ตอนที่ 40 ตีกันและนั่งโต๊ะเดียวกัน(อ่านฟรี13/03/2566)
ตอนที่ 40 ตีกันและนั่งโต๊ะเดียวกัน
ทุกคนกำลังตื่นตะลึงกับการต่อสู้ตรงหน้า แต่แล้วอยู่ ๆ คนที่คิดว่าจะอัดอีกฝ่ายเสียหมอบกลับโดนเด็กหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์คนหนึ่งโจมตีด้วยยันต์เพียงแผ่นเดียวจนปลิวไปกระแทกกับโต๊ะ
ไม่มีใครลงมือใด ๆ อีกนอกจากหยุดมองดู โดยเฉพาะเหล่าผู้ใช้แรงงานที่มองจากชั้นล่างไปที่ชั้นสองว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ส่วนที่ชั้นสองมีหมอผีฝึกหัดอยู่กัน 10 กว่าคนก็มองยืนอึ้งไม่ต่างกัน
แค่ก ๆ
เสียงไอของอาการจุกแน่นจากการโดนกระแทกดังขึ้น สเวนที่ได้สติกลับมาพยายามจะลุกขึ้นยืนจนท้าวมือไปใส่ซากโต๊ะ แต่เพราะมันชำรุดจึงหักพังลง ทำให้ตัวนั้นล้มไปกลับพื้นอย่างทุลักทุเลแยกไม่ออกว่าเมาหรือเจ็บจนยืนไม่ไหว
แต่พอตั้งตัวได้สเวนก็ยืนขึ้นไออีกเล็กน้อย ถึงจะกัดได้ แต่การโดนยันต์ลมที่อัดเข้าใส่จนร่างกระเด็นนั้นไม่ใช่เรื่องตลกเลย
ท่าทางของแอนโทนี่และเอ็มม่านั้นระวังตัว
ลีโอหยิบยันต์ลมอีกแผ่นออกมา ทำเอาสเวนที่พึ่งยืนได้รีบยกมือห้ามปรามทันที
“เดี๋ยว ๆ เจ้าอย่าพึ่งโจมตี ข้า...ข้าไม่คิดสู้ต่อแล้ว” สเวนกล่าวและมีท่าทางหยุดจริง ๆ
ลีโอมองดูก่อนจะยอมเชื่อจึงไม่ได้กระตุ้นยันต์
การปะทะกันของหมอผีฝึกหัดนั้นมีให้เห็นบ่อย ๆ ในเหมืองมรณะแห่งนี้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ถึงกับขั้นฆ่าแกงกันและก็ไม่ได้มีโทษรุนแรง เพราะถ้าจะพูดให้ถูกที่นี่มันคือคุก ต่อให้มีโทษก็แค่โดนสั่งเพิ่มเวลาภารกิจบังคับแบบที่ลีโอโดนเพิ่มไปไม่กี่วันถึงเดือนเท่านั้น
อีกอย่างหมอผีแท้จริงที่ดูแลไม่ได้ใส่ใจจริงจังมากในเรื่องการปะทะกันเล็ก ๆ น้อย เพราะถือว่าการต่อสู้เป็นตัวช่วยให้เกิดการพัฒนา
มนุษย์ก็พัฒนาอารยธรรมครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านสงครามและการต่อสู้มาตลอดอย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้
“เคลียร์ของที่เสียหายข้าจ่ายเองรวมทั้งอาหารของเขาด้วยและก็เปิดเพลงต่อได้แล้ว” สเวนหันไปกล่าวกับหุ่นยนต์ตนหนึ่งพร้อมกับวางดากาซ 10 เหรียญไว้ที่โต๊ะตัวหนึ่ง หยิบแก้วที่มีเครื่องดื่มสีฟ้าสดมากระดกไปจนหมด ก่อนจะเดินเข้ามาหาลีโอ
“เรื่องจบแล้วไปกินกันต่อ”
“สเวนมันก็บ้าอย่างนี้ โดนของจริงเข้าไปถึงกับจุก”
“ใครจะไปคิดว่าจะมีคนเล่นใช้ยันต์โจมตีแบบนั้นเล่า”
“เสียดายของจริง ๆ ยันต์นั้นต้องเป็นชั้นสูงแน่”
