ตอนที่ 1030 คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ โลกก็เป็นของเรา
เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขามีช่วงเวลาฝันที่เนิ่นนาน
ในฝันมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น เขาเห็นผู้คนมากมาย สิ่งมีชีวิตบางอย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อน สิ่งมีชีวิตบางอย่างซึ่งไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่รายล้อมอยู่รอบตัวเขา โลกแห่งความฝันนี้เป็นโลกที่น่าทึ่งเหลือเชื่อ แม้จะเอาภาษาทั้งโลกมาอธิบาย ก็ไม่สามารถทำได้
ในโลกแห่งความฝัน เขารู้สึกว่าเขาอยู่ข้างๆ เด็กหญิงสองคน
พวกเธอยังเด็กและซุกซน
พากันกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างสตรีสูงศักดิ์ ที่ไม่ต้องการจะหยุดการละเล่นสนุกของเธอ
มีหญิงสาวที่ดูคล้ายหญิงสาวสูงศักดิ์ยืนอยู่ข้างนางอย่างเงียบๆนางไม่พูดอะไร ไม่ว่าหญิงสาวสูงศักดิ์เดินไปทางไหน นางจะติดตามเหมือนเงาตามตัวหากนางมองกลับมาทางเขา นางจะยิ้มให้เขาโดยไม่พูด
มีคนหลายคนในโลกแห่งความฝัน คนเหล่านี้คล้ายคุ้นเคย คล้ายไม่คุ้นเคย แต่ไม่สามารถระบุเรียกชื่อได้
คนเหล่านี้ทั้งบุรุษและสตรีเดินเคียงข้างกันโดยไม่หยุด พวกเขาไม่สนใจคำถามคำทักทายของเย่ว์หยางและเมื่อเผชิญหน้าพวกเขา พวกเขาก็ผ่านไปโดยไร้รอยยิ้มโดยไม่หยุดพูดคุยจากนั้นจางหายไปด้านหลังเขา สิ่งมีชีวิตหายากมากมายที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเดินวนเวียนรอบๆ เย่ว์หยางบ้างก็บินอยู่เหนือศีรษะเขา บ้างก็ไล่กวดกัน สิ่งมีชีวิตในฝันนั้นส่วนใหญ่เชื่องและเป็นมิตรตัวที่เชื่องและมีเมตตาจะยิ่งแข็งแกร่งสวยงาม
น้อยนักที่แข็งแกร่งแล้วจะดุร้าย
แต่ทันทีที่เกิดการต่อสู้ขึ้นก็จะถูกเนรเทศออกสถานที่ที่ไม่รู้จักนี้
โลกในความฝันนี้ดูเหมือนเป็นโลกที่มีรายละเอียด ไม่อนุญาตให้ใช้กำลังกันอย่างง่ายดายตามอำเภอใจ
“นั่นคืออัญมณีสร้างโลกของข้าไม่ใช่หรือ?” ในโลกแห่งความฝัน เย่ว์หยางพบโดยบังเอิญว่าอัญมณีสร้างโลกที่อยู่ข้างหน้าเขาแตกกลางอากาศและดูดซับพลังงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อเย่ว์หยางก้าวเข้าไปอยู่ในมิติว่างที่แตกสลายเขาต้องรู้สึกประหลาดใจกับความใหญ่โตของมัน มิติว่างที่แตกสลายใหญ่โตเกินจินตนาการมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสรู้ด้วยจิตวิญญาณ
เขารู้สึกว่ามิติว่างที่แตกสลายนี้ถ้าถือว่าทวีปมังกรทะยานเป็นจุดๆหนึ่ง อย่างนั้นสามารถใส่จุดลงไปได้นับสิบล้านหรือร้อยล้านจุด
เขาเข้าไปในมิติว่างที่แตกสลาย
เย่ว์หยางยิ่งพบความน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่า นอกจากมิติว่างแตกสลายแล้ว มีจุดอยู่ทุกที่ในโลกแห่งความฝันแต่ขนาดแตกต่างออกไป มีทั้งที่ใหญ่กว่าและเล็กกว่ามิติว่างที่แตกกระจาย หากดูจุดที่นับไม่ถ้วนเหล่านี้จากระยะไกลจุดเหล่านั้นจะกระจุกรวมตัวเป็นบอลแสง สามารถยืดขยายได้ เมื่อขยายไปถึงขีดจำกัด แสงทรงกลมเหล่านี้จะถูกรวมเข้าเป็นทะเลแสงขยายออกไปไม่มีที่สุด
ไม่มีทางอื่น ยกเว้นต้องเจียมตนและทำตัวเล็กน้อย เย่ว์หยางไม่มีทางแสดงความรู้สึกอื่น
อย่าว่าแต่คนๆ เดียวเลยต่อให้เป็นโลกเทียบกับระบบขนาดใหญ่อย่างนั้นก็ยังเล็กเหมือนเม็ดทราย
มีจุดแสงที่มากกว่าเม็ดทราย..บอลแสงที่เกิดจากจุดแสงนับไม่ถ้วน และทะเลแสงที่เกิดจากบอลแสงอีกนับไม่ถ้วน...ทุกอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายใน หากเพ่งมองสถานที่หนึ่งเย่ว์หยางจะพบว่าบางจุดแสงหรือบางบอลแสงคล้ายกับอักขระรูนโบราณส่วนบอลแสงและทะเลแสงกลับมองดูคล้ายอักขระรูนอมตะในตำนาน
(จุดแสง = ดาว, โลก, บอลแสง = จักรวาล, ทะเลแสง = ทางช้างเผือก)
เมื่อเย่ว์หยางเข้าใจและเข้าถึงจุดนี้แล้วโลกที่ยิ่งกว่าเม็ดทรายพลันพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางทั้งหมด
ความรู้นับไม่ถ้วนและพลังงานมากมายพรั่งพรูเข้ามาในมิติว่างกระจัดกระจายที่เย่ว์หยางอยู่
ทันใดนั้นมิติว่างทั้งหมดถูกบรรจุจนเต็ม
เย่ว์หยางรู้สึกเจ็บปวดในหัว ปานว่าหัวแทบระเบิด
แม้เมื่อก่อนหน้านี้เขาได้รับตกทอดความรู้แต่ก็ไม่มีความรู้สึกรุนแรงจนหัวแทบระเบิดในทันทีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือสมองเย่ว์หยางสามารถรองรับความรู้ตกทอดจากพี่สาวแม่สี่และสำนึกเทพจากโลกพฤกษา ก็ยังแทบไม่สามารถทนได้แม้แต่สองสามวินาที เย่ว์หยางประมาณการว่าความสามารถของบอลแสงมากมายอาจระเบิดตัวเขาเองได้ แต่มีบอลแสงนับไม่ถ้วนและทะเลแสงอีกมากมาย...เย่ว์หยางตกใจหนัก ถ้ายังคงเป็นอย่างนี้ต่อไปชีวิตของเขาจบสิ้นแน่
อัญมณีสร้างโลกที่อยู่ในมือพลันส่องแสงระยิบระยับทันที
มันซึมซับพลังงานและความรู้ไร้ขีดจำกัดที่ท่วมท้นเข้ามาไว้แทนเย่ว์หยาง
ทั้งยังมีคัมภีร์อัญเชิญไม่ทราบว่าลอยออกมาเองตั้งแต่เมื่อใดอสูรโลกยังคงดูดซับพลังงานและความรู้อย่างบ้าคลั่งทั้งย่อยสลายและเติบโตก้าวหน้าด้วยความเร็วที่น่าตระหนกเห็นได้ด้วยตาเปล่าที่ด้านหลังเย่ว์หยางดูเหมือนจะอีกบางสิ่งที่ซึมซับความรู้และพลังงานเข้ามาในร่างเย่ว์หยาง แต่เย่ว์หยางไม่สามารถค้นหาพบ นั่นคืออะไร? สมบัติวิเศษ? อสูรพิทักษ์? ไม่, บางทีอาจเป็นคัมภีร์อัญเชิญเล่มที่สองที่เขาไม่เคยอัญเชิญได้สำเร็จ คัมภีร์เทพฤทธิ์ที่เขาเห็นด้วยตนเอง!
ใช่แล้ว มันกำลังเปลี่ยนแปลงความกดดันที่ตัวของเขา
เย่ว์หยางต้องการหันกลับไปดู
อย่างไรก็ตามแรงกดดันจากจากการหลอมรวมภายในครั้งใหญ่ทำให้เขากระพริบตายังไม่ได้อย่าว่าแต่หันหน้าไปมอง
ภายใต้แรงกดดันจนร่างแทบระเบิด แม้ว่าจะมีการเบี่ยงเบนแบ่งเบาไปได้แต่แรงกดดันก็ยังเหลือเชื่อ สติสัมปชัญญะของเย่ว์หยางค่อยๆ ดับลงไม่ต้องพูดถึงการรับพลังงานและความรู้จากทะเลแสงและบอลแสงนับไม่ถ้วน ที่สำคัญบอลแสงลูกหนึ่งก็มีจุดแสงคงอยู่ยิ่งกว่าเม็ดทราย แต่ละจุดแสงขนาดเท่ากับโลกมิติว่าง “ทำไมข้าถึงทำอย่างนี้? ทำไมถึงยอมรับการหลอมรวมภายในจากพลังงานและความที่อยู่ในบอลแสงและทะเลแสงนับไม่ถ้วน?”
เย่ว์หยางไม่อาจเข้าใจได้
ชั่วขณะก่อนที่เขาจะหมดสติเขารู้สึกว่ามีมือข้างหนึ่งกดลงที่ศีรษะของเขา
มีพลังงานอ่อนหยุ่นพุ่งเข้ามาในจิตวิญญาณของเขาความรู้สึกนั้นเหมือนช่วยให้เย่ว์หยางเปิดสมองทันทีและขยายความสามารถของขอบเขตสมอง ทำให้ความรู้สึกปวดสมองบรรเทาเบาบางลง
ใครกัน?
ใครช่วยเขา?
เมื่อจิตสำนึกของเขารู้สึกสายเกินกว่าจะคิดเย่ว์หยางหมดสติทันที
กระทั่งเขาตื่นขึ้นและลืมตาเขาพบว่าตนเองนอนอยู่ในอ้อมแขนหลิวเย่ นางกำลังร่ำไห้อย่างหนัก
ในท้องฟ้าลายถักทอแสงด้านบนยังคงมีอยู่แต่แกนกลางพลังงานหายไปแล้ว เหมือนกับว่าไม่เคยมีปรากฏมาก่อน นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงนี้เย่ว์หยางยังรู้สึกว่าอาณาจักรจิตวิญญาณในตัวของเขาอัญมณีสร้างโลกวิ่งไปอยู่ในที่แห่งหนึ่ง และดูเหมือนว่ามันจะมาพร้อมกับโลกที่ไม่ใช่มิติว่างพังทลายอีกต่อไป
ในนั้นเขาไม่รู้ว่าโลกที่ว่างเปล่านั้นกำลังเยียวยาตนเองอย่างช้าๆ แต่ส่วนที่แตกหักพังทลายลดจำนวนลง
เขาไม่รู้ว่าพลังปั่นป่วนถูกเก็บอยู่ที่นั่นอย่างเงียบงัน
ที่นั่นใหญ่มากจนเย่ว์หยางไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ
เพราะกลัวว่าเคลื่อนไหวโดยพลการจะไปกระทบกลไกที่น่ากลัวส่งผลกระทบกระเทือนเลวร้ายยิ่งกว่าโลกถล่ม...มีพลังงานปั่นป่วนมากมาย มีทั้งโลกมิติว่างที่พังทลายขนาดใหญ่ และการรวมกันอยู่ของความคิดและจิตวิญญาณ เขาไม่ทราบว่าเมื่อมันมีวิวัฒนาการมาจากอัญมณีสร้างโลกเป็นวิวัฒนาการสมบัติระดับเทพ เย่ว์หยางมีความรู้สึกทันทีเขาเป็นผู้สร้างโลกนี้ตราบใดที่เขาพอใจเขาสามารถใช้พลังปั่นป่วนสร้างทุกอย่างได้ตลอดเวลา
เพียงแต่น่าเสียดายที่เย่ว์หยางเองไม่มีความสามารถพิเศษในการครอบครองพลังงานปั่นป่วนนี้
ความรู้สึกนี้เหมือนกับเด็กเล็กที่เปิดโกดังสินค้าและพบว่าเขาเป็นเจ้าของทองคำสูงเป็นภูเขาเลากามากกว่าน้ำในทะเล และเขาสามารถสร้างวังทองคำได้ทุกเมื่อ แต่ตัวเขายังไม่สามารถสร้างได้เพราะเขายังเล็กและอ่อนแอ
“ตอนนี้ปล่อยไปก่อน สักวันก็คงได้” เย่ว์หยางมักมองโลกในแง่ดีเสมอ
“ท่านตื่นแล้วหรือ?” หลิวเย่ในตอนนี้ค่อยรู้สึกตัวว่าเย่ว์หยางตื่นอยู่ในอ้อมแขนของนางนางตกใจร้องลั่น “ท่านไม่รู้ว่าข้าห่วงแค่ไหน ข้ากลัวแทบตาย...”
“ข้าหลับไปหลายวันหรือ?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าร่างกายของเขาไม่เหมือนเดิมแต่เขาไม่สามารถบอกได้โดยเฉพาะเจาะจงในขณะนั้น
“สามวัน! ท่านหลับไปสามวัน ไม่ว่าจะปลุกเรียกอย่างไรก็ไร้ผล ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเหวินหลีและตั่วตั่วอยู่ด้วยและแม่นางปิงหยินบอกว่าท่านไม่เป็นอะไร และบอกข้าไม่ให้เคลื่อนไหวโดยพลการ ข้ากลับไปหาจักรพรรดินีเทียนฟาและนางบอกว่ารู้สึกผิด” หลิวเย่เดี๋ยวร้องเดี๋ยวหัวร่อแต่เมื่อนางเห็นเย่ว์หยางฟื้นขึ้นมาอีกครั้งนางคิดว่าดีกว่าอะไรทั้งหมด นางรู้ว่าการล่าขุมทรัพย์เป็นอันตรายอย่างยิ่งนางไม่เห็นด้วยที่เย่ว์หยางจะไล่ล่าขุมทรัพย์โบราณแม้ว่านางจะมากับเขาแต่นางไม่เห็นด้วยที่เขาจะบุกเข้าไปยังแกนกลางพลังงานของอักขระรูนโบราณ
“ฮะฮะโง่ไปได้ ข้ามีวิธีทำได้ ก็แค่หลอมรวมเข้ากับอักขระรูนโบราณแล้วก็หลับไปเท่านั้น!” เย่ว์หยางหัวเราะอย่างสบายๆ และยื่นมือลูบศีรษะหลิวเย่เบาๆเช็ดน้ำตาที่หน้านาง
“ก็ข้าห่วงมากจริงๆนะ!” หลิวเย่อายและขอโทษเบาๆ
รอจนเย่ว์หยางลุกขึ้นนั่งก็พบว่าร่างของเขามีอักขระรูนโบราณนับไม่ถ้วนกระพริบแสง
ความฝันทั้งหมดเป็นจริงหรือ?
หรือว่าร่างกายของเขากลืนแกนพลังงานอักขระรูนโบราณที่ทอกันเป็นชั้นๆ? คนเหล่านั้นและสิ่งที่เขาพบในความฝันเป็นความทรงจำประวัติศาสตร์ในยุคโบราณ
สาวกิเลนปิงหยินนางต้องปรากฏตัวแน่ สองพี่น้องหงส์เพลิงดูเหมือนจะปรากฏ
เทพธิดากระบี่ฟ้าดูเหมือนจะใช้ปราณกระบี่ช่วยเขา?
เย่ว์หยางไม่แน่ใจ!
นอกจากนี้อัญมณีสนามพลังสร้างโลกและคัมภีร์อัญเชิญและคัมภีร์เทพฤทธิ์ที่อยู่เบื้องหลังเขาเล่า?
ในที่สุดใครคือคนที่กดมือลงที่กระหม่อมเขาเพื่อเปิดพลังสมองก่อนเขาจะหมดสติไป?
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด จริงหรือเท็จ?
เย่ว์หยางยิ่งสับสนมากขึ้นทุกขณะ แต่ด้วยนิสัยคร้านที่จะคิด เขาจะไม่คิด สักวันความจริงจะปรากฏ
คัมภีร์เทพฤทธิ์เรียกออกมาไม่ได้ในสภาพที่เย่ว์หยางมีสติสมบูรณ์อัญมณีสร้างโลกระดับเทพก้าวหน้าในระดับใหม่มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่อย่างชัดเจน แต่เขาเห็นโลกมิติว่างที่แตกพังบรรจุเก็บไปด้วยพลังปั่นป่วน เย่ว์หยางมองเห็น แต่ไม่กล้าลงมือโดยพลการ เขากลัวว่าเมื่อเคลื่อนไหวแล้วจะควบคุมบังคับไม่ได้
สิ่งเดียวที่เขาสามารถนำออกมาดูได้ก็คือคัมภีร์อัญเชิญของเขาเอง
เรื่องที่เกิดขึ้นในฝันจริง หรือเท็จ?
เย่ว์หยางเหยียดมือและนึกเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมา ผลก็คือเกิดแสงสว่างเจิดจ้าหลากสีสันคัมภีร์อัญเชิญที่ลอยอยู่เปล่งรัศมีเจิดจ้าหลากสีสัน “คะ คัมภีร์..ชั้นศักดิ์สิทธิ์?” เย่ว์หยางตะลึงมองดูคัมภีร์อัญเชิญของตนคล้ายคุ้นเคย คล้ายไม่คุ้นเคย
คัมภีร์อัญเชิญของตัวเขาเองพัฒนาเปลี่ยนไปเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เมื่อใด?
เย่ว์หยางไม่รู้เลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้มองดูคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาเอง คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดินีฟ้าหลังจากที่นางตายจื้อจุนที่เอาชนะนางได้หลอมรวมคัมภีร์ตนเองกับคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดินีฟ้าเลื่อนคัมภีร์ของนางเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์แทน คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวปีศาจโบราณ คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของซิวคงคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของหมิงเยี่ยกวง พวกสามจอมภพแดนสวรรค์ และช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวสุริยาขณะที่เย่ว์หยางได้เห็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีหลายครั้ง แต่ก็ไม่เหมือนกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ออกมาอย่างกะทันหันเขาอาจเข้าใจเอาเองว่านี่คือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ดั้งเดิมมิฉะนั้นอาจสงสัยว่านี่คือคัมภีร์เทพ!
พลังของคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์นี้มากเกินไปหรือเปล่า?
ทันใดนั้นเย่ว์หยางอดปลื้มใจมิได้ ‘มีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือโลกก็เป็นของเรา’