ตอนที่ 5 เจ้าลูกศิษย์โง่
จากรูปลักษณ์ของมันแสดงว่าโชคที่ยื่อซวนได้รับในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก
เพราะเมื่อสองวันก่อนทุกคนนั้นรู้ว่ายื่อซวนถูกวางยาพิษและจะต้องตายในไม่ช้า
แต่ตอนนี้ไม่เพียงแค่ยื่อซวนจะหายจากพิษอย่างสมบูรณ์แล้วแต่เขายังก้าวหน้าในด้านความแข็งแกร่งของเขาอีกด้วย
เป็นไปได้ไหมว่ายื่อซวนได้รับยาเม็ดขั้นสี่ชั้นยอดซึ่งเป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงได้รับ 'โชค' ที่ยอดเยี่ยมแบบนี้?
ไม่มีใครรู้ว่ายื่อซวนนั้นได้กินผงละลายกระดูกไปก่อนหน้านี้
ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่ายาเม็ดขั้นที่สี่จะสามารถสลายพิษของผงพิษห้าชนิดและทําให้ยื่อซวนมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นบ้าง
ถ้าพวกเขารู้ว่ายื่อซวนได้กินยาเม็ดขั้นที่เจ็ดเมื่อสองวันก่อนทุกคนคงตกใจมากกว่านี้อย่างแน่อนน
ในขณะนี้ว่านฉานไห่ปรมาจารย์นิกายของนิกายชิงหยุนได้ตื่นขึ้นมาจากความตกใจครั้งแรกของเขา
เขาหัวเราะอย่างสะใจและพูดว่า "เยี่ยมมาก! ตอนนี้นิกายชิงหยุนของเรากำลังจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับรูปแบบแก่นแท้จริงเพิ่มมาอีกคนหนึ่งแล้ว!"
ว่านฉานไห่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความก้าวหน้าของยื่อซวน
ก่อนหน้านี้นิกายชิงหยุนมีผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับรูปแบบแก่นแท้จริงเพียงแค่สองคนเท่านั้น
พวกเขาคือปรมาจารย์ของนิกายว่านฉานไห่และอีกคนก็คือรองปรมาจารย์ของนิกาย
ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญรูในระดับรูปแบบแก่นแท้จริงอีกคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมาแล้วนั่นคือยื่อซวน และด้วยสิ่งนี้มันจะเพิ่มความแข็งแกร่งโดยรวมของนิกายชิงหยุนอย่างแน่นอน
บรรยากาศของคนระดับชนชั้นสูงของนิกายชิงหยุนตอนนี้กำลังมีความรู้สึกที่คล้ายๆกัน
เพราะถ้าหากระดับพลังโดยรวมของนิกายนั้นไม่มีการพัฒนาเพิ่มขึ้น นิกายนั้นจะแตกสลายอย่างรวดเร็วและถูกแทนที่ด้วยกองกําลังจากบุคคลภายนอกแทน
ดังนั้นหลังจากที่ทุกคนยืนยันว่ายื่อซวนได้เข้าสู่ระดับรูปแบบแก่นแท้จริงแล้วทุกคนก็ก้าวไปข้างหน้าและแสดงความยินดีกับเขา
"ขอแสดงความยินดี ขอแสดงความยินดี!"
"ขอแสดงความยินดีด้วยท่านยื่อ ที่ประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามไปยังระดับรูปแบบแก่นแท้จริง!"
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้กำลังพูดอย่างแสดงความดีใจ
ในขณะนี้ลู่หยานรันกําลังยืนอยู่ไกลๆจากพวกเขา เมื่อเธอมองไปที่ยื่อซวนดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุข
หลังจากแสดงความยินดีกับยื่อซวนแล้วพวกคนจากชนชั้นสูงของนิกายชิงหยุนก็ออกจากยอดเขาหลิงจิ่วไปทีละคน
ความก้าวหน้าของยื่อซวนนั้นได้ไปกระตุ้นพลังบางอย่างของพวกเขา
เพราะมันไม่ง่ายเลยสําหรับผู้ที่อยู่ในระดับของพวกเขาที่จะมีความก้าวหน้าแบบนี้ได้
หลังจากที่ทุกคนจากไปไม่นานก็เหลือเพียงยื่อซวนและลู่หยานรันบนยอดเขาหลิงจิ่ว
"เจ้าลูกศิษย์โง่!"
ยื่อซวนสามารถเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าลู่หยานรันนั้นเฝ้าอยู่หน้าห้องโถงหลักโดยไม่ได้กินหรือดื่มในช่วงสองวันที่ผ่านมาเลย
"ทำไมเจ้าถึงได้โง่แบบนี้กัน!" เขากำลังว่าเธอด้วยความปวดใจ
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของยื่อซวน ลู่หยานรันจึงรู้ว่าเขารู้สึกปวดใจในเรื่องของเธอดังนั้นเธอจึงก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว
ยื่อซวนพาเธอเข้ามาเป็นลูกศิษย์ของเขาอย่างกะทันหันเกินไปดังนั้นลู่หยานรันจึงทําตามสั่งของเขาอย่างเคร่งครัดในช่วงสองวันที่ผ่านมา
เธอกลัวมาก เธอกลัวว่าถ้าเธอทําผิดพลาดในเรื่องที่เล็กน้อย ยื่อซวนจะไม่ต้องการเธออีกต่อไป
เธอรู้ดีว่าพรสวรรค์ของเธอนั้นอ่อนหัดมากและในทางทฤษฎีแล้วเธอไม่คู่ควรกับการเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ยื่อซวนได้เลย
แต่นั่นก็เพราะเธออยากได้โอกาสนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
เพราะเธอจะต้องเข้มแข็งและล้างแค้นให้กับครอบครัวของเธอ!
ยื่อซวนเดินไปที่ด้านข้างของลู่หยานรันและลูบหัวของเธอด้วยมือของเขาที่แสดงความรู้สึกเสียใจกับเธอ
"ถ้าข้าไม่ได้ออกมาจากความสันโดษเป็นเวลานานเจ้าจะอดตายอยู่ที่นี่ใช่ไหม?"
ยื่อซวนไม่รู้ว่าจะเรียกลู่หยานรันว่าโง่หรือเธอนั้นภักดีมากเกินไปดี
อันที่จริงนั้นมีอาหารและเครื่องดื่มอยู่ไม่ไกลจากที่ๆพวกเขาอยู่ในตอนนี้ตั้งอยู่
หากลู่หยานรันไปกินอะไรสักอย่างแม้ว่าจะเป็นการละเลยหน้าที่เพียงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ยังดีกว่าที่เธอจะต้องมาทนหิวแบบนี้
ยื่อซวนจึงพูดกับเธอว่า "กลับไปพักผ่อนให้สบายเถอะ พรุ่งนี้ข้าค่อยพูดถึงเรื่องของเจ้าต่อ"
"คะ..ค่ะ "
ลู่หยานรันพยักหน้าอย่างรวดเร็วและรีบออไปทันที
หลังจากที่ลู่หยานรันจากไป ยื่อซวนก็หันกลับมาสนใจตัวเอง
เขาเห็นได้ว่าแก่กลางที่แท้จริงในร่างกายของเขามีพลังงานที่น่ากลัวมาก
เขารู้สึกว่าแก่นกลางที่แท้จริงของเขาเป็นเหมือนกับดาวเคราะห์ขนาดเล็ก
ในตอนนี้ตราบใดที่เขาแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ เขาจะสามารถสะสมพลังงานที่แข็งแกร่งได้อย่างง่ายดาย
ผู้เชี่ยวชาญระดับรูปแบบแก่นแท้จริงขั้นแก่นหลักว่างเปล่านั้น หากใช้พลังทั้งหมดเพื่อทุ่มใส่โลกใบนี้เขาจะไม่ต่างอะไรจากขีปนาวุธลูกใหญ่ๆ
ในขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญระดับรูปแบบแก่นแท้จริงขั้นแก่นหลักแท้จริงนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับรูปแบบแก่นแท้จริงขั้นแก่นหลักว่างเปล่ามากกว่าสิบเท่า
"นี่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?"
ยื่อซวนพึมพํากับตัวเอง เขาประหลาดใจมากที่เขานั้นแข็งแกร่งมากขนาดนี้
ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา หากเขายังอยู่ในชีวิตก่อนหน้านี้คงไม่มีอะไรสามารถทําร้ายเขาได้นอกจากอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่ามีคนนับไม่ถ้วนแบบเขาอยู่ทั่วทั้งภูมิภาคเทียนหยวน
เมื่อเทียบกับปรมาจารย์คนอื่นๆเขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป
แม้แต่ในราชวงศ์เฉียนที่ยิ่งใหญ่ ยื่อซวนก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากถ้าเทียบกันตรงๆ
แต่อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ปกติเขาสามารถทําอะไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ
ในร่างกายของเขานอกจากพลังงานของรูปแบบแก่นแท้จริงแล้วยังมียาเม็ดสีม่วงที่อยู่ในร่างด้วย
มันคือยาเม็ดนิพพานขั้นที่เจ็ดที่เขาเคยกินไปก่อนหน้านี้
หลังจากที่ผงพิษห้าชนิดและผงละลายกระดูกถูกรวมกันได้สลายไปแล้ว นั่นเป็นเพียงพลังหนึ่งในเจ็ดส่วนของยานิพพานขั้นที่เจ็ดเท่านั้นที่ถูกใช้ไป
พลังงานที่เหลืออีกหกส่วนของยานั้นยังคงถูกเก็บไว้ในร่างกายของเขา
ยื่อซวนรู้สึกได้ว่าหลังจากที่ดูดซับพลังงานทั้งหมดของยาแล้วความแข็งแกร่งของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
"ผู้ชายจากนิกายซวนหยินคนนั้น"
ยื่อซวนพึมพํากับตัวเอง ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขามากเกินพอแล้วที่จะไปฆ่าคนที่ห้อมล้อมและเข้ามาโจมตีเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน
แต่ในตอนนี้เขายังไม่รีบร้อน เขายังสามารถวางแผนเพื่อเอาคืนเรื่องนี้ได้ในภายหลัง
เพราะภายในราชวงศ์เฉียนที่ยิ่งใหญ่นั้นความแข็งแกร่งโดยรวมของนิกายซวนหยินอยู่ในอันดับที่สอง
นิกายของพวกเขามีปรมาจารย์ที่อยู่ในระดับรูปแบบแก่นแท้จริงขั้นแก่นหลักทองคํามีพลังสูงสุดในตอนนี้คุ้มครองอยู่
ยิ่งไปกว่านั้นนิกายซวนหยินยังมีคนที่อยู่ในระดับรูปแบบแก่นแท้จริงกว่า 20 คนและปรมาจารย์ในระดับรูปแบบแก่นแท้จริงขั้นแก่นหลักว่างเปล่าอยู่อีกด้วย
ยื่อซวนนั้นรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ปลอดภัยสําหรับเขาที่จะไปฆ่าอีกฝ่ายในตอนนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะบรรลุไปถึงระดับรูปแบบแก่นแท้จริงขั้นแก่นหลักทองคําหรือแม้กระทั่งมีความแข็งแกร่งของระดับรูปแบบแก่นแท้จริงที่เหนือกว่าขั้นกลางได้แล้วเขาก็ไม่ควรที่จะลงมือในตอนนี้อยู่ดี
หากเขายังคงเป็นยื่อซวนคนก่อนเขาจะมีหนทางอีกยาวไกลกว่าเขาจะได้รับความแข็งแกร่งจากความสําเร็จของระดับรูปแบบแก่นแท้จริงขั้นกลางได้
แต่ยื่อซวนที่มีระบบตอบแทน 10,000 เท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะพัฒนาความสามารถของเขาอย่างรวดเร็วได้
เขารู้สึกว่าเขาควรรับการตอบแทนทั้งหมดที่เขาจะได้รับจากลู่หยานรันก่อน หลังจากนั้นเขาจึงจะรับลูกศิษย์เพิ่มอีกสองสามคน
...
ในเช้าวันรุ่งขึ้นลู่หยานรันมาถึงยอดเขาหลิงจิ่วตั้งแต่เช้าตรู่
หลังจากที่ได้พักผ่อนเต็มที่ในคืนก่อนหน้าแล้ว ในที่สุดเธอก็กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง