ตอนที่ 417 เข้าสู่ภพ 18 ดินแดน(ฟรี)
หลังกลับภพเบื้องบน กู่ฉางเกอกับเจียงลั่วเซินก็แยกกัน เขาไม่ได้ทำให้นางอับอายมาก
แม้นางจะถูกปฏิบัติเป็นสาวใช้ระหว่างนี้ ตัวตนนางก็ยังเป็นเจ้าหญิงเผ่าเทพสูงสุด และว่าที่จักรพรรดินีของเผ่าเทพสูงสุดก็ต้องกลับไป
เจียงลั่วเซินยังตกตะลึงกับท่าทีตรงไปตรงมาของกู่ฉางเกอ
แม้นางจะชินกับการถูกสั่งให้อยุ่ข้างเขา แต่อิสระย่อมดีกว่าไม่ใช่เหรอ?
“เจ้ารับปากข้าแล้ว เจ้าจะกลับคำไม่ได้นะ”ดวงตาสีทองของเจียงลั่วเซินเต็มไปด้วยความกังขา
ระหว่างการเดินทางไปโลกปีศาจนี้ นางมองกู่ฉางเกอออกจนทะลุแล้ว เขารับปากไปเรื่อย แต่นางไม่คิดว่าเขาจะทำตามที่ว่า
เรื่องของจุนปู้ฟานคือตัวอย่างชั้นดี
“ข้าเคยกลับคำตอนไหน?”กู่ฉางเกอเลิกคิ้ว รู้สึกว่าเด็กนี่ไม่เชื่อใจเขา
แม้เขาจะเชื่อถือไม่ได้บ้าง แต่นั่นคือตอนเขาจัดการกับศัตรู
เจียงลั่วเซินทำหน้าเหมือน’เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือไง?’
“เจ้าเป็นสาวใช้ตัวน้อยของข้า ข้าจะไปโกหกเจ้าทำไม?”เสียงของกุ่ฉางเกอดูผิดหวัง
“สาวใช้ตัวน้อย?ทำไมข้าถึงเป็นสาวใช้ตัวน้อยได้?”
เจียงลั่วเซินไม่พอใจเล็กน้อย แต่ทันทีที่เขาพูดคำนี้ นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูก เขายอมรับว่านางเป็นสาวใช้ปลอมๆ?
กู่ฉางเกอยิ้ม“แน่นอน มันเพราะยังมีสาวใช้ใหญ่”
เจียงลั่วเซินรู้สึกว่าเสียเปรียบ นางอดแก้ไขไม่ได้“ใครเป็นสาวใช้ของเจ้ากัน?กู่ฉางเกอ อย่าคิดว่าหลังสั่งข้าได้หน่อยแล้วข้าจะเป็นสาวใช้เจ้า นี่คือข้อตกลงระหว่างข้ากับเจ้า”
“ก็ได้ เข้าใจแล้ว สาวใช้น้อย”กู่ฉางเกอพยักหน้า
“เจ้า…”หัวใจของเจียงลั่วเซินเต็มไปด้วยความโกรธ นางเกือบกัดฟัน
แต่นางรู้ตัวว่าสู้เขาไม่ได้ นางจึงยอมแพ้
“ไปกัน”
ไม่ช้า สีหน้านางก็กลับเป็นเย็นชา นางพาคนของนางกลับไป
ภายใต้คำสั่งของกู่ฉางเกอ พวกเทียนเจ๋อกลับภูมิภาคดาวโกลาหล ส่วนเผ่าเซียนโบรษณก็กลับไปขณะที่เขาพาไป่เหลียนเอ๋อร์กับไป่ฮัวไปตระกูลกู่
“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อข้ารับปากว่าจะปล่อยพ่อของเจ้า ข้าย่อมไม่ผิดสัญญา”
ไป่เหลียนเอ่อร์แค่นเสียง“หวังว่าจะเป็นงั้น”
หลังเห็นวิธีการของเขา นางได้แค่หวังว่ากู่ฉางเกอจะไม่ละเมิดสัญญา ไม่งั้น นางคงทำอะไรไม่ได้
ไป่ฮัวตามหลังมาแบบกล้าๆกลัวๆ แม้เขาจะไม่ได้ถูกทรมาน เขาก็ยังกลัวเข้ากระดูก
“ข้าอยากให้เจ้าเป็นคนของข้า ข้าย่อมไม่โกหกเจ้า ทำไมแค่ความเชื่อใจพื้นฐานเจ้าก็ยังไม่มี?”กู่ฉางเกอดูเสียใจ
ไป่เหลียนเอ่อร์พูด“เจ้าสามารถใช้ข้าได้ แต่เจ้าต้องแสดงความจริงใจ”
นางไม่ได้โง่ ตรงกันข้าม นางฉลาดมาก และไม่กลัวตาย
นางไม่เชื่อคำพูดปากเปล่าของเขา
“จริงใจ?ได้ ข้าจะละเว้นพ่อของเจ้าและข้าจะส่งคนไปส่งมอบข้อมูลแก่ศาลาลมวสันต์”
ถ้าเขาเดาไม่ผิด ตระกูลถังในสมาคมการค้าว่านเต๋าคงโดนแทรกซึมหมดแล้ว มันถึงเวลาที่หยินเม่ยจะฉวยโอกาส
แบบนี้ สิทธิ์ส่วนใหญ่ของสมาคมการค้าจะตกอยุ่ในมือนาง สำหรับถังว่าน กู่ฉางเกอไม่เชื่อใจนาง สำหรับเขา ถังว่านก็แค่เบี้ยที่ใช้สร้างความขัดแย้งระหว่างชูห่าวกับฉินอู่หยา
“ข้อมูล?”สีหน้าของไป่เหลียนเอ๋อร์เปลี่ยนไป ทรัพยากรที่หายากสุดสำหรับศาลาลมวสันต์ก็คือข้อมูล
ถึงแม้นางจะวางคนไว้มากตลอดหลายปี เวลาก็ยังสั้นไป
สำหรับขุมอำนาจเต๋าที่มีมรดกกว่าสิบล้านปี นี่ไม่ต้องพูดถึง
องค์กรนักฆ่าอื่น เช่นภูเขาพุทธเจ้ากับโลกใต้พิภพก็อยู่ในภพเบื้องบนมากว่าสิบล้านปี
“แน่นอนถ้า เจ้าคิดฝึกคน ข้าก็มีคนที่เหมาะสม”กู่ฉางเกอพูดต่อ
เขามีอำนาจมากมาย แต่มีขุมอำนาจน้อยมากที่สามารถใช้ในที่มืดได้ เขาสามารถฉวยโอกาสนี้เพื่อควบคุมศาลาลมวสันต์ได้
ไป่เหลียนเอ๋อร์หวั่นไหวไปกับมัน ตอนนางอยู่ในจุดที่มืดมนสุด มันคือมรดกของจักรพรรดิสังหารที่มอบความหวังให้นางอีกครั้ง
อดีตจักรพรรดิสังหารคือยอดฝีมือชั้นหนึ่งในโลกนี้ เขาสร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันว่าเต๋าสังหาร
แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าสังหารล่มสลาย มรดกมันถถูกกลบฝัง ผ่านมาปีแล้วปีเล่าก็ไร้ผู้สืบทอด
ดังนั้น ไป่เหลียนเอ่อร์ที่ได้รับมรดกมาจึงต้องสนองความปรารถนาที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ สร้างองค์กรนักฆ่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นใหม่
นี่คือเหตุผลจริงว่าทำไมนางถึงก่อตั้งศาลาลมวสันต์ มันเกี่ยวข้องกับมรดกของจักรพรรดิสังหาร
“แน่นอน ข้าไม่มีปัญหา มันขึ้นอยู่กับความจริงใจของเจ้า”
ไป่เหลียนเอ่อร์พูด นางยังระแวงเขา
กู่ฉางเกอยิ้ม ไม่พูดอะไร เขารู้ว่านางจะตอบตกลง
แต่ก่อนหน้านั้น เขายังต้องทำหลายเรื่อง
ระหว่างนี้ มีหลายเรื่องเกิดขึ้นในภพเบื้องบน แม้เขาจะอยู่ในโลกปีศาจ เขาก็ยังรู้เพราะมีคนคอยรายงานเขา
กู่ฉางเกอไม่คิดจะไปสำนักเซียนแท้จริง ด้วยฐานบ่มเพาะปัจจุบันของเขา มันไม่จำเป็นต้องไปเลย
‘มีความปั่นป่วนในขุมนรกฝังมาร พลังมารกำลังเอ่อล้น วิหารพุทธเจ้าแทบถูกทำลาย ผู้บ่มเพาะหลายคนจากภูเขาพุทธเจ้าลงไปที่นั่น และสุดท้ายก็เสียชีวิต…”
“ที่ด้านล่างขุมนรกฝังมาร มีมารถือกำเนิด สร้างความโกลาหลให้ทุกฝ่าย ต่อให้เป็นพระอาวุโสก็ยังเกือบตาย”
“ดูเหมือนนางจะเกิดแล้ว ศิษย์รักของข้า”
ดวงตาของกู่ฉางเกอหม่นแสง ความทรงจำมากมายแวบผ่านหัวเขา
ที่ตีนเนินเขาเขียว เด็กสาวในชุดแดงคนหนึ่งกำลังม้วนแขนเสื้อให้เขา
แม้เขาจะเริ่มระลึกถึงอดีตได้นานแล้ว โอกาสสำเร็จก็ไม่สูง
ตามความทรงจำ ความเกลียดชังนี้รุนแรงจนแม้กระทั่งขุมนรกที่ลึกสุดก็ยังลบล้างไม่ได้
นี่มันสัตว์ประหลาดแบบไหน?นางคงอดใจรอไม่ไหวที่จะกินเนื้อเขา บดกระดูกเขาเป็นผงแล้วกรอกปาก
แม้เรื่องนี้จะน่าปวดหัว กู่ฉางเกอก็ยังมีทางออก เหนือสิ่งอื่นใด นางคือศิษย์ของเขาตอนเขาเป็นจอมมาร
ไม่ช้า หลังกลับตระกูลกู่ กู่ฉางเกอก็สั่งให้ปล่อยตัวไป่คุน ตามข้อตกลง เขาไม่คิดทำอะไรอีกฝ่าย
ไป่คุนไม่คุ้มค่ากับการเสียเวลาของเขา สำหรับกู่ฉางเกอ เรื่องพวกนี้แค่ต้องใช้ประโยคเดียว
ไป่เหลียนเอ๋อร์กับไป่คุน สองพ่อลูกได้เจอกันอีกครั้ง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าพวกเขาไม่ดีใจ
ไป่เหลียนเอ๋อร์ไม่พูดมากเรื่องของโลกปีศาจและไป่คุนก็ไม่ถามมาก
สำหรับเขา การมีชีวิตรอดเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดฝันมาก่อน ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าถามอะไร
“ขอบคุณ นายน้อยฉางเกอ”
ไป่คุนขอบคุณกู่ฉางเกอและจากนั้นก็ถูกไป่เหลียนเอ๋อร์พาไป วางแผนจะหาที่อยู่ก่อนมาคุยกับกู่ฉางเกอเรื่องศาลาลมวสันต์
กู่แางเกออยากถามพ่อนางถึงบางสิ่ง แต่หลังคิด เขาก็ตรงไปโลกที่กู่ชิงอี้อาศัย และพบว่านางนั่งอยู่บนหินบนยอดเขา
นางดูเหมือนจะไม่เคยขยับ นางไม่เคยเปลี่ยน ผมสีฟ้าเหมือนน้ำตก ทั้งตัวเต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนเคลิ้ม มันดูสูงส่ง เย็นชา และเป็นนิรันดร์ แม้กระทั่งผิวนางก็ยังเหมือนหยกเซียนที่สมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ ถ้ามองที่หน้านาง มันจะพบว่ามันปกคลุมด้วยชั้นหมอกที่ยากจะหยั่งถึง มีเพียงดวงตานางเท่านั้นที่แสดงถึงความโดดเดี่ยว
“เจ้ามาแล้ว?”
ตอนกู่ฉางเกอเหยียบเข้าสถานที่นี้ นางก็รู้แล้ว แต่นางไม่ขยับ ราวกับนางกำลังรอเขามา
กู่ฉางเกอพยักหน้า นั่งบนหินข้างนาง
“ดูท่านกับเจ้าตัวน้อยนี่สิ”
เขายิ้มและมองไป
มันสามารถเห็นได้ว่าในทะเลเมฆ หวังเยวี่ยน้อยกำลังบินเล่นอย่างมีความสุข แสงจันทร์ส่องประกายบนตัวที่งดงามของมัน และมันก็ดูเพลิดเพลินมาก
“ข้าไม่มีอะไรให้ดู”กู่ชิงอี้ส่ายหัว ใบหน้านางยากจะเปลี่ยนแปลงราวกับนางไม่เคยยิ้ม
แต่ กู่ฉางเกอชินกับนิสัยนางและไม่สนใจ“ไม่ ท่านดูดี”
พอได้ยินคำพูดนี้ กู่ชิงอี้ก็ชำเลืองมองเขาโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ขยับมือไปม้วนผมสีฟ้าของตัวเองเล่น
การกระทำเล็กๆน้อยๆนี้ของนางมักเกิดขึ้นตอนนางอารมณ์ดี
กู่ฉางเกอไม่พูดอะไร เขามองหวังเยวี่ยน้อยอีกครั้ง“พลังของเสี่ยวไป่เพิ่มขึ้นมาก ท่านคงลำบากมาก”
“นางคงกินเยอะมากเลยโตเร็วขนาดนี้ เด็กนี่ต้องเคยอดอยากมาก่อน”
กู่ชิงอี้ส่ายหัว“ข้าแค่เฝ้าดูนางกินทุกวันก็เท่านั้น แต่ไม่ได้สนใจนางเลย”
“ไม่เป็นไร ก็แค่ให้นางกิน”กู่ฉางเกอยิ้ม“เป็นไปได้ไหมที่หวังเยวี่ยจะกินทั้งตระกูลของข้าได้?”
