ตอนที่ 1038 เป้าหมาย วิหารปีศาจฟ้า
“เจ้าเป็นผู้มาใหม่ ถ้าเจ้าไม่มีญาติหรือสหาย ไม่ต้องรีบออกไปตามล่าเก็บคะแนน ค่อยๆ ดำเนินการก็ได้ ไม่ต้องกังวลเกินไป เพราะเจ้าต้องมั่นใจว่าอสูรศึกของเจ้าจะอยู่รอดได้ทุกเมื่อ ทันทีที่อสูรศึกตายก็เท่ากับความพยายามทั้งหมดล้มเหลว ในค่ายของเราแม้ว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือมากนัก แต่มีอาหารมากมาย หรือมียาเพียงเล็กน้อยเรายินดีให้บริการฟรี หากเจ้ามีโอกาสได้รับสิ่งของมากมายในอนาคตเจ้าค่อยบริจาคไว้ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการ...ฝ่ายเทพของเราเนื่องจากขาดสมาชิกที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษพอจะต่อกรฝ่ายมาร จึงอยู่ในสถานะอ่อนแอมาเป็นเวลานาน ความแข็งแกร่งนั้นยังเทียบไม่ได้กับฝ่ายมาร หากเราไม่พร้อมใจกันมากพอช่วยเหลือกันและกัน อย่างนั้นพวกเราทั้งหมดที่ให้ความสนใจอย่างธรรมดา จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก”
“เด็กใหม่, ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนแปลกหน้าแค่ไหน ข้าหวังว่าเจ้าจะละวางทิฏฐิของตัวเองและพยายามฟังคำแนะนำจากผู้บุกเบิกที่มาก่อนในฝ่ายเทพของเรา เราพยายามรักษาความแข็งแกร่งและรักษาอสูรศึกของเราไว้รักษาความหวังในการสานต่อการทดสอบท้าทายการผ่านด่าน ส่วนเจ้าเพื่อจะต่อต้านฝ่ายมาร เจ้าก็ต้องรักษาตนเองให้ดีจงวางแผนผ่านด่านในอนาคตให้ได้...”
บุรุษร่างใหญ่ชื่อมาร์คดูเหมือนสังเกตเห็นว่าเย่ว์หยางเป็นคนที่ยังไม่เชื่อใจคนอื่น
เขามีสีหน้าจริงใจ ทำท่าทางซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อวิเคราะห์ความสนใจของเย่ว์หยาง
และพยายามโน้มน้าวใจเขา
เป็นไปไม่ได้ที่เย่ว์หยางจะเชื่อคนได้ง่าย แต่สำหรับมาร์คผู้นี้ เขาปลื้มใจเล็กน้อย
ด้วยจักษุญาณทิพย์และสำนึกที่พิเศษเขาสามารถตัดสินได้ว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขากำลังโกหก หรือเขากำลังเล่นลูกไม้กับเขา
อย่างไรก็ตาม ไม่เกิดเรื่องเช่นนั้น
มาร์คผู้นี้ไม่ได้โกหก ไม่ได้สวมหน้ากากหลอกเย่ว์หยาง สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง
อาจเป็นเพราะสถานการณ์โดยรวมไม่เอื้ออำนวยหรือเพราะมาร์คผู้นี้อยู่ในค่าย 1385 และยังคงมีความจริงใจ คำพูดของมาร์คไม่ได้โกหก แต่เป็นความจริงจากใจของเขา! ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดความจริง แต่ก็ยากจะบอกความจริงได้ว่าเสบียงฟรี ให้เปล่ากับผู้มาใหม่และเต็มใจช่วยเหลือกันและกัน
สำหรับมาร์ค เย่ว์หยางไม่คิดว่าคนผู้นี้จะดีเท่าใดนัก แต่เขากลับปฏิบัติต่อผู้มาใหม่ค่อนข้างดี
ในท่ามกลางคนหลายคนที่เขาพบเจอ
นี่เป็นคนที่หาได้ยาก
ในเวลาเดียวกันนี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางได้พบกับบุรุษที่มีความจริงใจหลังจากเข้ามิติดินแดนทดสอบฝีมือ คนแบบนี้เย่ว์หยางไม่รู้จริงๆว่าเขารอดชีวิตมาได้อย่างไร... “ขอบคุณ,ข้าคิดว่าข้าจะทำความเข้าใจข้อมูลของตัวข้าเองและศัตรูก่อนแล้วค่อยกำหนดแผนการต่อสู้ที่เกี่ยวข้องแล้วค่อยพิจารณาเป็นประเด็น” เย่ว์หยางตอบความจริงครึ่งหนึ่ง เป็นเรื่องจำเป็นจริงๆในการรวบรวมข้อมูลและวางแผน แต่ไม่ใช่สำหรับฝ่ายมาร แต่เป็นจอมปีศาจไคเทียนที่อยู่ในวิหารลับปีศาจฟ้า ปัญหาของการสะสมคะแนน เย่ว์หยางไม่เคยพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่เขาเพิ่งตั้งเป้าหมายนั่นคือพยายามให้ได้คะแนนเหนือกว่าจีอู๋ลี่เท่าที่เป็นไปได้ เขาจะไม่ปล่อยให้เจ้าผู้นั้นเหิมเกริมเกินไป
“หัวหน้าค่ายของเรายังไม่อยู่ที่นี่ ถ้าเขากลับมาเจ้าที่เป็นผู้มาใหม่สามารถสมัครขอความช่วยเหลือได้ โดยทั่วไปผู้มาใหม่จะได้รับอสูรศึกสำหรับต่อสู้มากกว่าหนึ่งตัวเป็นความช่วยเหลือเบื้องต้น หากเจ้ามีความมั่นใจมากพอเจ้าสามารถขอไข่อสูรศึกที่มีศักยภาพได้สองใบ ที่นี่ตัวสะสมคะแนนที่สำคัญที่สุดก็คืออสูรศึก” มาร์คส่งแผนที่หนังแกะขนาดเล็กให้เย่ว์หยางมีพื้นที่สำคัญหลายแห่งที่อยู่ในรัศมีพันตารางกิโลเมตร พื้นที่บริเวณใกล้เคียงมีการทำเครื่องหมายไว้อย่างละเอียด
“ถ้าข้าฆ่าอสูรปราณฟ้าได้จะได้คะแนนสะสมเท่าใด?” เย่ว์หยางนึกถึงปัญหานี้ได้ทันที
“เจ้าไม่ได้ขอคู่มือแนะนำก่อนเข้ามาหรือ?” เมื่อมาร์คได้ยิน ก็สงสัยผู้มาใหม่แบบนี้ก็มีด้วยหรือ? เข้ามาโดยไม่ขอคู่มือเลยหรือ?
“เขาบอกว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียม!” เหตุผลของเย่ว์หยางดีมากนั่นเพื่อเป็นการประหยัดเงิน
“จ่ายอัญมณีระดับหกหนึ่งเม็ด...” มาร์คเงียบ ความตระหนี่ของเย่ว์หยางทำให้เขาพูดไม่ออก ข้อมูลสำคัญมากยังจะต้องประหยัดเงินด้วยหรือ?
“อะแฮ่ม.. ข้า ข้าไม่ค่อยมีเงิน!” เย่ว์หยางโกรธในใจ เขารู้ว่าราคาถูกจึงได้แต่กัดฟันตนเอง เขานึกไม่ถึงเลยว่าตาแก่นั่นจะไร้ยางอาย เขาไม่ได้ระบุราคาเท่าไหร่ทำให้เขาคิดว่ามีราคาแพงมาก เขารู้สึกโกรธเป็นธรรมดาแต่ไม่แสดงออกทางใบหน้า ได้แต่ทำตัวแกล้งจนต่อไป
“ไม่มีพลอยระดับหกแม้แต่เม็ดเดียว” ไม่เพียงแต่มาร์คเท่านั้น แม้แต่ทหารรับจ้างที่เข้าร่วมผ่านด่านที่อยู่ใกล้ๆพากันมองเย่ว์หยางด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ ผู้สอบผ่านด่านเด็กใหม่ยากไร้จริงๆ พวกเขาเข้าใจ แต่ไม่คิดว่าจะมีเด็กจนขนาดนี้
“ไม่เป็นไร ในโลกหุบเขาปีศาจ บริเวณรอบๆนี้ไม่มีอัญมณีอยู่เลย ที่นี่นิยมของอื่นของที่ช่วยเสริมศักยภาพหรือความแข็งแกร่งของอสูรศึก ตัวอย่างเช่นผลปัญญาหรือใบปัญญาที่นี่ถือว่าเป็นของมีค่าราคา เจ้าไม่สามารถหาซื้อได้มาก มีหลายวิธีในการฝึกฝนอสูรศึก เพราะมีความต้องการที่ต่างกัน ผู้เข้าท้าทายผ่านด่านระดับราชาบางคนในหุบเขาอสูร ต้องการประหยัดเวลาและพลังงานจะใช้ของมีค่าต่างๆ แลกเปลี่ยนเพื่อฝึกอสูรศึกให้เร็วขึ้นและดีขึ้น พวกเราที่อยู่ที่นี่นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนแล้วและเจ้ายังสามารถรับทำงานบางอย่างเป็นภารกิจที่ผู้อื่นออกให้จากนั้นรับคะแนนหรือแลกเปลี่ยนสิ่งของที่เจ้าต้องการ”
สำหรับตัวอย่าง อสูรปราณฟ้าที่ใช้สู้รบ ที่นี่มีมากมาย เกือบทั้งหมดอยู่ในระดับหนึ่งต้องฆ่าให้ได้หมื่นหัวจึงจะได้คะแนนสะสม ปราณฟ้าระดับสองต้องได้พันหัวจึงจะได้คะแนนสะสมเพียงพอ ส่วนระดับสามได้ฆ่าร้อยตัวจึงจะได้คะแนนสะสมพอ ปราณฟ้าระดับสี่ต้องฆ่าสิบตัวและปราณฟ้าระดับห้าต้องได้หนึ่งตัว”
“ถ้าเจ้าสามารถสะสมทำคะแนนได้ 100 คะแนน อย่างนั้นเจ้าสามารถไปที่ประตูเทเลพอร์ตที่ฐานเทวรูปค่ายที่หนึ่งผ่านการทดสอบแล้วจึงเทเลพอร์ตจากไปได้ เด็กใหม่! ความหวังที่ข้าจะได้ออกไปนั้นไม่แน่นอนเหลือน้อยลงทุกที ผ่านมาสามพันปีแล้วข้าเก็บคะแนนได้ยี่สิบกว่าเท่านั้น อสูรที่มีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุดแทบจะไม่เหลือแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกมันก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว ความเป็นไปได้ในการออกไปแทบไม่มี... ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะสามารถใช้ศักยภาพของอสูรศึกช่วยผ่านด่านหุบเขาปีศาจ ในนามของพวกเราคนแก่เราไม่ต้องการทิ้งให้ลูกหลานรุ่นหลังประสบเคราะห์เหมือนคนแก่และออกไปบินในท้องฟ้าได้อย่างอิสระ...”
