ตอนที่ 1044 จอมปีศาจไคเทียน
เริ่นเทียนเกอมองเห็นได้ว่าเด็กใหม่ผู้นี้ก็คือหนุ่มน้อยที่เพิ่งเข้ามาร่วมในกลางทางและเป็นดึงดูดความสนใจของบัณฑิตตาเงิน
ในเวลานั้นถ้าไม่ใช่เพราะเขากระตือรือร้นรีบเข้าไปล่าสมบัติลับโบราณ เขาอยากเห็นจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงทำให้บัณฑิตตาเงินสนใจเขาได้
ตอนนี้ด้วยพลังของเด็กหนุ่มผู้มาใหม่สามารถหลบหนีได้สำเร็จหรือ?
ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือเขาพาสหายอีกสามคนออกมาได้
“เทพทราย!”
พระยายมซิวอิ่งหลังจากมองดูอยู่นานทันใดนั้นดูเหมือนเขาจะเข้าใจบางอย่างทันที
เขาหยิบคนโทเจ็ดสีออกมาจากนั้นโปรยละอองเรืองแสงรอบๆตัว แสงสว่างสดใสเปิดเผยสิ่งที่อำพรางรอบตัวพระยายมซิวอิ่งมีช่องตารางและช่องว่างจำนวนมากลักษณะคล้ายตะแกรงปรากฏขึ้นยักษ์ดาบทองแสดงให้เห็นถึงพื้นที่มิติพิเศษภายในโล่พลังสีทอง
ในโลกนี้ไม่กลับพลิกคว่ำอีกต่อไปทุกอย่างไม่แปลกประหลาดอีกต่อไป
เหตุผลที่สุดยอดนักสู้ผู้แข็งแกร่งอย่างพระยายมซิวอิ่งรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกก็เพราะพวกเขาทั้งหมดกำลังยืนอยู่ที่ขอบฟ้าและดินตั้งใจจะเดินผ่านออกไปมิติภายนอกที่ไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นจึงถูกพลังกฎสวรรค์สะท้อนกลับไม่สามารถผ่านไปได้
และแทบจะในทันทีร่างของทุกคนกลับคืนสู่สภาพธรรมชาติไม่ท้าทายอำนาจกฎสวรรค์อีกต่อไป
แต่เริ่นเทียนเกอและผู้นำอื่นตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้ยักษ์ดาบทองเพิ่งฆ่าคนไปหมื่นคน
ไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่ง
แต่ตำแหน่งที่คนทั้งหมื่นยืนอยู่ในแนวรอยแยกมิติ เมื่อตกลงไปแล้วจะกลายเป็นผุยผงในไม่กี่วินาที
“คิดไม่ถึงว่าข้าลังเลไม่ยอมใช้เทพทรายวิเศษมาหลายพันปีแล้วไม่เคยคิดว่าจะมีวันได้ใช้ออก” พระยายมซิวอิ่งทั้งดีใจและโกรธ เขาดีใจที่ได้ชีวิตคืนมาโดยไม่ต้องกังวล เขาโกรธเพราะในฐานะหัวหน้าฝ่ายค่ายมารกลับถูกศัตรูหลอก หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กนี่หนีได้สำเร็จ คาดว่าทุกคนคงตายที่นี่กันหมด
“ฆ่ามัน”
จอมถลกหนังเป็นคนแรกที่บุกเข้าโจมตี
หากไม่มีการคืนสภาพธรรมชาติภายใต้ผลสะท้อนของพลังกฎสวรรค์ หากโจมตีใส่ยักษ์ดาบทองที่กำลังล่อลวง นั่นเท่ากับฆ่าตัวตาย แต่ตอนนี้แตกต่างกันสภาพธรรมชาติปกติคืนสภาพแล้ว ไม่มีใครโง่โจมตีพลังกฎสวรรค์ที่มิอาจโยกคลอนได้ แต่ตอนนี้โจมตียักษ์ดาบทองจอมถลกหนักเซี่ยทีมีความคิดจะท้าทายเทพของเทพที่หลอกลวงผู้คน
พลังที่สามารถทำลายฟ้าทำลายดินฉีกมิติในพื้นที่ยาวถึงร้อยเมตร
และมีความกว้างราวสามเมตร
ในมิตินั้นทุกอย่างกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ด้วยพลังของเซี่ยทีมิติแตกเกิดรอยแยกอย่างเง่ายดายถ้าไม่ใช่เพราะเขากลัวว่าจะไปสัมผัสพลังของกฎสวรรค์ซึ่งอยู่ที่ขอบเขตแดน เขาสามารถใช้พลังที่มากขึ้นสร้างความเสียหายที่น่ากลัวยิ่งขึ้น
จอมถลกหนังโจมตีอย่างเสียแรงเปล่า!
“เจ้าตัวตลกที่หลงตัวเอง!” ยักษ์ดาบทองแค่เหยียดนิ้วก็รับพลังโจมตีของจอมถลกหนังได้อย่างง่ายดาย
“ซี่.....”
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวดังกล่าวทุกคนอดสูดหายใจหนาวเหน็บมิได้
แม้ว่ายักษ์ดาบทองจะหลอกทุกคนและไม่ได้เป็นคนที่ฆ่าผู้ท้าทายผ่านด่านหมื่นคนด้วยตนเอง แต่พลังของเขาน่ากลัวอย่างมิต้องสงสัย
“หักคอ ทำร้ายอวัยวะภายใน แยกสังขาร ควักหัวใจถลกหนัง หักซี่โครง ขูดกระดูก!” จอมถลกหนังเซี่ยทีโกรธพอๆ กับราชสีห์ลงมือโจมตีเป็นจักรผัน แต่ยักษ์ดาบทางยังคงใช้มือซ้ายข้างเดียวโดยไม่ต้องใช้มือขวาสู้ตอบโต้ จนถึงบัดนี้ทุกคนจึงเข้าใจว่ายักษ์ดาบทองแม้ไม่ใช้พลังดาบ ก็ฆ่าคนเป็นพันๆ คน เขาไม่ใช่ผู้นำแม้แต่น้อย แต่ไม่มีพลังพอจะฆ่าได้
“ลงมือพร้อมกัน เราน่าจะได้เปรียบมากกว่า” พระยายมซิวอิ่งและพวกมีสายตาขนาดไหนสามารถตัดสินได้จากการดูการต่อสู้ระหว่างเซี่ยทีและยักษ์ดาบทองได้ ยักษ์ดาบทองไม่ต้องใช้ดาบก็ไม่กลัวต่อการรุมล้อมของคนที่เหลือ!
“เป็นยังไงบ้าง” เริ่มเทียนเกอในเวลานี้ยังต้องฟังคำแนะนำของบัณฑิตตาเงิน
“ความเป็นไปได้ต่อการเอาชนะมีเจ็ดลักษณะบาดเจ็บอย่างเบา 20% บาดเจ็บหนัก 10% ฆ่าได้สำเร็จ 1%หรือแทบเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ต่อให้มันบาดเจ็บหนักเราก็ต้องจ่ายราคามาหาศาล” บัณฑิตตาเงินตัดสินได้แม่นยำกว่าพระยายม หลังจากคำนวณการต่อสู้แล้วสามารถสู้ได้แต่คาดว่าน่าอนาถมาก เงื่อนไขอีกฝ่ายก็คือต้องไม่มีผู้ช่วย
“ไปกันลุยกันเลย”บุรุษผมแดงฮ็อกพอได้ยินว่ามีโอกาสเป็นไปได้ 70%คิดว่ายังจะรั้งรออะไรอีก?
“ตื่นเต้นมาก!” บุรุษหน้ากากชิงหมอรู้สึกว่าตอนนี้ต้องร่วมมือกันมีความเป็นไปได้ว่ายักษ์ดาบทองจะเอาชนะพวกเขาทีละคนและสูญเสียความได้เปรียบในการรบอีกครั้ง
“เชียนจ้ง! พาคนออกจากประตูลับกระจายนักสู้ฝีมือดีออกไปตามค่ายข้างบนและขอกำลังเสริมมาช่วย ดีที่สุดถ้าเจ้านำทัพกลับมาด้วยตนเอง” เริ่นเทียนเกอในฐานะหัวหน้าใหญ่รู้ความสำคัญของกำลังเสริม ถ้าได้หัวหน้าจากค่ายข้างบนมาสมทบช่วยเชื่อว่าสถานการณ์การต่อสู้จะดีขึ้น
“เจ้าก็ต้องทำเหมือนกัน จ้าวหมูป่า” จ้าวกระดูกจินหายยังคงสั่งพวกในค่ายฝ่ายเดียวกันตนให้กลับค่ายมารเรียกกำลังเสริม
เขาเลือกท้าทายเทพ
แน่นอนว่าไม่ใช่งานที่จะทำให้สำเร็จได้ในค่ำคืนเดียว
ทั้งเริ่นเทียนเกอและหัวหน้าค่ายฝ่ายมารเตรียมพร้อมสำหรับสงครามยืดเยื้อ
เชียนจงผู้รูปงามและเป็นมิตรเขาเป็นพันธมิตรของเริ่นเทียนเกอที่น่าเชื่อถือได้ไม่อ่อนแอและมีความเฉลียวฉลาด เขาไม่วู่วามเหมือนฮ็อก ไม่อำมหิตเหมือนชิงหมอ หากให้ฮ็อกหรือชิงหมอกลับไปเริ่นเทียนเกอไม่สบายใจนักส่วนบัณฑิตตาเงินนั้นขาดไม่ได้ ต้องให้เขาอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงส่งมือกระบี่รูปงามเชียนจงออกไป
ในอีกด้านหนึ่งค่ายฝ่ายมารมีราชาหมูป่าที่หน้าดุร้ายและพลังแข็งแกร่งแต่มีความละเอียดอ่อนถูกส่งออกไป
เชียนจงและจ้าวหมูป่าต่างรับคำกลับไปนำกำลังเสริมให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ นอกจากนี้ยังป้องกันนักสู้ฝีมือดีไม่ให้ตกอยู่ในกับดักและค่อยๆถอนตัวออกจากประตูเทเลพอร์ตที่สาม
“ข้าคิดว่าค่ายของเราควรหยุดทำสงครามไปก่อน เจ้าคิดว่ายังไง?” ก่อนจะอำลาแยกกันจ้าวหมูป่ายื่นข้อเสนอที่ดี
“ดีเหมือนกัน” มือกระบี่รูปงามเชียนจงพยักหน้า
นักสู้ฝีมือดีทั้งสองฝ่ายค่ายต่างซาบซึ้ง และถ้าพวกเขาท้าทายเทพเจ้าสงครามสงครามดุเดือดต้องปะทุขึ้นอย่างแน่นอน
ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะที่ค่ายทั้งสองอาจจะสูญพันธุ์ และผู้นำอย่างเริ่นเทียนเกอบัณฑิตตาเงินและซิวอิ่ง, จินหาย, เซี่ยที ฯลฯ สุดยอดนักสู้จะถูกเทพเจ้าทำลาย หลังจากทั้งสองค่ายได้รับความเสียหายรุนแรงอย่างหนัก การสู้รบที่ดุเดือดอาจกลายเป็นสงครามครั้งสุดท้ายที่มีการนองเลือด สงครามจะอยู่เหนือการควบคุม ผู้ท้าทายผ่านด่านแต่ละคนจะติดอยู่ในการสู้รบยากจะหลบหนีได้!
เพื่อให้เกิดความสงบสุขและผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายสงครามจะสงบลง
ปรากฏว่าฝ่ายค่ายมารที่หยิ่งยโสและจ้าวหมูป่าที่มีพลังเหนือกว่ามือกระบี่เชียนจงเล็กน้อยเปิดโอกาสเสนอเงื่อนไขที่ดีอย่างนั้น
“ลาก่อน”จ้าวหมูป่ามองดูมือกระบี่รูปงามเชียนจงเห็นด้วยกับเขา เขาลอบยินดีและกล่าวคำอำลาอย่างสุภาพที่สุดในชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำอย่างนี้กับผู้ท้าทายฝ่ายเทพ แสดงให้เห็นว่าจ้าวหมูป่าให้ความจริงใจกับการร่วมมือในครั้งนี้
“เชิญ, ข้าไม่ส่งไกลกว่านี้แล้ว...” เชียนจงหัวเราะและกล่าวตามมารยาท
ขณะเดียวกันทั้งฝ่ายพันธมิตรเทพและฝ่ายค่ายมารต่างคำนับอวยพรให้กัน ทุกคนต้องการร่วมมือกันท้าทายเอาชนะเทพช่วยพี่น้องที่ติดอยู่ในกับดักได้
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายเตรียมจะแยกจากกัน
มือกระบี่หนุ่มรูปงามเชียนจงผู้มีมารยาทยกมือและชักกระบี่ทันที
พลังกระบี่ที่แผ่ออก
มีพลังยิ่งใหญ่กว่ายักษ์ดาบทองที่เพิ่งฆ่าคนไปหมื่นคน ภายใต้สายตาสิ้นหวังของจ้าวหมูป่ามือกระบี่เชียนจงปกติมีพลังปราณฟ้าระดับห้าสามารถฆ่าจ้าวหมูป่าและยอดฝีมือเกือบร้อยคนในรวดเดียวจ้าวหมูป่ามีพลังปราณราชันย์ระดับหกถูกพลังปราณกระบี่ผ่าร่างเป็นสองส่วนตายในทันที
แม้ว่าจะลอบโจมตีก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังกระบี่นี้เพียงพอต่อการสังหารได้ทุกคน
มือกระบี่รูปหล่อสอดกระบี่คืนฝักช้าๆและพูดกับพื้นที่ว่างเปล่า “เด็กน้อย เจ้าจงออกมา ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้ารู้จักตะแกรงมิติฟ้าได้อย่างไร? ข้าไม่เข้าใจว่าเด็กน้อยอย่างเจ้าหนีพ้นกับดักออกมาได้อย่างไร? ทำไมเจ้าต้องช่วยชีวิตมดแมลงสองสามตัวนั้นด้วย? ข้าไม่ระแวงระวังเจ้า เจ้ารู้ไหมว่าเป้าหมายเดิมของข้าคือเริ่นเทียนเกอแต่ตอนนี้ข้าสนใจเจ้าเป็นที่สุด!”
เย่ว์หยางและทอเรนเป่ยเจ้าสี่แขนและเจ้าสัวอ้วนเตี้ยหน้าซีดขาวตัวสั่นยืนตะลึง และหัวหน้าตาเดียวบาดเจ็บสาหัสยังไม่ได้สติค่อยๆ ปรากฏในอากาศ
นอกจากเขาแล้วไม่มีใครหัวเราะออก
ขณะเห็นมือกระบี่รูปงามเชียนจงเย่ว์หยางยิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ “ข้าเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจอมปีศาจในตำนานจะกลายเป็นหนุ่มน้อยรูปงามเช่นกัน!”
“บางคนยิ่งเวลานานวันก็ยิ่งหล่อขึ้นเป็นเรื่องช่วยไม่ได้...” มือกระบี่รูปงามเชียนจงไม่ปฏิเสธแต่กลับหัวเราะให้เย่ว์หยางราวกับพบกับสหายเก่า “เด็กน้อย! เจ้าไม่เลว ข้าเห็นว่าบุรุษผู้มีสติปัญญายิ้ม ยังดีกว่าสตรีงามเสียอีก เด็กน้อยอย่างเจ้าจะฆ่าทิ้งก็เสียดาย เจ้าจะมาเป็นบริวารของข้าไหม?”
“ถ้าข้าเป็นสตรี ข้าอาจรับพิจารณา แต่ข้าไม่สนใจบุรุษ” เย่ว์หยางปฏิเสธ
“ไม่มีทางข้าไม่อาจปล่อยให้เด็กหนุ่มที่ดูดีมีศักยภาพมากกว่าข้าได้เติบโตตามวิถีแล้วกลับมาคุกคามชีวิตของข้า” มือกระบี่รูปงามเชียนจงถามย้ำให้แน่ใจ “เจ้าจะไม่คิดดูให้ดีหรือ? เจ้าก็รู้ด้วยพลังปัจจุบันของเจ้าไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้!”
“ถูกต้อง โจมตีต้องมีพลังเพียงพอว่าแต่ข้ายังไม่แพ้ไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางยิ้ม
“เจ้าจะหนีหรือ?” มือกระบี่เชียนจงมีสีหน้าสงสัย
“ก็ลองดูได้” เย่ว์หยางมั่นใจทักษะการหลบหนีของเขา