แม้จะมีกรณีที่หวังเยวี่ยหิวจนกินทั้งตระกูลหนึ่งมาแล้วในบันทึกโบราณ แต่ก็มีน้อยคนที่จะมองมันจริงจัง
ทว่า ตัวของหวังเยวี่ยนั้นใหญ่โตเหมือนกาแล็กซี่ ซึ่งมากพอจะบรรยายขนาดของมัน
แม้กระทั่งเทพโบราณที่มอบดวงดาวให้นางก็ยังตัวเล็กประดุจฝุ่นต่อหน้านาง
และขณะที่กู่ฉางเกอกับกุ่ชิงอี้กำลังคุยกัน เสี่ยวไป่ก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นเขา และโดยไม่มีความกลัวแบบเดิม นางเปลี่ยนเป็นลำแสง บินมาหาเขา
แต่ตอนนางกำลังจะบินลงตรงหน้ากู่ชิงอี้ แสงสีขาวจันทร์ก็ส่องสว่างทั่วตัวนาง เปลี่ยนนางเป็นเด็กสาวตัวน้อยผมเงินที่สูงไม่ถึงเอวของกู่ฉางเกอ
ใบหน้านางจิ้มลิ้มน่าฟัด คิ้วเรียว จมูกนิด ดวงตาใสเหมือนกระจก ผิวเหมือนกระเบื้องขาว และยังมีหลอดเลือดสีทองซีด
มันยากจะเชื่อมต่อนางกับหวังเยวี่ยน้อยที่เพิ่งบินเล่นในทะเลเมฆ
ตอนกู่ฉางเกอมองนาง นางไม่ได้กลัวเหมือนเดิม แต่กลับแยกเขี้ยวขู่อวดฟันขาวด้วยท่าทางที่คิดว่าดุสุด
“ข้าเป็นนายของเจ้านะ”กู่ฉางเกอพูดอย่างสงบ
“พี่สาวชิงอี้…”
นางพ่นลมและหันหัวเมินกู่ฉางเกอ เดินไปหากู่ชิงอี้ และกอดขานาง
เสียงของนางน่าฟัง แต่ก็มีความเย็นชาเจือปน ซึ่งคล้ายกับกู่ชิงอี้
“อย่าคิดแบบนั้น ข้ายังไม่ลืมภาพตอนเจ้าแสดงความสุขเลยนะ”กู่ฉางเกอพูด
เด็กสาวผมเงินกัดฟัน ใบหน้าขาวเนียนขึ้นสีแดงเล็กน้อย นางโกรธ
“ตอนนี้ข้าโตเป็นเด็กสาวแล้ว”
“ไม่เห็นต่าง”
เด็กสาวผมเงินจ้องเขาตาเขม็ง“เจ้าช่วยอธิบายคำว่าเด็กสาวให้ละเอียดได้ไหม?”
“เจ้าก็แค่หนึ่งในสัตว์เลี้ยงของข้าและเด็กสาว เจ้าจะถามมากไปทำไม?”กู่ฉางเกอส่ายหัว
“เจ้านะสิสัตว์เลี้ยง ข้าคืออสูรเซียนที่แสนสูงส่ง หวังเยวี่ย”เด็กสาวผมเงินไม่พอใจมาก
“อสูรเซียนหวังเยวี่ยคือสัตว์เลี้ยงของข้า ข้าคือนายของเจ้า”
“ข้าไม่มีนายอย่างเจ้า”เด็กสาวผมเงินตั้งท่ากับเขา นางยังจำคำพูดของเขาตอนนางอยู่ในภูเขาม่วงได้ เขาโกหกนาง!
สุดท้ายแล้ว ตอนเขาพานางมาที่นี่ เขาก็ทิ้งนางไป นางในตอนนั้นทั้งตัวเล็ก อ่อนแอ น่าสงสาร โดดเดี่ยว และหิวโซ
แถมเขายังมอบชื่อที่แสนน่าเกลียดแบบนี้ให้นางด้วย เขาจะโหดเหี้ยม ใจดำเกินไปไหม?
กู่ชิงอี้มองกู่ฉางเกอกับหวังเยวี่ยน้อยเถียงกัน นั่งม้วนผมของตัวเองเงียบๆโดยไม่พูดอะไร
“เจ้ามาหาข้า มีเรื่องอะไร?”สุดท้าย นางก็ทนไม่ไหวแล้วพูดขึ้น
กู่ชิงอี้รู้จักกู่ฉางเกอดี เขาจะไม่มาหานางหากไม่มีเรื่อง
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าแค่อยากให้ท่านทำอะไรให้ข้าสักอย่าง.
กู่ฉางเกอยิ้ม เขากำลังรอให้กู่ชิงอี้เป็นฝ่ายถามก่อน
“เรื่องอะไร?”
“ข้าอยากให้ท่านช่วยพาข้าไปขุมนรกฝังมารและตรวจสอบสภาพของผนึก”
ตอนกู่ฉางเกอพูด เขาก็สังเกตสีหน้าของกู่ชิงอี้ไปด้วย แต่กู่ชิงอี้ไม่แสดงอารมณ์อื่นเลยยกเว้นตกตะลึงไปเล็กน้อย
นี่ทำให้กู่ฉางเกอผิดหวัง
“ข้าเข้าใจแล้ว”
กู่ชิงอี้พยักหน้า นางไม่เคยปฏิเสธคำขอของกู่ฉางเกอ ทั้งก่อนหน้านี้ และตอนนี้
“งั้นข้าจะไปก่อน จะว่าไป ตอนข้าไปโลกปีศาจ ข้าได้ของหายากมาเยอะเลย ท่านน่าจะอยู่ที่นี่ตลอด และคงไม่เคยเห็นพวกมัน”
กู่ฉางเกอลุกขึ้น แต่ก่อนจะไป เขาหยิบของจำนวนมากออกมา
มีพู่ หวี ปิ่นปักผม และเครื่องประทินโฉมที่มีเฉพาะในโลกปีศาจ…มันไม่ได้หายาก แต่มีแค่ในโลกปีศาจเท่านั้น
เพราะวัสดุที่ใช้ทำมีต้นกำเนิดจากโลกปีศาจเท่านั้น มันจะไม่เติบโตในที่อื่น
“อืม”
กู่ชิงอี้มองกู่ฉางเกอหายไป และสุดท้ายนางก็หยิบหวีไม้ขึ้นมาด้วยสายตาอ่อนโยน
นางไม่เคยออกจากสถานที่นี้ยกเว้นจะออกไปเพื่อบ่มเพาะ และนางก็ไม่เคยติดต่อกับใครจากโลกภายนอก
ดังนั้นกู่ฉางเกอจึงนำเครื่องประดับมาให้นางเป็นครั้งคราว
เหนือสิ่งอื่นใด นางไม่ใช่มนุษย์ และนางก็ไม่มีนิสัยจะชอบแตะต้องวัตถุมนุษย์
พอออกจากโลกนี้ กู่ฉางเกอก็ตรงไปโถงหลักเพื่อหาพ่อของเขา
กลิ่นอายของกู่หลินเทียนนั้นกว้างใหญ่และลึกล้ำ เหมือนหุบเหวไร้ก้นบึ้ง กลิ่นอายกว้างใหญ่ของเขาปกคลุมทั่วทั้งสถานที่นี้
“เจ้ากลับมาแล้ว?”กู่หลินเทียนลืมตาขึ้นด้วยใบหน้าอ่อนโยน
“ท่านพ่อ”กู่ฉางเกอพยักหน้า“ข้าอยากรู้เกี่ยวกับ18ดินแดนแห่งความว่างเปล่า”
ภพเบื้องบนในวันนี้ไม่สงบสุขนัก กู่ฉางเกอรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ตอนอยู่ในโลกปีศาจ
ต้นเรื่องคือ ม่านพลังที่ตั้งอยู่ด้านนอก 18ดินแดนแห่งความว่างเปล่าแสดงสัญญาณของการเสื่อมถอย พลังของมันดูเหมือนจะหมดลง
นี่ทำให้ขุมอำนาจเต๋ามากมายในภพเบื้องบนสนใจและตระกูลใหญ่ก็เคลื่อนไหว พวกเขาเริ่มส่งยอดฝีมือไปรุกราน18ดินแดนแห่งความว่างเปล่า
เรื่องนี้กระจายไปกว้างขวาง มันเลี่ยงไม่ได้ที่ทุกขุมอำนาจในภพเบื้องบนจะเคลื่อนไหว
18ดินแดนแห่งความว่างเปล่าคือโลกที่คล้ายกับภพเบื้องบนเป็นอย่างมาก มันกว้างใหญ่และเก่าแก่
ความแตกต่างคือหลายยุคก่อน เกิดสงครามขึ้นระหว่างสองภพ และภพ18ดินแดนแห่งความว่างเปล่าก็แพ้พ่าย
สุดท้าย พวกเขาก็ถอย ยอมทิ้งอาณาเขตมากมาย ซึ่งจากนั้นขุมอำนาจทั้งหลายทางฝั่งพวกเขาก็ผนึกกำลังกันตั้งม่านพลังขึ้นด้านนอกพรมแดน
มันเต็มไปด้วยพลังมหาศาลหาใดเปรียบ ซึ่งทำให้แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะอาณาจักรจักรพรรดิยังยากจะเข้าไป
ตลอดมานี้ ทั้งสองฝั่งมีการปะทะกันเป็นครั้งคราว ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย แต่โดยรวม ฝั่งภพเบื้องบนยังเหนือกว่า
จากชื่อของภพ18ดินแดนแห่งความว่างเปล่า มันสามารถบอกได้ว่าสภาพแวดล้อมฝั่งนั้นไม่ดีนัก กฏของฟ้าดินไม่สมบูรณ์เท่าฝั่งนี้
นี่ยังนำไปสู่ปัญหาบางอย่างสำหรับยอดฝีมือที่นั่น ต่อให้พวกเขาจะทะลวงผ่านอาณาจักรจักรพรรดิได้ มันก็ยากที่จะใช้ชีวิตไปตลอด อายุขัยของพวกเขาถือว่าสั้นมากหากเทียบกับฝั่งนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สภาพแวดล้อมการบ่มเพาะที่นั่นยังยากกว่ามาก การให้กำเนิดผู้แข็งแกร่งจึงยากกว่า
แต่ เหนือสิ่งอื่นใด นี่คือโลกที่กำเนิดมาพร้อมกัน กฏ เต๋า ฟ้าดิน ระบบบ่มเพาะ วัฒนธรรมอะไรจึงคล้ายกันมาก
ยังมีคำบอกเล่าในภพเบื้องบนว่า มีเพียงการผสานภพ18ดินแดนแห่งความว่างเปล่ากับภพเบื้องบนเข้าด้วยกัน เราถึงสามารถทำลายคำสาปของชีวิตนิรันดร์ได้ และวิถีเซียนแท้จริงจึงจะปรากฏ
ดังนั้น ตอนม่านพลังที่พรมแดนเริ่มเสื่อมสภาพ ภพเบื้องบนจึงตื่นเต้น
พอได้ยินแบบนี้ กู่หลินเทียนก็ไม่แปลกใจ“ไม่นานมานี้ ม่านพลังเสื่อมถอย และขุมอำนาจที่อยู่แถวพรมแดนก็ส่งข่าวกลับมา ทุกคนสั่นคลอน ขุมอำนาจมากมายเริ่มรวบรวมกำลังพลและพยายามรุกราน”
“สำนักเซียนแท้จริง ภูเขาจักรพรรดิ โถงบรรพชนมนุษย์ ตระกูลเซียนหวัง ตระกูลเซียนเย่ ถ้ำเต๋าสูงสุด และขุมอำนาจอื่นมากมายล้วนส่งคนไป อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนฉวยโอกาสนี้ไปหาประสบการณ์ พวกเขากำลังจะเข้าภพ 18 ดินแดนแห่งความว่างเปล่า’
“สงครามนี้เลี่ยงไม่ได้ และตอนนี้คือโอกาสที่ดีสุดสำหรับข้า”
กู่ฉางเกอพยักหน้า ดูเหมือนว่านี่จะเป็นช่วงเวลาสำคัญ
ทั้งขุมนรกฝังมาร ท้องฟ้ากลืนกินสวรรค์ ไม่มีอันไหนเป็นเรื่องเล็ก แถมตอนนี้ ม่านพลังที่พรมแดนเชื่อมต่อภพยังเสื่อมถอย และขุมอำนาจทั้งหมดก็รวบรวมกำลังพลเพื่อโจมตีภพ18ดินแดนแห่งความว่างเปล่า