หมอผีกลับไปนั่งที่โต๊ะของตนเองหลังจากโชว์ต่อสู้จบลงและเริ่มดื่มกินพูดคุยกันต่อ ส่วนคนธรรมดา แม้จะรู้ว่ามีการต่อยตีกัน แต่ก็ไม่คิดจะเข้าไปสอดรู้สอดเห็นมากเกินไป พวกเขากลับไปสนุกกันเช่นเดิม พร้อมกันนั้นเสียงเพลงดังขึ้นอีกครั้งบรรยากาศในร้านกลับมาครึกครื้นอย่างรวดเร็ว
ลีโอที่ยืนอยู่จ้องมองสเวนที่เดินมาอย่างไม่ละสายตา ด้านข้างยังมีแอนโทนี่และเอ็มม่าอยู่ด้วย แม้เรื่องจะจบ แต่ทั้ง 4 คนนั้นยังไม่แยกย้ายไปไหน
“เลิกจ้องแบบนั้นได้แล้วข้าไม่คิดจะหาเรื่องอีก น้องชายข้าขอเลี้ยงเจ้าขอโทษเรื่องเมื่อครู่ได้ไหม” สเวนไม่ได้คิดจะเข้ามาหาเรื่องลีโออีก
ลีโอเงียบไป พอเกิดเรื่องแล้วเขาก็อยากจะกลับออกไปเหมือนกัน แต่ว่าพอคิดว่าตนยังไม่ได้กินอะไรก็ยังไม่คิดจะกลับไป
“ไม่เอาน่ะ การสู้กันมันเป็นปกติของหมอผีที่เหมืองมรณะอยู่แล้ว แต่เจ้าก็เล่นแรงไปจริง ๆ มา ๆ มานั่งตรงนี้แล้วคุยกันดีกว่า” สเวนพูดเชิญชวน โดยไม่มีท่าทีเมามายใด ๆ อีก
เนื่องจากนี่คือความสามารถพิเศษของหมอผีร่างกายพวกเขาขัดเกลาโดยรูนจิต ทำให้มีสภาพที่ยืดหยุ่นและฟื้นตัวได้เร็วกว่ามนุษย์ทั่วไปมากนัก
แถมยังมีพลังจิต ถ้าหมอผีต้องการก็เพียงใช้พลังจิตขับฤทธิ์มึนเมาออกไปก็ได้ไม่ยากแล้ว
ลีโอไม่ใจคับแคบเกินไป จึงเดินมานั่งลงตรงข้ามและถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เจ้าต้องการอะไร”
“ฮ่า ๆ เจ้าดูข้าออกด้วย ว่ากันว่ามีผู้จารึกลงมาที่เหมืองมรณะซึ่งหาได้ยากมาก คนผู้นั้นคงเป็นเจ้าใช่ไหม”
“...” ลีโอนิ่งเงียบไม่ตอบ
“ถือว่าเจ้ายอมรับแล้วกัน เจ้าเป็นผู้จารึกใช่ไหม เจ้าเขียนอักขระวิญญาณไฟเป็นหรือเปล่า ช่วยข้าจารึกอักขระวิญญาณไฟลงไปในดาบเล่มหนึ่งได้ไหม ข้ายินดีหาวัตถุดิบเองและยังให้ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อแน่นอน” สเวนเปิดเผยความต้องการของตนเอง
ลีโอเหมือนจะเริ่มเข้าใจและคาดคิดไม่ถึงว่าตนเองจะดังไปถึงหูของหมอผีฝึกหัดระดับ 3 แบบนี้
“เจ้ามั่นใจให้ข้าทำจริง ๆ เหรอ” ลีโอกล่าวเอียงหัวเล็กน้อย เพราะแม้แต่ตัวเขายังไม่กล้ามั่นใจเลย ที่จริงเขายังไม่เคยจารึกลงในอาวุธอาคมมาก่อนด้วยซ้ำ
“ไม่เอาน่า เจ้ารู้ไหมยันต์ไฟที่เจ้าไปขายถูกซื้อไปใช้และปรากฏว่าทั้งหมดเป็นยันต์ไฟระดับ ชั้นสูงทั้งหมด ถึงเจ้าอยากจะถ่อมตนข้าคงยากจะเชื่อแล้ว” สเวนกล่าวและยิ้มออกมารอคำตอบของคนตรงหน้า
ลีโอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ก็ได้ข้าจะทำให้เจ้า แต่ผลลัพธ์ไม่ขอรับรองและยังมีเงื่อนไขอยู่อีกอย่าง”
สเวนเผยรอยยิ้มทันที รีบกล่าวตอบ “ตกลง ๆ บอกเงื่อนไขมาได้เลย”
“ข้าอยากจะเห็นอักขระวิญญาณที่เจ้าใช้ปกป้องตัวเองจากยันต์ลม” ลีโอกล่าว
“เออ...นี่” สเวนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “นี่เป็นไพ่ลับของข้า เจ้าดูแล้วคงไม่บอกคนอื่นหรอกนะ”
