ตอนที่ 1021 ซึ้งแล้วซึ้งอีก
ชิงผิงกลับไปที่ห้องและนอนลงบนเตียงหลับตาพักเงียบๆ ลมหายใจยาวสม่ำเสมอเหมือนกับว่าหลับสนิท
นางรู้สึกราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทุกอย่างเป็นเหมือนปกติ
ผ่านไปสองสามชั่วโมงยกเว้นเวลาที่พนักงานมาส่งอาหารค่ำ
นางมักจะอยู่ในอิริยาบถนอนไม่รู้สึกอะไร
ราตรีเริ่มคืบคลานเข้ามา...หลังจากความสนุกสนานผ่านไปได้สองวัน ไม่ว่าจะดีต่อนักท่องเที่ยวบนเรือแค่ไหนก็ตามพวกเขาก็ย่อมรู้สึกเหนื่อยเพลียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตามปกติจะมีการประกาศว่าการเต้นรำวันนี้จะมีถึงเพียงสิบนาฬิกาตอนค่ำเท่านั้น แต่ละคนต่างกอดคู่หูพากลับไปนอนพักผ่อน มีเพียงหนุ่มสาวไม่กี่คนที่ยังกระตือรือร้นไม่อยากพักผ่อน ต่างพาเด็กสาวมานั่งดื่มกินบนดาดฟ้าเรือเพื่อชมดูดวงดาว
การดูดวงดาวด้วยอารมณ์สุนทรีย์ไม่ใช่กิจกรรมที่ทำเป็นกลุ่ม
แต่เป็นพวกมีรสนิยมสูงของผู้ที่ยินดีจะขึ้นไปยืนรับลม
พฤติกรรมเช่นนี้สอดคล้องกับความกระตือรือร้น
เมื่อพวกเขาเล่นสนุกอย่างบ้าคลั่งและตื่นเต้นกลุ่มแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็เข้ามาร่วม แต่แทนที่พวกเขาจะเข้าร่วมสนุกกับชีวิตด้วย พวกเขาใช้เคียวคร่าชีวิตอีกฝ่ายเลือดกระจายเหมือนกับดอกไม้บาน ชีวิตล่วงลับเหมือนใบไม้ร่วง
การเข่นฆ่าเริ่มขึ้นเงียบๆไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และยังคงดำเนินต่อไป
ชิงผิงที่นอนหลับตามาอย่างต่อเนื่อง
ลืมตาแวววาวขึ้นทันที
ดวงตานางเป็นประกาย
ชิงผิงตัวเบากว่าควันปราดเปรียวกระฉับกระเฉงยิ่งนางแมวป่านางเปิดประตูและโจมตีคนเฝ้าอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ ลากบุรุษที่รูปร่างเหมือนปลาหมึกเข้ามาในห้อง นาทีต่อมา เงาร่างหนึ่งสวมชุดยามเฝ้าประตูเดินออกมาจากห้องร่างนั้นก้มหน้าเดินแล้วรีบเร่งไปข้างหน้าเงียบๆ ด้วยความเร็วสูง
เมื่อเผชิญหน้ากับหน่วยลาดตระเวนในเรือสำราญร่างเงาจะปลอมเป็นเสียงผู้ชายทักก่อน“ราศีแห่งบรรพบุรุษ”
แต่พอทหารยามได้ยินจะยืนตอบด้วยความเคารพทันที “สง่าราศีในวันนี้”
ร่างเงาผ่านเข้าไปในพื้นที่แขกระดับสูงของเรือ
รีบเร่งเข้าไปในทางเดิน
ร่างนั้นเดินต่อเนื่องไม่หยุดจนกระทั่งถึงห้องหรู เมื่อเงาร่างนั้นเอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตูกลับลังเลถึงสองครั้งทำท่าเหมือนจะเปลี่ยนใจยกเลิกแผนการของตน สุดท้ายเงาร่างนั้นจัดลูกบิดประตูเปิดออกและมองไปรอบๆ นั่นเป็นกลางคืนที่เงียบกริบและดูปลอดภัยไม่มีใครปรากฏตัวในพื้นที่สำหรับแขกพิเศษนี้ ไม่มีอะไรที่น่าสงสัยแฝงอยู่ในความมืด
เงาร่างนั้นกัดฟันเบาๆ
เปิดลูกบิดประตูอย่างแรงแล้วลอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องเงียบๆปิดประตูเรียบร้อยโดยไม่ส่งเสียง
แผละๆ
มีใครบางคนปรบมืออยู่ในความมืด
จากนั้นมีแสงไฟสาดไปทั่วห้องสูทหรูหรา หลังจากปรับตัวในช่วงสั้นๆร่างเงานั้นมองเห็นว่าข้างในมีคนอยู่สามคน คนหนึ่งคือบุรุษร่างกายล่ำกำยำไปด้วยมัดกล้ามเนื้อคล้ายกอริลลาดวงตาเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน อีกคนหนึ่งก็คือแมงมุมน้ำที่จับมือยั่วยวนเย่ว์หยางเมื่อสองวันก่อน ในสายตาของนางไม่มีแววเยาะเย้ย แต่เรื่องแน่นอนก็คือชิงผิงก่อเรื่องอย่างนี้แน่นอน คนสุดท้ายคือเฒ่าเถี่ยเหมาที่สวมชุดยุคเก่าไม่ใช่กะลาสีเรือ แต่เหมือนราชาผู้มีสง่าราศี
เฒ่าเถี่ยเหมามองดูชิงผิงด้วยอารมณ์สองอย่างทั้งเจ็บปวดทั้งเศร้าโศก
เงาร่างนั้นมองดูเขา
คนทั้งหมดสั่นเล็กน้อยดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลัว แต่ก็โล่งใจ
หมวกเกราะถูกถอดออกช้าๆร่างที่แท้จริงของร่างเงานั้นปรากฏ เป็นชิงผิงที่โจมตีทหารยามและหลบหนีออกมาอย่างเงียบงัน
“ทำไมกัน?” เฒ่าเถี่ยเหมาถามด้วยความสับสนเล็กน้อย
“ข้าไม่ทราบ... ไม่มีเหตุผลพิเศษ” ใบหน้าซีดขาวของชิงผิงเผยรอยยิ้มที่ทำให้ทุกคนสับสนทันที ริมฝีปากของนางสั่นเล็กน้อยมือนางสั่นเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถทนรับพลังโจมตีได้ ตลอดทั้งตัวนางจึงสั่นสะท้าน
“ทำไมน่ะหรือ? ข้ารู้นังตัวดีอย่างเจ้าชอบเจ้าพวกเด็กหน้าขาวเหล่านั้น เจ้าถึงได้ขายเผ่าพันธุ์พวกพ้อง นังแพศยา ข้าพูดไว้ก่อนนานแล้วว่าเจ้าไม่น่าเชื่อถือ ตอนนี้ก็เห็นกันแล้วว่าข้าพูดไม่ผิดใช่ไหมเล่า? เมื่อแผนการรวบรวมเลือดเริ่มขึ้นเจ้าทำเป็นคิดมากคิดหรือว่าเจ้าจะหลอกเราและแอบวิ่งมาที่นี่เพื่อปลดปล่อยเจ้าคนล่วงธรรมเนียมของเราได้ น่าเสียดายที่แผนของเจ้าไม่มีทางสำเร็จข้าเห็นเจ้าผ่านมา! เห็นได้ว่านังแพศยาอย่างเจ้าสำส่อนแต่ทำตัวเหมือนเป็นสตรีทรงคุณค่า พี่ชายของข้ามันโง่ที่เชื่อเจ้า!” ลิงน้ำ (บุรุษกอริลลา)เย้ยหยันอย่างรุนแรง
ริมฝีปากของชิงผิงขยับเล็กน้อยแต่นางไม่สารภาพ
แมงมุมน้ำผู้งดงามพูดพลางยิ้ม “พลังแห่งความรักกล่าวกันว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ฟู่ผิงเจ้าช่างทำให้ข้าประทับใจได้นัก นางยอมสละชีวิตให้คนรักของนาง ยอมหักหลังคนของตัวเองน่าซาบซึ้งใจ ข้าซึ้งใจจนน้ำตาแทบไหล”
เฒ่าเถี่ยเหมามองดูชิงผิง
เวลาผ่านไปนานก่อนเขาจะถอนหายใจ “ความจริงในหมู่คนรุ่นหลังข้าว่าเจ้ามองคนในแง่ดีที่สุด เทียบกันแล้วเจ้าลิงแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มผู้เยาว์รุ่นหลัง แมงมุมน้ำดูดกลืนพลังงานเพื่อเผ่าพันธุ์ได้ดีที่สุด แม้ว่าข้าจะไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดเจ้าแต่ข้าก็ปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆ ข้าสอนความรู้ในการเอาตัวรอดสอนวิทยายุทธ์ทั้งหมดให้เจ้า เจ้าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในหมู่ผู้เยาว์รุ่นหลังอย่างไม่ต้องสงสัยผู้อาวุโสหลายคนและข้ามักจะรู้สึกว่าผู้สืบทอดในอนาคตจะต้องเป็นสตรีที่ฉลาดเจ้าควรจะได้สืบทอดสายเลือดของบรรพบุรุษที่ห่างไกล แม้ว่าเจ้าจะไม่ฉลาดแต่ข้าเชื่อว่าเจ้าดีพอจะเป็นภรรยาเจ้าเมือง หรือเป็นมารดาของเจ้าเมืองได้”
“อนาคตของเจ้ามีไม่สิ้นสุด ฟูผิงทำไมเจ้าถึงเลือกทางนี้? เจ้ารู้ไหมว่าทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าเจ้าทรยศอกตัญญูต่อคนที่ปลุกปั้นเจ้าขึ้นมา!”
“ข้าเศร้าใจมาก ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมฟังกลับไปสำนึกผิดและพร้อมจะทำตามคำสั่ง”
“แต่เจ้ากลับมาที่นี่ เจ้าทำตัวน่าผิดหวังนัก”
“จำได้ไหม ข้าสอนเจ้าไว้ยังไงบ้าง? ข้าบอกเจ้าว่าไม่ว่าเผ่าพันธุ์ใดไม่มีผู้ใดรับเผ่าพันธุ์ต้องสาปอย่างเรา เราเป็นเผ่าพันธุ์ต้องสาป เราทำได้แต่เพียงแต่งงานกันในเผ่าพันธุ์เดียวกันตลอดไป เป็นไปไม่ได้ที่จะไปแต่งงานกับคนนอกเผ่าพันธุ์ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าเมื่อเจ้ารับภารกิจเจ้าจะปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวครอบงำความคิดจิตใจไม่ได้! เจ้ากำลังทำงานได้ดีทำไมถึงไปหลงรักศัตรูที่เป็นเด็กหนุ่มหน้าขาวได้? นอกจากพวกเขามีใบหน้าหล่อเหลางดงามแล้วพวกเขามีอะไรดีอีก? พวกเขาไม่มีพลังที่แข็งแกร่งไม่มีประสบการณ์ ถ้าไม่มีกลุ่มสังคมใหญ่หนุนหลังพวกเขาอาจถูกทหารรับจ้างหรือโจรฆ่าตายได้ เจ้าชอบพวกเขาได้ยังไง ข้าไม่เข้าใจ! ถ้าเจ้าชอบนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าอย่างนั้นข้าก็พอจะเข้าใจได้ ฟูผิงลูกข้า เจ้ากลายเป็นคนเขลาอย่างนี้ได้อย่างไร?”
“....” ชิงผิงฟังแล้วได้แต่นิ่งเงียบทั้งไม่ยอมรับทั้งไม่เห็นด้วยกับคำพูดของผู้เฒ่าเถี่ยเหมา
“ความรักทำให้คนตาบอด ฮะฮะฮะความจริงข้าก็ชอบเจ้าหนุ่มหน้าขาว แต่น่าเสียดายที่เขาจะระเหยกลายเป็นไอในคืนนี้ มิฉะนั้นข้าอยากจะสูบเอาพลังของเขาจริงๆ นอกจากหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขาดีจริงๆ ไม่มีใครเทียบ แต่น่าเสียดายยังไงก็ต้องเปลี่ยนเขาให้เป็นเลือด” แมงมุมน้ำมองหน้าชิงผิงแล้วจงใจพูดเพื่อยั่วอีกฝ่ายหนึ่ง
น่าเสียดายที่ชิงผิงยังคงไม่เคลื่อนไหว!
กอริลลาน้ำร่างใหญ่ก้าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ “นังแพศยา! คุกเข่าและเตรียมตัวตาย!”
เฒ่าเถี่ยเหมาแค่นเสียงกอริลลาน้ำและแมงมุมน้ำรีบหุบปากคำนับแสดงความเคารพรอรับคำสั่ง เฒ่าเถี่ยเหมาจ้องมองใบหน้าซีดขาวของชิงผิงมีแววตาอำมหิต เขาเงื้อมือขึ้นเหมือนจะตบชิงผิง กอริลลาและแมงมุมน้ำก้มหน้า แต่ใบหน้าพวกเขากระหยิ่มยินดีกับการตายของชิงผิง อย่างไรก็ตามเฒ่าเถี่ยเหมาไม่ได้ฆ่านางและรั้งมือลงในที่สุด “ฟูผิง ลูกสาวที่ฉลาดที่สุดของข้า ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายเจ้า ตราบใดที่เจ้าฆ่าพวกเขา อย่างนั้นข้าจะยกโทษความผิดครั้งนี้ให้เจ้า...”
“ท่านจอมพล?” กอริลลาน้ำและแมงมุมน้ำรีบเสนอความเห็น
“พวกเจ้าหุบปาก” เฒ่าเถี่ยเหมาตวาด ทั้งสองหวาดกลัวเหมือนลูกไก่เผชิญกับพายุ
ชิงผิงคุกเข่าทันที
นางคำนับเฒ่าเถี่ยเหมาด้วยความเคารพตอนแรกเฒ่าเถี่ยเหมามีสีหน้าเป็นสุข นึกว่าชิงผิงกลับตัวกลับใจแต่ประโยคคำพูดต่อมาของชิงผิงทำให้เขาโกรธ เพราะชิงผิงกล่าว “ท่านจอมพล อาจารย์ของข้าผู้เป็นเสมือนบิดาที่ข้าเคารพที่สุด โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าทำเรื่องนั้นไม่ได้”
พลังความโกรธของเฒ่าเถี่ยเหมาระเบิดออกกระแทกห้องจนสลายเป็นจุน
เขาระงับความโกรธอย่างยากลำบาก “ทำไม? เจ้าบอกมา, ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ด้วยความฉลาดของเจ้า เจ้าควรจะรู้ว่าข้าสามารถจับพวกเขาได้ทั้งหมด พวกเขาก็เหมือนคนตายแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังขัดขืนที่จะทำงานนี้? ถ้าเจ้าไม่รับทำ พวกมันก็ตายอยู่ดี เจ้าก็รู้!”
หน้าชิงผิงมีรอยยิ้มขมขื่น
นางส่ายหน้า “ข้าคาดไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ออกจากประตูมาแล้ว แต่ข้าก็ยังออกมา ท่านจอมพล ถ้าท่านถามเหตุผลข้า ข้ามิอาจบอกได้ ข้าเพิ่งเจอพวกเขาไม่กี่วัน นั่นเป็นอีกงานหนึ่ง ข้าเฝ้าเตือนตนเองว่าอย่าปล่อยให้อารมณ์ส่งผลกระทบต่องาน อย่างไรก็ตามข้าไม่อาจทำได้ ข้าพบว่าข้าใฝ่ฝันจะมีชีวิตแบบพวกเขาพวกเขาทะเลาะกัน ร้องเพลงด้วยกัน แต่เมื่อเทียบกับเราแล้ว ข้าฟังแล้วสบายใจ พวกเขาไม่เป็นอันตรายต่อพวกเราแม้แต่น้อย และที่นี่ในชีวิตของพวกเราทุกคนล้วนมีจุดหมาย ทั้งสองฝ่ายมีวัตถุประสงค์และเป้าหมาย เราต้องการจะทำอันตรายแก่ชีวิตของผู้อื่นรวมทั้งข้าด้วย ข้าไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องที่ผิดมาก่อน แต่หลังจากข้าพบกับพวกเขา ข้ารู้สึกว่าชีวิตของข้าแบบนี้ช่างน่าเบื่อหน่าย ข้าอยากมีชีวิตอย่างอิสระเหมือนที่พวกเขาหัวเราะเมื่อเขาต้องการหัวเราะร้องไห้เมื่ออยากจะร้องไห้ พูดในสิ่งที่อยากจะพูด ต้องการชอบคนที่ชอบ เล่นหยอกเย้าได้ทุกที่.. ข้าไม่ต้องการเป็นคนทรยศ ข้าคิดว่าในชีวิตนี้ข้าเหน็ดเหนื่อยเบื่อหน่าย ข้าต้องการใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ต้องการทำในสิ่งที่ต้องการเหมือนคนธรรมดา”
“เจ้าคิดว่าพวกเขาจะยอมรับเจ้าหรือ?” เฒ่าเถี่ยเหมาถามด้วยความโกรธ “เจ้าคิดว่าพวกเขาจะชอบเจ้าหรือ?”
“ไม่ ไม่มีใครในพวกเขาที่ชอบข้าอย่างนั้น พวกเขาทุกคนปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี เมื่อข้าเป็นสหายคนหนึ่งแต่ไม่มีใครเหมือนข้า...นี่คือสิ่งที่ทำให้ข้าเจ็บปวดและเศร้าใจ!” หน้าซีดของชิงผิงดูซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา
“ถูกแล้ว พวกเขาไม่สามารถยอมรับเจ้าได้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยอมรับเผ่าพันธุ์ต้องสาปของเรา ทำไมเจ้าถึงได้โง่นัก?” เฒ่าเถี่ยเหมาตวาด
“ข้าไม่ทราบเหตุผล!” ชิงผิงส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด “ด้วยเหตุผลของข้า ข้าเข้าใจว่าพวกเขาแตกต่างจากข้าอย่างสิ้นเชิงพวกเขาเป็นคนที่มาจากสองโลก ข้าไม่คู่ควรกับพวกเขา แต่เหตุผลของข้าทำให้ใจข้าเต้นรัว ข้าอยากอยู่กับพวกเขาแม้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับข้า แม้ว่าข้าจะมาจากเผ่าพันธุ์ต้องสาปก็ตาม ถึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่กับพวกเขา แต่ข้ามีความปรารถนานี้”
“ฆ่าพวกมันให้หมดแล้วเจ้าจะกลับมาเป็นสมาชิกของเราอีก!” เฒ่าเถี่ยเหมาตวาดลั่น
“ไม่!” ชิงผิงส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเขา แม้ว่าข้าจะตายก็ตาม.. จอมพลบิดาของข้า อนุญาตให้ข้าได้เรียกท่านเป็นพ่อครั้งสุดท้าย โปรดยกโทษให้กับความผิดพลาดเอาแต่ใจให้กับข้าผู้เป็นศิษย์และธิดาของท่านด้วยเถิด ข้าหวังว่าข้าจะกลายเป็มนุษย์ไม่ใช่มนุษย์เงือกกลายพันธุ์ ข้ารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ข้าหวังว่าจะเป็นที่ยอมรับของผู้คนมากขึ้น ข้าหวังว่าชาติหน้าข้าจะได้เกิดเป็นมนุษย์และได้อยู่ร่วมกับพวกเขา”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!” เฒ่าเถี่ยเหมาโกรธจัดจนปอดแทบระเบิด เขาพยายามจะลงมือกับชิงผิงหลายครั้ง แต่ในที่สุดเขาข่มความโกรธสูดหายใจลึก “ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายเจ้า เจ้าบอกว่าเจ้าชอบเจ้าพวกนั้นอย่างนั้นข้าจะใช้คำสาปโลหิตเปลี่ยนพวกมันให้เป็นพวกเรา!”
“ท่านจอมพล!” กอริลลาน้ำและแมงมุมน้ำตกใจจอมพลยังหวังจะช่วยฟูผิงนี่อีกหรือ?
“....” ชิงผิงตกใจคาดไม่ถึง เป็นครั้งแรกที่นางแสดงความรู้สึกดีใจ นางคิดว่าหลายอย่างมีโอกาสเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แต่แล้วนางส่ายหัวอีกครั้ง “ข้า ข้าไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ พวกเขาสามารถตายได้ แต่ไม่อาจทำให้เราแปดเปื้อน! ข้าชอบพวกเขา ไม่ ข้าไม่ชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้จะฆ่าพวกเขาข้าอยากให้พวกเขาตายมากกว่าเห็นพวกเขากลายเป็นมนุษย์เงือก..”
“ปลดนาง, เอาตัวนางไปขังคุกตามหาคนที่นางชอบและฆ่าคนอื่นให้หมดทุกคน” เฒ่าเถี่ยเหมากดมือลงบนกระหม่อมนางและใช้คำสาปโบราณของเผ่าพันธุ์กบฏทำให้ชิงผิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอักขระรูนโบราณสีม่วงดำปรากฏออกมา
“ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งชั่วโมง ถ้าเจ้าสามารถนำชายคนโปรดของเจ้ากลับมาหาข้าให้ได้ หลังจากเวลานี้ไป ถ้าเจ้าไม่กลับมาข้าจะใช้คำสาปโบราณสาปเจ้าให้เหลือแต่กองเลือด
เฒ่าเถี่ยเหมาโบกมือไล่
แมงมุมน้ำจับร่างชิงผิงที่อ่อนแอไว้เหมือนอินทรีจับลูกเจี๊ยบ นางหัวเราะอย่างชั่วร้ายจากนั้นหายวับไปจากสายตา
กอริลลาพูดด้วยความกังวลเล็กน้อย “ท่านจอมพล! ฟูผิงเป็นคู่หมายของพี่ชายข้าอย่างเห็นได้ชัดทำไมถึงให้ความสำคัญคนนอก? แม้ว่าเจ้าเด็กนั่นจะกลายร่างเป็นพวกเราภายใต้คำสาปโลหิต แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความชั่วร้ายได้! และร่างของฟูผิงก็มีคำสาปโบราณอยู่ เมื่อร่างกายนางถูกคำสาปเปิดออกและหากไม่ได้เลือดของบุรุษผู้ต้องคำสาปเลือด นางจะละลายเหลือแต่โลหิต แม้ว่าเจ้าเด็กนั่นจะถูกคำสาปโลหิตพอเปลี่ยนร่างแล้วก็จะได้อยู่กับนาง.. และพี่ชายของข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ เรื่องนี้ เรื่องนี้ น่าเสียดายนัก!”
เฒ่าเถี่ยเหมาถลึงตามองเขา “กอริลลาน้ำ เจ้าหมายความว่า เจ้าต้องการทำเพื่อนางหรือ?”
กอริลลาน้ำไม่กล้ามองเฒ่าเถี่ยเหมาโดยตรง เขาก้มหน้าและตอบ “ฟูผิงเป็นคนงามที่สุดในคนรุ่นผู้เยาว์เพราะปลูกฝังเพื่อให้ได้เป็นท่านหญิงของเจ้าเมืองในอนาคต ถ้าปล่อยให้นางร่างละลายตายไปนั่นคือความสูญเสีย พี่ชายข้าไม่อยู่ที่นี่ ท่านจอมพลท่านไม่เห็นหรือว่าข้าซื่อสัตย์ภักดีต่อท่านเพียงไหน”
“เจ้าลิงน้ำ! บอกตามตรงเลยว่าข้าต้องการให้ฟูผิงพาคนรักนางออกมานี่เป็นแผนเคลื่อนไหวช้าของข้า ข้าไม่ไว้ใจและไม่ยอมรับมนุษย์ ยิ่งกว่านั้นเลือดที่ต้องใช้ชุบชีวิตบรรพบุรุษจะต้องใช้เลือดมนุษย์บริสุทธิ์เป็นปริมาณมากนั่นคือทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดไม่เช่นนั้นเลือดจะไม่เพียงพอต่อเงื่อนไขในการชุบชีวิต ฟูผิงหลงผิดไปชั่วขณะ ข้าหวังว่านางจะกลับตัวกลับใจได้ ลิงน้ำ! ข้ารู้ว่าเจ้าติดพันนางถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ผู้เยาว์ที่เลิศที่สุด แต่เจ้าก็มีความภักดีแน่นอน ข้าพอใจเจ้าเต็มร้อย ดังนั้นลิงลมพี่ชายเจ้า ข้ายังไม่พอใจนัก ข้าจะให้ภารกิจเจ้าช่วยฟูผิง แต่ในช่วงเวลานี้นางถูกกำหนดให้เป็นท่านผู้หญิงของเจ้าเมืองในอนาคตและจะเป็นมารดาของเจ้าเมืองในอนาคต เราต้องทุ่มเทฝึกฝนนางให้มาก เพื่อให้นางถ่ายทอดต่อคนรุ่นหลังต่อไป!” เฒ่าเถี่ยเหมาแสดงความโปรดปรานของบริวารของเขาทั้งคู่ และเตือนว่ากอริลลาน้ำว่าอย่าโล�
“ท่านจอมพล ข้าลิงน้ำขอยอมตายเพื่อท่านตลอดไป!” กอริลลาน้ำดีใจคุกเข่าคำนับขอบคุณ
ห้องชั้นสามมืดสลัวถูกทำเป็นคุกคุมขังชั่วคราว
บางครั้งพวกมนุษย์เงือกกลายพันธุ์เข้ามาฉุดลากมนุษย์อ่อนแอและยังขัดขืนมาเชือดคอเพื่อเก็บเลือดไว้
นางแมงมุมน้ำมาถึงห้องขังท้องเรือสั่งทหารให้เปิดกรงเหล็กโยนชิงผิงเข้าไปและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “พี่สาวคนสวยแสนฉลาดโปรดอยู่กับที่รักมีความสุขกับคนรักของเจ้าในช่วงสุดท้ายของชีวิตได้หรือเปล่า!”
ชิงผิงร่วงทับคนผู้นั้นอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเงยหน้ามองคนที่นางหล่นทับกลับกลายเป็นตัวลามกที่นางรังเกียจที่สุด
“นี่คือสวรรค์ประทานหรือนี่? ในคุกในตารางยังมีสาวงามผู้ยินดีตกอยู่ในอ้อมแขนคนอื่นอยู่ในคุกนี่คุ้มค่ายิ่งนัก!” เย่ว์หยางวางชิงผิงลงบนพื้นเรือเย็น องค์ชายเทียนหลัวใส่ใจรายละเอียดไม่ลืมปูเสื้อนอก ชิงผิงปลาบปลื้มน้ำตาไหล อย่างไรก็ตามช่วงเวลาประทับใจของนางถูกเย่ว์หยางทำลาย เพราะมือซุกซนของเขาทาบที่หน้าอกนางเพื่อตรวจดูหัวใจเต้น “โชคดีที่สาวงามหล่นลงมาจากท้องฟ้า หญิงงามหัวใจยังเต้นอยู่...”
“เหลวไหล แม้แต่คนตาบอดก็ยังรู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่!” เจ้าอ้วนไห่โมโห “ต่อให้นางตาย เจ้าก็ไม่ควรแตะต้องหน้าอกนาง!”
“ถ้านางตาย ข้ายังสนใจด้วยหรือ?” เย่ว์หยางพูดว่าคนตายจะไม่ต่อต้านการตรวจสอบหน้าอก
“แต่ตอนนี้นางยังไม่ตาย!” เจ้าอ้วนไห่ทำท่าจะเป็นลม
“นางยังไม่ตาย แต่ดูเหมือนจะไม่คัดค้าน คงชอบให้ข้าจับนาง!” เย่ว์หยางบอกว่าชิงไม่พูดทำให้สันนิษฐานได้ ทฤษฎีของตัวลามกผู้ร้ายกาจทำให้ชิงผิงอยากเตะโด่งเขาจนถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้ายิ่งนัก หากเขาสัมผัสนาง นางต้องยอมรับด้วยหรือ?
“อ่า...ถ้านางไม่คัดค้าน อย่างนั้นข้าขอแตะบ้าง....” เจ้าอ้วนไห่ถลกแขนเสื้อ แต่ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปแตะ เย่คงเตะเขาออกไปเสียก่อน
“เจ้าหมูอ้วน นี่คือน้องชิงผิง!” เย่คงดูเหมือนเพิ่งจะจำชิงผิงได้
“ถ้าเป็นน้องชิงผิงก็ไม่เป็นไร ข้าแตะนางไม่ได้หรือ? ข้าห่วงนางนะ” เจ้าอ้วนไห่เถียง
“ห่วงศีรษะบนบ่าเจ้าดีกว่ามั้ง?” เย่คงให้เจ้าอ้วนไห่คิดเท่าที่จะคิดได้ เพื่อให้เจ้าอ้วนไห่รู้ตัวว่าผิด เขาชี้ไปทางเย่ว์หยางและตะโกนอย่างไม่พอใจ “ก็เมื่อครู่นี้เขายังจับได้เลยทำไมเจ้าไม่พูด? นี่มันไม่ยุติธรรมเลย”
“เงียบเถอะ ข้าห่วงนางจริงๆ ... เจ้าดูตัวนางเต็มไปด้วยจุดสีม่วงคาดว่านางกำลังจะตาย การได้แตะต้องนางสักหน่อยจะทำให้นางไม่ต้องเสียใจที่ไม่มีใครแตะต้องนางเลยตลอดชีวิต การทำเช่นนี้เสี่ยงมากรู้ไหม? ถ้าจุดสีม่วงเป็นโรคติดต่อจะว่ายังไง? แย่แล้วเจ้าไม่เห็นหรือว่าจุดสีม่วงกำลังลามขยายอย่างต่อเนื่อง คาดว่าอาจเป็นโรคติดต่อ เราอยู่ห่างจากนางสักนิดยังจะดีกว่า” เย่ว์หยางบอกว่าชิงผิงตายไปครึ่งตัวแล้ว ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งนางกำลังจะตาย
“มีทางเยียวยาหรือไม่?” เสวี่ยทันหลางถามทันที
ขนาดบุรุษน้ำแข็งยังห่วงใยนางถ้าชิงผิงมีแรงนางคงลุกขึ้นมากัดเย่ว์หยางแล้ว
คาดไม่ถึงเลยว่าหนุ่มน้ำแข็งนี้ก็ใส่ใจตัวนาง ถ้าองค์ชายใส่ใจนางบ้างก็คงจะดี แต่หนุ่มน้ำแข็งไม่ค่อยสนใจใคร!
องค์ชายเทียนหลัวมองดูจุดม่วงดำบนร่างนางอย่างระมัดระวังและเห็นรอยแผลอักขระรูนอยู่บนผิวของนางเขาส่ายหน้าเบาๆ “คำสาปที่รุนแรงอย่างนี้มาจากจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง อาการจะปะทุออกมาจากวิญญาณและโลหิต พลังระเบิดรุนแรงดุจกระแสน้ำทำลายเขื่อนมุ่งเป้าที่การทำลายล้างร่างกายไม่อาจแก้ไขได้เลย อย่าว่าแต่แก้ไขคลี่คลายเลย แค่ผ่อนคลายบรรเทาอาการยังทำไม่ได้เลย”
ทันใดนั้นเย่ว์หยางไม่รู้ว่าดึงน่องไก่ออกมาตั้งแต่เมื่อใดและพูดเสียงดัง “ก็ข้าบอกไปแล้วว่านางตายแล้ว และคำสาปจะละลายร่างนางในหนึ่งชั่วโมง มันจะเจ็บปวดทรมานมากเมื่อนางจะตาย”
เจ้าอ้วนไห่ทนดูไม่ไหว “นางกำลังจะตาย เจ้ายังมีแก่ใจนั่งแทะน่องไก่อีกหรือ?”
เย่ว์หยางสงสัย “เจ้าหมายความว่ายังไง จะให้ข้าร้องไห้หรือ? ข้าไม่ได้คุ้นเคยกับนาง นางตายข้าก็แค่กลับไปบอกหลิวเย่ ปล่อยให้สาวน้อยแสดงความเห็นอกเห็นใจน้ำตาร่วง” เจ้าอ้วนไห่ได้ยินเช่นนี้ก็โมโหอีกครั้ง “เจ้าไม่คุ้นเคยกับนาง ไม่คุ้นเคยกับนางทำไมถึงได้จับอกนาง? ข้ายังรู้สึกละอายเกินกว่าจะจับหน้าอกนาง เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
หลังจากเย่ว์หยางฟังคำวิจารณ์นี้เขาไม่กังวลแม้แต่น้อย เขาแสยะยิ้มกล่าว “เจ้าสัมผัสเนื้อมากมาย เจ้าไม่กลัวติดเชื้อ เจ้าจะลองสัมผัสดูไหม?”
เจ้าอ้วนไห่หดมือกลับทันทีราวกับกลัวงูกัด “ข้าเป็นสุภาพบุรุษซื่อตรงไม่สามารถทำอะไรเสี่ยงๆ ได้ องค์ชาย! สัมผัสแล้วจะติดเชื้อไหม?”
“ก็อาจจะ” องค์ชายเทียนหลัวกล่าว
“คุณแม่ช่วย แม่ของข้าตั้งใจให้ข้าเป็นคนดีตั้งแต่เด็ก!”เจ้าอ้วนไห่ร้องลั่นไปหลบอยู่หลังเย่คง
“การแตะต้องสัมผัสไม่มีอะไร แต่ถ้าจะตายก็อย่าไปสัมผัส... เจ้าอ้วนไห่ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเดินออกไปจากห้องขังนี้ได้อย่างมีชีวิตหรือ? อย่างไรก็ตาม ในเมื่อจะตายทั้งทีก็ขอให้เท่ไว้ก่อน แม้ว่าคำสาปจะน่ากลัว แต่ก็พอรู้สึกได้ว่ายังไม่ถึงกับแย่” เย่ว์หยางแตกต่างจากคนอื่น เขามีขวัญกล้าเทียมฟ้าและแตะหน้าอกนางอีกครั้งต่อหน้าธารกำนัล
“เจ้าจับพอหรือยัง?” ชิงผิงโกรธจนแทบสิ้นสติ
“เจ้าไม่พูด ข้าคิดว่าเจ้าชอบเสียอีก?ตอนนี้ข้าคิดว่าเจ้าอยู่ในความมืด ดังนั้นจึงร่วมมือกับเจ้าอีกครั้ง เจ้าไม่ชอบหรือ?” คำพูดของเย่ว์หยางเหมือนสายฟ้าตาของชิงผิงมีแววโทสะ “ขนาดหน้าอกเจ้ายังไม่ใหญ่เท่าใดนักเจ้าควรกินแกงมะละกอมากๆนั่นจะช่วยให้เจ้ามีพัฒนาการมาก!”
“แกงมะละกอช่วยได้หรือ? ก็ดี ข้าจะจำเอาไว้” เจ้าอ้วนไห่หยิบสมุดบันทึกออกมาจดไว้และเขียนอย่างระมัดระวัง คาดว่านี่คือความลับที่จะใช้ตกทอดให้เยาวชนรุ่นหลังต่อไป
“ต้องนวดก่อนนอนด้วย ครั้งละ 20 นาที” เย่ว์หยางสอนอย่างไม่รู้จักเหนื่อย
“ขอบคุณอาจารย์!” การแสดงออกของเจ้าอ้วนไห่ ถ้าอยู่ในโรงเรียนอนุบาลคงจะได้รับดอกทานตะวันแน่นอน
“อย่ากวนใจข้าได้ไหม เจ้าให้ข้าพูดสักสองสามคำได้ไหม?” ชิงผิงที่กำลังจะตายเจอเรื่องเช่นนี้นางไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้