ตอนที่แล้วตอนที่ 1034 ตำหนักเทพวารี? สร้อยพระจันทร์เสี้ยว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1036 เข้าด่านที่หก หุบเขาปีศาจ

ตอนที่ 1035 สตรีฉลาดกลับกลายเป็นโง่ได้อย่างไร?


เมืองไป๋เหอไม่มีอะไรผิดปกติ

ภาพวงเวทรูนขนาดใหญ่ผู้คนได้พบเห็นแน่นอน แต่สถานการณ์ในเมืองนั้นไม่มั่นคงและความกลัวกองทัพโบราณมนุษย์เงือกกลายพันธุ์ในเมืองไป๋เหอดูเหมือนไม่มีการกระทำที่ผิดปกติ  แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่เปิดเผยความลับ เย่ว์หยางไม่เคยรู้สึกว่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์เหล่านี้สามารถเชื่อถือได้ นอกจากนี้มนุษย์เงือกกลายพันธุ์ในเมืองไป๋เหอ มีกี่คนที่สอดแนมให้กับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หรืออาจเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักก็ได้

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางได้หลอมรวมกับแกนพลังงานของวงเวทรูนยักษ์ทั้งได้เรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของชีวิตจากมิติขุมทรัพย์โบราณและรู้สึกพึงพอใจ

นอกจากนี้หลิวเย่ได้รับสมบัติชั้นเทพคุณภาพสูงสร้อยคอจันทร์เสี้ยว

ครั้งนี้ผลเก็บเกี่ยวก็คือวงเวทรูนยักษ์บนท้องฟ้าหายไปและทางเข้าโบราณก็หายไปได้ ต่อให้นักรบของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เข้ามาที่นี่น่ากลัวว่าคงยากจะหาเบาะแสร่องรอยใดๆ ได้พวกเขาถูกกำหนดแล้วว่าจะต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง

“ฮ่าฮ่า ดู มาช้ากว่าเราก้าวหนึ่ง  เราก้าวไปก่อนแล้ว” เย่ว์หยางนึกถึงภาพซึมเศร้าผิดผวังของผู้ที่เข้ามาล่าขุมทรัพย์ในอนาคตและเขารู้สึกอารมณ์ดีทันที

เขาไม่ได้พักอยู่ที่นี่นานนัก

เพียงแต่เข้ามาทักทายมารสัมฤทธิ์ฟ้าและกลับไปยังเมืองลู่หลิวบึงหยุดลม

หลังจากกลับมาอยู่พร้อมกับราชันย์ปีศาจใต้และนางเซียนหงส์ฟ้าในยามค่ำคืน เย่ว์หยางตัดสินใจกลับหอทงเทียนเพื่อพบกับจักรพรรดิหัวซิ่วรี่จักรพรรดินีราตรีและแม่สี่ เพราะภูมิภาคสวนสวรรค์มีเรื่องราวหลายอย่างมากเกินไปจึงมีผลกระทบต่อการเข้ามิติดินแดนฝึกฝนเพื่อผ่านด่านต่อไป  แม้จะรู้ว่าจีอู๋ลี่คงไม่อาจผ่านด่านได้ง่ายๆ   แต่เขาจะไม่มองดูอยู่เฉยๆ แต่ก่อนอื่นนั้นเย่ว์หยางหาเวลาเข้าไปยังผนึกมิติหลุมดำเพื่อบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้แก่นางพญาเฟ่ยเหวินหลี

เมื่อนางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้ยินว่าอัญมณีสร้างโลกของเย่ว์หยางเลื่อนระดับเป็นมุกสร้างโลกระดับเทพ  คัมภีร์อัญเชิญกลายเป็นคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์และยังผสานเข้ากับแกนพลังของอักขระรูนโบราณนางอดยินดีกับวาสนาของเย่ว์หยางมิได้

พอเย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมาดู  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถึงกับตะลึง

“คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าประหลาดแตกต่างจากของข้าจริงๆ นี่คือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือ? ข้ารู้สึกว่าเหมือนกับเป็นคัมภีร์เทพมากกว่าได้ยังไง?”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีหยอกเย่ว์หยาง ความจริงคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางแตกต่างจากคัมภีร์อัญเชิญของคนทั่วไปอยู่แล้ว  หลังจากเลื่อนชั้นเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์  ย่อมดีกว่าคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปมาก

“ไม่มีทางเป็นคัมภีร์เทพแน่!” เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเยียบเย็น เขารู้ว่าคัมภีร์เทพมีพลังที่ร้ายกาจมากมายเพียงไหน เป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อนชั้นเป็นคัมภีร์เทพ

“ถ้าไม่ใช่เพราะคัมภีร์เทพถูกสร้างโดยเทพโบราณและไม่อาจสร้างโดยการยกระดับได้ ข้าสงสัยจริงๆ ว่านี่คงเป็นคัมภีร์เทพ  เอาล่ะ,ข้าไม่หยอกเย้าเจ้าหนุ่มน้อยผู้โชคดีอีกแล้วคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก็คือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แน่นอน แต่ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ร้อยเล่มไม่ใช่ว่าจะทรงฤทธานุภาพเท่ากัน  ข้าว่าคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าอย่างน้อยคงอยู่ในห้าอันดับแรก หรือสามอันดับแรกของยอดคัมภีร์ ถึงแม้ไม่อาจพูดได้เต็มปากนัก แต่ข้ายังไม่เคยพบเจอคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของผู้ใดดีกว่าของเจ้า..ศักยภาพของมันยังไม่ถูกผลักดันเต็มที่ ถ้าพลังของมันถูกใช้เต็มที่ อย่างนั้นนี่ก็เหมือนคัมภีร์เทพเล่มหนึ่งได้”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีหยุดเล็กน้อยและยิ้มพลางกล่าวเสริม “คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดต่อทักษะแฝงเร้นและความสามารถของเจ้าของแต่ละคน และทักษะแฝงเร้นกับพลังของเจ้าเป็นส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนให้คัมภีร์อัญเชิญของเจ้ากลายเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะทรงพลังเป็นพิเศษเพราะเจ้าผิดคนธรรมดาอยู่บ้าง”

“นี่ก็ชมเกินไป!”  เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเยียบเย็น

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีมองดูมุกเทพสร้างโลกของเย่ว์อดถอนหายใจไม่ได้  “ถ้าข้ามีของวิเศษชั้นเทพอย่างนี้ข้ายังจะกลัวว่าสร้างโลกล้มเหลวอีกหรือ? สวรรค์ช่างอยุติธรรมจริงๆ?”

เย่ว์หยางอยากจะช่วยนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  แต่มุกเทพสร้างโลกมีแต่เขาใช้ได้คนเดียว  ไม่มีทางให้นางยืมใช้ได้

นอกจากนี้ด้วยพลังปัจจุบันของเขา เขายังไม่กล้าก่อกวนมุกเทพสร้างโลกของพลังงานปั่นป่วนนี้

เพื่อเป็นการปลอบประโลมนาง เย่ว์หยางหยิบขวดบรรจุเลือดเทพออกมาอย่างไม่เห็นแก่ตัวบอกว่าเขาจะให้สิ่งนี้กับนาง  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกอดเย่ว์หยางและจูบเขาอย่างมีความสุขแต่ไม่รับของขวัญจากเย่ว์หยาง  “ใจข้านั้นยอมรับว่าเลือดเทพโบราณเป็นสมบัติที่ดีเลิศจริงๆแล้วช่วยข้าได้มาก แต่ข้าคือนางพญาผู้พิชิตที่มีความหยิ่งภูมิใจ หากเจ้าพึ่งพาพลังภายนอกเพื่อพิชิตแดนสวรรค์  นั่นจะไม่สมศักดิ์ศรีกับการพิชิตแดนสวรรค์ ข้าจะใช้กำลังของข้าเพื่อให้ทุกคนสยบอยู่ต่อหน้าข้า!”

เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเขาส่งเลือดเทพโบราณให้กับจื้อจุนคาดว่านางคงพูดอย่างเดียวกัน

ทำไมสตรีถึงได้หยิ่งภูมิใจตนเองนัก?

พวกนางจะยอมให้บุรุษที่ตามตื๊อนางได้เลี้ยงของขบเคี้ยวบ้างไม่ได้เชียวหรือ?

แน่นอนว่าเขามิอาจพูดคำเหล่านี้ออกมาได้มิฉะนั้นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะต้องหัวเราะเยาะว่าเป็นบุรุษที่โตแต่กล้าม  จะคุยกับนางพญาผู้พิชิตโดยไม่มีหลักการเลยนั่นคงเป็นเรื่องที่แปลก

“เลือดเทพโบราณถือว่าเป็นสมบัติชั้นดี  แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้ในตอนนี้  บางทีเราอาจจะได้ใช้สักวัน  แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งเอามาใช้ง่ายๆ”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีมองโลกในแง่ดี ทั้งยังบอกให้เย่ว์หยางเก็บเลือดเทพไว้  “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรายังมีเจ้าที่ยังมีศักยภาพไม่ถึงขีดจำกัด และเจ้ายังพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทำไมเจ้ายังจะต้องใช้เลือดเทพโบราณด้วย เมื่อเราถึงขีดจำกัดแล้วไม่มีทางรุดหน้าไปได้อีก  ถึงตอนนั้นเราค่อยใช้เลือดเทพโบราณก็ได้  และแน่นอนข้าคิดว่าด้วยความสามารถและศักยภาพของเราโดยผ่านการฝึกฝนอย่างหนักการรู้แจ้งเองในระดับเทพอาจสร้างประกายเทพได้เองอย่างมิต้องสงสัย  อนาคตของเจ้าไม่มีขีดจำกัดโดยมิต้องสงสัย  ดังนั้นอนาคตของเราขึ้นอยู่กับเจ้า  เลือดเทพโบราณเป็นแหล่งทรัพยากรที่เตรียมไว้ก่อนเป็นดีที่สุด!

“ก็ได้!” เย่ว์หยางยังคงรู้สึกว่าสิ่งที่เขาสร้างเองย่อมดีที่สุด  การใช้ปัจจัยภายนอกเพื่อสร้างพัฒนาก้าวหน้ายังด้อยกว่าความพยายามบรรลุผลสำเร็จด้วยตัวเขาเอง

“ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเจ้า ด่านที่หกหุบเขาปีศาจไม่น่าจะยากเกินไปแต่เจ้าต้องระวังจอมปีศาจไคเทียนในด่านที่หกเอาไว้”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีทราบรายละเอียดจากเย่ว์หยางนานแล้วเมื่อเย่ว์หหยางกำลังจะออกไป นางคล้ายนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบเตือนเขา

“จอมปีศาจไคเทียน...”เย่ว์หยางได้ยินแล้วเขาอดระมัดระวังตัวไม่ได้ แต่เขารู้สึกว่าเขามีพลังปราณราชันย์ระดับห้า แต่ก็ต้องระมัดระวังตัว

ต้องมีพลังระดับไหนจึงจะผนึกจอมปีศาจไคเทียนไว้ในวิหารปีศาจฟ้าได้?

คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลียังเตือนเย่ว์หยางเป็นพิเศษแสดงว่าจอมปีศาจผู้นี้ก็ทำให้นางตื่นตัวได้เช่นกัน

ปีศาจเฒ่าที่ถูกผนึกมาเป็นเวลาเกินหมื่นปีไม่ว่าจะเป็นจ้าวปีศาจโบราณ หรือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ จอมปีศาจไคเทียนยากที่ใครจะเอาชนะได้ ถ้าเขาไม่ต้องเอาชนะไคเทียน เขาก็ยังเข้าไปสำรวจวิหารปีศาจฟ้าสำรวจหาสมบัติ เย่ว์หยางไม่ต้องการตอแยศัตรูผู้แข็งแกร่งนั้น

เมื่อกลับไปที่หอทงเทียน

เย่ว์หยางกลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ก่อนเข้าพบกับจุนอู๋โหย่ว,อาจารย์จิ้งจอกและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เพื่อบอกเล่าเรื่องราวในแดนสวรรค์และอธิบายเรื่องที่เขาเตรียจะเข้ามิติฝึกฝีมือเพื่อผ่านด่าน หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนของการขนส่งสิ่งของและผู้คนไม่ว่าจะเป็นเมืองอู๋เย่แคว้นมรกต เมืองลู่หลิวริมบึงหยุดลม หรือหอทงเทียนทั้งสามประสานช่วยให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองทั้งสามแห่ง เหตุการณ์วุ่นวายในภูมิภาคสวนสวรรค์ได้รับการคลี่คลายไม่จำเป็นที่เย่ว์หยางต้องอยู่เป็นแรงงานช่วยรับขนส่งคนและสิ่งของอีกต่อไป

จุนอู๋โหย่วเห็นว่าการที่เย่ว์หยางต้องเสียเวลาไปไม่ใช่เรื่องดี ที่สำคัญความเติบโตก้าวหน้าของเจ้าเด็กน้อยนี้สำคัญที่สุด

ที่สถานการณ์ของหอทงเทียนดีขึ้นได้เนื่องมาจากความเติบโตก้าวหน้าของเย่ว์หยางเป็นหลัก

ยิ่งเย่ว์หยางเติบโตก้าวหน้าระดับสูงสถานะของหอทงเทียนก็ยิ่งมั่นคงสูงขึ้น นี่คือเรื่องแน่นอน

“เรื่องงานแต่งงานยังไม่ต้องพูดถึงก่อน  แต่เจ้าต้องพาเชี่ยนเชี่ยนร่วมทางไปด้วยเพื่อแบ่งเบาความกังวลของเจ้า”  จุนอู๋โหย่วเน้นที่จุดนี้

“ในมิติฝึกปรือ ระดับความยากในการผ่านด่านจะยากขึ้นมาอีกสองสามระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีนี้พาพวกนางหลายๆ คนไปด้วย  แม้ว่าพวกนางจะไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมดแต่ในบางจุดก็อาจช่วยเจ้าได้บ้าง!” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ากังวลห่วงใยเย่ว์หยางมากที่สุด  เขาไม่เคยไปมิติฝึกฝีมือ  แต่สามารถนึกออกได้ว่า เบื้องหลังความยากลำบากถ้าไม่มีความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่โดยรอบเย่ว์หยางอาจพ่ายแพ้ต่อจีอู๋ลี่ผู้มีร่างระดับกึ่งเทพได้แน่นอน

“ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดเราน้ำหนักเบาเกินไป  เราอยากบอกให้จื้อจุนจักรพรรดินีราตรีและหัวซิ่วรี่ช่วยให้เจ้าพาเจ้าผ่านด่านทดสอบไปให้ได้!” จุนอู๋โหย่วเข้ามาใกล้เย่ว์หยางในพริบตา

“อะแฮ่ม..!” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่รีบแกล้งกระแอมเพื่อเปิดหัวข้อสนทนา

หากวังเทียนหลัวรู้ว่าจุนอู๋โหย่วไม่ใช่คนที่ฝึกฝนให้กับเย่ว์หยางคาดว่าเขาคงบุกวังต้าเซี่ยด้วยความกริ้วโกรธแม้จุนอู๋โหย่วจะไปซ่อนตัวที่ขอบโลกก็ไร้ประโยชน์

แม้ว่าไม่มีใครบอกเย่ว์หยาง แต่ญาติผู้ใหญ่ของเขาก็พักอยู่ในมิติกระจกวังเทียนหลัว หลังจากขึ้นครองบัลลังก์ก็แทบไม่มีใครได้พบเจอกับจักรพรรดิ  สถานะจักรพรรดิคืออะไรแต่เย่ว์หยางรู้ว่าสถานะของจักรพรรดิเทียนหลัวไม่ง่ายขนาดนั้น  ถ้าจุนอู๋โหย่วถูกดุด่า ฟงขวง อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและเย่ว์ไห่คนในประเทศนี้ก็คงโกรธเหมือนกัน  แต่คงไม่ถึงกับเหมือนสือจินโหวที่แสดงอาการไม่เคารพจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ตอแยจนจักรพรรดินีราตรีโกรธและลงมือสั่งสอนสือจินโหวด้วยตนเองถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ยังให้ความเมตตาเขา  ที่ไหนเลยสือจินโหวจะเก็บชีวิตเหลือพอต่อสู้กับเย่ว์หยางได้?

สือจินโหวต้านรับจักรพรรดินีราตรีได้สองท่าเท่านั้นหรือ?

เขาต้านรับได้ถึงสองท่าจริงๆ หรือ

น่าขัน

ต่อให้สือจินโหวฝึกฝนเป็นพันปีเขาก็ไม่มีทางต้านจักรพรรดินีราตรีได้ถึงสองกระบวนท่าเป็นแน่  จักรพรรดินีราตรีลงโทษเขาสองครั้งติดต่อกันจนสือจินโหวบาดเจ็บสาหัสแสดงให้เห็นว่านางโกรธแค่ไหน นั่นเป็นผลจากการไม่ให้เกียรตินับถือนาง..ทั้งโลกเห็นจะมีอยู่เพียงคนเดียวที่กล้าจะไม่แสดงความเคารพจักรพรรดิเทียนหลัวนั่นคือเย่ว์หยาง

เขาจะถือวิสาสะลอบเข้าวังตอนเที่ยงคืนก็คงจะเป็นการเสียมารยาทไปบ้าง

หลังจากพบเจอผู้เฒ่าหลายคน

เย่ว์หยางเข้าใจว่าพวกท่านหมายถึงอะไร  แต่ก็ยากจะคิดอย่างนั้น  จักรพรรดินีราตรียังไม่เท่าไหร่ทั้งแนะนำให้เขาไปฝึกต่อเพื่อเอาชนะด้วยตนเอง จื้อจุนยิ่งยากกว่าถ้าเขาไม่มีปัญญาขึ้นบันไดสวรรค์ล้านขั้นนางคงไม่ไปร่วมฝ่าด่านกับเขา  น้ำเสียงอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องพูดตรงๆ ก็ได้

เขากลับไปวังเทียนหลัวพบแม่สี่และพูดบอกเล่านางในทุกเรื่อง

เย่ว์หยางลอบจับตาดูนางหวังว่านางจะช่วยขจัดความสงสัยแม่สี่หัวเราะบอกว่าไม่มีอะไรและกลับไปเตรียมอาหารค่ำให้เย่ว์หยาง

ช่างเถอะหรือจะไปกวนใจฝ่าบาท  กลยุทธ์ก่อกวนไม่จำเป็นต้องใช้เย่ว์หยางอุ้มหนูน้อยเย่ว์ซวงที่ไม่ยินยอมปล่อยอ้อมแขนเธอ  เย่ว์หยางไปขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิ  หญิงสาวเจ้าหน้าที่เฝ้าตำหนักตาเบิกกว้างนึกว่าฝันร้ายพาเด็กมาเข้าเฝ้าฝ่าบาท นี่แผนการอะไรของเขา? คิดว่าใช้เด็กน้อยแล้วจะเบิกทางผ่านประตูไปได้สำเร็จหรือ?

“ฝ่าบาทพักผ่อนแล้ว!” หญิงสาวเจ้าหน้าที่รีบห้ามเย่ว์หยาง

“หา,ฝ่าบาทของเจ้าทรงงานหนักข้าไม่ตื๊อก็ได้ ข้าแค่พาน้องสาวมาทักทาย  ถ้าฝ่าบาทกำลังพักผ่อนอยู่เราสัญญาว่าจะออกไปจากประตูก็ได้!” ถ้าเย่ว์หยางเรียบร้อย เขาคงไม่ใช่เด็กที่มาจากมิติอื่น

“เจ้าสุภาพเรียบร้อยในเวลากลางค่ำกลางคืนอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เข้ามาก่อกวนในเวลากลางคืนอย่างนี้สมกับเป็นเจ้าแล้ว!” เสียงของจักรพรรดินีราตรีดังมาจากข้างใน และดูเหมือนนางพยายามจะทำหน้าดุ พยายามจะไม่ยิ้มแต่ทำไม่สำเร็จ จักรพรรดินีราตรีไม่รอให้เย่ว์หยางพูด นางหัวเราะเสียงดังไพเราะ  “คุณชายสาม ทำไมเจ้าถึงมาวันนี้เล่า?  ไม่มีทางที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ ให้ข้าเดาถ้าไม่ใช่เพราะได้สมบัติลับโบราณก็คงเป็นเรื่องบรรลุระดับพลังใหม่  เมื่อเห็นคุณชายสามอารมณ์ดีสดชื่นอย่างนี้แล้วคาดว่าคงจะเป็นทั้งสองอย่าง  ขอแสดงความยินดีด้วย!”

“......” เย่ว์หยางคิดทันทีว่า บางครั้งสตรีฉลาดเกินไปย่อมไม่ใช่เรื่องดี

น่าเสียดายซูอิงสาวนักร้องผู้ฉลาดเป็นเลิศ แต่กลับกลายเป็นคนโง่ไปได้หลังจากแต่งงานแล้ว?????

++++ บางทีผู้แต่งก็ยกอ้างดารา, หรือคนจากในนิยายหรือละครเรื่องอื่นขึ้นมาอ้างอิงบางทีผมไม่ได้ค้นตรงนี้เพิ่ม เพราะฉะนั้นผมไม่หาเพิ่มเติมแล้วนะครับ+++

…………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด