ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 196 พักก่อนต่อสู้ (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 196 พักก่อนต่อสู้ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ดวงอาทิตย์ดับแสง ดวงจันทร์ส่องสว่าง ภายใต้แสงจันทร์ ชายหัวโล้นในชุดคลุมสีชมพูกำลังดื่มสุราอยู่กับชายที่ดูเหมือนหอคอยสีดำ
สุราเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการสร้างความใกล้ชิด
หลี่ฉิงซานดื่มสุราขณะนั่งอยู่ท่ามกลางเมล็ดข้าวที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ
ปีศาจกิ้งกือดื่มสุราอย่างเรียบง่ายแต่มันรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่มีอุบาย ไม่มีการโต้เถียงเรื่องผลประโยชน์ ทั้งสองกินดื่มด้วยความพึงพอใจ
เมื่อสุรามากกว่าร้อยไหถูกดื่มเข้าไป ท้องของทั้งสองก็พองขึ้นขณะที่ดวงตาของพวกเขากลายเป็นพร่ามัว
หัวโล้นที่เงางามของปีศาจกิ้งกือยิ่งส่องประกายท่ามกลางแสงจันทร์ หลี่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปถูมัน “ไม่เลว เจ้าไม่มีเจตนาร้าย ไม่ เจ้าไม่คิดสิ่งใดเลยมากกว่า”
ปีศาจกิ้งกือเผยรอยยิ้มโง่เขลา “เจ้าก็ดีมากเช่นกัน เจ้าจะอยู่ใต้ดินตลอดไปหรือไม่?”
หลี่ฉิงซานส่ายศีรษะ “ไม่ ไม่ ไม่ ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำ หากเจ้าต้องการกินดื่ม ข้ายินดีต้อนรับเจ้าเสมอ!”
แม้ปีศาจกิ้งกือจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่มันก็ยอมรับการตัดสินใจของหลี่ฉิงซาน เป็นเพียงเวลานี้ที่มันล้มไปด้านหลังทำให้เกิดเสียงดังสนั่น
หลี่ฉิงซานกล่าวติดตลก “ทั้งหมดที่เจ้าทำคือกินกับนอน ไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนเจ้า ช่างเป็นชีวิตที่น่าอิจฉานัก” เขาเงยหน้าขึ้น หาว และล้มตัวลงนอนเช่นกัน
เสี่ยวอันลงมาเก็บกวาดสถานที่ จากนั้นนางก็หมอบอยู่ด้านบนทางเข้าหลุมเพื่อเฝ้ายามให้เขา
คืนนี้เขาฝัน เขาพบว่าตนเองกลับไปเป็นเด็กน้อย เขามีมือและเท้าคู่เล็กๆ เขาสวมเสื้อผ้าที่ได้รับการซ่อมแซมหลายครั้งขณะที่เขาวิ่งผ่านที่ราบอันไร้ขอบเขตเพื่อไล่ตามดวงอาทิตย์
เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากแต่เขาไม่ได้เช็ดมันออกไป เท้าของเขาถูกหินแหลมทิ่มแทงแต่เขาไม่สนใจมัน เขาล้มและกลิ้งไปบนพื้นก่อนจะตะเกียกตะกายยืนขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขายังไม่ยอมแพ้ เขายังมองตรงไปที่ดวงอาทิตย์
ภูเขาสีเขียวขวางทางเขาอยู่ แต่มันไม่สามารถหยุดเขา เขาพุ่งเข้าไปทันที มันไม่ได้ยากลำบากเช่นที่เขาคิด ศีรษะวัวยักษ์โผล่ออกมาจากด้านหนึ่งของภูเขา มันมองเขาด้วยดวงตาที่ส่องประกายและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงของผู้ยิ่งใหญ่ “เจ้าจะรีบร้อนไปเพื่อสิ่งใด? ไม่ใช่ว่าดวงอาทิตย์จะหนีเจ้าไป”
เขารู้สึกประหลาดใจ เขาปีนขึ้นไปบนหลังวัวที่มีลักษณะเหมือนชะง่อนผาเพื่อมองดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เป็นดังที่วัวยักษ์กล่าว ดวงอาทิตย์ไม่ได้หลายไปไหน มันจะขึ้นมาอีกครั้งในวันใหม่ เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็หยิบขลุ่ยออกมาจากเอวและเริ่มเป่ามัน
เมื่อดวงจันทร์ถูกแทนที่ด้วยดวงอาทิตย์ หลี่ฉิงซานก็เปิดเปลือกตาขึ้นและหาว เขาพบว่าปีศาจกิ้งกือยังหลับอยู่ ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันจะตื่นขึ้นเมื่อไหร่ เขากระโจนออกจากหลุมและรู้สึกว่าจิตใจปลอดโปร่งเป็นพิเศษ สีสันของฤดูใบไม้ร่วงบนภูเขาเป็นภาพที่น่าพึงพอใจมาก
เขารู้สึกเหมือนมันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้ ตั้งแต่เขามาที่เมืองเจียเผิง เขาก็มีศัตรูและอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งหมดที่เขาทำคือฝึกฝนและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในฝัน เขาก็ยังคิดว่าเขาจะบ่มเพาะและจัดการศัตรูของเขาอย่างไร
หัวใจของเขาตึงเครียดอยู่เสมอ กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่ตระหนักว่าความเครียดและความเหนื่อยล้าสะสมอยู่มากเพียงใด หลังจากดื่มกินอย่างมีความสุขและนอนหลับฝันดี ในที่สุดหัวใจของเขาก็ผ่อนคลายลง
เขานึกถึงความฝันเมื่อคืนและต้องพึมพำกับตนเองด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง ข้าจะรีบร้อนไปเพื่อสิ่งใด?” เขาหยิบขลุ่ยออกมาจากกระเป๋าร้อยสมบัติ
จากนั้นเสียงขลุ่ยก็ดังไปทั่วภูเขา ปีศาจกิ้งกือเปิดเปลือกตาขึ้นขณะที่เสี่ยวอันนั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เสี่ยวอันพบว่าหลี่ฉิงซานยิ้มมากขึ้นและเป่าขลุ่ยบ่อยขึ้น เขามักให้นางสอนเขียนอักษรด้วยพู่กันเสมอ บางทีเขาก็พานางไปเดินเล่นบนภูเขา
ขณะที่เขากำลังเดินเล่น ทันใดนั้นเขาก็หยุดและมองไปที่เสี่ยวอันอย่างเคร่งขรึม เสี่ยวอันรู้สึกกระวนกระวายใจ นางกำหมัดแน่นและคิดว่า ‘มันมาแล้ว!’
ริมฝีปากของหลี่ฉิงซานเปิดและปิดอย่างรวดเร็ว “กินองุ่นโดยไม่คายเปลือกองุ่นแต่คายผิวองุ่นออกโดยไม่กินองุ่น!”
มันเป็นคำพ้องเสียงที่ผู้คนมักใช้เล่นกัน
เสี่ยวอันรีบพูดแต่เสียงของนางค่อนข้างตะกุกตะกัก “กิน...องุ่นโดยไม่คายเปลือกองุ่น...แต่คายผิวองุ่นออก...โดยไม่กินองุ่น”
นี่คือวิธีที่หลี่ฉิงซานใช้สอนนางพูด เขาเรียกมันว่าการศึกษาที่บ้านกับหลี่ฉิงซาน อย่างไรก็ตามความน่าเอ็นดูของเสี่ยวอันทำให้เขามีความสุข
เขายื่นมือออกไปหยิกแก้มของนาง “เหตุใดตอนนี้เจ้าไม่หัวเราะกับฝีมือการเขียนที่น่ากลัวของข้าแล้วล่ะ?”
เสี่ยวอันหันศีรษะหลบมือของหลี่ฉิงซานด้วยท่าทางฉุนเฉียวแต่ความจริงนางอารมณ์ดีมาก แม้นางจะไม่ต้องการรบกวนการบ่มเพาะของหลี่ฉิงซาน แต่นางก็ต้องการให้เขาดูแลเช่นกัน
ในความเป็นจริงหลี่ฉิงซานไม่เคยหยุดฝึกตน เขายังกินเม็ดยาทุกวัน แต่เขาไม่ได้เคร่งเครียดมากนัก เขาสามารถแบ่งเวลาฝึกฝนและพักผ่อนได้ดีขึ้น นั่นทำให้ชีวิตของเขาเกิดสมดุล
หน้าที่ของเขาไม่ได้มีเพียงการปกป้องเสี่ยวอันเท่านั้นแต่เขายังต้องทำให้นางมีความสุข
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เม็ดยารวบรวมพลังปราณของเขาหมดลงแล้ว ปราณปีศาจของเขาเติบโตขึ้นอย่างมาก แต่เฉียนหรงจื่อยังไม่ได้ติดต่อมา อย่างไรก็ตามเขาไม่กังวล เขายังมีเม็ดยาร้อยไพร
หิมะแรกของปีมาถึงเร็วมาก เมื่อเกล็ดหิมะตกลงบนจมูกของหลี่ฉิงซาน เขามองไปยังปีศาจกิ้งกือขณะที่ฝ่ายหลังมองเสี่ยวอันด้วยสายตากระวนกระวายหรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นคือโถลูกเต๋าในมือของเสี่ยวอัน
ไหสุราสองสามใบถูกคว่ำไว้บนพื้นและกลายเป็นโต๊ะที่มีชามสุราวางอยู่ด้านบน
หลี่ฉิงซานและปีศาจกิ้งกือหันหน้าเข้าหากันขณะที่เสี่ยวอันนั่งอยู่ด้านข้างเหมือนเจ้ามือ
เสี่ยวอันพับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยและเผยให้เห็นแขนที่เรียวยาว นางเปิดโถลูกเต๋าและยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม
หลี่ฉิงซานกล่าว “สิบห้า สูง ดื่ม!” เขาหยิบถั่วลิสงหนึ่งกำมือออกจากกองอาหารด้านข้าง ปอกเปลือกและโยนเข้าปากของตน
ปีศาจกิ้งกือหัวเราะเบาๆ เขายกชามสุราขึ้นและดื่มจนหมด เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งแรกที่หลี่ฉิงซานพบมัน ตอนนี้มันดูมีชีวิตชีวาและเจ้าเนื้อขึ้นเล็กน้อย
เสี่ยวอันหยิบถั่วลิสงขึ้นมาและถามปีศาจกิ้งกือ “ดูเหมือนนี่จะเป็นของเจ้า” เสียงของนางไพเราะเหมือนเสียงน้ำพุธรรมชาติและจับใจราวกับเสียงพิณ การสอนของหลี่ฉิงซานบรรลุผลแล้ว
ปีศาจกิ้งกือมองตัวเองและมองถั่วลิสงก่อนจะพยักหน้า “ใช่!”
“รับไป!” เสี่ยวอันวางถั่วลิสงไว้บนฝ่ามือของปีศาจกิ้งกือ
จากนั้นมันก็โยนเข้าปาก
เป็นเพียงเวลานี้ที่ใบหน้าของหลี่ฉิงซานกลายเป็นแข็งทื่ออย่างกะทันหัน เสี่ยวอันหันไปมองเขา
หลี่ฉิงซานยิ้มให้นางและนำยันต์สื่อสารออกมา ยันต์ลุกไหม้ขึ้นและกลายเป็นเถ้าถ่ายกระจายไปตามสายลม
ในที่สุดสัญญาณจากเฉียนหรงจื่อก็มาถึง!
หลี่ฉิงซานผุดลุกขึ้นยืน ปีศาจกิ้งกือก็ลุกขึ้นเช่นกัน มันเปิดปากถามด้วยความประหลาดใจ
หลี่ฉิงซานวางมือลงบนไหล่ของปีศาจกิ้งกือ “ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการ ข้าจะกลับมาเร็วๆนี้”
หลี่ฉิงซานไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากปีศาจกิ้งกือ มันเป็นสหายร่วมดื่มที่ยอดเยี่ยม แต่นั่นคือทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจัดการเรื่องของตนด้วยตัวตนเอง
หลี่ฉิงซานและเสี่ยวอันออกจากหลุม เสี่ยวอันโบกมือลาปีศาจกิ้งกือเล็กน้อย
ปีศาจกิ้งกือนั่งลงด้วยความงุนงง มันรู้สึกว่างเปล่าอยู่ภายใน เกล็ดหิมะตกลงในชามสุรา มันกินอาหารจานโปรด แต่มันรู้สึกเหมือนขาดบางสิ่งไป มันเกาหัวโล้นๆของมันด้วยความสับสน
…..