ในที่สุดไม่ว่าจะเป็นมาร์คหรือทหารรับจ้างผู้ท้าทายผ่านด่าน
สีหน้าเขาดูเหมือนว่างเปล่าเล็กน้อย
พวกเขาคือกลุ่มผู้ท้าทายผ่านด่านแสวงหาอิสรภาพ
เย่ว์หยางเข้าใจอารมณ์ของคนเหล่านี้ได้มากขึ้น อิสรภาพบางครั้งไม่มีใครรู้สึกถึงมันได้แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามทันทีที่สูญเสียอิสรภาพไปถึงได้รู้ว่าสิ่งนี้มีค่าที่สุดในโลก
เรื่องนี้เป็นมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลแล้ว บรรพชนรุ่นก่อนๆ รู้ได้ว่าอาชญากรที่เป็นคนบาปจะถูกผนึกแทนที่จะตัดหัว ความเจ็บปวดจากการกักขังขาดอิสรภาพของคนผู้นั้นหนักยิ่งกว่าฆ่าฟันกัน การลงโทษดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คนที่สิ้นหวังหลายคนไม่กลัวตาย แต่กลัวถูกผนึกขังไว้
“หากมีการสู้รบแตกหักระหว่างสองฝ่าย จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนหนึ่งปีพอไหม?” เย่ว์หยางถามอีกครั้ง
“ตามทฤษฎีก็ประมาณสามเดือน ทุกๆ สามเดือน คนพื้นเมืองจะเปิดค่ายทุกระดับให้ผู้ท้าทายแข่งขันของทั้งสองฝ่ายติดต่อกันได้เต็มที่” มาร์คถอนหายใจเล็กน้อย “ความจริงตราบเท่าที่เจ้ามีพลังมากพอเจ้าสามารถไปฆ่าเมื่อใดก็ได้ และกล่าวอีกนัยหนึ่งเราอาจตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้ตลอดเวลา จงให้ความสนใจปกป้องอสูรของเจ้า โดยเฉพาะอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด อย่าปล่อยให้ศัตรูฆ่ามันได้ เจ้าต้องให้อสูรของเจ้ามีชีวิตจนถึงที่สุด ผู้ท้าทายผ่านด่านอย่างพวกเราโดยทั่วไป ศัตรูสามารถบุกเข้ามาฆ่าได้ เราไม่ต้องสนใจชีวิตของเรา แค่ระวังป้องกันอสูรศึก อย่าปล่อยให้ศัตรูฆ่ามันได้ทันที”
“ถ้าเป็นไปไม่ได้จริงๆ เจ้าสามารถไปที่ทางผ่านใต้ดินและฝึกฝนสักระยะหนึ่ง” ใครบางคนเสนอวิธีนี้
“มีทางเดินใต้ดินโบราณหลายพันเส้นทาง เส้นทางหนาแน่นซับซ้อนยาวหลายพันกิโลเมตร บางเส้นทางลึกลับ ข้าไม่รู้ว่ามันจะไปโผล่ที่ไหน แม้ว่าจะมีสัตว์ประหลาดโบราณอยู่ในนั้น เมื่อเทียบกับผู้แข่งขันท้าทายฝ่ายมาร ยังมีอันตรายต่ำกว่า ต่อให้อสูรเจ้าตาย เจ้าก็ไม่ถูกหักคะแนน”อีกคนหนึ่งพูดอย่างนี้
“ระวังไว้ ผู้ท้าทายแข่งขันฝ่ายมารจะปลอมอสูรศึกของพวกเขาเป็นสัตว์ประหลาดโบราณ และเมื่อเราไปฝึกเราจะฆ่าอสูรพวกเขาเพื่อให้ได้คะแนน”
“ในช่วงเริ่มต้นต้องทำงานเป็นกลุ่มก่อน แน่นอน เจ้าสามารถทำความคุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศก่อน”
“อย่างน้อยก็ต้องมีอสูรสามตัว คืออสูรหลัก อสูรผู้ช่วยและอสูรสำรองกำลัง”
มาร์คและสหายของเขากระตือรือร้นจะอธิบายสถานการณ์ของหุบเขาปีศาจให้เย่ว์หยางฟังเพราะสงสารที่เขายากจนไม่มีเงินซื้อข้อมูลข่าวสาร
โดยไม่คำนึงถึงว่าวิธีการของพวกเขาจะใช้ด้วยกันกับเย่ว์หยางได้หรือไม่
เย่ว์หยางขอบคุณพวกเขาทีละคน
เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะได้พบเจอคนจริงใจในหุบเขาปีศาจ ก็เหมือนกับหุบเขาราคะและหุบเขาอสูร แม้ว่าสถานการณ์ที่นี่จะแย่และยากกว่า อย่างไรก็ตามผลกระทบของกฎสวรรค์โบราณที่นี่นั้นเกินความคาดหมายของเย่ว์หยาง เป็นผลกระทบที่อ่อนโยนไม่เหมือนกับที่หุบราคะและหุบเขาอสูร ผลกระทบด้านลบทั้งหมดจะมีต่อศัตรู
“อสูรใดถูกฆ่าตายในการต่อสู้ จะถูกหัก 100 คะแนนใช่ไหม?” เย่ว์หยางถามอีกครั้ง
“ไม่, คะแนนจะถูกหักก็ต่อเมื่อเป็นอสูรตัวหลักนั่นคืออสูรที่ติดตราเครื่องหมายฝ่ายเทพถูกฆ่า หากอสูรศึกที่คอยเสริมถูกฆ่าจะไม่ถูกหักคะแนน แต่ความแข็งแกร่งของอสูรหลักจะอ่อนแอลงและอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส ศัตรูแม้จะฆ่าอสูรเสริมจะได้คะแนนน้อยกว่า โดยทั่วไปจะได้คะแนนหนึ่งเปอร์เซนต์ของพลังอสูรหลัก พลังแตกต่างกัน และมีความก้าวหน้าช้า”มาร์คตอบไว้อย่างชัดเจน
“ค่ายมารมีผู้ท้าทายแข่งขันกี่คน?” เย่ว์หยางถามคำถามสุดท้าย
“แสนคน แม้ว่าไม่ใช่ แต่ก็นับว่าใกล้เคียง” มาร์คคิดเล็กน้อยก่อนพูดเสริมต่อ “พวกเราที่นี่เพราะการสังหารของจีอู๋ลี่และแผนของจอมวายร้ายจงหัวแต่เดิมมีอสูรแปดหมื่น ตอนนี้มีเพียงห้าหมื่น ในค่ายของเราคนตายไปถึงครึ่ง”
“สมดุลถูกทำลาย ไม่ช้าก็เร็ว จะกลับคืนสู่สภาพเดิม ที่สำคัญกฎสวรรค์จะไม่ยอมให้การเสียสมดุลคงอยู่นานเกินไป” เย่ว์หยางพูดปลอบสองสามคำ
“รอให้ผู้มาใหม่เข้าร่วมถ่วงดุล ไม่ใช่ว่าไม่เร็ว แต่ว่ามันช้าเกินไป เราเกรงว่าเราไม่อาจรอได้ ตอนนี้ฝ่ายเทพกำลังแย่ลง ข้ากลัวว่าจะประสบเคราะห์ในอีกสองเดือน...” มาร์คคิดว่าคนของฝ่ายมารคงจะกลายเป็นคนโง่ทั้งหมด พวกเขาจะต้องมาเข่นฆ่าในอีกสองเดือน
“ฮะฮะ ยังมีเวลาอีกสองเดือน เรายังทำอะไรได้อีกมาก!” เย่ว์หยางฟังและยิ้มเล็กน้อยไม่พูดต่อ
ในเมื่อยังมีเวลาพอ อย่างนั้นเขาจะไปหาจอมปีศาจไคเทียนก่อน
ที่สำคัญ เป้าหมายหลักก็คือจอมปีศาจไคเทียน
ในนามของภูมิประเทศที่คุ้นเคยเย่ว์หยางอำลามาร์คและกลุ่มสหายที่มีน้ำใจตรงไปตรงมา บอกลากลุ่มผู้ท้าทายผ่านด่านผู้มีอัธยาศัยดีที่อยู่ฝ่ายเดียวกันจากนั้นมุ่งสู่จุดหมายที่แม้แต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีและจักรพรรดิอวี้ไม่เคยไปวิหารปีศาจฟ้า!