“ข้าเป็นผู้จารึก ข้ารับปากว่าจะไม่เผยเรื่องอักขระของเจ้ากับคนอื่น” ลีโอกล่าวยืนยัน
คำพูดโดยการกล่าวอ้างถึงผู้จารึกนั้นมีค่ามาก สเวนได้ยินก็พยักหน้าตกลง
“นี่คือสิ่งที่ข้าป้องกันจากยันต์ลมเมื่อครู่” สเวนดึงแขนเสื้อขึ้นมา เผยอักขระวิญญาณสองตัวที่ทั้งสองข้างให้กับลีโอได้มองดู
‘สุดยอด สิ่งนี้ไม่ปิดแน่’
เมื่อเป็นหมอผีผู้จารึกลีโอจึงศึกษาเรื่องราวของหมอผีผู้จารึกมาบ้างในบางเวลาที่มีโอกาสและได้รู้ว่าการใช้อักขระวิญญาณนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ยันต์ จารึกลงอาวุธอาคม หรือการเขียนจารึกลงพื้นที่ขนาดใหญ่ และยังมีอีกวิธีคือ จารึกกายอาคม
เส้นทางนี้ยังไม่ได้รับการสนับสนุนที่มากพอ เพราะมันอันตรายมากกับการเอาอักขระวิญญาณมาจารึกลงใส่ร่างกาย เหมือนเช่นที่สเวนทำ
“เจ้าไปได้มาจากไหน” ลีโอเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“เรื่องนี้ข้าตอบไม่ได้” สเวนกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง
ลีโอไม่ถามต่อ แต่เปิดดวงตาผนึกเทพแอบมองดูอักขระวิญญาณภายในทันที น่าเสียดายที่มันโดนพลังจิตวิญญาณของผู้สร้างปิดบังไว้ อย่างมองก็มองออกว่ามันคืออักขระวิญญาณอะไร แต่ไม่สามารถมองโครงสร้างออกได้ เหมือนเช่นกุญแจมือคุมขังที่ลีโอเคยศึกษามาก่อน
สเวนดึงแขนกลับปิดบังมันไว้
“เรื่องการจารึก” สเวนกล่าวทวงคำ
“แน่นอน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ น่าจะอีกสัก 10 วันข้าจะทำการจารึกให้” ลีโอกล่าวตอบและนัดวัน ส่วนที่ต้องเลื่อนไปนานขนาดนั้นเพราะตอนนี้ลีโอติดศึกษาอักขระวิญญาณคลื่นเสียงและอักขระวิญญาณดินอยู่
ลีโออยากจะรีบสร้างยันต์ทั้งสามชนิดและมอบให้กับจิมเพื่อเรียนรู้ทักษะดาบให้เร็วที่สุด
“ไม่มีปัญหา” สเวนกลับมายิ้มแย้มดังเดิม
ลีโอกล่าวบอกที่อยู่ไว้ให้กับสเวนให้สามารถติดต่อมาหาตน ที่จริงสเวนจะหาที่อยู่แบบที่ลีโอใช้หาจิมก็ได้
“เอาละวันนี้ข้าพอแล้ว ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันใหม่” สเวนกล่าว ก่อนจะวาง 2 ดากาซไว้เป็นค่าอาหารและลุกจากไป
ลีโอไม่ได้ห้าม แต่พอสเวนจากไปก็มีคนเข้ามาแทนทันที เป็นสองคนที่ลีโอรู้จักคือ แอนโทนี่และเอ็มม่า
“ข้าจำเจ้าได้แล้ว” เอ็มม่าเป็นคนกล่าวขึ้นมาคนแรก
ลีโอรู้ว่าคำถามที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นนั้นมาถึงแล้ว
“เจ้าทำได้อย่างไรตอนนั้นไม่ผิดแน่นอนที่เจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับ 2 เท่านั้นแต่กลับเป็นหมอผีฝึกหัดระดับ 2 ได้อย่างรวดเร็วแถมยังเป็นผู้จารึกด้วย” เอ็มม่ายิงคำถามออกมาทันที แต่ยังคงเบาเสียงไว้ให้พอได้ยินแค่ 3 คน
แอนโทนี่ที่พึ่งมานั่ง เพราะอยากคุยกับลีโอ แต่ไม่คิดว่าเอ็มม่าจะถามคำถามนี้ เพราะแม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่ทันฉุกคิดว่าลีโอคือ ศิษย์ที่มารุ่นเดียวกับตน
แต่พอแอนโทนี่ได้รู้และมองดูดี ๆ ก็พอจดจำได้ว่าลีโอนั้นเป็นศิษย์รุ่นเดียวกับตนจริง ๆ
‘ผ่านมาแต่ 3 เดือนเกือบครึ่งเท่านั้นที่เข้ามาสถาบันเอลาเดีย แต่คนที่มีพรสวรรค์ระดับ 2 กลับไล่ตามความเร็วการฝึกฝนของข้าได้’
แอนโทนี่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ความจริงก็อยู่ตรงหน้าแล้ว
“ข้าจำเป็นต้องบอกพวกเจ้าด้วยเหรอ” ลีโอตอบกลับไป
“เออไม่จำเป็นข้าขอโทษ” เอ็มม่ากล่าวออกมา
แต่ตอนนั้นอยู่ ๆ ลีโอก็ยอมบอกออกไป
“ข้าแค่มีโอกาสของตนเองรวมกับพรสวรรค์การเป็นผู้จารึกช่วยให้ข้าพัฒนาระดับพลังได้เร็วชั่วคราวก็เท่านั้น” ลีโอกล่าวตอบ
ที่จริงเขาจะเงียบไปก็ได้ แต่ลีโออยากจะใช้โอกาสนี้ในการบิดเบือนมันสักหน่อย เพราะอย่างไรไม่นานเรื่องของเขาก็คงถูกตรวจพบอยู่ดี และถ้าใครจนใจสักหน่อยก็คงสืบไม่อยาก
ถึงตอนนั้นลีโอคงยังหาคำมาอธิบายไม่ได้
แต่ลีโอรู้ว่าโลกนี้มีโอกาสมากมายจึงโยนความคิดชี้นำออกไป เดียวคนที่ได้ฟังไปก็คงจะไปแต่งเติมคิดเอาเอง เขาไม่ต้องทำอะไรมากนัก
และเป็นอย่างที่ลีโอคิด เอ็มม่าและแอนโทนี่ก็เริ่มคิดไปเองแล้วว่าพรสวรรค์ด้านผู้จารึกช่วยให้ลีโอนั้นฝึกฝนได้เร็วคล้ายกับตน
ซึ่งพวกเขาไม่ได้เป็นหมอผีแท้จริงจึงไม่รู้ว่าลีโอโกหกปนความจริงออกไป
เอ็มม่าและแอนโทนี่เผยความอิจฉาในโอกาสที่ว่านั่น แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้น ทั้งสองไม่ได้มีความคิดแย่งชิง เพราะคาดว่าโอกาสของลีโอคงมาจากพรสวรรค์ด้านผู้จารึก ทั้งสองทำได้เพียงยอมรับ
เหมือนที่พวกเขาทั้งสองมีพรสวรรค์การเป็นหมอผีระดับ 4 ทำให้คนอื่นที่มีพรสวรรค์ต่ำกว่าต้องอิจฉาและทำได้เพียงยอมรับอย่างจำใจเท่านั้น
และแน่นอนว่าทั้งเอ็มม่าและแอนโทนี่ก็ไม่ได้รู้สึกด้อยกว่าลีโอ อย่าลืมว่าพวกเขามีพรสวรรค์สูงกว่า ซึ่งมีโอกาสเป็นหมอผีมากกว่าลีโอมาก
นี่คือความคิดของทั้งสอง
“เจ้าเป็นผู้จารึก ยันต์ที่ใช้ก่อนหน้าก็เป็นของเจ้าเขียนใช่ไหม ช่วยขายให้พวกเราได้ไหม ข้ายินดีซื้อในราคาสูงก็ได้ เพียงแต่มากหน่อยจะได้ไหม” แอนโทนี่ที่เข้ามานั่งถามลีโอเกี่ยวกับเรื่องยันต์
เพราะนี่คือวัตถุประสงค์ของเขา
“พวกเจ้าจะเอายันต์จำนวนมาก ๆ ไปทำอะไร” ลีโอได้ยินก็ถามอย่างสงสัย เพราะคิดว่าทั้งสองน่าจะวางแผนกระทำบางสิ่ง
แอนโทนี่และเอ็มม่าสบตากัน ราวกับกำลังปรึกษากันว่าจะบอกดีไหม สุดท้ายเอ็มว่าก็เป็นคนบอกออก
“เพื่อเคลียร์เส้นทาง...”