ตอนที่แล้วตอนที่ 1034 (1) อ่อนไหว ความเป็นจริงของชีวิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1035 สตรีฉลาดกลับกลายเป็นโง่ได้อย่างไร?

ตอนที่ 1034 ตำหนักเทพวารี? สร้อยพระจันทร์เสี้ยว!


ทั้งสองคนไม่รู้ว่าผ่านมิติต่างๆและโลกยุคต่างๆ ไปมากเพียงไหน เย่ว์หยางและหลิวเย่เก็บเกี่ยวผลสำเร็จทางจิตใจมาตลอดทาง

แม้ว่าจะไม่ได้รับสมบัติวิเศษก็ตาม

แต่ความรู้แจ้งทางวิญญาณคือสิ่งที่มีค่าแม้แต่ของวิเศษชั้นเทพมิอาจทดแทนได้ ทุกบททุกตอนทดสอบหมายถึงการเลื่อนขอบเขตระดับใหม่ของตนเอง  มองอย่างผิวเผินไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ในโลกจิตวิญญาณมีความเปลี่ยนแปลงระดับพลิกฟ้าคว่ำดินครอบคลุมอย่างสมบูรณ์ เย่ว์หยางกับหลิวเย่ไม่ทราบว่าสมบัติที่แท้จริงคืออะไร แต่พวกเขามีความรู้สึกว่าได้รับสมบัติที่ดีที่สุดมาแล้ว

แม้จะต้องกลับมือเปล่าในท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ!

เมื่อพวกเขาผ่านมาถึงทางเข้าโบราณอีกครั้งทั้งสองคนพบว่าพวกเขาหายตัวเข้ามาปรากฏอยู่ในโลกที่มีแสงสะอาดบริสุทธิ์

โลกนี้แปลกประหลาดมากมีแต่เพียงท้องฟ้ากับผืนน้ำ

ท้องฟ้าเบื้องบนเป็นสีน้ำเงินชัดเจน

ภายใต้เท้าของเย่ว์หยางและหลิวเย่เห็นว่าเป็นพื้นผิวน้ำไม่มีที่สิ้นสุดราบเรียบราวกับกระจก

กลับมายังผิวน้ำเมืองไป๋เหอหรือเปล่า?  แต่นั่นดูไม่เหมือนที่นี่  อย่าว่าแต่วงเวทขนาดใหญ่หายไปไหน?

ขณะที่กำลังสับสนงงงวย  พื้นผิวน้ำที่สงบนิ่งก็เกิดระลอกคลื่นที่สวยงามและดูเหมือนมีบางอย่างแหวกน้ำออกมา เย่ว์หยางรีบขึ้นมาข้างหน้าเพื่อปกป้องหลิวเย่เผื่อว่าอาจเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งลอบเข้ามา อย่างไรก็ตามเมื่อระลอกน้ำแผ่กระจายออกไป เย่ว์หยางพบว่า แม้แต่สิ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาดูเหมือนว่าจะแหวกผุดออกมาจากน้ำ

สายเกินกว่าจะฉุดดึงหลิวเย่ให้บินหลบขึ้นไปในอากาศ  เย่ว์หยางพบว่ามีมือยักษ์ที่ก่อตัวจากน้ำบริสุทธิ์ค่อยๆพยุงตัวเขาและเท้าหลิวเย่ได้อย่างง่ายดาย

นั่นคือพลังของกฎสวรรค์

อย่าว่าแต่หลิวเย่เลย

แม้แต่เย่ว์หยางก็ต่อต้านอะไรไม่ได้

มียักษ์น้ำตัวขนาดเกือบหนึ่งกิโลเมตรค่อยๆลุกขึ้นจากน้ำเหมือนกับว่านอนหลับและเพิ่งตื่น มือยักษ์ของนางประคองเย่ว์หยางและหลิวเย่ นางยังคงประคองพวกเขาต่อไปจนกระทั่งเห็นพวกเขา  เทียบกับยักษ์น้ำนี้ เย่ว์หยางและหลิวเย่ร่างเล็กเกินไป แม้แต่สาวน้อยไตตันเสี่ยวเสี่ยวเอินก็ยังมีความสูงเทียบกับยักษ์น้ำนี้ไม่ได้  อย่างไรก็ตามแม้ว่าร่างกายจะมีขนาดใหญ่โตมากก็ตามแต่เย่ว์หยางและหลิวเย่รู้สึกได้ว่ายักษ์น้ำนี้งดงามและอ่อนโยน

ถ้าไม่ใช่เกิดขึ้นจากน้ำบริสุทธิ์  แต่เป็นมนุษย์จริงๆ อย่างนั้นลักษณะความงามของนางไม่ด้อยกว่าหญิงงามใดๆ ในโลก

ใครก็ตามที่จ้องตานางยักษีนี้ต่อให้มีความโกรธในใจ ก็จะหายได้ทันที

ใครก็ตามที่มองหน้าสาวยักษ์ผู้นี้

จะรู้สึกชื่นชอบจากก้นบึ้งหัวใจ

ไม่มีความแค้นเกลียดชัง

ไม่รู้สึกเจ็บปวด

การได้อยู่ใกล้ยักษ์สาวตนนี้ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดียอดเยี่ยมจากก้นบึ้งหัวใจ

เย่ว์หยางเข้าใจผิดอย่างหนึ่ง เขารู้สึกว่าแม่สี่และสาวยักษ์ผู้นี้มีความคล้ายกันบางอย่าง  พวกนางอ่อนโยนนุ่มนวลเหมือนน้ำ  พวกนางมีความรักและเมตตา

“ข้านึกว่าใครเสียอีกที่บุกรุกเข้ามารบกวนความฝันของข้ากลับกลายเป็นแค่มนุษย์น้อยสองคน!” ยักษ์น้ำหัวเราะ  แทนที่จะพูดโดยตรงนางกลับใช้การสื่อสารทางจิตกับเย่ว์หยางและหลิวเย่

“ขออภัยจริงๆเราไม่ได้ตั้งใจรบกวนการนอนของท่าน” หลิวเย่กล่าวขอโทษ

“อา.. ไม่เป็นไร ข้ามีอาคันตุกะมาเยี่ยมถึงที่นี่พวกเจ้าไม่เพียงแต่มีสติปัญญาเท่านั้น แต่ยังมีคนที่มีโชคชะตาที่หาได้ยากมาก”  ยักษ์น้ำยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ  “หญิงสาวที่มีจิตใจดีและน่ารักอย่างเจ้าข้าไม่รังเกียจที่เจ้ามาถึงที่นี่ได้! สำหรับสหายน้อยอีกคนหนึ่ง ดูเหมือนจะน่าสนใจทีเดียว ก็ได้ ข้าไม่หยอกล้อเจ้าแล้วเจ้าจะเข้ามาหาสมบัติ หรือเข้ามาหาคำตอบที่น่าพอใจแล้วค่อยออกไปเล่า?”

“เราได้ผลเก็บเกี่ยวที่ดีที่สุด ก็พร้อมจะออกไปเพียงแต่ไม่รู้ว่าทางออกอยู่ที่ใด!” หลิวเย่รีบคำนับอีกฝ่ายหนึ่งแล้วขอให้ชี้บอกเส้นทาง

“แม้ว่าข้าจะนอนหลับฝันมาหลายปีและพลังก็ลดลงมากกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังพอส่งพวกเจ้าออกไปได้ แต่ก่อนข้าจะส่งพวกเจ้าออกไป ข้ามีความสนใจเล็กน้อยอยากจะได้ยินเรื่องราวของโลกภายนอก พวกเจ้าเล่าอะไรให้ข้าฟังบ้างได้ไหม?”  ยักษ์น้ำถามเกี่ยวกับเรื่องราวในแดนสวรรค์

“ท่านต้องการรู้เรื่องแดนสวรรค์หรือเปล่า?  เราไม่ค่อยคุ้นเคยเราเป็นชาวหอทงเทียนที่เดินทางมายังแดนสวรรค์” หลิวเย่เป็นเด็กดีที่ไม่รู้จักโกหก

เปลี่ยนเป็นเย่ว์หยางคงไม่ยอมพูดเรื่องน่ากลัวอย่างนั้น!

แม้ว่าเขาจะพูดความจริง  เย่ว์หยางจะเลือกพูดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆในภูมิภาคสวนสวรรค์หรือแดนสวรรค์ตะวันตกจะไม่บอกแนวโน้มสถานการณ์ทั้งหมดในแดนสวรรค์และจะไม่แสดงตนว่าเป็นคนมาจากหอทงเทียน คงไม่ใช่เรื่องดีถ้ายักษ์น้ำนี้มีอคติต่อหอทงเทียน  หลิวเย่ไม่ได้คิดอะไรให้ซับซ้อนในความรู้สึกของนางคือยักษ์น้ำผู้นี้ใจดี และยักษ์ใจดีนี้จะไม่ทำร้ายนาง

ทั้งสองสนทนาถามและตอบกัน

เย่ว์หยางฟังเฉยๆ

ไม่สนับสนุนไม่คัดค้านวางความเห็นเป็นกลาง

เมื่อหลิวเย่บอกเล่าเรื่องต่างๆที่นางรู้  สาวยักษ์น้ำถอนหายใจเบาๆ “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่านักรบของหอทงเทียนที่แข็งแกร่งรุ่งเรืองขึ้นมาเป็นจำนวนมากแต่ครั้งหนึ่งกลับดิ่งจมสู่ความตกต่ำ ขณะที่แดนสวรรค์ไม่เคยหมดสิ้นเรื่องราวความวุ่นวาย สงคราม การเสียสละชีวิตวุ่นวายและไร้สาระจริงๆ!”

เย่ว์หยางแย้งอย่างรวดเร็ว “คลื่นลูกใหญ่ย่อมกวาดล้างทรายและสิ่งที่จะเหลืออยู่ได้ก็คือทองคำสุกปลั่ง  เมื่อเกิดมาก็ต้องพบกับช่วงเวลาเจ็บปวด  เรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก!”

สาวยักษ์น้ำพอได้ยินดวงตานางเป็นประกาย  “ถูกแล้ว โอวนึกไม่ถึงเลยว่าคนเยาว์วัยอย่างเจ้าจะตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้ได้”

เย่ว์หยางไม่พูดว่าสัจธรรมเหล่านี้เป็นปราชญ์ผู้รู้ยุคก่อนพูดไว้

เขาไม่อธิบาย

แต่กลับรับคำชมเชยด้วยความภาคภูมิใจ

หลิวเย่ยินดีกับเย่ว์หยาง ที่สำคัญนั่นเป็นเรื่องยากที่จะมีใครสรรเสริญชื่นชมเขา นอกจากนี้ผู้ชมเชยเขายังเป็นเทพเจ้าที่เขาไม่รู้ว่าอยู่ยุคใด

สาวยักษ์น้ำไม่มีร่างเทพไม่มีพลังเทพ นางใช้น้ำบริสุทธิ์สร้างร่างกายขึ้น แต่เย่ว์หยางและหลิวเย่สงสัยว่านางคงไม่ใช่เทพเจ้าสาวยักษ์น้ำนี้ไม่น่าใช่เทพธรรมดาทั่วไป บางทีอาจเป็นมหาเทพโบราณ พลังของนางแม้ไม่ทรงพลังเท่าเทพเจ้าในตำนาน  แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครดูหมิ่นและมีแต่จะนับถือนาง  เย่ว์หยางและหลิวเย่ไม่มีความคิดจะต่อต้านนาง

อยู่ต่อหน้านางแม้แต่คนอย่างเย่ว์หยางยังไม่กล้าคิดฟุ้งซ่าน

นี่คือพลังแท้จริง

นี่คืออำนาจแท้จริง

นักสู้ระดับกึ่งเทพอย่างชี่เทียนเหอจ้าวสุริยาและจีอู๋ลี่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวยักษ์น้ำที่ไม่มีร่างเทพเขาเกรงว่าแม้จะเอาไปเปรียบเทียบเป็นมดก็คงไม่พอ

ถ้ามีคนพูดว่าสาวยักษ์น้ำนี้ไม่ใช่เทพโบราณ  เย่ว์หยางแน่ใจว่าเจ้าผู้นั้นเป็นคนตาบอด

สิ่งเดียวที่เย่ว์หยางไม่แน่ใจก็คือสถานะของสาวยักษ์น้ำนี้

นางอาจเป็นเจ้าตำหนักน้ำคนก่อนที่ตายไปแล้วก็ได้

บางทีอาจเป็นเทพเจ้าอื่น

หรืออาจจะเป็นมหาเทพโบราณที่หลับใหลอยู่ที่นี่

ด้วยพลังในปัจจุบันและจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นระดับพลังที่แท้จริงของสาวยักษ์น้ำนี้

“จากการสนทนากับพวกเจ้าทั้งคู่ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก บางครั้งข้าหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่เจ้าก็ควรเข้าใจว่าบางเรื่องเป็นโอกาสทางธรรมชาติที่จะได้พบกับสภาพแวดล้อมที่เจ็บปวดและดีที่สุดเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าพัฒนาก็เหมือนกับที่เด็กหนุ่มเจ้าพูดนั่นเองทุกอย่างเหมือนคลื่นใหญ่ที่กวาดเอาทรายออกไปหมด ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดคือทองแท้ เรื่องภายนอกอาจมีหลายคนที่มาเยี่ยมเยือนและจัดการกับเรื่องต่างๆ  ข้าไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านั้น เมื่อข้าเคลื่อนไหวเป็นเรื่องง่ายที่ทำให้เกิดอิทธิพลบางอย่าง.. แต่เมื่อเจ้าทั้งสองมีโอกาสเข้ามาเยือนเพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจเล็กน้อย เหมือนกับว่าข้าเห็นแก่ตัวบ้างแต่ก็ไม่เป็นไร” สาวยักษ์น้ำยิ้มและพยักหน้า

มือของยักษ์น้ำสร้างจากพลังน้ำที่ปั่นป่วนที่สุด

เผยให้เห็นพลังงานที่ปกติมองไม่เห็นและช่วยชำระร่างของเย่ว์หยางและหลิวเย่เพิ่มทั้งพลังกายและพลังใจของทั้งสอง

ดูเหมือนว่ามีหลายอย่างที่พวกเขารู้แจ้งได้ในทันที  แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เย่ว์หยางและหลิวเย่อยู่ในสภาวะรับรู้ที่ยอดเยี่ยม

สาวยักษ์น้ำค่อยๆลุกขึ้นยืนจากผืนน้ำ นางค่อยๆ ชูเย่ว์หยางและหลิวเย่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า

ท้องฟ้าพลันสว่างสดใสทันที

และเหมือนกับเปิดประตูแสงออก

ก่อนจะส่งเย่ว์หยางและหลิวเย่เข้าประตูแสงสาวยักษ์น้ำยิ้ม “เจ้าเข้ามาตามหาสมบัติ ข้าไม่มีสมบัติของวิเศษให้เจ้า สาวน้อย! ความมั่นใจของเจ้ายังไม่เพียงพอ ช่องว่างยังห่างจากหนุ่มน้อยนี้ไม่น้อย เพื่อเป็นการให้กำลังใจเจ้า ข้าจะถ่ายโอนสมบัติของสหายผู้ที่ตายมานานแล้ว ข้าอยากจะบอกกับเจ้าว่าข้าดีใจมากที่เห็นเจ้าเติบโต  หวังว่าเจ้าจะฝึกฝนอย่างหนักต่อไปเอาชนะตนเองให้ได้ไปให้ถึงระดับสูง โลกที่ดีกว่ากำลังรอเจ้า”

ความคิดนี้ยังคงสะท้อนอยู่ในใจเย่ว์หยางและหลิวเย่ทั้งสองข้ามผ่านประตูแสงสว่าง

กลับมายังทางเข้าโบราณ

ในวินาทีต่อมาทางเข้าโบราณก็หายไป

เย่ว์หยางและหลิวเย่ถูกเทเลพอร์ตไปที่น้ำของเมืองไป๋เหอวงเวทรูนยักษ์ในท้องฟ้าค่อยๆ เลือนรางหายไป

“โอว, ของนี้มาอยู่บนคอของข้าได้อย่างไร?”  หลิวเย่ลูบที่คอนางและพบว่าที่คอของนางไม่รู้ว่ามีสร้อยคอใสเป็นประกายสวมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ปลายสร้อยมีจี้รูปพระจันทร์

นี่คือจี้ห้อยคอรูปพระจันทร์เสี้ยวที่งดงามยอดเยี่ยม

ปรากฏว่านั่นคือของวิเศษชั้นเทพ!

สิ่งที่ทำให้หลิวเย่ไม่อยากเชื่อที่สุดก็คือจี้พระจันทร์เสี้ยวที่นางได้มานางคาดไม่ถึงว่าจะเป็นสมบัติชั้นเทพ

แม้ว่านางไม่สามารถแสดงพลังได้ถึงหนึ่งในร้อย  แต่มันยอมรับนางเป็นเจ้านาย...โชคดีที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รู้มิฉะนั้นนางคงร้องกรี๊ด องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตั้งใจหลอมรวมกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้เต็มที่  ไม่ทราบว่านางต้องใช้ความสามารถไปมากมายเท่าใด  ตอนนี้นางยังหลอมรวมกับดาบเทพได้ไม่เต็มที่หลิวเย่สับสนมากว่านางจะหลอมรวมกับสร้อยจันทร์เสี้ยวได้อย่างไร  แม้แต่วิธีใช้นางก็ยังไม่รู้

เย่ว์หยางยิ้มนั่นต้องเป็นของขวัญจากเทพธิดาโบราณที่ไม่รู้จักผู้นั้น

มิฉะนั้นมันจะยอมรับนางเป็นเจ้านายได้อย่างไร?

สำหรับสร้อยจันทร์เสี้ยวถ้าไม่ใช่เป็นของเทพธิดาโบราณนั้นเป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นของเจ้าตำหนักน้ำในตำนานผู้ล่วงลับนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แค่รู้ว่านี่คือของวิเศษชั้นเทพก็พอแล้ว เจ้านายเก่าเป็นใครไม่สำคัญแม้แต่น้อย

“มหาเทพโบราณ? นางเป็นใคร?” หลิวเย่อดถามคำถามนี้ไม่ได้

“ข้าไม่รู้” เย่ว์หยางส่ายหน้า เทพเจ้าย่อมทราบอายุของเทพเจ้าโบราณและนั่นอาจเป็นเจ้าตำหนักน้ำที่มีสร้อยจันทร์เสี้ยวนี่เป็นของวิเศษชั้นเทพระดับสูง คนผู้นั้นจะเป็นคนธรรมดาไปได้หรือ? แม้แต่เจ้าตำหนักน้ำที่ตายไป ก็คาดกันว่าเป็นเทพตนหนึ่ง  มิฉะนั้นพลังเทพที่ตกทอดต่อๆ กันให้ลูกหลานคงไม่แสดงความมหัศจรรย์ในภูมิภาคสวนสวรรค์เป็นแน่จนถึงป่านนี้แล้ว มีไม่รู้ต่อกี่รุ่น  แม้แต่คนรุ่นหลังอย่างเทวีเสรีภาพก็ยังมีความสามารถนั้นอยู่บ้างเล็กน้อย

“ว้าย! เสื้อผ้า!” หลิวเย่กลับไปที่เมืองไป๋เหอนาน กระทั่งนางตกใจกับสร้อยคอวิเศษนางอายและตกใจที่ตนเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวจะสวมชุดชั้นในก็สายไปแล้ว นางรีบสวมชุดรบจันทราและหลบหน้าเย่ว์หยางไม่กล้ามองหน้าเขาอีก

“....” เย่ว์หยางพูดไม่ออก ความจริงเขาไม่ควรมอง แต่ได้เห็นนับว่าเป็นเรื่องดี

แน่นอนว่าคำพูดแบบนี้พูดออกมาไม่ได้

มิฉะนั้นหลิวเย่ที่หน้าบางคงอับอายจนตาย

เมื่อเย่ว์หยางเปลี่ยนเสื้อผ้า เขายื่นมือออกเหมือนจะติดเป็นนิสัยในช่วงสองสามวัน  หลิวเย่เหนียมอายเล็กน้อยจึงค่อยยื่นมือให้เขาจับเมื่อใช้เข็มทิศสามพิภพเทเลพอร์ตกลับไปเมืองไป๋เหอที่ซึ่งพวกเขาหายไปเป็นเวลานาน...ถึงตอนนี้สมบัติลับ ขุมทรัพย์โบราณจบลงอย่างสมบูรณ์

ต่อไปเย่ว์หยางก็สามารถเข้ามิติฝึกฝนด้วยใจที่สงบได้เพื่อไล่ล่าศัตรูอื่นและตรวจสอบระดับพลังของตน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด