ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 197 การต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 197 การต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย
แปลโดย iPAT
“เจ้าบ่มเพาะได้รวดเร็วนัก!” ยายประจิมหรี่ตามองเฉียนหรงจื่อด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มสองสามคนรุมล้อมอยู่รอบๆยายประจิมและนวดมือนวดเท้าให้นาง พวกเขามองเฉียนหรงจื่อในชุดผู้บัญชาการหมาป่าทมิฬด้วยความรู้สึกทั้งอิจฉาและเกลียดชัง
เฉียนหรงจื่อคุกเข่าอ้อนวอน “หรงจื่อบรรลุระดับนี้เพราะโชคดีที่ได้รับแก่นปีศาจเท่านั้น แต่สิ่งนี้จะดำเนินต่อไปได้ไม่นาน ท่านยาย โปรดให้ข้ากลับนิกายเมฆาพิรุณด้วยเถิด ข้าจะไม่ทำให้ท่านยายผิดหวัง!”
ยายประจิมกล่าว “หากเจ้าพูดความจริง ข้าก็อาจพิจารณามัน ข้ายังชอบเจ้ามากจริงๆ” นางรู้สึกมีความสุขที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากผู้บัญชาการหมาป่าทมิฬ
ชายหนุ่มที่หล่อเหลามองเฉียนหรงจื่อด้วยสายตาเย้ยหยันและพึงพอใจ
เฉียนหรงจื่อมีความสุขมาก “หรงจื่อพูดความจริง ข้าใช้เส้นสายของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เพื่อตามหาเขา ก่อนหน้านี้หลี่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นในเมืองวายุบรรพกาลพร้อมกับเด็กคนนั้น ข้าส่งคนออกมาตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะและพบที่ซ่อนของเขาหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก”
“เขาไม่เพียงครอบครองกระเป๋าร้อยสมบัติของนักพรตผีดิบแต่มันมีความน่าจะเป็นสูงมากที่การตายของจ้าวจื่อป๋อจะเกี่ยวกับเขา เขามีหินวิญญาณจำนวนมาก ท่านยายจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน”
นี่คือแผนการของนาง หากจอมยุทธ์ที่ทรงพลังรู้ว่าจอมยุทธ์ที่อ่อนแอกว่าครอบครองสมบัติมหาศาล พวกเขาจะไม่บอกสหายและจะดำเนินการปล้นสะดมเพียงลำพัง
ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของยายประจิมปรากฏรอยยิ้มขึ้นทันที แต่ในจังหวะนี้เสียงแหบพร่าสายหนึ่งพลันดังมาจากด้านนอก “ยายแก่ ผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ เจ้าจะลืมข้าไปได้อย่างไร?”
การแสดงออกของยายประจิมเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันขณะที่หัวใจของเฉียนหรงจื่อจมดิ่งลง มันเป็นเสียงของยายบูรพา
ยายบูรพาเดินเข้ามาอย่างช้าๆด้วยรอยยิ้ม
ยายประจิมและยายบูรพามีข้อตกลงที่ขมขื่นต่อกัน ดังนั้นพวกนางจึงจับตามองกันและกันเสมอ เพียงเมื่อยายประจิมออกจากเมืองชิงเหอ ยายบูรพาก็รู้ข่าวทันที นางรู้สึกสงสัยและลอบติดตามมาอย่างลับๆ
ยายบูรพาไม่สนใจยายประจิมแต่กล่าวกับเฉียนหรงจื่อโดยตรง “เสี่ยวเฉียน เจ้าเป็นผู้นำทาง เด็กนั่นระวังตัวมาก เราไม่สามารถเชื่อข่าวลือและเสียเวลาสองสามวันโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป”
เฉียนหรงจื่อมองยายประจิมในลักษณะขอความช่วยเหลือแต่ยายประจิมเพียงกล่าวด้วยใบหน้ามืดครึ้ม “ไปกันเถอะ!” เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์ที่นางจะโต้เถียง
คนทั้งสามมาถึงอีกด้านหนึ่งของภูเขา พวกนางหยุดอยู่หน้าถ้ำสีดำสนิท
เฉียนหรงจื่อกล่าว “ท่านยาย หลี่ฉิงซานน่าจะซ่อนตัวอยู่ในนั้น”
“นำทางไป!”
“ทราบแล้ว” แผนการที่ล้มเหลวไม่ได้กีดขวางเส้นทางของนาง มันไม่ได้ทำให้นางสูญเสียสิ่งใด ตราบเท่าที่นางสามารถพิสูจน์ว่าหลี่ฉิงซานเคยปรากฏตัวที่เมืองวายุบรรพกาล ยายทั้งสองก็ไม่สามารถตำหนินาง
และก่อนที่นางจะจากมา นางบอกกับผู้บัญชาการหมาป่าทมิฬคนใหม่เป็นพิเศษว่านางจะมาที่เมืองวายุบรรพกาลกับคนของนิกายเมฆาพิรุณ
หากครั้งนี้พลาด นางยังมีโอกาสครั้งต่อไป ตราบเท่าที่นางไม่หยุดพยายาม นางจะประสบความสำเร็จในที่สุด
พวกนางเดินเข้าไปในถ้ำที่คดเคี้ยวกระทั่งบรรลุถึงพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่
การแสดงออกของเฉียนหรงจื่อเปลี่ยนไป ในความเป็นจริงนางแทบสบถออกมา
ปรากฏว่าหลี่ฉิงซานไม่ได้ซ่อนตัว เขานั่งอยู่บนก้อนหินในที่โล่งและทำสมาธิอย่างสบายอารมณ์
ยายประจิมและยายบูรพาเดินผ่านเฉียนหรงจื่อไป ยายประจิมตบไหล่นาง “ทำได้ดีมาก!” นางไม่ได้สังเกตใบหน้าที่ซีดขาวของฝ่ายหลังแม้แต่น้อย
เฉียนหรงจื่อกล่าวอย่างยากลำบาก “ท่านยาย ข้าจะรออยู่ด้านนอก”
ยายประจิมพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ สิ่งที่นางทำคือมองไปที่หลี่ฉิงซาน “ไปรอที่รถม้า เราจะออกไปเร็วๆนี้”
ดวงตาของยายบูรพาส่องประกายขึ้น “ยายแก่ เราไม่ค่อยพบเด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งเช่นเขาบ่อยนัก ข้าจะทดลองทักษะดูดพลัง!”
“ทักษะดูดพลัง!” ยายประจิมนึกถึงบางสิ่งและมองไปที่เฉียนหรงจื่อ
เฉียนหรงจื่อรู้สึกถึงสายตาอันคมกริบที่มองนางแต่นางไม่สนใจมันแม้แต่น้อย
ยายประจิมสงสัยก่อนจหันกลับไปสบถ “ข้ารู้ว่าเจ้ากระหาย เจ้าสามารถทำได้ แต่ข้าจะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มอีกสิบส่วน!”
ยายบูรพายอมรับเงื่อนไข นางมองหลี่ฉิงซานด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว
“อย่าดูดเขาจะตาย เรายังต้องถามเขาเกี่ยวกับที่อยู่ของอิงเจียและเด็กผู้หญิงคนนั้น” ยายประจิมมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นเสี่ยวอัน
“ไม่ใช่ว่าเว่ยจงหยวนให้หม่าปู้อี้ออกค้นหาแล้วงั้นหรือ? เด็กที่โชคร้ายคนนั้นคงตายไปแล้ว แน่นอนว่าฆาตกรน่าจะเป็นเด็กคนนี้”
หัวใจของเฉียนหรงจื่อสั่นสะท้าน ยายบูรพาทำนายได้อย่างแม่นยำ หากไม่ใช่เพราะหลี่ฉิงซานที่ช่วยรับความผิดแทนนาง นางคงถูกเปิดโปงไปแล้ว
นางต้องกลั้นหายใจขณะเดินออกจากถ้ำ นางนั่งลงอย่างช้าๆและพิงก้อนหินด้วยความเหนื่อยล้า จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นกระแทกก้อนหินและทิ้งรอยฝ่ามือเอาไว้
หากหลี่ฉิงซานถูกจับตัว นางจะถูกเปิดโปงในข้อหาฆาตกรรมเว่ยอิงเจียและต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของจอมยุทธ์ขั้นสิบพร้อมกับนิกายเมฆาพิรุณทั้งหมด ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จะไม่สามารถปกป้องนางและพวกเขาก็จะไม่พยายามปกป้องนางเช่นกัน
ตอนนี้สิ่งที่นางทำได้คือหนี ยิ่งไกลยิ่งดี อย่างไรก็ตามนางควรไปที่ใด ไม่มีที่ใดให้นางไปได้ นอกจากนางจะเลียนแบบหลี่ฉิงซานและหนีไปอยู่ในถ้ำใต้ดิน
แต่เหตุใดหลี่ฉิงซานจึงไม่หนี?
“ดูนางผู้นั้น ไม่ว่าการบ่มเพาะของนางจะสูงเพียงใด นางก็ยังดูเหมือนหญิงชั้นเลวผู้หนึ่ง” ชายหนุ่มรูปงามยืนรวมตัวกันอยู่บนพื้นที่เปิดโล่งใกล้กับรถม้าขณะเย้ยหยันเฉียนหรงจื่อ
“ปากสุนัข!” เฉียนหรงจื่อมองพวกเขาด้วยสายตาดูแคลน
กลุ่มชายหนุ่มตกตะลึง หนึ่งในนั้นโกรธจัด “กล้ากล่าวกับพวกเราเยี่ยงนี้ได้อย่างไร!?” อีกคนสมทบ “แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ท่านหญิงจะหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆ!” ภายใต้การคุ้มครองของยายประจิม ไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิพวกเขามานานแล้ว
เฉียนหรงจื่อยิ้ม “แต่ตอนนี้ท่านหญิงของพวกเจ้าไม่อยู่ที่นี่!” นางเดินเข้าไปพร้อมกับแส้แยกแม่น้ำ แม้นางกำลังจะหนี นางก็ยังต้องการพาบางคนไปด้วย
“จะ...เจ้าจะทำสิ่งใด?” ชายหนุ่มเริ่มหวาดกลัว พวกเขาถอยหลังไปอย่างช้าๆก่อนจะหันหลังและรีบวิ่งไปทางรถม้า
เฉียนหรงจื่อสะบัดมือและทำให้ขาสามสี่ข้างถูกตัดออกจากร่างพร้อมกัน
ม้ากรีดร้องและยกเท้าหน้าขึ้น แต่หลังจากเฉียนหรงจื่อมองไป มันก็สงบลงทันที
กลุ่มชายหนุ่มกลิ้งไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
เฉียนหรงจื่อห้ามเลือดให้พวกเขาและส่งพลังปราณเข้าไปในร่างของพวกเขาเพื่อทำให้พวกเขายังสามารถประคองสติเอาไว้ พวกเขาไม่ได้อ่อนแอ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถอดทนต่อความทรมานได้ในระดับหนึ่ง
“นังโสเภณี นังหญิงบ้า! ท่านหญิงจะฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน! เพียงรอก่อน...อา...” ชายหนุ่มชุดแดงกรีดร้องขณะที่แส้แยกแม่น้ำพาดผ่านใบหน้าของเขาและทำให้เขาเสียโฉมทันที
เฉียนหรงจื่อตบหน้าเปื้อนเลือด “ข้าหวังว่ายายประจิมจะเอ็นดูเจ้าเหมือนเดิม เจ้าขี้เหร่!”
ชายหนุ่มอีกสามคนหยุดสาปแช่ง พวกเขามองเฉียนหรงจื่อด้วยความหวาดกลัวและไม่พอใจ ใบหน้าที่หล่อเหลาของพวกเขาคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของพวกเขา หากพวกเขาเสียขา พวกเขายังสามารถติดขาใหม่ แต่หากพวกเขาเสียโฉม พวกเขาจะสูญเสียความโปรดปราณไปโดยสิ้นเชิง
หลังจากนั้นเสียงกรีดร้องอันโหยหวนก็ดังไปทั่วทั้งป่า
เฉียนหรงจื่อตัดจมูกของพวกเขาและทำลายความหวังทั้งหมดของพวกเขา
นางเลือกที่จะไม่หนี นางหันหน้าไปทางถ้ำและทำสมาธิอยู่ท่ามกลางเสียงโอดครวญ
หากยายประจิมโผล่ออกมาและเห็นใบหน้าของชายเหล่านี้ นางคงถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
อย่างไรก็ตามนางยังสามารถรักษาความสงบ นางรู้จักตัวละครของหลี่ฉิงซานเป็นอย่างดี ตั้งแต่เขาไม่หลบหนี เขาก็ต้องมีความมั่นใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องหนี
เมื่อเขากล้าพอที่จะต่อสู้ แล้วนางยังต้องกลัวสิ่งใด อย่างมากที่สุดนางก็จะตายไปพร้อมกับเขา เมื่อมาถึงขั้นนี้ ความตายก็ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องกังวลอีกต่อไป อย่างไรก็ตามนางปฏิเสธที่จะถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว
เฉียนหรงจื่อเดาได้ถูกต้อง หลี่ฉิงซานตั้งใจต่อสู้
เมื่อเขาได้กลิ่นของยายทั้งสองเข้าไปในถ้ำ เขาก็รู้ทันทีว่าแผนการผิดพลาด แต่มันไม่ควรเป็นหนึ่งในแผนการของเฉียนหรงจื่อ หากนางต้องการตัวเขา นางสามารถเรียกทุกคนจากนิกายเมฆาพิรุณมาที่นี่
เผชิญหน้ากับยายประจิม เขามั่นใจว่าสามารถเอาชนะ แต่เมื่อรวมยายบูรพาเข้ามา โอกาสที่เขาจะได้รับชัยชนะจะลดลงเหลือประมาณเจ็ดสิบส่วน หากเขามีความโอกาสชนะเจ็ดสิบส่วนและยังไม่ยอมต่อสู้ เขาก็คงไม่ใช่ลูกผู้ชาย
นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ซ่อนตัวแต่นั่งอยู่เปิดเผย เขากำลังเตรียมร่างกายให้อยู่ในสภาพที่พร้อมต่อสู้มากที่สุดเหมือนพยัคฆ์ที่กำลังจะออกล่าและรอให้เหยื่อเข้ามาใกล้ๆอย่างเงียบๆ
ใบหน้าที่ซีดขาวของเฉียนหรงจื่อสามารถยืนยันความคิดของหลี่ฉิงซาน หลังจากได้ยินสิ่งที่สองยายพูดคุย เขาก็ปฏิบัติต่อพวกนางเหมือนศีรษะของพวกนางวางอยู่บนเขียงเรียบร้อยล้ว
เมื่อยายประจิมเห็นหลี่ฉิงซานไม่ขยับเขยื้อน นางจึงเปิดปากถามด้วยความประหลาดใจ “เด็กน้อย เจ้าไม่วิ่งงั้นหรือ?”
“เขาต้องตกตะลึงด้วยความหวาดกลัว อย่ากลัวไปเลยเด็กดีของข้า ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า” ยายบูรพาใช้มนต์เสน่ห์ของนาง ไม่ว่าเขาจะมีร่างกายที่น่าประทับใจเพียงใด เขาก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นสาม
ยายประจิมเย้ยหยัน นางรู้ว่ามนต์เสน่ห์ใช้ไม่ได้ผลกับหลี่ฉิงซานแต่นางจงใจไม่เตือนยายบูรพา
หลี่ฉิงซานหัวเราะเสียงดัง ทักษะจิตวิญญาณเต่าทำให้จิตใจของเขาสงบมาก
ยายบูรพากลายเป็นตื่นตระหนก “เจ้าหัวเราะสิ่งใด?”
หลี่ฉิงซานหยุดหัวเราะ “มีสัตว์ประหลาดแก่และอัปลักษณ์สองตัวพยายามเกี้ยวพาราสี ช่างน่าขนลุกนัก เจ้าอาจหลอกคนอื่นได้ แต่เจ้าหลอกตัวเองได้หรือไม่? เหตุใดพวกเจ้าไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาของตนเองดูบ้างว่าพวกเจ้ามีริ้วรอยอยู่บนใบหน้ามากเท่าใดแล้ว?”
นั่นทำให้ยายทั้งสองรู้สึกเจ็บปวดมาก พวกนางเกลียดการถูกกล่าวถึงรูปร่างหน้าตาและอายุ
ยายบูรพาโกรธจัด “เจ้าหนู รนหาที่ตาย!”
ด้วยการโบกมือ พลังปราณสีดำก็พุ่งออกมาราวกับคลื่นสมุทร
“บึม บึม บึม บึม!”
หินงอกหินย้อยที่ปิดกั้นเส้นทางของคลื่นพลังปราณถูกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันเหมือนอสรพิษสีดำที่เลื้อยไปทั่วและมาถึงด้านหน้าหลี่ฉิงซานในพริบตา
ด้วยเสียงระเบิด หินที่หลี่ฉิงซานนั่งอยู่แตกเป็นเสี่ยงๆ
แต่หลี่ฉิงซานหายตัวไปแล้ว เขากระโจนขึ้นไปในอากาศและมองพลังปราณสีดำด้วยความสนใจ “เป็นปราณหยินที่แข็งแกร่งมาก!”