ตอนที่ 1033 คนไม่ดีเท่าสุนัข
ขณะกลับตามเส้นทางเดิม
หลิวเย่เสียดายเวลาช่วงนี้เป็นพิเศษ เพราะการเดินทางล่าสมบัติจะจบลงในไม่ช้า
ระหว่างนางกับเขาจะกลับสู่สถานะเหมือนก่อนในไม่ช้า และนางไม่สามารถเดินให้เขาจูงมือเหมือนอย่างที่ทำในตอนนี้ได้ การล่าสมบัติในคราวนี้จะประทับอยู่ในใจนางเป็นความทรงจำที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตนาง...นางไม่อยากให้จบลงเร็วนัก แต่นางไม่ต้องการให้เขาตกอยู่ในอันตราย ก่อนหน้านี้หลิวเย่ไม่เคยเห็นเย่ว์หยางหนีเมื่อเขาพบเจอกับความยากลำบาก เขาไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ! แต่ตอนนี้เขายอมยกเลิกไม่ล่าสมบัติอีกต่อไป
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพราะเขากลัวจุดอ่อนของมนุษย์
ในทางตรงกันข้ามเขาคงกังวลเกี่ยวกับตนเองกลัวว่าขาจะไม่สามารถทนการทดสอบจุดอ่อนของมนุษย์และตกไปในกับดักในขุมทรัพย์โบราณ แล้วถูกขับออกมา!
ขณะที่ทั้งสองคนกลับไปตามทางคดโค้งบิดงอพวกเขาผ่านเส้นทางมืดสลับสว่างกลับมาถึงจุดที่มืด เย่ว์หยางหยุดนิ่งเล็กน้อยรอให้หลิวเย่ถามคำถามและพานางเดินหน้าต่อ
“มีบางอย่างผิดปกติหรือ?” หลิวเย่เป็นคนที่ใส่ใจคนนางรับรู้ความแตกต่างได้
“ข้าไม่รู้ แต่มีความรู้สึกอย่างหนึ่งอยู่ในใจ” เย่ว์หยางไม่แน่ใจ
“ข้าจะระมัดระวัง!”หลิวเย่รู้ว่าเย่ว์หยางมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลางสังหรณ์ในการต่อสู้ของเขานั้นน่าทึ่ง แม้ว่าจะไม่มากเท่ากับทักษะหกรับรู้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแต่ก็แทบไม่มีการผิดพลาด เขารู้สึกผิดปกติต้องมีอะไรบางอย่าง หรือว่าอยู่ที่นอกทางเข้าโบราณ หรือว่าคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มาถึง ? หรือมีนักสู้อื่นอีก?
นี่มิใช่เป็นไปไม่ได้!
วงเวทขนาดยักษ์ปรากฏอยู่ในท้องฟ้ามาสามวันแล้ว
ถ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์วางหมากคอยลอบทำร้ายอยู่ใกล้เมืองไป๋เหอก็คงจะพบเจอนานแล้วและคงรายงานข่าวการปรากฏของวงเวทขนาดมหึมา
อาจจะเป็นนักสู้ผู้ปลีกสันโดษแต่เห็นวงเวทรูนขนาดยักษ์ พวกเขามาที่นี่และไม่ทราบสถานการณ์และเฝ้าจับตาอยู่ที่ทางเข้าโบราณเพื่อผลประโยชน์ที่เป็นไปได้
เย่ว์หยางพยักหน้าและปลอบโยนหลิวเย่ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะพาเจ้าเทเลพอร์ตออกไปในระยะทางที่ไกลเจ้าแค่สงบจิตใจให้ความร่วมมือกับข้า”
มีเข็มทิศสามภพเขาไม่กังวลว่าจะมีคนรายล้อมขัดขวางทั้งวัน
ตราบเท่าที่เขาสามารถเทเลพอร์ตได้ จะไม่มีใครจับเขาได้
“ฮือ” หลิวเย่ยังคงเรียกกวางทะลุมิติออกมาช่วยเมื่อเขาต้องการมันมากที่สุด ถ้าเมื่อใช้แข็มทิศสามภพและศัตรูมีสมบัติที่ตรึงหรือสร้างผลกระทบต่อการเทเลพอร์ต อย่างนั้นนางสามารถพาเย่ว์หยางออกไปจากระยะที่ของวิเศษของศัตรูส่งผลต่อเขา เกี่ยวกับสถานการณ์พร้อมต่อสู้นี้ นางได้ฝึกฝนมาไม่น้อยกว่าหมื่นครั้งเพื่อที่ว่าอาจจะต้องพร้อมใช้วันนี้
