ตอนที่ 1039 กลัวเจ้า! ข้าคนสำคัญระดับชาติ
วิหารปีศาจฟ้าตั้งอยู่ในพื้นที่ถูกผนึก
ผู้ท้าทายธรรมดาไม่สามารถเข้ามาได้
ลึกเข้าไปในอุโมงค์โบราณในหุบเขาปีศาจตามข้อมูลของแม่เฒ่าซามีเมืองใต้ดินที่เหลือแต่ซากปรักหักพังเรียกกันว่ารังมารที่ซึ่งทางเข้าเทเลพอร์ตลับถูกพบเจอผู้ท้าทายผ่านด่านธรรมดาต้องการจะเข้ามาในอุโมงค์โบราณนับว่ายากมาก พวกเขาจะพบกับอสูรปีศาจโบราณที่น่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง พวกมันสามารถสร้างอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเวลาเป็นอสูรปีศาจโบราณที่มีชีวิตอยู่นานนับหมื่นปี แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปยุ่งกับพวกมัน ถ้าต้องการเข้าไปในอุโมงค์มืดที่เต็มไปด้วยอสูรปีศาจโบราณ สำหรับผู้ท้าทายทดสอบนับว่าเป็นแค่ฝันกลางวัน!
เย่ว์หยางเป็นข้อยกเว้นแน่นอน
เขาไม่ใช่ผู้ท้าทายผ่านด่านธรรมดา ไม่ใช่ผู้ท้าทายผ่านด่านมือใหม่ แต่เป็นอัจฉริยะผิดธรรมดาที่สามารถเล่นงานหัวหน้าปีศาจ
เนื่องจากทางเข้าสู่วิหารปีศาจฟ้าตั้งอยู่ในถ้ำมิติที่มืดและว่างเต็มไปด้วยอสูรปีศาจโบราณเป็นเวลาหลายพันปีมีผู้ท้าทายเข้ามาน้อยมาก
หรืออาจจะมีบางคนที่รู้ตำนาน แต่พวกเขาไม่มีความคิดกล้าเสี่ยง
ท้ายที่สุดใช่ว่าผู้ท้าทายผ่านด่านทุกคนจะกล้าหาญอย่างเย่ว์หยาง!
หลังจากผ่านไปหลายหมื่นปีภูมิประเทศ แผ่นดินและเครื่องหมายตามแผนที่ในหุบเขาปีศาจเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย อ้างอิงตามข้อมูลของแม่เฒ่าซาเย่ว์หยางสามารถเห็นภาพคร่าวๆ บนแผนที่ปัจจุบันได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเป้าหมายตามเส้นทางเดิม
“โชคดีที่ค่ายเทพไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก...” เย่ว์หยางลอบดีใจกับเรื่องนี้ ถ้าแม้แต่ภายในค่ายฐานเหล่านี้เปลี่ยนไปคงไม่สามารถหาจุดหมายปลายทางในช่วงเวลาสั้นๆแน่
เย่ว์หยางบินหาอยู่หนึ่งวัน
บินเปรียบเทียบในหลายภูมิภาคจากท้องฟ้า
ในที่สุดเขาแน่ใจได้ว่าพื้นที่ป่าหินขนาดใหญ่กินบริเวณหลายร้อยตารางกิโลเมตรด้านล่างเป็นทางเข้าที่ดีที่สุดเพื่อเข้าไปค้นหาวิหารปีศาจฟ้า
ก่อนเข้าสู่เส้นทางใต้ดิน เย่ว์หยางเรียกอิคคาออกมาและปล่อยให้นางอยู่ข้างนอกถ้าไม่ต้องคิดถึงการต่อสู้ในวิหารปีศาจฟ้าอิคคาสามารถไล่ล่าศัตรูภายนอกฝ่ายค่ายมารได้อย่างปลอดภัยด้วยพลังและสติปัญญาปัจจุบันของนาง เย่ว์หยางรู้สึกสบายใจมากกว่า แน่นอนว่าแสวงหาประสบการณ์อย่างมีอิสระมากจะเป็นส่วนหนึ่งให้อิคคาเติบโตอย่างรวดเร็วมาก
