาณที่ไหลเวียนอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก
ยื่อซวนนั้นเพิ่มความเร็วในการถ่ายทอดพลังทางจิตวิญญาณทันที เขาใช้พลังของตัวเองเพื่อนําทางพลังในร่างกายของลู่หยานรันให้ค่อยๆหมุนเวียนและดูดซับพลังทางจิตวิญญาณที่ไหลเวียนอยู่ระหว่างสวรรค์และโลกผ่านเธอ
ขั้นแรกของรูปแบบการเปลี่ยนแปลงฉี
ขั้นที่สองของรูปแบบการเปลี่ยนแปลงฉี
ขั้นที่สามของรูปแบบการเปลี่ยนแปลงฉี
...
อีกคนหนึ่งจริงจังมากในการถ่ายทอดพลังทางจิตวิญญาณของเขาในขณะที่อีกคนหนึ่งจริงจังมากในการปรับแต่งพลังทางจิตวิญญาณของเธอ
เวลาผ่านไปนานอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อลู่หยานรันเข้าสู่ขั้นที่แปดของรูปแบบการเปลี่ยนแปลงฉีความเร็วในความก้าวหน้าของเธอก็ช้าลงเช่นกัน
ยื่อซวนก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าการถ่ายทอดพลังทางจิตวิญญาณนั้นกําลังจะถึงขีดจํากัดแล้ว
แน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกระดูกของลู่หยานรัน หากกระดูกของลู่หยานรันแข็งแกร่งขึ้นเธออาจจะยอมรับพลังได้มากขึ้น
ไม่นานหลังจากการถ่ายทอดพลัง ลู่หยานรันเข้าสู่ขั้นที่เก้าของรูปแบบการเปลี่ยนแปลงฉี และยื่อซวนก็หยุดการถ่ายทอดพลังทันที!
หากเขายังคงถ่ายทอดพลังของเขา ลู่หยานรันก็จะก้าวข้ามไปอีกระดับได้ แต่มันจะเป็นการทำลายรากฐานพลังของเธอและส่งผลกระทบต่อเส้นลมปราณของเธอ
แม้ว่าเขาต้องการค่าการตอบแทนเพิ่ม แต่เขาจะไม่ทําลายอนาคตของลูกศิษย์ของเขาเพราะเรื่องแค่นี้