ตอนที่ 1031 กำไรชีวิต
คัมภีร์อัญเชิญเลื่อนชั้นกลายเป็นคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องเกินคาดเย่ว์หยางไปมาก
ความทึ่งอัศจรรย์ใจเช่นนี้ทำให้หลิวเย่ที่อยู่ด้านหลังมองดูอย่างมีความสุข นางแสดงความยินดีกับเขา คัมภีร์อัญเชิญเสี่ยวเหวินหลีและตั่วตั่วเรียกคัมภีร์อัญเชิญของตนออกมาอีกครั้ง เย่ว์หยางพบว่าพวกนางมีระดับความก้าวหหน้าในระดับที่แตกต่างกัน แม้แต่หนูทองค้นสมบัติที่ไม่มีพลังรบก็มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ เหมือนเป็นสมบัติที่มีจิตวิญญาณ เจ้าหนูทองตัวน้อยห้าตัวไม่มีพลังรบจะวิวัฒนาการไปเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่?
เย่ว์หยางไม่สามารถตัดสินได้จากพลังตาทิพย์ของเขา
รายละเอียดโดยเฉพาะเจาะจงคาดว่าต้องถามจักรพรรดินีราตรีหรือไม่ก็นางพญาเฟ่ยเหวินหลี
แต่ตอนนี้เย่ว์หยางรู้สึกพอใจและมีความสุขเหมือนฝนตกมาเป็นซาลาเปา
คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งเลื่อนระดับนั้นมีพลังไร้เทียมทานเหนือกว่าคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เย่ว์หยางเคยเห็นมาก่อน คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็ดูเหมือนจะด้อยกว่าเล็กน้อย
แน่นอนว่าพลังแห่งคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมีพลังน้อยลง เหตุผลหลักอาจเป็นเพราะนางถูกผนึกพลังรบลดน้อยถอยลงไป ถ้าสามารถออกมาจากผนึกมิติหลุมดำได้หรือสร้างโลกน้ำแข็งอยู่ในผนึกหลุมดำได้ จะทำให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีฟื้นฟูพลังดั้งเดิมสุดยอดทันที เย่ว์หยางคาดว่าพลังของคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของนางจะยังไม่กลับคืนมาในระดับเดิม เขาเกรงว่ายังน้อยกว่าเดิมถึงสิบเท่าตอนแรกที่เขาเห็นพลังคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของนางมีขนาดครึ่งหนึ่งของตอนที่นางสร้างโลกหิมะน้ำแข็งในหลุมดำ พลังของคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ยังมีความต่างกันมาก
อย่างน้อยย่อมมีการเลื่อนระดับหลายครั้ง
การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในร่างกายรวมทั้งพลังต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้มาหลังจากเลื่อนชั้นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เย่ว์หยางยังไม่อาจเข้าใจทั้งหมดรวดเดียว
ถ้าวงเวทยักษ์ไม่คงอยู่ในท้องฟ้าถึงสามวันและมีโอกาสที่จะถูกค้นพบ เหลือเวลาการผจญภัยไม่นานเย่ว์หยางจะต้องปล่อยวางภารกิจของเขาไปก่อน ก่อนอื่นเขาจะต้องเข้ามิติหลุมดำก่อนและเข้าไปสนทนากับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี หรือไม่ก็กลับหอทงเทียนไปหาจักรพรรดินีราตรีและแม่สี่เพื่อถามพวกนางเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเรื่องคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราต้องรีบไปเอาสมบัติกันก่อนถ้าปล่อยให้คนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หรือนักสู้ที่ทรงพลังแข็งแกร่งได้กลิ่นเราจะสูญเสียโอกาส” เย่ว์หยางตัดสินใจวางเรื่องคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไปก่อน เพราะมันไม่หนีไปไหน ค่อยค้นคว้าช้าๆก็ได้ นอกจากนี้แม้ว่าเขาจะสอบถามนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและจักรพรรดินีราตรี ก็อาจไม่ได้คำตอบที่ดีที่สุด อย่าว่าแต่แม่สี่นางคงไม่พูดแน่
