ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 560 หุบผาไร้ก้น หุบผาแห่งความตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 562 เหล็กดำปริศนา

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 561 ความตายสีขาว(ฟรี)


ในพื้นที่ต้องห้ามดินแดนพิษเทียมฟ้า ณ ถ้ำแห่งหนึ่งที่มีความสลับซับซ้อนอย่างมาก มันมีโพรงที่ทะลุถึงกันได้มากมาย

อสูรขุดเหมืองของซู่เสี่ยวไป่นั้นได้ทำการขุดถ้ำแห่งนี้จนพรุนไม่ต่างจากรวงผึ่ง พวกมันขุดอย่างไม่มีหยุดพักทั้งวันทั้งคืน ยิ่งทำให้ซู่เสี่ยวไป่ร่ำรวยมากขึ้นทุกวัน

ทั้งเก็บเกี่ยวทรัพยากรตามธรรมชาติที่มากมาย และฆ่าปล้นผู้พิทักษ์ในดินแดนแห่งนี้อีก ทำให้ซู่เสี่ยวไป่ร่ำรวยอย่างมาก

ระยะเวลาได้ผ่านไปสองปีแล้วตั้งแต่ศึกที่ยอดหุบผาไร้ก้น

แต่ไม่รู้เพราะอะไร ผู้พิทักษ์ส่วนใหญ่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของซู่เสี่ยวไป่ที่ลอยมาตามสายลมได้ และรีบหนีทันทีเมื่อรู้ว่ามีกลิ่นไอนี้ใกล้เข้ามา

เวลานี้ทุกคนต่างรู้ว่าควรหลีกหนีจากซู่เสี่ยวไป่ให้ไกลที่สุด

ดินแดนพิษเทียมฟ้านั้นมีขนาดใหญ่พอๆ กับดวงดาวดวงหนึ่งได้ หากจะหาผู้พิทักษ์ทั้ง 140 คนในดินแดนแห่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน หากทั้งหมดแยกกันไปหลบซ่อนตัวไม่มีทางเลยที่จะหาพบ

แล้วการหลบซ่อนตัวเป็นเวลา 10 ปีนั้นเป็นความคิดที่ดีที่สุดแล้วสำหรับศึกนี้ คงไม่มีใครอย่าออกมาสู้กับผู้พิทักษ์คนอื่น และเสี่ยงชีวิตโดยไม่จำเป็น

และด้วยกฎข้อนี้ทำให้เหล่าบุตรและธิดาศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้เน้นบังคับให้ต้องไล่ฆ่าใครทำให้ผู้พิทักษ์เลือกที่จะเลี่ยงการต่อสู้กันเอง

การต้องเผชิญหน้าหรือปะทะกันนั้นอาจจะสร้างจุดสนใจมากเกิน และอาจจะถูกลอบโจมตีได้ระหว่างต่อสู้ ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะสู้กันอย่างเปิดเผย และเลือกที่จะหลบหนีเป็นหลัก

แต่เห็นได้ชัดเลยว่าแผนการนี้มันใช้การได้ไม่นานนัก

เพราะผู้พิทักษ์หลายคนนั้นได้พบว่าตัวเองได้ตกอยู่ใต้การเฝ้ามองของไป่หยินอยู่ตลอดเวลาไม่ต่างจากเงาตามตัว

ไม่ว่าพวกเขาจะไปแอบซ่อนตัวที่ไหน พวกเขาจะเห็นไป่หยินตลอด

บางคนพบว่าไป่หยินนั้นมีมากกว่า 1 คนติดตามเขา

พลังของไป่หยินนั้นเป็นที่ประจักษ์ให้เห็นแล้ว ว่าเหนือกว่าผู้พิทักษ์ทุกคน พูดได้เต็มปากเลยว่าต่อให้ผู้พิทักษ์ทั้ง 139 รุมโจมตี ไป่หยินก็สามารถฆ่าพวกเขาทุกคนได้ในฝ่ามือเดียว

ทำให้ผู้พิทักษ์หลายคนตั้งชื่อให้ไป่หยินใหม่ว่า ไป่เซ่อซือเฉิน (หมายถึงความตายสีขาว)

ซู่เสี่ยวไป่ได้แต่เกาหัวอย่างสงสัย

“นี้เราน่ากลัวถึงขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วอีกอย่างพวกมันจะหลบซ่อนจากเราไปทำไม แล้วยังพยายามหนีห่างจากเราตลอดเวลา”

พลังวิญญาณของซู่เสี่ยวไป่นั้นเรียกได้ว่าปกคลุมไปทั่วพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ ทำให้ซู่เสี่ยวไป่รู้หมดว่าใครอยู่ตรงไหน

สำหรับซู่เสี่ยวไป่ไม่มีสถานที่ใดไกลเกินไปสำหรับเขาในดินแดนแห่งนี้ เพียงพริบตาซู่เสี่ยวไป่สามารถไปปรากฏตัวได้ทุกที่ เพราะเงายักษ์ของเขานั้นกระจัดกระจายอยู่เต็มดินแดนพิษเทียมฟ้าเต็มไปหมด ไม่ต่ำกว่าพันร่าง

หากซู่เสี่ยวไป่ต้องการเขาสามารถเคลื่อนย้ายตัวไปในพริบตา เพื่อไปตัดหัวผู้พิทักษ์คนไหนก็ได้!

แต่หลังจากที่ซู่เสี่ยวไป่เก็บเกี่ยวทรัพยากรภายในดินแดนแห่งนี้ เขาก็ไม่อยากออกไปล่าพวกผู้พิทักษ์สักเท่าไร

ซู่เสี่ยวไป่เองก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะออกล่าตัวตนพวกนี้ เขาคงปล่อยให้ผู้พิทักษ์ทั้งหมดมีชีวิตอยู่ต่อไป

เงายักษ์ได้สลายร่างแล้วกลายเป็นเงาหลักธรรมดาทั่วไป และออกตระเวนไปทั่วดินแดนพิษเทียมฟ้า

แม้ว่าเงาหลักจะอ่อนแอกว่าเงายักษ์ก็ตาม แต่มันก็มีขอบเขตพลังของจ้าวเหนือโบราณหมื่นยุค

แต่ถึงอย่างงั้นผู้พิทักษ์ก็ไม่สามารถสู้กับเงาหลักได้อยู่ดี เมื่อใดที่เห็นไปหยินจากที่ไกลๆ พวกเขาจะรีบหนีไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

ซู่เสี่ยวไป่ที่ปล่อยเงาออกไปสำรวจดินแดน และด้วยสัมผัสจิตวิญญาณของเขาก็สามารถระบุได้ว่าผู้พิทักษ์อยู่ตรงไหนของดินแดนแห่งนี้ มันก็ไม่ยากเลยที่เขาจะตามล่าผู้พิทักษ์ทั้งหมด แต่แค่เขาไม่ทำเท่านั้น

หลังจากศึกบนหุบผาไร้ก้นนั้น มีผู้พิทักษ์หลายคนได้รับรู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาจะไม่ยอมเสี่ยงสู้กับตัวตนนี้เด็ดขาด และเลือกที่จะหนีห่างจากตัวตนนี้

แต่ถึงอย่างงั้นก็ตามจำนวนผู้พิทักษ์ที่เหลืออยู่ตอนนี้ ก็เหลือน้อยกว่า 60 คนแล้ว จำนวนนั้นลดลงมากกว่าครึ่งในเวลาไม่ถึงห้าปีเลยด้วยซ้ำ

กลุ่มของซู่เสี่ยวไป่เองก็ตายไปอีก 3 คนทำให้ตอนนี้หากนับรวมซู่เสี่ยวไป่ด้วยแล้วผู้พิทักษ์ของหยุนซียังเหลืออีก 6 คน

ซู่เสี่ยวไป่เองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าหยุนซีจะรวบรวมผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งได้มากถึงขนาดนี้ และสามคนที่ตายไปนั้นซู่เสี่ยวไป่เองก็ไม่ได้สังเกตเห็นเหมือนกัน

มีคนหนึ่งได้ต่อสู้จนตัวตาย อีกคนถูกลอบสังหาร ส่วนอีกคนตายเพราะพิษในดินแดนแห่งนี้

แล้วยิ่งเวลาผ่านไปพิษในอากาศก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และคัดเลือกผู้แข็งแกร่งให้อยู่ต่อเท่านั้น

ผู้อ่อนแอจะตายเพราะพิษในทันที

เดิมทีเหล่าผู้พิทักษ์นั้นพยายามหาที่อากาศเป็นพิษน้อยที่สุด ทำให้ต้องออกเดินทางอยู่เรื่อยๆ ไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้นานๆ ต้องหาที่ปลอดภัยอยู่จนกว่าจะครบ 10 ปีแล้วค่อยออกมา พยายามประคับประคองชีวิตให้อยู่จนถึงวันสุดท้าย

แต่ดูเหมือนว่าดินแดนแห่งนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งทำให้หลายคนนั้นเริ่มละทิ้งความคิดเดิมไปทันที

ตอนนี้ผู้พิทักษ์ที่อ่อนแอนั้นตกตายเพราะพิษในอากาศมากขึ้น บางคนที่ทนได้ก็รู้สึกได้ว่าพิษมันเริ่มกัดกินร่างกายอยู่ทุกวัน จนความตายนั้นเข้าใกล้มาอย่างช้าๆ ทุกขณะ

แต่สิ่งที่แปลกเลยคือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพิษในครั้งนี้คือขอบเขตพลังผู้นำโบราณล้านศตวรรษ

ถึงตัวตนระดับนี้จะทนได้และไม่ตายในทันที ผู้มีสมบัติวิเศษหรืออาวุธที่ทรงพลังก็พอที่จะทนอยู่ได้นานกว่าเท่านั้น ผู้พิทักษ์ที่ไม่มีสิ่งใดคอยช่วยเหลือก็ตายลงอย่างช้าๆ ที่ละคน

และซู่เสี่ยวไป่ก็เข้าไปเก็บร่างและแหวนคลังของตัวตนพวกนี้ทุกครั้งที่ล้มตาย

ซึ่งการตายของตัวตนระดับนี้เรียกได้ว่าเป็นลาภลอยเงียบๆ สำหรับซู่เสี่ยวไป่

และซู่เสี่ยวไป่เองก็วางแผนที่จะเริ่มจัดการผู้พิทักษ์ที่เหลือทั้งหมดอีก 50 คนแล้ว และหวังที่จะจบศึกระหว่างตัวแทนเสียที ในตอนแรกซู่เสี่ยวไป่กะเลี้ยงให้ตัวตนพวกนี้อ้วนกว่านี้ก่อนแล้วค่อยฆ่า

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด และประเมินพลังของตัวตนพวกนี้สูงไป

ตั้งแต่เข้ามาไม่มีใครออกล่าสมบัติหรือเก็บเกี่ยวอะไรได้เลย

พวกเขาขี้ขลาดเกินไป และพยายามหาแต่ที่ซ่อนตัว ไม่ออกมาสำรวจหรือเก็บเกี่ยวทรัพยากรหรือสมบัติใด พวกเขารักชีวิตของตัวเองมากกว่า

แต่เมื่อคิดแบบนี้ได้ซู่เสี่ยวไป่ก็เข้าใจว่าสิ่งที่ผู้พิทักษ์เหล่านี้ทำก็สมเหตุสมผลแล้ว

เพราะพวกเขาต้องใช้เวลาไม่รู้กี่ร้อยล้านปี หรือกี่ยุคกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

และแต่ละคนนั้นล้วนเป็นความหวังของตระกูลหรือเผ่าพันธ์ของตัวเอง

ระหว่างชื่อเสียงและอำนาจ กับชีวิตเรียบง่ายพวกเขาเลือกข้อหลังอย่างไม่ต้องสงสัย และขอแค่มีชีวิตรอดต่อไป เพื่อจะได้เติบโตในวันข้างหน้า

แล้วในที่สุดเมื่อทุกอย่างถูกบีบคั้นมากเกินไป มีผู้พิทักษ์บางคนพยายามจะหลบหนีออกจากศึกครั้งนี้

สิ่งนี้ทำให้ผู้เฝ้ามองอยู่ภายนอกนั้นตกใจ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในศึกระหว่างตัวแทน

เมื่อถูกนำตัวออกมาผู้พิทักษ์คนนี้พูดแต่เรื่องของไป่หยินซ้ำไปซ้ำมา ว่าถูกตัวตนนี้ไล่ล่า และเฝ้ามองตลอด อีกทั้งอากาศก็เป็นพิษมากขึ้นทุกวัน แถมยังต้องหนีไป่หยินอยู่ตลอดอีกมันทำให้เขาสติแตก

ผู้พิทักษ์ที่หนีออกมานั้นไม่ต่างจากคนบ้าเสียสติ

เขาเล่าถึงเหตุการณ์การต่างๆ และข่าวลือเกี่ยวกับไป่หยินมากมาย ทั้งสามารถฆ่าผู้พิทักษ์คนอื่นได้ราวกับผักปลา หรือข่าวลือว่าเห็นไป่หยินสู้กับมังกรบรรพกาลที่แข็งแกร่งเท่ากับจ้าวเหนือโบราณล้านศตวรรษ

ยิ่งทำให้ผู้ที่ฟังนั้นสนใจอยากรู้เกี่ยวกับตัวของไป่หยินมากขึ้นไปอีก และต้องการรู้ว่าตัวตนนี้เป็นใครกันแน่

แน่นอนว่าทุกคนที่อยากรู้ไม่ได้มีเจตนาที่ดีทุกคน บางคนก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้น บางคนก็อิจฉาและไม่ต้องการให้ตัวตนนี้มีชีวิตรอดต่อไป บางคนก็ต้องการที่จะฆ่าไป่หยินทันที

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้สวยงามอย่างที่ตาเห็น มุมมืดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มี

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เองก็มีสายลับหรือมือสังหารจากดินแดนอื่นแอบแฝงตัวอยู่ หากว่าพบอัจฉริยะที่โดดเด่นพวกเขาจะลงมือสังหารทันทีเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามต่อดินแดน

หากปล่อยให้ตัวตนเช่นนี้เติบโตต่อไปจะเป็นปัญหากับพวกเขาได้

ดังนั้นเมื่อข่าวของไป่หยิกระจายออกไป ทำให้หลายคนเริ่มตื่นตัวทันที

และส่งข่าวกลับไปยังดินแดนของตนหรือขุมอำนาจของตน ทำให้พวกเขาเริ่มวางแผนที่จะลอบสังหารไป่หยินแล้วในตอนนี้!

ในเวลาเดียวกันที่ดินแดนพิษเทียมฟ้า ซู่เสี่ยวไป่กำลังนั่งย่างเนื้อมังกรบรรพกาล และส่งมันเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย และอยู่ๆ ซู่เสี่ยวไป่ก็หันไปมองยังมุมมืดหนึ่ง

และปรากฏร่างหนึ่งเดินออกมาจากความมืดช้าๆ พร้อมกับถือดาบในมือประกายแสงของดาบเล่มนี้เย็นยะเยือกอย่างมาก

มันคืออาวุธสะเทือนดินแดน!!!

(วันนี้ติดงานครับ เลยแปลไม่ทัน มีตอนเดียวขออภัย)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด