บทที่ 15 ฮอตยิ่งกว่าดาราเกาหลี!
บทที่ 15 ฮอตยิ่งกว่าดาราเกาหลี!
วันต่อมา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เริ่มเรียนวิชาฝึกสัตว์อสูร.......
ภายใต้สายตาอิจฉาริษยาของนักเรียนคนอื่น ทำให้เฉินเหวินต้องเข้าไปทางด้านประตูหลัง....
วิทยาเขตหยูโช อยู่ติดกับวิทยาเขตทั่วไป และมีพื้นที่เล็กกว่าวิทยาเขตทั่วไปเล็กน้อย แต่มีสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่และอาคารเรียนอีกหลายอาคาร
อาคารเรียนมีห้องพยาบาล ห้องต่อสู้ ห้องฝึกอบรม และห้องอื่นๆ เพื่อทำการเรียนการสอนแก่บีสมาสเตอร์อีกหลายระดับ ซึ่งการซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นต้องใช้เงินมหาศาล
อย่างไรก็ตาม วิทยาเขตขนาดใหญ่ดังกล่าวทำการเรียนการสอนแก่บีสมาสเตอร์เพียงสองห้องเท่านั้น
เฉินเหวินรู้สึกภูมิใจที่เขาสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐได้ เพราะถ้าเขาไปเรียนโรงเรียนเอกชน ครอบครัวของเขาจะต้องเสียค่าเล่าเรียนมากกว่า 100,000 หยวนต่อปีอย่างแน่นอน
ขอบคุณประเทศ! ขอบคุณรัฐบาล!
ヽ(▽)ノ
ในระหว่างเดินเข้ามานั้นเขาแทบไม่เจอเพื่อนโรงเรียนเก่าที่รู้จักเลย เขาจึงเดินเข้ามายังห้องเรียน "ชั้นเรียนฝึกสัตว์อสูรปีสอง"
ซึ่งมันแตกต่างจากห้องเรียนทั่วไป คือห้องเรียนของชั้นเรียนบีสมาสเตอร์นั้นกว้างขวางมาก และมีพื้นที่สำหรับสัตว์อสูรอยู่ข้างที่นั่ง ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะเรียนไปด้วยกัน
เมื่อเข้าไปในห้องเรียน เฉินเหวินก็มองไปรอบๆ
ขณะนี้มีคนจำนวนมากอยู่ในห้องเรียนแล้ว นอกจากนักเรียนที่สวมชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมต้นอันดับ 1 แล้ว ก็ยังมีสัตว์อสูรอีกจำนวนมากเดินกันขวักไขว่
ชั่วขณะหนึ่ง ภาษามนุษย์และภาษาสัตว์ปะปนกัน เสียงดังอื้ออึง!
นักเรียนส่วนใหญ่รวมตัวกันที่ด้านหลังซ้ายในขณะนี้ ราวกับว่าพวกเขาต่างกำลังเฝ้าดูสัตว์อสูรที่มีศักยภาพของคนอื่น
แม้ว่าเฉินเหวินก็สนใจเช่นกัน แต่เขาพยายามมองหาเหอเซิ่งก่อน
ในที่สุดเขาก็เหลือบไปเห็นเหอเซิ่งนั่งอยู่แถวสุดท้ายทางด้านขวา...... จากนั้นเขาก็ทำการเรียกอาโปออกมา.....
เขาไม่รู้ว่าจะหาเก้าอี้ที่ไหนให้อาโป เพราะส่วนใหญ่เก้าอี้จะมีเจ้าของกันหมดแล้ว
เมื่อเห็นว่ายังมีที่ว่างข้างๆ เหอเซิ่งอยู่ตัวหนึ่ง เฉินเหวินจึงเดินไปพร้อมกับกระเป๋านักเรียนบนหลังของเขา
เมื่อเห็นเฉินเหวินกำลังเดินมา เหอเซิ่งซึ่งกำลังนั่งกอดสัตว์อสูรของเขาอยู่บนตัก และพูดว่า "เฮ้..เฉินเหวิน นายก็เอาเจ้าหมีน้อยนั่งบนตักสิ!"
เฉินเหวินยกเก้าอี้และถามด้วยความประหลาดใจ "ของนายก็หมีงั้นเหรอ?"
เหอเซิ่งชี้ไปที่ลูกหมีสีน้ำตาลและพูดว่า: "เดิมทีฉันอยากจะเรียกมันว่า"เจ้าหมีผู้ยิ่งใหญ่" แล้วสักวันนายเองก็จะต้องเรียกฉันว่
า"พี่เหอเซิ่งผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน คอยดู........."
เฉินเหวินรีบโบกมือและพูดว่า "เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!"
“นายอิจฉาฉันเหรอ!”
เหอเซิ่งมองเฉินเหวินเชิดและพูดว่า "มันแน่นอนอยู่แล้วเพื่อน มันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ฉันจึงตั่งชื่อมันว่าเซิ่งเอ๋อ....."
"ในกรณีนี้…"
เฉินเหวินแตะคาง แสดงรอยยิ้มขี้เล่นและพูดว่า"เอาละ ๆต่อจากนี้ไปฉันจะเรียกนายว่า พี่เหอเซิ่งผู้ยิ่งใหญ่พอใจมั้ย เพื่อที่ฉันจะได้เป็นเพื่อนกับเซิ่งเอ๋อ"
“เจ้าเบื๊อก! นายต้องเรียกฉันด้วยความเต็มใจสิ ไม่ใช่เพราะอยากมันเพื่อนกับหมีของฉัน!”เหอเซิ่งเสียงแข็งตะคอก
ขณะที่พูด เหอเซิ่งก็ผลักเฉินเหวินโดยไม่รู้ตัว!
เหอเซิ่งรู้สึกเสียใจทันทีที่เขาทำเช่นนั้น....
เนื่องจากความแข็งแกร่งของเฉินเหวินเพิ่มมากขึ้นหลังจากการทำพันธสัญญาเมื่อวานนี้ ดังนั้นการผลักแค่นี้จึงไม่สามารถทำให้เขาลงไปกองบนพื้นได้! เหอเซิ่งถึงกับตกตะลึง เพราะด้วยรูปร่างอันใหญ่โตของเขาที่ผลักเฉินเหวินอย่างเต็มแรงจะไม่ทำให้เฉินเหวินเซเลยแม้แต่น้อย....
จากนั้นเหอเซิ่งจึงใช้มือขวาผลักเฉินเหวินเต็มแรงอีกครั้ง.....
แต่ทว่า.....เฉินเหวินเพียงแค่แกว่งตัวไป มาเล็กน้อยจากนั้นก็ยืนนิ่ง!
เหอเซิ่งพูดด้วยความประหลาดใจว่า: "ฉันเองก็มีพละกำลังเพิ่มมากขึ้นหลังจากทำพันธสัญญาเช่นกัน แต่ทำไมฉันถึงผลักนายไม่ล้ม!"
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เฉินเหวินยิ้มและพูดว่า "เอาน่ะ...นายเองก็ทำพันธสัญญากับเจ้าหมีน้อยเช่นเดียวกับฉัน หากมันโตขึ้น ร่างกายนายก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน"
เหอเซิ่งพยักหน้าและพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น: "ไหนนายลองเรียกเจ้าหมีกินเหล็กของนายมาดูซิ!"
"อืม...ได้สิ!"
เฉินเหวินพยักหน้าและเรียกอาโปทันที
ทันใดนั้น....มีลำแสงสว่างวาบ ปรากฎขึ้นบนโต๊ะเรียนของเฉินเหวินทันที
จากนั้นก็ปรากฎร่างของอาโปลูกหมีแพนด้าน้อยหน้าตาน่ารัก
มันมีขนสีขาวราวกับปุยนุ่น มีแต้มสีดำที่ดวงตาจึงทำให้มันดูง่วงนอนตลอดเวลา บวกกับพุงป่อง ๆขาว ๆ หน้ากลมๆ ของมัน
ดังนั้นทันทีที่อาโปปรากฎตัวขึ้น มันจึงดึงดูดความสนใจของฝูงชนในชั้นเรียน...
โดยเฉพาะสาวๆ หลายคนตาลุกวาว.....
จากนั้นฝูงชนที่อยู่ด้านหลังก็ต่างวิ่งกรูกันอย่างเร่งรีบเพื่ิอเข้าไปมุงดู
"อ่า~ น่ารักจัง ฉันชอบ!"
"สัตว์อสูรชนิดนี้คือตัวอะไร ทำไมฉันไม่เห็นมันเมื่อวานนี้"
"มันคือตัวอะไร~"
"ฉันอยากได้อ่ะ!"
"เจ้าตัวนี้ชื่ออะไรอ่ะฉันอยากได้บ้าง?"
"..."
เหอเซิ่งมองไปที่สาว ๆที่มาห้อมล้อมเฉินเหวิน จากนั้นเขาก็วางเซิ่งเอ๋อ ลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็รีบย้ายโต๊ะออกจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปที่เฉินเหวินที่อยู่ในรายล้อมของสาว ๆ เหอเซิ่งตบที่หน้าอกตัวเองเบา ๆแล้วพูดว่า "น่ากลัวจัง! ดีนะที่ฉันขี้เหร่ ไม่งั้นต้องตกในสภาพนั้นแน่เลย มันน่ากลัวมาก"
เซิ่งเอ๋อแหงนหน้ามองเหอเซิ่งอย่างงง ๆ จากนั้นมันก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ
ในช่วงกลางของห้องเรียน หลีซิ่วหยูมองย้อนกลับไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นมองไปทางอื่น และเธอยังคงแสดงศักยภาพของสุนัขอัคคีของเธอต่อไป
ฟู่หยุนเฟยซึ่งแต่เดิมกำลังถูกห้อมล้อมของฝูงชน ก็ได้แต่ยืนเฝ้าดูเพื่อนร่วมชั้นของเขาแยกย้ายกันไปอย่างเร่งรีบเพื่อไปมุงดู
เฉินเหวินต่อ จากนั้นเขาเผยรอยยิ้มอันเยือกเย็นบนใบหน้าทันที....
ฮู่กวาน ที่อยู่ข้างๆ เขาถามด้วยความสับสน: "พี่เฟย เจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นคืออะไร ทำไมฉันถึงไม่เคยอ่านเจอในตำราเรียน"
“ฉันจะไปรู้เรื่องสัตว์ขยะแบบนั้นได้ยังไง” ฟู่หยุนเฟยเสียงแข็งตอบ
เมื่อได้ยินฟู่หยุนเฟยพูดด้วยอารมณ์โมโห ทำให้ฝูงชนต่างก็หันหลังให้แล้วเดินจากไป.....
อย่างไรก็ตามฮู่กวานกับฟู่หยุนเฟยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยวัยเด็ก จึงมีความสนิทสนมกันพอสมควร
ฮู่กวานถาม: "มันเป็นใคร มันมีอะไรน่าสนใจ? หรือมันจะมีสัตว์อสูรที่หายาก และไม่ธรรมดากันแน่!”
เด็กชายสองสามคนที่อยู่ด้านข้างก็ส่งเสียงต่ำเช่นกัน
"ใช่มันต้องไม่ธรรมดา!"
“ใช่! อย่าไปสนใจเลย หมีขาวดำมันจะทำอะไรได้อีกนอกจากน่ารัก ชักช้า อืดอาด”
"..."
บางคนต้องการประจบฟู่หยุนเฟย ในขณะที่บางคนไม่พอใจที่เฉินเหวินดึงดูดความสนใจของสาวๆ
อัตราส่วนของเพศชายต่อเพศหญิงในห้องเรียนของบีสมาสเตอร์นั้นไม่สมดุลกัน ซึ่งมีเด็กผู้หญิงเพียงสิบสาคน ส่วนเด็กชายมีถึงสิบห้าคน !
อีกด้านหนึ่งท่ามกลางในฝูงชน......
อาโปนั้นไม่กลัวคน แต่มันกลับกลัวฝูงชนที่กำลังรายล้อมรอบตัวของมัน มันเอามือปิดตาและขดตัวอยู่บนโต๊ะ เหลือแต่หางสั้นๆ ขยับไปมา
ด้วยเหตุนี้จึงมีเด็กสาวหลายคนที่พยายามลูบขนอันหนานุ่มของมัน อีกทั้งพยายามที่จะอุ้มมันให้จงได้
เมื่อมองไปที่ฝูงชนที่สั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น และเสียงกรีดร้องราวกับดาราเกาหลี เฉินเหวินไตร่ตรองว่าจะเรียกเก็บเงินค่าตัวอาโปดีหรือไม่?
ใครแตะห้าสิบ ใครถ่ายรูปร้อยหยวน....
ครอบครัวของเขาแม้ฐานะปานกลางแต่ก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังอะไร และเฉินเหวินเองก็รู้สึกว่าเขาต้องหาเงินพิเศษเพื่อไม่ต้องรบกวนพ่อแม่มากเกินไป และมิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถซื้อไผ่หยกวิญญาณที่ราคาค่อนข้างสูงได้ มิฉะนั้นมันจะทำให้การเติบโตของอาโปล่าช้า
เมื่อเฉินเหวินกำลังคิดว่าจะเก็บค่าถ่ายรูปอาโป ทันใดนั้น.... ครูชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับบัญชีรายชื่อ
ทันใดนั้นเสียงอันอื้ออึงของนักเรียนก็สงบลง และกลับไปนั่งที่อย่างเชื่อฟัง
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงระฆังก็ดังขึ้น และวิชาแรกของบีสมาสเตอร์ก็เริ่มขึ้น
ครูชายวัยกลางคนเคาะกระดานดำแล้วเขียนคำว่า "หลิว หมิงเฉิง" ลงไป
“ครูเป็นครูประจำชั้นของวิชาเฝ้าดูสัตว์อสูรของพวกเธอ และนี่คือชื่อของครู ในอีกสองปีข้างหน้า ครูจะสอนการฝึกสัตว์อสูรให้พวกเธอ”
หลังจากแนะนำตัวเอง สีหน้าของเขาก็จริงจัง
"ตอนครูเดินเข้ามาในห้องเรียนและเห็นพวกเธอเสียงดังและไม่เป็นระเบียบเลย !"
"ในชั้นเรียนทั้งหมด มีคน 28 คน และไม่มีใครนั่งประจำที่โต๊ะเพื่อทำสมาธิเลย พวกเธอคิดว่าการทำสมาธิไม่สำคัญหลังจากปลุกพรสวรรค์หรือ?"
"พลังทางจิตวิญญาณเป็นรากฐานของบีสมาสเตอร์"
“หากไม่มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าพวกเธอจะฝึกสัตว์อสูรหรือสั่งให้มันต่อสู้ มันก็จะไร้ซึ่งศักยภาพอย่างแท้จริง!”
“บางทีวันนี้พวกเธออาจจะดีใจที่ได้เจอทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ครูเข้าใจ แต่พรุ่งนี้พวกเธอจะต้องไม่เป็นเช่นนี้เข้าใจมั้ย?”
หลิว หมิงเฉิงมองฝูงชนด้านล่างด้วยสายตาที่จริงจัง แล้วพูดอย่างเย็นชา: "เพราะถ้าเรื่องแค่นี้พวกเธอยังทำไม่ได้ ครูยังมองไม่ออกเลยว่าพวกเธอจะมีโอกาสที่จะได้เป็นบีสมาสเตอร์หรือไม่ และถ้าเป็นเช่นนั้นก็จงอย่าใช้ทรัพยากรของประเทศให้สิ้นเปลือง!"
ทันใดนั้นทุกคนต่างก็เงียบลง!
หลังจากนั้น ครูหลิวเหมิงเฉิงก็ปล่อยให้นักเรียนได้ทำความรู้จักกัน......