“ไปกันเถอะ!” เย่ว์หยางพาหลิวเย่ไปที่ปากทางเข้าโบราณเขาปล่อยพลังงานสร้างสนามพลังสร้างโลกปกป้องทั้งสองคนจากนั้นเทเลพอร์ตออกไปในระยะไกลทันทีพวกเขาออกไปจากที่นั้นไปในสภาพน่าอึดอัดเล็กน้อย
การเทเลพอร์ตทางไกลทำได้สำเร็จ
ไม่มีใครขัดขวางหรือถ่วงตรึงไว้
เย่ว์หยางและหลิวเย่เทเลพอร์ตออกไปอย่างราบรื่นจากพื้นที่ทางเข้าโบราณออกไปบริเวณที่เต็มไปด้วยเนินทรายเหลืองทันที
เมื่อย่างเท้าลงบนเนินทรายเหลืองสีหน้าของเย่ว์หยางเปลี่ยนไป... ไม่ใช่แต่เพียงเขาเท่านั้น แต่นางก็ยังรู้สึกผิดปกติ แม้แต่หลิวเย่ก็ตระหนักรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่ดี เมืองไป๋เหอรายล้อมไปด้วยน้ำ เนินทรายมาจากไหน? ดูแล้วไม่ใช่เนินทรายธรรมดาแต่เป็นเนินทรายทอดยาวเป็นพันไมล์ ไม่มีสีเขียวปะปน ทั้งหมดที่เห็นเป็นโลกทรายเหลือง
การเทเลพอร์ตระยะไกลของเย่ว์หยางตั้งใจเทเลพอร์ตไปไกลสิบกิโลเมตร
ต่อให้ผิดพลาดในการเทเลพอร์ต เทเลพอร์ตไปไกลถึงร้อยกิโลเมตรก็ควรยังอยู่ในพื้นที่เมืองไป๋เหอ? แต่เนินทรายนี้ ไม่ได้อยู่ในภูมิภาคสวนสวรรค์
“เราหลบเข้าไปในโลกคัมภีร์ของศัตรูหรือเปล่า?” หลิวเย่คิดว่าอาจเป็นศัตรูวางกับดักล่วงหน้าจับเขากับนางด้วยกัน
มีแต่วิธีนี้เท่านั้นพื้นที่ของเมืองไป๋เหอซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าทะเลถึงเต็มไปด้วยทรายกว้างขวางไม่มีที่สิ้นสุด
“ไม่, ที่นี่ไม่ใช่โลกคัมภีร์” เย่ว์หยางส่ายหน้า ไม่ว่าเขาจะโง่เขลาขนาดไหนในโลกคัมภีร์ของศัตรู นอกจากเขาจะมีตาทิพย์แล้วต่อให้เป็นจ้าวสุริยาก็ยังหลอกเขาไม่ได้ ใครจะมีความแม่นยำกว่าเย่ว์หยางชักนำเขาเข้าไปในพื้นที่คัมภีร์อัญเชิญของผู้อื่น? หากจะมีคนอื่นในโลกที่สามารถหลอกล่อเย่ว์หยางให้เข้าไปในโลกคัมภีร์อัญเชิญของผู้นั้นได้ ถ้าไม่ใช่เจ้าตำหนักสูงสุด ก็คงเป็นเทพโบราณที่แท้จริง
“เราจะทำยังไงกัน?” หลิวเย่พบว่านางกับเย่ว์หยางยังคงเปลือยกายอยู่แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะสวมชุดรบจันทรา
“เรายังอยู่กับการทดสอบโบราณ...แม้ว่าเส้นทางกลับยังคงเป็นเส้นทางเดิม แต่เรายังไม่ได้ออกมาข้างนอก” หนึ่งในข้อกังวลที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นกับเย่ว์หยาง เขามีความรู้สึกอยู่ก่อนว่าการทดสอบจะไม่สิ้นสุดอย่างง่ายดาย และยังไม่ได้ยอมแพ้อย่างแท้จริง
“เมื่อเป็นอย่างนี้ เราไปกันต่อเถอะ!” หลิวเย่ได้ยินแล้วในใจนางมีความสุข
ได้ร่วมเสี่ยงกับเขาอีกครั้ง
ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วจะได้รับสมบัติลับหรือไม่ นางไม่สนใจตราบเท่าที่ได้อยู่ข้างเขา
เย่ว์หยางจะไม่เข้าใจความคิดสาวน้อยได้อย่างไร เขาฝืนยิ้ม มีสาวน้อยบริสุทธิ์อยู่ข้างกายเขาจะผ่านด่านทดสอบของมนุษยชาติยุคโบราณได้หรือ!
โลกทะเลทรายยาวเหยียดสุดหูสุดตา
หลังจากเทเลพอร์ตและบินอยู่ครึ่งชั่วโมง เย่ว์หยางพาหลิวเย่เข้าไปในป้อมปราการทราย
ที่นี่เป็นหุบเขาขนาดใหญ่มีเนินทรายเหลืองมากมายนับไม่ถ้วน สิ่งที่หายากที่สุดคือมีแม่น้ำไหลผ่านเมือง ในโลกทรายเหลืองที่เย่ว์หยางและหลิวเย่เข้ามานี้ พวกเขาเพิ่งได้พบเห็นแหล่งน้ำภายในระยะทางหลายแสนกิโลเมตร แสดงให้เห็นว่าแม่น้ำสายเล็กๆนี้มีคุณค่ามากขนาดไหน ที่ริมน้ำมีบุรุษสตรีเปลือยนับไม่ถ้วนมัวแต่วุ่นอยู่กับแม่น้ำ
เมื่อมองอย่างใกล้ชิดทำให้หลิวเย่รู้สึกตกใจอย่างยิ่งก็คือบุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ไม่ได้มีสถานะสูงสุดในที่นี่ ตรงกันข้ามบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดและมีกำลังมากที่สุดกลับต่ำต้อยที่สุด
พวกเขาต้องรับผิดชอบงานทุกอย่างในชีวิตไม่ว่าจะเป็นพรวนดิน เพาะปลูก รวบรวม เก็บเกี่ยว ขัดสี ทำเกษตร ทำร้าย ฆ่า ตกปลาปิ้ง ย่าง ฯลฯ พวกเขาต้องรับผิดชอบงานทุกอย่าง แต่สถานะต่ำต้อย พอสตรีเหล่านั้นไม่พอใจก็จะเฆี่ยนตีโดยพลการ พวกเขาต้องทำงานหนักเหมือนทาสไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงคร่ำครวญ
บุรุษพวกนี้นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นร่างกายเต็มไปด้วยแผลเป็น พวกเขาช่วยสร้างป้อมปราการทรายแห่งนี้
สิ่งที่ทำให้หลิวเย่รู้สึกเหลือเชื่อที่สุดก็คือสตรีที่เฆี่ยนตีพวกเขาไม่ได้มีสถานะสูงสุด
ในป้อมปราการทรายผู้ที่มีสถานะสูงสุดคือสุนัขตัวหนึ่ง!
สุนัขที่นี่ทุกตัวนอนอยู่บนบัลลังก์ที่ทำจากหนังกระดูกและเส้นผมของมนุษย์แสนสบายนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้าน สุนัขทุกตัวมีลูกอย่างน้อยสิบตัวเชือกที่ถักจากหนังมนุษย์ใช้ผูกลากบัลลังก์กระดูกมนุษย์ไปอย่างช้าๆ ถ้าช้าลงเล็กน้อยสุนัขจะตบและกัดทึ้งเด็กมนุษย์จนเลือดอาบ... สุนัขนั้นจะเห่าด้วยความหยิ่งยโส ส่วนสตรียืนหัวเราะและดุลูกๆที่เลียเลือดมนุษย์ ว่าเป็นกระดูกราคาถูกทำให้สุนัขอันเป็นรักต้องหงุดหงิดรำคาญ
หลิวเย่น้อยครั้งที่จะโกรธ นางเป็นสตรีใจดีอ่อนโยน ต่อให้นางถูกคนอื่นคุกคามอย่างไม่เป็นธรรมนางก็ยังสุภาพกับคนอื่นได้ ทั้งไม่สนใจกับผู้นั้น
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางจะไม่โกรธ
คนใจดีอย่างหลิวเย่โกรธเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก....เมื่อเห็นสตรีประพฤติตัวไร้ยางอายและลำเอียง หลิวเย่โกรธจนปอดแทบระเบิด เพราะตลอดชีวิตของนาง นางไม่เคยโกรธจัดมาก่อน เป็นไปได้อย่างไรที่คนอย่างนั้นจะเห็นว่าสุนัขมีค่ามากกว่าชีวิตมนุษย์? สิ่งที่นางยอมรับไม่ได้อย่างที่สุดก็คือสตรีเหล่านั้นมองเด็กๆ เหมือนหมูเหมือนหมา แต่ปฏิบัติต่อพวกไฮยีนาเหมือนกับลูกชาย
ต้องมีจิตใจวิปริตขนาดไหนจึงจะทำเช่นนี้ได้
“ลูก อย่าเลียเลือดคนพวกนั้น อย่าทำอย่างนั้น เลือดไม่ดีอย่างนั้นจะทำให้เจ้าป่วยได้! นี่ลูกจ๋า มาให้แม่กอดเร้ว!” สตรีคนหนึ่งเห็นสุนัขกัดเด็กมนุษย์ที่นอนจมกองเลือด แทนที่นางจะเห็นใจ นางกลับห่วงสุนัขเกรงว่าจะป่วยเพราะเลียกินเลือด
“อ๊า.....” เด็กมนุษย์เจ็บปวดส่งเสียงร้องอย่างช่วยไม่ได้
“เผียะ เผียะ เผียะ เผียะ!”
เมื่อสตรีนั้นได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด นางหวดแส้ที่ทำด้วยหนังและผมของมนุษย์ไปที่เด็กมนุษย์ที่ร้องครวญครางทันที ขณะที่ปากก็สบถด่า “สวะอย่างเจ้าไม่คู่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปทำไมเจ้าไม่ตายไปเลย? โลกนี้ไม่ต้องการสวะราคาถูก ตราบใดที่สุนัขของข้าบอกว่าพอ เมื่อพวกเจ้าหิว พวกเจ้าไม่มีทางเลือกกินได้ ทรัพยากรที่นี่ไม่เพียงพอมันจะทำให้สุนัขของข้าได้กินดีๆ ได้ไม่กี่วันในหนึ่งเดือน”
หลังจากเด็กมนุษย์ถูกหวดปางตายจนสลบ เด็กอีกคนที่เป็นสหายถูกเฆี่ยนตีพร้อมกัน
เด็กคนนั้นได้แต่ก้มหน้ามองทรายไม่กล้าส่งเสียงร้อง
เขากลัวว่าจะโดนเฆี่ยนตีหนักมากขึ้น
ถ้าสตรีร้ายกาจเหล่านี้โกรธมีความเป็นไปได้ว่าเขาจะถูกเฆี่ยนจนตายกลายเป็นอาหารสุนัขเส้นผมของเขาจะถูกนำไปทำแส้
หลิวเย่โมโหจนแทบสิ้นสตินางพบเห็นสตรีชั่วร้ายมามากมาย แต่ไม่เคยเห็นสตรีชั่วร้ายอย่างนี้มาก่อน
สตรีชั่วร้ายที่นางพบมาก่อนหน้านั้นเมื่อเทียบกับกลุ่มสตรีที่อยู่ข้างหน้านาง
อาจกล่าวได้ว่ากลายเป็นคนดีหรือคนใจดีไปโดยปริยาย
“ฆ่าพวกนางซะ สวะเหล่านี้ไม่สมควรมีชีวิตต่อไป!” เป็นครั้งแรกในชีวิตของหลิวเย่ที่บังเกิดความคิดฆ่าฟันรุนแรงยิ่งกว่าแมงมุมน้ำที่นางฆ่า สตรีชั่วร้ายที่อยู่ต่อหน้านางอำมหิตนักหลิวเย่เห็นแล้วยังรู้สึกว่าแมงมุมน้ำยังน่าให้อภัยมากกว่าแต่จะไม่ยอมยกโทษให้สตรีกลุ่มนี้เด็ดขาด ไม่,สตรีชั่วร้ายกลุ่มนี้ที่ปฏิบัติต่อทาสเด็กและสุนัขอย่างไม่เท่าเทียมกัน ไม่สมควรเรียกว่ามนุษย์!
“.......” เย่ว์หยางไม่โกรธเท่าใดนัก ลักษณะของสตรีที่อยู่ข้างหน้าเขาในหอทงเทียนไม่มีแน่ ในแดนสวรรค์ก็หาได้ยาก แต่ในจักรวรรดินิยมมีอยู่แน่ ก่อนที่เขาข้ามมิติมาที่นี่ เขามักพบเห็นข่าวมีคนขวางทางรถบ้าง ขวางสุนัข มีสตรีฐานะสูงส่งเห็นสุนัขดีกว่าคน ในชีวิตจริงหลายครอบครัวเห็นสุนัขเหมือนเป็นลูกของพวกเขา ถึงแม้ในตระกูลสูงส่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนสุนัขในอ้อมแขนสตรีฐานะสูงยังมีสถานะที่ดีกว่าคนทำงานทั่วไปอย่างเช่นคนขายไข่ขายนม ขัดรองเท้า!
เพราะคนพวกนั้นมองสุนัขว่าเป็นเหมือนชีวิตส่วนตัวพวกเขาไม่มองสุนัขว่าเป็นผู้พิทักษ์ หรือคู่หูที่น่าเชื่อถือของมนุษย์ แต่กลับมองเหมือนกับเป็นลูกหรือสามี
สุภาพสตรีที่ชอบอุ้มสุนัขโอ้อวดว่าเป็นของรักของหวง แต่กลับแสดงความโหดร้ายรุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตอื่นรวมทั้งมนุษย์ด้วยกัน
มองว่าคนด้อยกว่าสุนัขกลับมีให้เห็นในพวกจักรวรรดินิยม
แน่นอนว่าในต่างประเทศนั่นเป็นการประชดประชันถึงความผิดเพี้ยนทางทัศนคติอารมณ์ของมนุษย์ “เจ้าขยะนั่นดูเหมือนจะตายแล้ว เป็นสายพันธุ์ที่อายุสั้นจริงๆ! มานี่, ถลกหนังของมันเก็บไว้ แส้ของข้าเก่าแล้วไม่มีหนังมาเปลี่ยนตั้งนานแล้ว อีกอย่างอย่าลืมเอาเนื้อของมันไปปรุงสุขให้ดีเล่า ลูกชายข้ากินเนื้อดิบไม่ได้ ถ้าลูกข้าท้องเสีย เจ้าต้องชดใช้ชีวิต” สตรีที่อุ้มสุนัขตามทำให้หลิวเย่โกรธ
“เขากล้าเอาเนื้อคนไปเป็นอาหารสุนัขหรือ?” หลิวเย่โกรธจัด ความคิดฆ่าฟันเต็มอยู่ในความคิดนาง “มันน่าฆ่าทาสสุนัขที่โหดเหี้ยมอำมหิตนัก!”
“เจ้าไม่ต้องลงมือ ให้ข้าเอง!” เย่ว์หยางห้ามนาง
สิ่งที่ใช้ทดสอบในโลกทะเลทรายนี้
เย่ว์หยางเข้าใจแล้วว่าคืออะไร
นั่นก็คือ..ความโกรธ!
เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่าเกลียดและอยุติธรรม พลังใจของเย่ว์หยางมีมากพอและพลังปณิธานปราณราชันย์ยังทำให้เขาดูสงบ แต่หลิวเย่ทำไม่ได้ จิตใจนางบริสุทธิ์ นางไม่สามารถอดทนต่อความชั่วร้ายได้ ไม่ต้องพูดถึงคำพูดที่ชั่วร้ายข้างหน้านาง...ถ้านางควบคุมตนเองไม่ได้ อย่างนั้นนางจะไม่ผ่านการทดสอบ นางต้องทำด้วยตนเอง
ไม่มีความโกรธในใจ แล้วจะฆ่าคนได้หรือ?
…………