ในความเป็นจริงเย่ว์หยางรู้ว่าหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับเขายังไม่สามารถคลี่คลายได้ทั้งหมด
ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเข้าใจ
หลิวเย่ตั้งใจฟังเย่ว์หยางและเขาตัดสินใจล่าสมบัติต่อ
เมื่อนางได้ยินเขาพูดถึงตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์นางคิดว่าในช่วงสามวันที่ผ่านมา ด้วยบริวารของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่มีมากมายไม่มีเหตุผลใดที่พวกเขาจะไม่พบเห็นวงเวทขนาดใหญ่ ถ้ามีคนที่แข็งแกร่งระดับจ้าวสุริยามาถึง สถานการณ์จะตกอยู่ในความไม่แน่นอน..นางรีบพยักหน้าและเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของเขา
“ผนึกถูกเปิดแล้วแต่ข้าไม่พบประตูเทเลพอร์ตใดเลย” หลิวเย่อยู่กับเย่ว์หยางในช่วงสามวันที่ผ่านมา นางไม่ใช่สตรีที่โง่เคลื่อนไหวไปพร้อมกับกวางทะลุมิติต่อเนื่อง ทุกครั้งนางจะเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรูและตรวจหาประตูเทเลพอร์ต นางค้นหาประตูเทเลพอร์ตที่ไม่ได้ปิดกั้นและประตูทางเข้าขุมสมบัติลับอย่างระมัดระวัง
นั่นทำให้นางเสียใจ
นางหาอยู่สามวันแต่ไม่พบเจออะไร
เย่ว์หยางพานางบินไปรอบๆพื้นที่ในท้องฟ้า ใจกลางของพื้นที่วงเวทขนาดใหญ่
ในที่สุดเขาขมวดคิ้วและหยุดวงเวทยักษ์ในท้องฟ้า ไม่มีประตูเทเลพอร์ตหรือทางเข้าโบราณ หลิวเย่ค้นหาอย่างระมัดระวัง
ถ้าไม่อยู่ในพื้นที่ใจกลางแล้วมันอยู่ที่ไหน? มันอยู่โดยรอบหรือขอบวงเวทยักษ์? เขารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะวงเวทยักษ์ลอยฟ้าประกอบด้วยอักขระรูนนับไม่ถ้วนมีขนาดใหญ่เกินไปถ้ากำหนดจุดภายนอกใจกลางวงเวทรูน ทางเข้าหรือประตูเทเลพอร์ตจะต้องอยู่ที่ขอบวงเวท คาดว่าพลังงานที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงกว้างใหญ่อาจพังลงได้
“ลูกพ่อ! เจ้าล่ะคิดยังไงบ้าง?” เย่ว์หยางมองเสี่ยวเหวินหลี ปีศาจอสรพิษน้อยมีสัญชาตญาณนักสู้ที่แข็งแกร่ง สัญชาตญาณการต่อสู้ของเธอไม่มีผลต่องานล่าสมบัติ แต่เธอพยายามช่วยคิด
“อืม..” เสี่ยวเหวินหลีไม่ตอบทันที แต่ช่วยคิดอะไรบางอย่าง สัญชาตญาณสู้รบช่วยอะไรไม่ได้ตอนนี้เธอใช้ปัญญาคิดแทน
“ข้าคิดว่าอาจจะเป็นที่อื่นไม่ใช่ในท้องฟ้า...” นางพญาดอกหนามมงกุฎทองตั่วตั่วแสดงความเห็นนางคิดว่าถ้าทางเข้าโบราณอยู่ในที่ใดที่หนึ่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยอักขระรูนก็คงยากมากที่สำคัญวงเวทรูนในท้องฟ้านั้นมีอยู่ด้วยตัวมันเองเชื่อมโยงกับมิติที่แตกต่างอาจทำให้เกิดมิติแตกสลายเพราะมีพลังมากเกินไป
“ไม่ได้อยู่ในท้องฟ้า?” เย่ว์หยางมีความคิดดีๆ ขึ้นในใจ
เสี่ยวเหวินหลีมีปัญญาเฉลียวฉลาดมีความคิดผุดขึ้นมาทันที เธอหันไปทางน้ำและชี้ไปที่น้ำ พร้อมทั้งบ่งบอกว่าทางเข้าอาจอยู่ใต้เท้าของทุกคนไม่ใช่บนท้องฟ้า การคาดเดาของเธอใกล้เคียงกับความคิดที่เกิดขึ้นในใจเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางปรบมือเห็นด้วยอย่างเต็มที่
ทางเข้าหรือประตูเทเลพอร์ตเข้าขุมสมบัติไม่ได้อยู่ในท้องฟ้า มีความเป็นไปได้หลายอย่างหนึ่งนั้นก็คือวงเวทยักษ์ที่ลอยอยู่ในกลางท้องฟ้า มีทางเข้าโลกภายใน สองแม้ว่าไม่ใช่แต่จุดตำแหน่งตรงนั้นไม่สามารถรองรับพื้นที่ได้แกนกลางพลังงานถูกเย่ว์หยางกลืนกินไปแล้ว พื้นที่ส่วนกลางก็หายไป นอกจากนี้สถานที่ใดที่สามารถรองรับจุดศูนย์กลางของพลังงานทั้งหมดของท้องฟ้าได้หรือ?
ประการที่สามทุกคนรู้ว่าเมืองไป๋เหอมีตำนานโบราณเล่าขานเกี่ยวกับตำหนักน้ำยุคก่อนที่จมลงในน้ำและถูกแผ่นดินกดทับอีกครั้ง
แม้ว่าสมบัติลับโบราณนี้จะไม่ใช่ตำหนักน้ำโบราณ แต่ทางเข้าโบราณมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกฝังจากทวีปที่กดทับ
ข้อสงสัยสุดท้ายเย่ว์หยางสงสัยว่าสุดยอดนักรบโบราณใช้วิธีการหยินหยางสลับกัน
วงเวทรูนบนท้องฟ้าไม่สามารถทนรับน้ำหนักได้ดังนั้นศูนย์กลางทางเข้าโบราณจึงถูกวางไว้ข้างนอกแนววงเวทรูน
ทั้งสองจะสอดคล้องและอยู่ห่างกัน
ใต้น้ำ
ว่างเปล่าไม่มีอะไร
แม้แต่ปลาและสิ่งมีชีวิตใต้น้ำก็หายไปไม่เหลือรู้สึกเหมือนกับเป็นแผ่นดินที่ตายแล้ว
เย่ว์หยางไม่ท้อถอยหลังจากค้นหาใต้น้ำเกือบชั่วโมง เขาพบเป้าหมายที่เขามองหาด้วยการใช้ดาบจันทร์เสี้ยวฟันเปิดทางในภูเขาใต้น้ำ ครั้งนี้เย่วหยางใช้ท่าแรกผ่าภูผา พลังฟันแตกต่างจากครั้งก่อนมากมาย เขาตัดภูเขาที่กว้างถึงหนึ่งกิโลเมตรขาดครึ่ง
ภูเขาที่ถูกตัดมีลำแสงฉายออกมาจากในส่วนที่ลึกที่สุด
ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเหวินหลีและตั่วตั่ว เย่ว์หยางใช้เวลาสามนาที เย่ว์ปราบพื้นทั่วภูเขาทั้งหมด
ในน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับวงเวทใหญ่พลันมีวังน้ำวนขนาดหมื่นเมตรใหญ่โตมหึมา ภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยางน้ำในน้ำวนถูกกันออกไปกลายเป็นช่องว่างที่ถูกสร้างขึ้น
หลังจากปราบพื้นที่ใต้น้ำแล้วลำแสงเจิดจ้าก็ฉายพุ่งทะลุขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าที่ใต้น้ำมีวงเวทอักขระรูนที่อยู่ใต้น้ำอย่างน้อยสิบกิโลเมตร นี่ไม่ใช่ส่วนแยกของวงเวทยักษ์ในท้องฟ้า แต่เป็นทางเข้าโบราณที่คงอยู่ในตัวของมันเองและเป็นอิสระในตัวมันเองนอกเหนือจากวงเวทยักษ์ในท้องฟ้า
เย่ว์หยางนึกไม่ออกเลยว่านักสู้ระดับไหนถึงทำได้ขนาดนี้
สถานที่สร้างนี้ไม่ด้อยไปกว่าผนึกหลุมดำเลย
ละเอียดอ่อนเกินบรรยาย
“ท่านจะเข้าไปตอนนี้หรือไม่?” หลิวเย่ตื่นเต้นมาก ก่อนที่เย่ว์หยางจะผสานและดูดซับพลังงานวงเวทยักษ์ในท้องฟ้าคัมภีร์อัญเชิญของเขาเลื่อนเป็นคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็น่าทึ่งพอแล้ว ตอนนี้ค้นพบทางเข้าโบราณ จะมีสมบัติแบบไหนรออยู่ในทางเข้าโบราณ? ในทางเข้าโบราณนี้จะตรงไปยังตำหนักน้ำในตำนานหรือไม่?
“รอเดี๋ยว, เจ้าเข้าไปกันสองคน เสี่ยวเหวินหลีและตั่วตั่วตามข้ามา!” สาวกิเลนปิงหยินจู่ๆ ก็ออกมาและยิ้มพาเสี่ยวเหวินและตั่วตั่วแยกออกมา ไม่จำเป็นต้องพูด นางต้องการพาทั้งสองเข้าไปในคัมภีร์เทพ ไม่ใช่แค่เพียงเสี่ยวเหวินหลีและสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงเท่านั้น ดูเหมือนว่าตั่วตั่วก็ได้รับคุณสมบัตินี้ด้วย
“......” ปิงหยินน่าสงสัย สาวน้อยนี้ออกมาอยู่ต่อหน้าขุมสมบัติอย่างนี้หรือ? เย่ว์หยางขมวดคิ้วสงสัย
“ก็ได้ ไปเถอะ” หลิวเย่ไม่ได้คิดอะไรมาก
ทางเข้าขุมทรัพย์นี้อยู่ข้างหน้า และสาวกิเลนปิงหยินไม่เร่งรัดเข้าไปฉวยเอา
มีความน่าจะเป็นหลายอย่าง ประการแรก ไม่มีอะไรที่นางสนใจ ประการที่สองนางแอบเข้ามาในช่วงที่เขาหลับไปสามวัน ประการที่สามทางเข้าโบราณนี้ ไม่อาจเข้าไปได้ง่ายๆ ต่อให้มีทางเข้าก็มิใช่จะเข้าไปเอาสมบัติได้ง่ายๆ คาดว่าส่วนใหญ่คงได้แต่มองดูด้วยความเสียดาย ดังนั้นสาวกิเลนปิงหยินจึงไม่ต้องการเสียเวลาและสิ้นเปลืองพลังงาน
ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้แบบไหนล้วนส่งผลกระทบต่อจิตใจเย่ว์หยาง
ช่างเถอะ หวังว่าจะเป็นข้อแรก หรือไม่ก็ข้อสอง!
เย่ว์หยางจับมือหลิวเย่บินเข้าไปในลำแสงพลังงาน ในเมื่อเขาเข้ามาถึงหน้าประตูแล้วไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่เข้าไปสำรวจดู ถ้าทำอะไรไม่ได้ก็ทำลายซะ เขาจะไม่ยอมให้พวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เอาไปใช้ประโยชน์ต่อรอง!
ด้วยความคิดที่เห็นแก่ตัวเย่ว์หยางกระโจนเข้าไปในลำแสงพลังงาน
ในทันใดนั้นมีพลังกฎสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งทั้งสองคนมิอาจต้านทานได้ทั้งเย่ว์หยางและหลิวเย่ต้องตะลึงเมื่อพบว่าพลังกฎสวรรค์นี้เป็นพลังชนิดปลดอาวุธ อาวุธของทั้งสองคนและชุดเกราะรบถูกปลดแยกออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางมือไวตาไวคว้าสมบัติเหล่านั้นกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ได้แล้วเกรงว่าพลังกฎสวรรค์นั้นจะโยนสมบัติอาวุธออกไปจนเลยสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็เป็นได้
ยกเว้นอาวุธและเกราะรบทุกอย่างในร่างรวมทั้งแหวนเก็บสมบัติไม่ตกอยู่ใต้บังคับของกฎนี้
เย่ว์หยางและหลิวเย่ใช้ความรวดเร็วสุดชีวิตเก็บสมบัติสำคัญทันที
ส่วนเสื้อผ้านั้นสายเกินกว่าจะรวบรวมเก็บได้มันหายไปด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตามเปล่า พลังกฎสวรรค์นี้ไม่ได้ทำอันตราย แต่คืนค่าให้ทั้งสองอยู่ในสภาพดั้งเดิม
พลังกฎสวรรค์นี้ไม่ทำร้ายผู้คน แต่ปฏิเสธทุกอย่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมบัติต่างๆอาวุธชุดเกราะจะถูกจำกัดโดยกฎสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด...เย่ว์หยางพูดไม่ออก กฎสวรรค์นี้ไม่ใช่เป็นกฎห้ามการต่อสู้ แต่เป็นเพียงการปลดอาวุธผู้ที่เข้ามาเท่านั้นแล้วทำไม ทำไมถึงไม่เหลือเสื้อผ้าไว้สักชิ้นเล่า? ถ้าเขามาล่าสมบัติกับนางเซียนหงส์ฟ้าหรือราชันย์ปีศาจใต้ ก็คงจะไม่เป็นไร แต่นี่เขามากับหลิวเย่
โชคดีที่ไม่ได้มากับปิงเอ๋อหรือพี่เย่ว์หวี่ มิฉะนั้นคงน่าอายมากยิ่งกว่า
เย่ว์หยางยังคงจับมือหลิวเย่ แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าอยู่ในสภาพเปลือยเต็มที่และส่งผลต่อภาพพจน์ของเขาเล็กน้อย แต่เขาไม่คิดจะปล่อยมือสาวน้อยง่ายๆ
หลิวเย่เขินอายหน้าแดงจนถึงคอ
เพราะนางยังมีพลังอ่อนแอจึงต้องให้เย่ว์หยางจูงมือนำหน้านาง ดังนั้นนางแน่ใจได้ว่าจะไม่บินออกนอกลำแสงพลังงานเหลือแต่มือข้างที่ไม่รู้จะปกปิดร่างกายทั้งหมดได้อย่างไร นางข่มความอายและลังเลว่าจะยอมให้เขาจูงมือนางต่อหรือไม่ นี่เป็นโอกาสเสี่ยงอันตรายร่วมกับเขาตามลำพัง นางไม่ต้องการแสดงความขลาดเขลา... ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ตามต่อให้ขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นบน นางก็มุ่งมั่นจะตามเขาไป
ถ้านางหนีเขาตอนนี้ นางจะมีคุณสมบัติอะไรพอติดตามเขาไปสุดหล้าฟ้าเขียวได้
หลิวเย่เม้มปากข่มความอายในใจ
นางต้องการร่วมมือกับเขาเอง!
ดังนั้นนางจึงหนีไม่ได้!
นางฝึกฝนการใช้กวางทะลุมิติฝึกฝนเทเลพอร์ตมานานแล้วแต่ยังไม่ได้แสดงบทบาทอะไร นางจะหนีช่วงเวลาที่นางต้องการมากที่สุดได้อย่างไร?
เจ้าต้องพยายามให้มากหลิวเย่! เจ้าต้องกล้าเข้าไว้!
“ข้า ข้า ไม่เป็นไร!” หลิวเย่ก้มหน้าจนปากแทบชิดถึงหน้าอก แต่นางไม่ต้องการปล่อยมือเย่ว์หยาง
“กฎสวรรค์และพลังงานในที่พังๆ บ้าบอนี่ น่ารำคาญจริงๆอย่างไรก็ตามทุกอย่างในโลกไม่สามารถเอาชนะเราได้!” เย่ว์หยางแสร้งทำเป็นไม่เห็นร่างเปลือยขาวผ่องปานหิมะเขาพานางล่องไปตามลำแสงพลังงานผ่านทางเข้าโบราณไปพร้อมกับนาง เขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรรออยู่ข้างหน้า แต่ในเมื่อเขาพาสาวน้อยมาด้วยแล้วเขาจะให้นางได้พบเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าเต็มที่ ก็แค่ความเสี่ยงในการผจญภัย ในใจของเด็กหนุ่มจากมิติอื่นจะพูดออกมาหรือ?
“ฮืม..” หลิวเย่ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล
แน่นอนว่านางจะไม่ปล่อยมือเขาไปตลอด
ตราบเท่าที่นางเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายร่วมกับเขานางไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องอึดอัดน่าอาย
การเผชิญสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่านางจะควบคุมได้ ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนางจะต้องเอาชนะความยากลำบากร่วมกับเขาให้การสนับสนุนที่ดีที่สุดแก่เขา นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด
หลิวเย่ว์ตื่นเต้นในใจ
จนลืมปกปิดความอาย
นางชูมือมุ่งมั่นบอกกับเย่ว์หยางว่านางจะพยายามให้หนัก!
เย่ว์หยางแสร้งทำเป็นไม่เห็นแต่ลอบกลืนน้ำลายคิดว่าสาวน้อยนี้เปิดเผยร่างกายที่งดงามอย่างนี้ นี่นับว่าเป็นกำไรชีวิตของเขาจริงๆ