หลังจากผ่านด่านหุบเขาปีศาจได้ อิคคาซึ่งมีศักยภาพไม่จำกัดจะสามารถเติบโตเข้าสู่ระดับพลังใหม่แน่นอน
“เจ้าต้องสังเกตให้มาก อย่าหลงกลกับสิ่งต่างๆที่เป็นปรากฏการณ์ภายนอก ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาศัตรู ในการต่อสู้จงใช้ทักษะที่ข้าสอนเจ้า สิ่งที่เจ้าควรให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือจงควบคุมความโกรธของเจ้าให้ถึงที่สุดแม้ว่าจะมีความโกรธในใจของเจ้าก็ตาม ตราบใดที่เจ้าไม่สูญเสียความคิดของเจ้า ข้าเชื่อว่าภายในหุบเขาปีศาจจะไม่มีอสูรใดเอาชนะเจ้าได้!” เย่ว์หยางลูบเส้นผมที่อ่อนนุ่มของอิคคาแล้วสอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อืม...” อิคคาพยักหน้าอย่างจริงจัง
ในการทำตามคำสั่งของเย่ว์หยางนั้น เป็นเรื่องจริงจังที่สุดสำหรับอิคคาอย่างมิต้องสงสัย นางจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์
เย่ว์หยางยังคงเชื่อว่าตั้งแต่เกิดมาลูกสาวนางฟ้าสงครามของเขาทำได้เกินคาดหมายไปมาก
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้หรือต่อสู้
นางทำได้อย่างคาดไม่ถึง
อิคคากางปีกดาบนางฟ้าบินไปรอบๆสามครั้งและโบกมือให้เย่ว์หยางก่อนหายลับไปจากสายตาของเย่ว์หยางไม่ว่าจะเป็นศัตรูชนิดใดที่ขวางหน้านางฟ้าสงครามอย่างนางจะต้องเป็นเป้าหมายถูกล่าจากนางอย่างไม่หยุดยั้ง
เอาชนะและผ่านด่านได้เย่ว์หยางไม่เคยสงสัยเรื่องนี้
เขาแค่ไม่แน่ใจว่าอิคคาจะทำได้ดีแค่ไหน!
เย่ว์หยางอยู่ตามลำพังอีกครั้ง และเข้าสู่เส้นทางใต้ดินที่คดเคี้ยวไม่รู้ว่าจะลงไปถึงพื้นล่างได้อย่างไรและมีเป็นจำนวนมาก เขาไม่ได้เล็งเป้าหมายแค่ทางเดียว แต่ดำเนินการไปตามความรู้สึกในใจ นั่นดีที่สุด หลังจากบินเป็นเวลาสองชั่วโมงเย่ว์หยางได้กลิ่นคาวเลือดทันที
บินไปข้างหน้าไม่ถึงสามนาทีร่างของสัตว์ประหลาดใต้ดินหลายตัวนอนกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นในอุโมงค์
สัตว์ประหลาดเหล่านี้บางตัวก็อาศัยลึกลงไปในใต้ดินมาตลอดหลายปี บางตัวดูแปลกประหลาด
เย่ว์หยางไม่เคยเห็นมาก่อน
บางตัวเป็นอสูรทั่วไปที่พบเจอในหอทงเทียนเช่นมนุษย์ถ้ำ แมงมุมดำดิน, หนอนหนาม แมลงตาปีศาจในบรรดาซากสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วน บางซากก็มองเห็นได้ และซากเหล่านั้นล้อมรอบไปด้วยสัตว์ประหลาดใต้ดินก่ายกองสูงเป็นกองพะเนิน
ทางเดินใต้ดินบางที่เป็นที่กว้างโล่งเป็นพิเศษเมื่อแหงนมองให้ความรู้สึกเหมือนโดมท้องฟ้าสูงถึงหนึ่งกิโลเมตร
มีแร่ที่ส่องสว่างนับไม่ถ้วนกำลังส่องแสงและบางที่สว่างมากกว่าดวงดาว
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางให้เห็นหลายทาง
แม่น้ำใหญ่ที่มีขนาดพอๆกับที่ปรากฏบนผิวโลก
เย่ว์หยางมองดูไปตามเส้นทาง สัตว์ประหลาดใต้ดินไม่ได้ถูกฆ่าและกองซากเอาไว้ แต่ถูกขับไล่ออกไปในระยะไกล แม้จะพบว่าเย่ว์หยางมาแค่คนเดียวแต่พวกสัตว์ประหลาดที่เหลือจะกลัวและวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
“หรือว่าผู้ท้าทายผ่านด่านของฝ่ายเทพจะมากวาดล้างเส้นทาง? ต่อให้มาหาประสบการณ์ก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าอสูรเหล่านี้ทั้งหมดไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางประหลาดใจเล็กน้อยความเคลื่อนไหวนี้ผิดปกติเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางเข้าสู่รังมารแห่งวังปีศาจฟ้า การกวาดล้างเส้นทางขนาดใหญ่ทำให้เย่ว์หยางสงสัยในเจตนาที่แท้จริงของผู้นำเขา
เขาไปข้างหน้าอีกหนึ่งชั่วโมง
เขาพบว่ามีการเข่นฆ่าสัตว์ประหลาดข้างหน้าอย่างมากมายนับไม่ถ้วนและอสูรของผู้ท้าทายผ่านด่านกำลังต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
ถ้ำคูหาแห่งนี้มีโดมขนาดใหญ่กว้างมากกว่ายี่สิบตารางกิโลเมตรอสูรปีศาจบินนับไม่ถ้วนและอสูรของผู้ท้าทายผ่านด่านกำลังไล่ล่าฆ่าฟันเป็นการต่อสู้ทางอากาศที่น่าตื่นตะลึง
ขณะที่บนพื้นมีอสูรประเภทแมลงและร่างอสูรปีศาจสูงมากกว่าร้อยเมตรคำรามใส่ผู้ท้าทายผ่านด่านบนพื้นที่ยืนอยู่หน้าพวกเขาทรงพลังมากกว่าผู้ท้าทายผ่านด่าน และในบรรดาผู้ท้าทายผ่านด่านนับพันคนมีหลายพันคนที่มีพลังปราณฟ้าระดับสามเป็นอย่างน้อยมีกระทั่งตั้งแต่ปราณฟ้าระดับห้าขึ้นไป แม้ว่าสัตว์ประหลาดจะเหมือนคลื่นแมลงมีอยู่มากมายและอสูรโบราณจะมีร่างกายใหญ่โต แต่มันถูกตัดสินชะตาไว้แล้ว
เย่ว์หยางมีสายตาระดับใดแล้ว
เขาสามารถมองเห็นผู้ท้าทายผ่านด่านที่ต่อสู้เคียงข้างกันนั้นมีผู้นำควบคุมอยู่ห้าคน
ในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทั้งห้าคน ผู้ที่มีพลังอ่อนแอที่สุดก็คือปราณราชันย์ระดับห้าซึ่งเป็นระดับพลังปัจจุบันของเย่ว์หยาง และผู้นำของกลุ่มห้าคนนี้ เย่ว์หยางประเมินว่าคนผู้นี้มีพลังปราณราชันย์ระดับแปดซึ่งเป็นระดับเดียวกับหมิงลี่ฮ่าวเพียงแต่ผู้นี้พลังจะด้อยกว่าหมิงลี่ฮ่าวเล็กน้อย เทียบกับราชาเฉินม่อและชางหลงเจ้าตำหนักน้ำ คนผู้นี้เอาชนะได้หลายด้าน
มีคนที่ทรงพลังมากขนาดนี้อยู่ข้างหน้าโดยไม่คาดคิดเย่ว์หยางต้องลอบทอดถอนใจ
แดนสวรรค์เต็มไปด้วยพยัคฆ์ซ่อนมังกรหมอบจริงๆ!
อย่างเช่นหัวหน้าใหญ่ผู้นี้ถ้าเขาออกไปแดนสวรรค์ภายนอก ไม่ว่าจะไปอยู่ตะวันออก ตะวันตก เหนือ ใต้อย่างน้อยเขามีคุณสมบัติเป็นจักรพรรดิแดนดินได้ และอาจส่งผลกระทบต่อจอมภพแดนสวรรค์ได้ แต่ที่นี่เขาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่เหนือสหายผู้นำอื่นอีกสี่คน หลังจากมองดูบุรุษผู้นี้เย่ว์หยางอดรู้สึกแปลกใจมิได้ ด้วยความแข็งแกร่งของบุรุษผู้นี้การผ่านหุบเขาปีศาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทำไมเขาถึงรั้งอยู่ในหุบเขาปีศาจแทนที่จะไปต่อยังด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์?
คนผู้นี้มีความคิดเช่นเดียวกับเขาหรือเปล่า
ถ้านับเรื่องพลังคนที่เป็นผู้นำกลุ่มนี้แข็งแกร่งที่สุด เย่ว์หยางเห็นด้วย แต่ในใจเขามีความรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหัวหน้าใหญ่มือกระบี่รูปงามยังดูน่าเกรงขามกว่า.. เป็นเพราะเขามีรูปร่างหล่อเหลา?
เย่ว์หยางพบว่าบางครั้งบุรษหล่อเกินไปก็ไม่น่าสนใจจริงๆ
ตัวอย่างเช่นเขาไม่ค่อยชอบคนรูปหล่อไร้ค่าผู้นี้
โชคดีที่พลังของคนผู้นี้ยังคงเป็นปราณราชันย์ระดับห้า ต่ำที่สุดเป็นอันดับสองของผู้นำทั้งห้าไม่มากไปกว่าที่เย่ว์หยางคาดในใจ ดังนั้นเย่ว์หยางจึงยิ้มออก และเปลี่ยนไปใช้จักษุทิพย์มองดูเป้าหมายอื่นไม่ได้มองที่ฝ่ายตรงข้ามอีก
หน้าตาดีสตรีสนใจอาจไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ไม่มีประโยชน์กับการต่อสู้ มีแต่จะเพิ่มความริษยา
นอกจากหัวหน้าใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดและมือกระบี่รูปงามแล้ว ยังมีหัวหน้าอีกสามคน
คนสุดท้ายในห้าคนคือนักรบผู้กล้าใช้ขวานทองคำเป็นอาวุธร่างเขาสูงสามเมตรมีผมสีแดงเหมือนปีศาจร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อมองดูเหมือนผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่ยากจะทำลาย นอกจากเขาและมือกระบี่ผู้หล่อเหลาแล้วยังมีบุรุษร่างผอมสวมหน้ากาก มีพลังปราณราชันย์ระดับห้า แต่ความแข็งแกร่งนั้นดีกว่าสองคนก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ทันทีที่เห็นดวงตาและมือสีดำของเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้เป็นยอดฝีมือด้านพิษ เย่ว์หยางจับตาดูคนผู้นี้เป็นพิเศษขณะที่มองดูหัวหน้าใหญ่ทั้งห้า
นอกจากคนทั้งสี่แล้วผู้นำคนสุดท้ายเป็นบัณฑิตชุดขาวนัยน์ตาสีเงิน
คนผู้นี้อยู่ในวัยกลางคน
อย่างไรก็ตามเมื่อมองเห็นคนผู้นี้ เขารู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สะสมความรู้มากมายผ่านยุคสมัยมาหลายพันปีเย่ว์หยางอดชื่นชมเขามิได้
แม้ว่าบุรุษกลางคนมองดูเหมือนคนตาบอดแต่เมื่อเห็นนัยน์ตาสีเงินของเขา ทุกคนจะรู้สึกว่าเขาสามารถมองผ่านไปถึงหัวใจได้
เขาไม่ยิ้ม คนที่ยืนอยู่รอบๆเขามีความรู้สึกสบายใจเหมือนได้รับสายลมเย็นในฤดูใบไม้ผลิ เหมือนกับว่าการยืนอยู่ข้างๆเขาจะพลอยได้รับความรู้ประเทืองปัญญาที่หาได้ยาก ถ้าเขาไม่พูดคนอื่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จะคิดว่ากำลังฟังคำสอนอยู่ทั่วไป.... เย่ว์หยางไม่เคยเห็นคนแบบนั้น เทียบกับผู้เฒ่าหนานกงบุรุษวัยกลางคนนี้ทรงพลังมากกว่างามสง่ากว่าและมีพลังที่ละเอียดอ่อนมากกว่า
เย่ว์หยางพบว่าคนผู้นี้มีพลังถึงชั้นปราณชันย์ระดับเจ็ดแต่ซ่อนงำพลังไว้
ถ้าปลดปล่อยพลังทั้งหมด
เย่ว์หยางคาดว่าคนผู้นี้ไม่เป็นรองหัวหน้าผู้แข็งแกร่งที่สุด
ความสนใจของเย่ว์หยางมาจากระยะไกลนอกจากบุรุษวัยกลางคนตาสีเงินแล้ว อีกสี่คนไม่รู้สึกแต่บุรุษวัยกลางคนดูเหมือนจะรู้สึกได้ เขาเหลียวมองมาทางที่เย่ว์หยางมอง
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางมีทักษะแฝงเร้นพรางและเขายืนอยู่ในกลุ่มคนผู้ท้าทายผ่านด่านอยู่ก่อนแล้ว น่ากลัวว่าเขาคงถูกอีกฝ่ายหนึ่งตรวจพบเจอแล้ว
“เจ้าพบเจออะไรหรือ?” หัวหน้าใหญ่ให้ความสนใจความคิดเห็นบุรุษตาเงินเป็นพิเศษ
“ไม่มีอะไร”
บุรุษตาเงินยิ้มและส่ายหน้า
“......” เย่ว์หยางไม่สามารถได้ยินเสียงกระซิบสนทนาของคนทั้งสองได้ในสนามรบมีเสียงที่ดังมาก แต่เขาลอบร้องในใจว่าเกือบไป คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งที่ยืนอยู่ในกลุ่มผู้คนอย่างระมัดระวังตัว อีกฝ่ายหนึ่งก็ยังสังเกตได้ แต่โชคดีที่เขามีทักษะแฝงเร้นพราง ไม่ยอมให้อีกฝ่ายหาตัวได้เจอ เย่ว์หยางแค่ต้องการก้มหน้าจากไป ทันใดนั้นมีมือที่แข็งแรงคว้าแขนเขาไว้แน่น
“เจ้าโง่!อยากตายหรือไง?” เมื่อเย่ว์หยางหันกลับมาเขาเห็นบุรุษร่างผอมตาเดียวกำลังพูดกับเขาด้วยความโมโห “ใครเป็นหัวหน้าค่ายของเจ้า? เด็กมาใหม่ยังกล้าเข้ามาที่นี่โดยไม่รู้จักคิด หาที่ตายไม่เข้าเรื่อง! ยิ่งกว่านั้นเจ้าไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ สัตว์ประหลาดอยู่ข้างหน้าแท้ๆนักสู้เตรียมปราณฟ้าอย่างเจ้ายังโง่เข้าไปสู้อีกหรือ? รีบกลับเข้ามาก่อนเลย หลังจากสู้เสร็จแล้ว งานที่เจ้าทำได้มีแค่เก็บกวาดสนามรบเท่านั้น! ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ยังต้องระมัดระวังสัตว์ประหลาดที่ยังตายไม่สนิทอยู่ดี ก่อนมันจะตายมันยังทำร้ายเจ้าได้อย่างหนัก เฮ่ย..ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยใช่ไหมนี่? เจ้ามันโง่จริงๆ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากค่ายไหน หลงปะปนเข้ามาในกลุ่มที่มีการสู้รบอย่างดุเดือดได้อย่างไร ข้าขอเตือนไว้เลย เจ้าเด็กน้อย ถ้าทักษะสู้ระยะประชิดเจ้าไม่ดี เจ้าอาจตายได้ตลอดเวลา”
“หัวหน้า! ให้เขาอยู่กับเราก่อน! ถ้าเจ้าเด็กนี่วิ่งพล่านไปข้างหน้า เขาจะตายอย่างสูญเปล่า” มีทอเรน (มนุษย์หัววัว)ผู้ใช้ขวานหินมือเดียวรีบบินเข้ามาทันที
“เจ้าดูแลเขา แม้ว่าเจ้าจะรอผลัดเปลี่ยนรบ เจ้าก็ต้องดูแลเขาพลังแค่นี้มาถึงที่นี่มีแต่จะเป็นอาหารหนอนยักษ์เท่านั้น!” บุรุษตาเดียวผิวดำหงุดหงิดเล็กน้อยและกระแทกใส่ไหล่เย่ว์หยางแรงๆ ส่งสัญญาณเย่ว์หยางไม่ให้รีบทำงานในสนามรบหาเรื่องตายอย่างโง่เขลา เพราะแม้แต่ผู้ท้าทายผ่านด่านที่มีพลังปราณฟ้าระดับห้าก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วต้องกันเข้ามารับมือ
“แม้ว่าหัวหน้าของเราจะดุมาก แต่เขาก็มีจิตใจดีงาม เจ้าเป็นเด็กมาจากค่ายไหน?” คนแปลกหน้าสี่แขนถามเย่ว์หยาง
“อ่า..ข้าเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามา...” เย่ว์หยางบอกว่าเขายังเป็นคนใหม่มาก
“อะไรนะ, เจ้าเป็นเด็กใหม่หรือ? เด็กใหม่อย่างเจ้าปนเข้ามาในนี้ได้ยังไง?” ทอเรนและบุรุษสี่แขนหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
“ข้าเดินออกมาจากค่ายแล้วหลงทาง” เย่ว์หยางยักไหล่ ข้ออ้างของเขาเด็กแปดขวบยังไม่เชื่อ แต่มนุษย์หัววัวและบุรุษสี่แขนเชื่อ พวกเขาส่ายหน้า “ประสาทจำแนกทิศอย่างนี้ข้าเห็นมามากแต่แย่ขนาดเจ้าข้าเพิ่งเห็นครั้งแรก
“เพราะไม่มีสัตว์ประหลาดตามรายทางข้าก็เลยเข้ามาเรื่อย” เย่ว์หยางพูดเช่นนี้ค่อยสมเหตุผล
“วันนี้นับว่าเจ้าโชคดีและถนนสายนี้เป็นถนนสายโชคดีเช่นกัน! หากเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ เจ้าหลงทางที่นี่ ในหุบเขาปีศาจเจ้าคงมีสถานะเป็นแค่มูลหนอนยักษ์!” ทอเรนหัวเราะเขาวางขวานหินถูมือสองครั้งก่อนจะจับมือเย่ว์หยาง “เด็กน้อยผู้โชคดี เจ้าชื่ออะไร? เจ้ามายืนใกล้ๆ ข้า บางทีข้าอาจโชคดีไปด้วย พวกกรงเล็บพิษเหล็กในพิษจะได้อยู่ห่างๆ ข้าบ้าง ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“อา..รู้เอาไว้ ข้าชื่อสี่แขนข้าเคยเป็นชาวเผ่าเก้าแสง เพราะข้ามีความผิดร้ายแรง จึงถูกบังคับให้เป็นนักรบเถื่อน” นักรบสี่แขนแนะนำตนเอง
“ข้าชื่อเป่ยและน้องข้าชื่อหนานเป็นคู่หูนักล่าปีศาจที่มีชื่อเสียงในแดนสวรรค์ตะวันตกฉายาขุนขวานเหนือ-ใต้ จนถึงตอนนี้ ข้าเป็นคนเผ่าพันธุ์ทอเรน (หัววัว) โชคร้ายที่อาหนานน้องข้าตายในหุบเขาอสูร เพื่อสานต่อความตั้งใจเขา ข้าจึงต้องไปต่อจนกว่าข้าจะผ่านด่านและกลับไปรวมกลุ่มเผ่าทอเรนที่แข็งแกร่งที่สุด บ้านบรรพบุรุษของเราเป็นเผ่าภูตบูรพาปีศาจวัวฟ้า เขาสีทองคือเกียรติยศสูงสุดของพวกเรา เด็กใหม่! แล้วเจ้าเล่า”
“เพราะข้าชอบเหรียญสีทองเหลืองอร่ามและชอบความร่ำรวย ข้าจึงเรียกว่า เจ้าสัว” บุรุษอ้วนเตี้ยคนหนึ่งเบียดตัวขึ้นแนะนำตนเอง
“เราไม่ได้ถามเจ้า!” ทอเรนแค่เสียงไม่พอใจ
“ถ้าเจ้าต้องการแลกเปลี่ยนสิ่งของใดโปรดติดต่อข้า ข้าร่ำรวยและมีทุกอย่าง” คนอ้วนเตี้ยเรียกตัวเองว่าเจ้าสัวเบียดตัวขึ้นมาเพื่อทักทายและโฆษณาตนเอง
เย่ว์หยางเห็นทอเรนและเจ้าสี่แขนกำลังมองมาทางเขาทุกคน ไม่ง่ายเลยที่จะกลมกลืนเข้ากับพวกเขา จึงได้แต่หัวเราะ “ชื่อข้าไม่ดังก้องฟ้าเท่ากับพวกเจ้าข้าเป็นมนุษย์มาจากแดนสวรรค์ตะวันออกมีนามว่าต่งฟง ความจริงก็เป็นประเทศเล็กๆไม่ควรแก่การเหลียวมอง เขาสามารถแสวงความร่ำรวยจากศัตรู จนมีประเทศดีๆ ได้”
ทอเรนกับพวกพอได้ฟังก็สงสัย? ประเทศทางตะวันออก
อยากรู้อยากเห็น
พวกเขาคาดหวังเต็มที่
เย่ว์หยางยกมือทั้งสองอธิบาย “ข้าเล่นไพ่นกกระจอก!”
สี่แขนและทอเรนหลั่งเหงื่อแม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าไพ่นกกระจอกคืออะไร แต่เมื่อเห็นลักษณะของเจ้าเด็กนี่ พวกเขารู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งดี ช่างเถอะ เวลานี้ให้มองไปข้างหน้า เด็กใหม่คนหนึ่งสามารถอยู่ในสนามรบอย่างนั้นได้โดยที่แข้งขาไม่อ่อนก็ดีมากแล้ว พวกเขายังต้องการอะไรอีก?
“เราจะต้องทำอะไร? ฝึกวิชา? ฆ่าตัวบอส?” เย่ว์หยางแสดงความอยากรู้อยากเห็นของผู้มาใหม่อย่างเต็มที่!