เฉียนหรงจื่อจมอยู่ในห้วงแห่งความคิดด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปมอยู่ในบ้านพัก นางทำตามแผนการอย่างรอบคอบ นางมั่นใจว่าไม่มีช่องโผว่
ทันใดนั้นนางก็หันกลับไป “ในที่สุดเจ้าก็มา”
หลี่ฉิงซานยืนอยู่ด้านหลังนาง นอกจากร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้เขากลับไปอยู่ในรูปลักษณ์เดิมแล้ว นี่เป็นผลลัพธ์จากการฝึกฝนทักษะจิตวิญญาณเต่าเมื่อเร็วๆนี้
เขาสังเกตเห็นชุดผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่แตกต่างจากเดิมของนางทันที “เจ้ากลายเป็นผู้บัญชาการหมาป่าทมิฬแล้วงั้นหรือ?”
เฉียนหรงจื่อยิ้มและยืนขึ้น “เจ้าคิดอย่างไรกับมัน? มันค่อนข้างดูดีใช่หรือไม่?”
“มันค่อนข้างดีจริงๆ”
“ขอบคุณ ดูเหมือนเจ้าก็สบายดีเช่นกัน”
“ข้าสบายดี”
พวกเขาทักทายกันเหมือนสหายเก่าและใช้มารยาทจอมปลอมเพื่อรักษามิตรภาพอันเปราะบาง
ก่อนที่หลี่ฉิงซานจะได้เปิดปากถาม เฉียนหรงจื่อก็ชิงกล่าว “ปลากินเหยื่อแล้ว ตามที่เจ้าร้องขอ เราเพียงต้องจับตัวยายประจิม”
หลี่ฉิงซานถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร?” การล่อลวงคนของนิกายเมฆาพิรุณอาจไม่ใช่เรื่องยากแต่การล่อลวงให้ยายประจิมออกมาเพียงลำพังโดยไม่ทำให้คนอื่นๆตื่นหนกไม่ใช่เรื่องง่าย
เฉียนหรงจื่อไม่อธิบาย นางลูบลายปักหมาป่าสีดำที่เอวด้วยปลายนิ้วและเผยรอยยิ้ม “นั่นคืองานของข้า ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หากเรื่องนี้ล้มเหลว ข้าก็จะไม่รักษาคำพูด”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับส่วนของข้า” หลี่ฉิงซานเต็มไปด้วยความมั่นใจ ตอนนี้เขาต้องการต่อสู้มาก
เฉียนหรงจื่อเปลี่ยนหัวข้อ “ถึงกระนั้นข้าก็ยังต้องเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ก่อนที่เจ้าจะยืนยันจำนวนศัตรู ข้าแนะนำให้เจ้าซ่อนตัวให้มิดชิด”
หลี่ฉิงซานหรี่ตามองเฉียนหรงจื่อและกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่มีแผนใดสมบูรณ์แบบ แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถกำจัดความไม่แน่นอนทั้งหมดออกไป เจ้าควรนึกถึงวิธีรับมือกับความพ่ายแพ้ก่อนจะนึกถึงงานเฉลิมฉลอง”
“แน่นอน”
อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานไม่เคยคิดว่าสถานที่ที่เฉียนหรงจื่อเลือกไว้จะเป็นที่นี่
เขายกหมวกไม้ไผ่ขึ้นและมองไปยังที่ดินของตระกูลเฉียน
นางทำให้คนนับพันเสียชีวิตที่นี่ หากเป็นคนทั่วไป พวกเขาคงพยายามหลีกเลี่ยงมัน แต่นางไม่ นางตั้งใจเลือกสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้
หลี่ฉิงซานมาถึงอีกด้านหนึ่งของภูเขา เขาพบถ้ำที่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าแห้งและใบไม้แห้ง หลังจากเข้าไป เขาพบว่าถ้ำค่อยๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
หลี่ฉิงซานตรวจสอบเพดานถ้ำ เขายังทดลองแปลงร่างเป็นปีศาจ จากนั้นเขาก็เริ่มเตรียมการ เขาติดยันต์เจ็ดแผ่นไว้ที่หินย้อยก่อนจะมอบยันต์บางส่วนให้เสี่ยวอัน
แม้แต่สิงโตก็ยังใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อจับกระต่ายและคราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นสัตว์ร้ายที่อันตรายมาก