ตอนที่แล้วตอนที่ 1032 ทดสอบจุดอ่อนของมนุษย์?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1034 (1) อ่อนไหว ความเป็นจริงของชีวิต

ตอนที่ 1033 คนไม่ดีเท่าสุนัข


ขณะกลับตามเส้นทางเดิม

หลิวเย่เสียดายเวลาช่วงนี้เป็นพิเศษ  เพราะการเดินทางล่าสมบัติจะจบลงในไม่ช้า

ระหว่างนางกับเขาจะกลับสู่สถานะเหมือนก่อนในไม่ช้า และนางไม่สามารถเดินให้เขาจูงมือเหมือนอย่างที่ทำในตอนนี้ได้ การล่าสมบัติในคราวนี้จะประทับอยู่ในใจนางเป็นความทรงจำที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตนาง...นางไม่อยากให้จบลงเร็วนัก  แต่นางไม่ต้องการให้เขาตกอยู่ในอันตราย ก่อนหน้านี้หลิวเย่ไม่เคยเห็นเย่ว์หยางหนีเมื่อเขาพบเจอกับความยากลำบาก  เขาไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ! แต่ตอนนี้เขายอมยกเลิกไม่ล่าสมบัติอีกต่อไป

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้  เพราะเขากลัวจุดอ่อนของมนุษย์

ในทางตรงกันข้ามเขาคงกังวลเกี่ยวกับตนเองกลัวว่าขาจะไม่สามารถทนการทดสอบจุดอ่อนของมนุษย์และตกไปในกับดักในขุมทรัพย์โบราณ  แล้วถูกขับออกมา!

ขณะที่ทั้งสองคนกลับไปตามทางคดโค้งบิดงอพวกเขาผ่านเส้นทางมืดสลับสว่างกลับมาถึงจุดที่มืด   เย่ว์หยางหยุดนิ่งเล็กน้อยรอให้หลิวเย่ถามคำถามและพานางเดินหน้าต่อ

“มีบางอย่างผิดปกติหรือ?”  หลิวเย่เป็นคนที่ใส่ใจคนนางรับรู้ความแตกต่างได้

“ข้าไม่รู้ แต่มีความรู้สึกอย่างหนึ่งอยู่ในใจ” เย่ว์หยางไม่แน่ใจ

“ข้าจะระมัดระวัง!”หลิวเย่รู้ว่าเย่ว์หยางมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งลางสังหรณ์ในการต่อสู้ของเขานั้นน่าทึ่ง  แม้ว่าจะไม่มากเท่ากับทักษะหกรับรู้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแต่ก็แทบไม่มีการผิดพลาด เขารู้สึกผิดปกติต้องมีอะไรบางอย่าง หรือว่าอยู่ที่นอกทางเข้าโบราณ หรือว่าคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มาถึง ?  หรือมีนักสู้อื่นอีก?

นี่มิใช่เป็นไปไม่ได้!

วงเวทขนาดยักษ์ปรากฏอยู่ในท้องฟ้ามาสามวันแล้ว

ถ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์วางหมากคอยลอบทำร้ายอยู่ใกล้เมืองไป๋เหอก็คงจะพบเจอนานแล้วและคงรายงานข่าวการปรากฏของวงเวทขนาดมหึมา

อาจจะเป็นนักสู้ผู้ปลีกสันโดษแต่เห็นวงเวทรูนขนาดยักษ์ พวกเขามาที่นี่และไม่ทราบสถานการณ์และเฝ้าจับตาอยู่ที่ทางเข้าโบราณเพื่อผลประโยชน์ที่เป็นไปได้

เย่ว์หยางพยักหน้าและปลอบโยนหลิวเย่  “ไม่ต้องห่วง ข้าจะพาเจ้าเทเลพอร์ตออกไปในระยะทางที่ไกลเจ้าแค่สงบจิตใจให้ความร่วมมือกับข้า”

มีเข็มทิศสามภพเขาไม่กังวลว่าจะมีคนรายล้อมขัดขวางทั้งวัน

ตราบเท่าที่เขาสามารถเทเลพอร์ตได้  จะไม่มีใครจับเขาได้

“ฮือ” หลิวเย่ยังคงเรียกกวางทะลุมิติออกมาช่วยเมื่อเขาต้องการมันมากที่สุด  ถ้าเมื่อใช้แข็มทิศสามภพและศัตรูมีสมบัติที่ตรึงหรือสร้างผลกระทบต่อการเทเลพอร์ต อย่างนั้นนางสามารถพาเย่ว์หยางออกไปจากระยะที่ของวิเศษของศัตรูส่งผลต่อเขา  เกี่ยวกับสถานการณ์พร้อมต่อสู้นี้  นางได้ฝึกฝนมาไม่น้อยกว่าหมื่นครั้งเพื่อที่ว่าอาจจะต้องพร้อมใช้วันนี้

“ไปกันเถอะ!”  เย่ว์หยางพาหลิวเย่ไปที่ปากทางเข้าโบราณเขาปล่อยพลังงานสร้างสนามพลังสร้างโลกปกป้องทั้งสองคนจากนั้นเทเลพอร์ตออกไปในระยะไกลทันทีพวกเขาออกไปจากที่นั้นไปในสภาพน่าอึดอัดเล็กน้อย

การเทเลพอร์ตทางไกลทำได้สำเร็จ

ไม่มีใครขัดขวางหรือถ่วงตรึงไว้

เย่ว์หยางและหลิวเย่เทเลพอร์ตออกไปอย่างราบรื่นจากพื้นที่ทางเข้าโบราณออกไปบริเวณที่เต็มไปด้วยเนินทรายเหลืองทันที

เมื่อย่างเท้าลงบนเนินทรายเหลืองสีหน้าของเย่ว์หยางเปลี่ยนไป... ไม่ใช่แต่เพียงเขาเท่านั้น แต่นางก็ยังรู้สึกผิดปกติ แม้แต่หลิวเย่ก็ตระหนักรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่ดี  เมืองไป๋เหอรายล้อมไปด้วยน้ำ  เนินทรายมาจากไหน?  ดูแล้วไม่ใช่เนินทรายธรรมดาแต่เป็นเนินทรายทอดยาวเป็นพันไมล์ ไม่มีสีเขียวปะปน  ทั้งหมดที่เห็นเป็นโลกทรายเหลือง

การเทเลพอร์ตระยะไกลของเย่ว์หยางตั้งใจเทเลพอร์ตไปไกลสิบกิโลเมตร

ต่อให้ผิดพลาดในการเทเลพอร์ต  เทเลพอร์ตไปไกลถึงร้อยกิโลเมตรก็ควรยังอยู่ในพื้นที่เมืองไป๋เหอ? แต่เนินทรายนี้ ไม่ได้อยู่ในภูมิภาคสวนสวรรค์

“เราหลบเข้าไปในโลกคัมภีร์ของศัตรูหรือเปล่า?” หลิวเย่คิดว่าอาจเป็นศัตรูวางกับดักล่วงหน้าจับเขากับนางด้วยกัน

มีแต่วิธีนี้เท่านั้นพื้นที่ของเมืองไป๋เหอซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าทะเลถึงเต็มไปด้วยทรายกว้างขวางไม่มีที่สิ้นสุด

“ไม่, ที่นี่ไม่ใช่โลกคัมภีร์”  เย่ว์หยางส่ายหน้า  ไม่ว่าเขาจะโง่เขลาขนาดไหนในโลกคัมภีร์ของศัตรู นอกจากเขาจะมีตาทิพย์แล้วต่อให้เป็นจ้าวสุริยาก็ยังหลอกเขาไม่ได้ ใครจะมีความแม่นยำกว่าเย่ว์หยางชักนำเขาเข้าไปในพื้นที่คัมภีร์อัญเชิญของผู้อื่น?  หากจะมีคนอื่นในโลกที่สามารถหลอกล่อเย่ว์หยางให้เข้าไปในโลกคัมภีร์อัญเชิญของผู้นั้นได้  ถ้าไม่ใช่เจ้าตำหนักสูงสุด ก็คงเป็นเทพโบราณที่แท้จริง

“เราจะทำยังไงกัน?”  หลิวเย่พบว่านางกับเย่ว์หยางยังคงเปลือยกายอยู่แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะสวมชุดรบจันทรา

“เรายังอยู่กับการทดสอบโบราณ...แม้ว่าเส้นทางกลับยังคงเป็นเส้นทางเดิม แต่เรายังไม่ได้ออกมาข้างนอก” หนึ่งในข้อกังวลที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นกับเย่ว์หยาง  เขามีความรู้สึกอยู่ก่อนว่าการทดสอบจะไม่สิ้นสุดอย่างง่ายดาย  และยังไม่ได้ยอมแพ้อย่างแท้จริง

“เมื่อเป็นอย่างนี้ เราไปกันต่อเถอะ!”  หลิวเย่ได้ยินแล้วในใจนางมีความสุข

ได้ร่วมเสี่ยงกับเขาอีกครั้ง

ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วจะได้รับสมบัติลับหรือไม่ นางไม่สนใจตราบเท่าที่ได้อยู่ข้างเขา

เย่ว์หยางจะไม่เข้าใจความคิดสาวน้อยได้อย่างไร  เขาฝืนยิ้ม มีสาวน้อยบริสุทธิ์อยู่ข้างกายเขาจะผ่านด่านทดสอบของมนุษยชาติยุคโบราณได้หรือ!

โลกทะเลทรายยาวเหยียดสุดหูสุดตา

หลังจากเทเลพอร์ตและบินอยู่ครึ่งชั่วโมง  เย่ว์หยางพาหลิวเย่เข้าไปในป้อมปราการทราย

ที่นี่เป็นหุบเขาขนาดใหญ่มีเนินทรายเหลืองมากมายนับไม่ถ้วน สิ่งที่หายากที่สุดคือมีแม่น้ำไหลผ่านเมือง ในโลกทรายเหลืองที่เย่ว์หยางและหลิวเย่เข้ามานี้ พวกเขาเพิ่งได้พบเห็นแหล่งน้ำภายในระยะทางหลายแสนกิโลเมตร  แสดงให้เห็นว่าแม่น้ำสายเล็กๆนี้มีคุณค่ามากขนาดไหน   ที่ริมน้ำมีบุรุษสตรีเปลือยนับไม่ถ้วนมัวแต่วุ่นอยู่กับแม่น้ำ

เมื่อมองอย่างใกล้ชิดทำให้หลิวเย่รู้สึกตกใจอย่างยิ่งก็คือบุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ไม่ได้มีสถานะสูงสุดในที่นี่ ตรงกันข้ามบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดและมีกำลังมากที่สุดกลับต่ำต้อยที่สุด

พวกเขาต้องรับผิดชอบงานทุกอย่างในชีวิตไม่ว่าจะเป็นพรวนดิน เพาะปลูก รวบรวม เก็บเกี่ยว ขัดสี ทำเกษตร ทำร้าย ฆ่า ตกปลาปิ้ง ย่าง ฯลฯ พวกเขาต้องรับผิดชอบงานทุกอย่าง แต่สถานะต่ำต้อย พอสตรีเหล่านั้นไม่พอใจก็จะเฆี่ยนตีโดยพลการ  พวกเขาต้องทำงานหนักเหมือนทาสไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงคร่ำครวญ

บุรุษพวกนี้นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นร่างกายเต็มไปด้วยแผลเป็น พวกเขาช่วยสร้างป้อมปราการทรายแห่งนี้

สิ่งที่ทำให้หลิวเย่รู้สึกเหลือเชื่อที่สุดก็คือสตรีที่เฆี่ยนตีพวกเขาไม่ได้มีสถานะสูงสุด

ในป้อมปราการทรายผู้ที่มีสถานะสูงสุดคือสุนัขตัวหนึ่ง!

สุนัขที่นี่ทุกตัวนอนอยู่บนบัลลังก์ที่ทำจากหนังกระดูกและเส้นผมของมนุษย์แสนสบายนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้าน  สุนัขทุกตัวมีลูกอย่างน้อยสิบตัวเชือกที่ถักจากหนังมนุษย์ใช้ผูกลากบัลลังก์กระดูกมนุษย์ไปอย่างช้าๆ    ถ้าช้าลงเล็กน้อยสุนัขจะตบและกัดทึ้งเด็กมนุษย์จนเลือดอาบ...  สุนัขนั้นจะเห่าด้วยความหยิ่งยโส  ส่วนสตรียืนหัวเราะและดุลูกๆที่เลียเลือดมนุษย์ ว่าเป็นกระดูกราคาถูกทำให้สุนัขอันเป็นรักต้องหงุดหงิดรำคาญ

หลิวเย่น้อยครั้งที่จะโกรธ  นางเป็นสตรีใจดีอ่อนโยน  ต่อให้นางถูกคนอื่นคุกคามอย่างไม่เป็นธรรมนางก็ยังสุภาพกับคนอื่นได้ ทั้งไม่สนใจกับผู้นั้น

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางจะไม่โกรธ

คนใจดีอย่างหลิวเย่โกรธเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก....เมื่อเห็นสตรีประพฤติตัวไร้ยางอายและลำเอียง หลิวเย่โกรธจนปอดแทบระเบิด เพราะตลอดชีวิตของนาง นางไม่เคยโกรธจัดมาก่อน เป็นไปได้อย่างไรที่คนอย่างนั้นจะเห็นว่าสุนัขมีค่ามากกว่าชีวิตมนุษย์?  สิ่งที่นางยอมรับไม่ได้อย่างที่สุดก็คือสตรีเหล่านั้นมองเด็กๆ เหมือนหมูเหมือนหมา แต่ปฏิบัติต่อพวกไฮยีนาเหมือนกับลูกชาย

ต้องมีจิตใจวิปริตขนาดไหนจึงจะทำเช่นนี้ได้

“ลูก อย่าเลียเลือดคนพวกนั้น  อย่าทำอย่างนั้น  เลือดไม่ดีอย่างนั้นจะทำให้เจ้าป่วยได้!  นี่ลูกจ๋า มาให้แม่กอดเร้ว!” สตรีคนหนึ่งเห็นสุนัขกัดเด็กมนุษย์ที่นอนจมกองเลือด แทนที่นางจะเห็นใจ  นางกลับห่วงสุนัขเกรงว่าจะป่วยเพราะเลียกินเลือด

“อ๊า.....” เด็กมนุษย์เจ็บปวดส่งเสียงร้องอย่างช่วยไม่ได้

“เผียะ เผียะ เผียะ เผียะ!”

เมื่อสตรีนั้นได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด นางหวดแส้ที่ทำด้วยหนังและผมของมนุษย์ไปที่เด็กมนุษย์ที่ร้องครวญครางทันที  ขณะที่ปากก็สบถด่า “สวะอย่างเจ้าไม่คู่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปทำไมเจ้าไม่ตายไปเลย? โลกนี้ไม่ต้องการสวะราคาถูก ตราบใดที่สุนัขของข้าบอกว่าพอ เมื่อพวกเจ้าหิว  พวกเจ้าไม่มีทางเลือกกินได้  ทรัพยากรที่นี่ไม่เพียงพอมันจะทำให้สุนัขของข้าได้กินดีๆ ได้ไม่กี่วันในหนึ่งเดือน”

หลังจากเด็กมนุษย์ถูกหวดปางตายจนสลบ  เด็กอีกคนที่เป็นสหายถูกเฆี่ยนตีพร้อมกัน

เด็กคนนั้นได้แต่ก้มหน้ามองทรายไม่กล้าส่งเสียงร้อง

เขากลัวว่าจะโดนเฆี่ยนตีหนักมากขึ้น

ถ้าสตรีร้ายกาจเหล่านี้โกรธมีความเป็นไปได้ว่าเขาจะถูกเฆี่ยนจนตายกลายเป็นอาหารสุนัขเส้นผมของเขาจะถูกนำไปทำแส้

หลิวเย่โมโหจนแทบสิ้นสตินางพบเห็นสตรีชั่วร้ายมามากมาย แต่ไม่เคยเห็นสตรีชั่วร้ายอย่างนี้มาก่อน

สตรีชั่วร้ายที่นางพบมาก่อนหน้านั้นเมื่อเทียบกับกลุ่มสตรีที่อยู่ข้างหน้านาง

อาจกล่าวได้ว่ากลายเป็นคนดีหรือคนใจดีไปโดยปริยาย

“ฆ่าพวกนางซะ สวะเหล่านี้ไม่สมควรมีชีวิตต่อไป!” เป็นครั้งแรกในชีวิตของหลิวเย่ที่บังเกิดความคิดฆ่าฟันรุนแรงยิ่งกว่าแมงมุมน้ำที่นางฆ่า  สตรีชั่วร้ายที่อยู่ต่อหน้านางอำมหิตนักหลิวเย่เห็นแล้วยังรู้สึกว่าแมงมุมน้ำยังน่าให้อภัยมากกว่าแต่จะไม่ยอมยกโทษให้สตรีกลุ่มนี้เด็ดขาด ไม่,สตรีชั่วร้ายกลุ่มนี้ที่ปฏิบัติต่อทาสเด็กและสุนัขอย่างไม่เท่าเทียมกัน ไม่สมควรเรียกว่ามนุษย์!

“.......” เย่ว์หยางไม่โกรธเท่าใดนัก  ลักษณะของสตรีที่อยู่ข้างหน้าเขาในหอทงเทียนไม่มีแน่ ในแดนสวรรค์ก็หาได้ยาก แต่ในจักรวรรดินิยมมีอยู่แน่ ก่อนที่เขาข้ามมิติมาที่นี่ เขามักพบเห็นข่าวมีคนขวางทางรถบ้าง ขวางสุนัข  มีสตรีฐานะสูงส่งเห็นสุนัขดีกว่าคน ในชีวิตจริงหลายครอบครัวเห็นสุนัขเหมือนเป็นลูกของพวกเขา  ถึงแม้ในตระกูลสูงส่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนสุนัขในอ้อมแขนสตรีฐานะสูงยังมีสถานะที่ดีกว่าคนทำงานทั่วไปอย่างเช่นคนขายไข่ขายนม ขัดรองเท้า!

เพราะคนพวกนั้นมองสุนัขว่าเป็นเหมือนชีวิตส่วนตัวพวกเขาไม่มองสุนัขว่าเป็นผู้พิทักษ์ หรือคู่หูที่น่าเชื่อถือของมนุษย์  แต่กลับมองเหมือนกับเป็นลูกหรือสามี

สุภาพสตรีที่ชอบอุ้มสุนัขโอ้อวดว่าเป็นของรักของหวง แต่กลับแสดงความโหดร้ายรุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตอื่นรวมทั้งมนุษย์ด้วยกัน

มองว่าคนด้อยกว่าสุนัขกลับมีให้เห็นในพวกจักรวรรดินิยม

แน่นอนว่าในต่างประเทศนั่นเป็นการประชดประชันถึงความผิดเพี้ยนทางทัศนคติอารมณ์ของมนุษย์   “เจ้าขยะนั่นดูเหมือนจะตายแล้ว  เป็นสายพันธุ์ที่อายุสั้นจริงๆ!  มานี่, ถลกหนังของมันเก็บไว้ แส้ของข้าเก่าแล้วไม่มีหนังมาเปลี่ยนตั้งนานแล้ว  อีกอย่างอย่าลืมเอาเนื้อของมันไปปรุงสุขให้ดีเล่า  ลูกชายข้ากินเนื้อดิบไม่ได้  ถ้าลูกข้าท้องเสีย  เจ้าต้องชดใช้ชีวิต”   สตรีที่อุ้มสุนัขตามทำให้หลิวเย่โกรธ

“เขากล้าเอาเนื้อคนไปเป็นอาหารสุนัขหรือ?”  หลิวเย่โกรธจัด  ความคิดฆ่าฟันเต็มอยู่ในความคิดนาง  “มันน่าฆ่าทาสสุนัขที่โหดเหี้ยมอำมหิตนัก!”

“เจ้าไม่ต้องลงมือ  ให้ข้าเอง!” เย่ว์หยางห้ามนาง

สิ่งที่ใช้ทดสอบในโลกทะเลทรายนี้

เย่ว์หยางเข้าใจแล้วว่าคืออะไร

นั่นก็คือ..ความโกรธ!

เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่าเกลียดและอยุติธรรม  พลังใจของเย่ว์หยางมีมากพอและพลังปณิธานปราณราชันย์ยังทำให้เขาดูสงบ แต่หลิวเย่ทำไม่ได้  จิตใจนางบริสุทธิ์  นางไม่สามารถอดทนต่อความชั่วร้ายได้  ไม่ต้องพูดถึงคำพูดที่ชั่วร้ายข้างหน้านาง...ถ้านางควบคุมตนเองไม่ได้ อย่างนั้นนางจะไม่ผ่านการทดสอบ นางต้องทำด้วยตนเอง

ไม่มีความโกรธในใจ แล้วจะฆ่าคนได้หรือ?

…………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด