ตอนที่ 1019 นี่จะเป็นการเดินทางที่สนุก!
วันต่อมายังไม่ทันสว่างดี
ชิงผิงมาเคาะประตู สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือคนที่เปิดประตูไม่ใช่หลิวเย่แต่เป็นบุรุษคนหนึ่งสวมแว่นตาดำ ถ้ามองดูแต่หน้าที่สวมแว่นตาดำปกปิดตา ก็ดูค่อนข้างลึกลับ แต่พอมองดูทั่วตัวกลับทำให้ชิงผิงกลัว เพราะบุรุษประหลาดไม่ได้สวมเสื้อ และร่างกายท่อนล่างสวมใส่กางเกงชายหาดเท้าเปล่าเดินอยู่บนพรมขาว นางเห็นเขาหลั่งเหงื่อโชกเต็มตัว ชิงผิงตกใจคิดว่ามาผิดห้อง
นางย้อนกลับไปเล็กน้อยเพื่อดูหมายเลขห้องและพบว่านางไม่ได้มาผิดที่ นางถึงกล้าถาม “ท่านคือ....”
“อา..เจ้าคือแม่นางชิงผิงที่เราเจอเมื่อตอนนั้นไม่ใช่หรือ? ยินดีต้อนรับ สองสามวันก่อนข้างานยุ่งไม่มีโอกาสได้พบกับแม่นางชิงผิงเลย ไม่นึกเลยว่าจะมีโอกาส” ทันทีที่บุรุษคนนี้พูด ชิงผิงจำเขาได้ทันทีกลับเป็นเจ้าหนุ่มหน้าขาวที่ทำให้นางไม่สบายใจจนนอนไม่หลับเมื่อคืน
ถอดหน้ากากเงิน
สวมแว่นตาดำ ทำให้นางแทบจำเขาไม่ได้
ตอนนี้เมื่อเห็นเจ้าคนลามกนี่นางเกลียดเขาจริงๆ นี่นางนอนไม่หลับเพราะคนแบบนี้หรือนี่?
ในใจชิงผิงนางต้องการจะหันหลังกลับและนึกถึงว่าการเปรียบเทียบองค์ชายเทียนหลัวกับเจ้าผู้หยาบคายนี้เป็นการไม่สมควร
“น้องหลิวเย่อยู่ไหน?” ชิงผิงระงับความรู้สึกอยากต่อยเขาแล้วถามขึ้น
“นางยังฝึกอยู่ อย่าไปห่วงนางเลย เรามาคุยกันสองคนก็ได้” เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนเป็นสุนัขป่าที่พบกับลูกแกะ
“ข้ามีนัดกับพวกองค์ชายรอจะไปเที่ยวทะเลหมอกด้วยกัน คงจะดีมากถ้าเจ้ามาเที่ยวด้วยกัน คนยิ่งมากก็ยิ่งสนุก!” ชิงผิงคิดว่าคนผู้นี้หน้าหล่อขาว ถ้าสามารถลอกหน้าคนผู้นี้มาสลับเปลี่ยนหน้ากับเย่คงนั่นจะดีเพียงไหน เพื่อให้ภารกิจสำเร็จ นางไม่ต้องการจะยิ้มหวานต่อเจ้าผู้นี้เลย ทั้งอยากด่าว่า ‘เจ้าลามกผู้น่าตาย’ แต่นางก็ยังยิ้มหวาน เป็นเรื่องยากนักที่จะเช่าเรือท่องเที่ยวเลิศหรู ทุกวันนี้เป็นช่วงที่มีคลื่นหมอกควันมากและกระแสน้ำอุ่น ถ้าไม่ไปเที่ยวคงน่าเสียดาย นี่ไม่สุภาพเลยนะ จะให้ข้ารออยู่อย่างนี้หรือ น้องหลิวเย่จะฝึกเสร็จเมื่อใด?”
“ดูเหมือนนางจะเข้าถึงสนามพลัง...คาดว่าคงไม่มีเวลาไปเที่ยวที่ไหนในช่วงวันสองวันนี้ ไม่ต้องห่วงนาง มีหลายอย่างที่เราไม่ควรรบกวนนาง” เย่ว์หยางบอกว่าหลิวเย่ไม่ว่างและชิงผิงลอบดูถูกเขาในใจ ระแวงว่าเขาไม่ยอมปล่อยไปนางไปมากกว่า?
“เหรอ? นางช่างขยันจริงๆ!” ชิงผิงยิ้มหวานยิ่งกว่าน้ำตาล แต่ในใจนางโกรธจนอยากจะฆ่าเจ้าคนลามกข้างหน้านี้
มีนางจะไม่รู้สึกสะดวกหรือเปล่า?
เมื่อได้ยินก็เข้าใจความคิดเขาผิดๆ พระเจ้า! นางรู้ว่าหลิวเย่เป็นสาวน้อยที่บริสุทธิ์ ขยันทำไมนางต้องมาฟังเจ้าลามกนี่พูดด้วย!
คนอย่างนี้เป็นครูบาอาจารย์คนได้อย่างไร? ถ้าขืนมีคนลามกอย่างเจ้าผู้นี้เป็นอาจารย์นับเป็นความโชคร้ายของนักเรียน... แน่นอนว่าชิงผิงแค่คิดในใจ แต่ไม่พูดออกมา ได้แต่ยิ้มเหมือนบุปผาแรกแย้ม อย่างไรก็ตามมีรอยเหยียดหยามอยู่ในสายตาที่เหมือนคมมีดนั้นเล็กน้อยคาดว่าต่อให้เย่ว์หยางมีสิบชีวิตก็ต้องถึงจุดจบ
เย่ว์หยางบอกว่าหลิวเย่ไม่ว่างและชิงผิงจะไปแทนนางก็ได้เลย
เขาไม่รอให้ชิงผิงเปลี่ยนใจ รีบเอาชุดสวยงามเต็มไปด้วยลวดลายต่างๆ ชุดที่มีมีลวดลายสวยงามนั้นเป็นชุดแนบเนื้อทำให้เกิดเสน่ห์ดึงดูดในทุกท่วงท่าอิริยาบถ
เดิมทีเมืองไป๋เหอไม่อนุญาตให้สวมใส่เสื้อผ้าที่เผยจุดสำคัญของสตรีสามจุด แต่ชุดนี้ออกแบบไว้อย่างฉลาดส่วนที่สำคัญของสตรีสามจุดถูกปิดคลุมไว้มิดชิด
เนื้อผ้าไม่ได้ผิดกฎ แต่เสน่ห์เย้ายวนใจไม่ได้ลดลง แม้ส่วนสงวนของสตรีก็ถูกปิดบังไว้เป็นอย่างดีแต่กลับทำให้คนรู้สึกว่าผู้สวมใส่มีเสน่ห์
ชิงผิงรับมาดู
ความสามารถออกแบบนับว่าไม่ธรรมดาสมกับเป็นตัวลามกอันดับหนึ่งของจักรวาล
“ชุดนี้งดงามมาก ท่านออกแบบเองหรือ?” ชิงผิงถาม
“มันแน่อยู่แล้ว นอกจากนักออกแบบผู้มีพรสวรรค์อย่างข้า ใครจะออกแบบชุดงดงามอย่างนี้ได้! ต่อไปข้าจะออกแบบให้เจ้าก็ได้ ถ้าได้สังเกตรายละเอียดและวัดขนาดเจ้าก่อน” เย่ว์หยางภูมิใจจนไม่ได้สังเกตสีหน้าแปลกของชิงผิง
“อา..ขอบคุณ รอจนกว่าเจ้าว่างค่อยคุยกันอีกครั้ง!” ชิงผิงรีบปฏิเสธ ถ้าเขาให้นางสวมชุดที่ให้ความรู้สึกอย่างนั้นบางทีองค์ชายอาจสูญเสียความประทับใจที่มีต่อนาง ขณะที่บุรุษน้ำแข็ง และเย่คงคนหน้าซื่ออาจไม่พูดกับนางอีกต่อไป
“ข้ามีเวลาว่างตลอด เจ้ามาหาข้าเมื่อใดก็ได้ กลางคืนก็ได้ ข้าไม่ค่อยกีดกันสาวงามอยู่แล้ว” เย่ว์หยางพูดบางอย่างที่เป็นนัย
“ดูเจ้ากระตือรือร้นจริงๆ!” ชิงผิงไม่เพียงแต่ฟังเขาพูดผ่านๆ แต่ในใจยังคงเย้ยหยัน คิดว่าเสื้อผ้าแค่นี้จะทำให้นางประทับใจได้หรือ? ยังไม่ต้องคิดถึงว่านางจะชอบองค์ชายเทียนหลัวหรือไม่ แม้แต่หนุ่มน้ำแข็งก็ยังดูดีมากกว่าเด็กหน้าขาวอย่างนี้ คนมากตัณหาอย่างเขาไม่มีใครสนใจแน่! นอกจากเจ้าอ้วนโง่!
ตอนนี้นางเสียใจเล็กน้อยที่มาที่นี่
ถ้านางไม่มาโรงแรมกางเขนเหล็กเพื่อชวนหลิวเย่ไปเที่ยว นางจะไม่มาวุ่นวายกับเจ้าหนุ่มหน้าขาว นางคงมีเวลาที่สนุกสนานกับองค์ชาย,หนุ่มน้ำแข็ง และเจ้าผอมหน้าโง่แล้ว
ที่โชคร้ายที่สุดก็คือไม่ทันได้เชิญชวนหลิวเย่ แต่ปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ติดตามมา ไม่รู้ว่าองค์ชายจะยอมรับเจ้าหนุ่มหน้าขาวนี่หรือไม่
เมื่อวานนี้นางไม่พบเจอเขา เห็นแต่หลิวเย่ที่รีบปิดประตูส่งนาง นางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เมื่อมาพบนางวันนี้ กลับเป็นเช่นนี้
ความรู้สึกที่น่าอึดอัดใจเมื่อคืนนี้เป็นแค่ภาพลวงตานางรู้สึกเศร้าขนาดไหนที่ต้องสูญเสียคนแบบนี้ไป?
ถ้าน้องหลิวเย่หนีออกไปตอนนี้และฉุดดึงเจ้าหนุ่มหน้าขาวนี่กลับไป ก็คงโชคร้าย นางต้องการฝึกฝนอย่างหนัก... เจ้าเด็กหน้าขาวนี่ไม่ได้ฝึกอะไรเลยหรือ? บ้าบอจริงๆ คนอะไรออกแบบชุดราตรีแบบนั้นได้
ชิงผิงคิดว่าวันนี้นางอารมณ์ดีที่สุด นางจะพาเย่ว์หยางไปด้วยและนางไม่ต้องลำบากกับการจัดการทีละคน ในที่สุดนางมาถึงท่าเทียบเรือตะวันออก
เฒ่าเถี่ยเหมา เจ้ากอริลลามนุษย์กุ้งและกะลาสีอื่นกำลังตะโกนบอกต่อเรือสำราญท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่ทอดสมอหันหน้ารับแสงทองยามเช้างดงามรอนักท่องเที่ยวซึ่งกำลังโดยสารรถเข้ามา นักท่องเที่ยวเหล่านี้มาจากเมื่อไป๋เหอเพื่อเยี่ยมชมทะเลหมอกในช่วงเวลานี้ มีแต่ช่วงเวลานี้ของปีทะเลหมอกจะงดงามที่สุดมีสีรุ้งที่ยากจะพบเห็น
“ทางนี้, อรุณสวัสดิ์องค์ชาย คุณชายทันหลาง คุณชายเย่!” ชิงผิงใช้เวลากับเย่ว์หยางไม่กี่นาทีก็มาถึงท่าเรือตะวันออก เมื่อเห็นเจ้าอ้วนไห่เย่คงลงรถไฟที่สถานีท่าเรือตะวันออกนางปล่อยเย่ว์หยางฝ่ากระแสผู้คนไปพบใครบางคนด้วยความตื่นเต้น
“อรุณสวัสดิ์ ชิงผิง!” เจ้าอ้วนไห่ส่งเสียงดังยิ้มกว้างขณะกินซาลาเปาเนื้อไปด้วย
“เฮ้, เจ้าอ้วน เจ้าก็มาด้วยเหรอ” ชิงผิงแสร้งทำเป็นพบเจ้าอ้วนไห่ แต่สาปแช่งอยู่ในใจ!
“เจ้าผู้นี้ใครกัน? น่าเกลียดอย่างนี้ยังกล้าออกไปข้างนอกด้วยหรือ?” เมื่อเจ้าอ้วนไห่เห็นเย่ว์หยางเขาหงุดหงิดทันที ชูกำปั้นรี่เข้าหาเหมือนต้องการหาเรื่อง
“เจ้าไม่รู้จักกันหรือ?” ชิงผิงประหลาดใจเล็กน้อย
“ใครจะรู้จักเจ้างี่เง่านี่!” เย่ว์หยางเตะเจ้าอ้วนไห่ล้มลงกับพื้น แล้วชิงซาลาเปาเอามาใส่กระเป๋าเก็บไว้กินต่อฝีมือหยิบสิ่งของของเขานั้นดูเชี่ยวชาญ คาดว่าฝึกฝนมาไม่เกินสิบปีเป็นไปไม่ได้ที่จะมีฝีมือถึงระดับนี้ได้ ชิงผิงตะลึงอยู่ชั่วครู่นางเห็นเย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่มีสีหน้าเหมือนคนไม่สนิทกันเฉยเมยก็ตัดสินได้ว่าพวกเขารู้จักกัน เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
ชิงผิงสังเกตอยู่นานและพบว่าเจ้าเด็กหนุ่มหน้าขาวมีสัมพันธ์ที่ดีกับเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัว มีสัมพันธ์ธรรมดากับเย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่มีสัมพันธ์กับเจ้าอ้วนไห่เหมือนกับเป็นศัตรู
แน่นอนว่าเหตุผลที่องค์ชายเทียนหลัวทักทายเจ้าเด็กหน้าขาวอาจเป็นเพราะได้รับการอบรมมารยาทมาอย่างดีไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน! แต่ที่แน่ก็คือคนกลุ่มนี้รู้จักกันและคงมาจากถิ่นเดียวกันแน่นอน
เจ้าอ้วนไห่ลุกขึ้นจากพื้นอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ เปลี่ยนเป็นคนอื่นคงรู้สึกอายขายหน้าต่อสาธารณชน แต่เขาตะโกนขึ้นอย่างไม่สนใจ “น้องหลิวเย่ของข้าอยู่ที่ไหน? ทำไมนางไม่มาด้วย?”
“อะไรนะ, หลิวเย่เป็นน้องสาวเจ้าหรือ? บังอาจ! นางเป็นศิษย์ของข้า!” เย่ว์หยางทำท่าขยับเท้าขู่ขวัญจนเจ้าอ้วนไห่จนถอยหลังกรูดดด
“ไม่จำเป็นต้องพูดเลยเจ้าไม่ยอมให้นางออกมาเที่ยว” คำพูดของเจ้าอ้วนไห่ทำให้ชิงผิงเห็นด้วยเป็นครั้งแรก
นางก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
ต้องเป็นตัวลามกใหญ่นี้ที่เข้มงวดกับหลิวเย่ ดังนั้นเขาไม่ยอมปล่อยให้นางออกไปเที่ยวทะเลหมอกพร้อมกับทุกคน
การฝึกฝนเพื่อเข้าใจสนามพลังนั่นเป็นเรื่องอ้างโกหก
สาวน้อยอย่างหลิวเย่จะมีพลังถึงขนาดเข้าใจเรื่องของสนามพลังได้ยังไง? นางโง่พอให้เขาหลอกได้อย่างไร? ทัศนคติที่นางมีต่อเย่ว์หยางเปลี่ยนเป็นเลวร้ายกว่าเดิม! คนแบบนี้นอกจากหน้าตาดีแล้วไม่มีอะไร! ถ้าหน้าตาของเขาเปลี่ยนได้กับเย่คงบุรุษน้ำแข็งและองค์ชายได้ก็คงเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรสูญเปล่า!
เย่ว์หยางแค่นเสียงย้อนคำถามเจ้าอ้วนไห่ “เจ้าดีแต่ผายลม ข้าปกป้องหลิวเย่นางยังเป็นลูกศิษย์ของข้า ข้าทรมานนางหรือไง? นางยังเยาว์วัย ยังไม่เข้าใจว่าหัวใจของมนุษย์นั้นน่ากลัวเพียงไหน เป็นเรื่องอันตรายที่จะพานางไปขึ้นเรือเที่ยวเล่นด้วย!”
เจ้าอ้วนไห่ไม่ค่อยมั่นใจ “นอกจากเจ้า ใครอื่นยังจะหลอกนางได้!”
“เจ้าอ้วนบ้า, คันเนื้อคันตัวมากนักใช่ไหม? หรือว่ากำลังหาเรื่องตาย...”
“สู้กันก็เหมือนกับได้กินอาหารนั่นแหละ!”
“ทำไมเจ้าไม่แกล้งตายอีกเล่า? มิฉะนั้นเราคุณชายจะแล่เนื้อไขมันเจ้าแล้วทอดเอาน้ำมัน!”
“ข้ากลัวจริงๆ ถ้าเจ้าเคลื่อนไหวเล็กน้อย ข้าจะแอบย้อนกลับไปเปิดประตูบ้านของเจ้า!”
ชิงผิงต้องการไกล่เกลี่ยให้พวกเขาแต่ก็พบว่าเย่คงและพวกทำเหมือนว่าเรื่องทะเลาะวิวาทกันนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เห็นได้ทั่วไปนางได้แต่ถอนหายใจ การทะเลาะกันของคนพวกนี้เป็นเรื่องปกติ! ขณะที่นางยังไม่ได้ตรวจสอบตั๋วโดยสารนางยังคงคุยกับเย่คงและคนอื่น เมื่อองค์ชายเทียนหลัวชมกระโปรงสีเขียวอ่อนของนางว่าน่าสนใจ นางทำเขินอายบอกว่าได้เมื่อตอนวันเกิดครบสิบหกปีตอนนี้ค่อนข้างสั้นเล็กน้อย
ทันทีที่นางพูดถึงเรื่องเสื้อผ้า เย่ว์หยางเหยียบเจ้าอ้วนไห่และรีบเข้ามาร่วมวงสนทนาทันที“กระโปรงสั้นตรงไหนกัน? กระโปรงปิดเข่าข้าว่ามันยาวเกินไป! กระโปรงสั้นคืออะไร ต้องพูดถึงกระโปรงสั้นจิ๋วในตำนาน”
เมื่อเจ้าอ้วนไห่ได้ยินคำว่ากระโปรงสั้นจิ๋วตาของเขาเป็นประกายเหมือนหมาป่าทันที “กระโปรงสั้นจิ๋วในตำนานคืออะไร?”
เย่ว์หยางพึมพำ “นั่นคือกระโปรงที่สั้นมากๆ กล่าวกันว่ามีแต่คนระดับเจ้าพ่อเท่านั้นที่เห็นได้”
“เจ้าพ่อ?” เจ้าอ้วนไห่ถาม เจ้าพ่อนี้คือเทพม้าหรือเปล่า?
“กล่าวกันว่าเจ้าพ่อเป็นคำเรียกของภาษาลับโบราณหมายถึงสุดยอดนักสู้ที่หายสาบสูญไปนานมาก” เย่ว์หยางเย่ว์หยางอวดภูมิรู้ที่คนอื่นไม่มีทางรู้ได้อย่างแท้จริง นี่เป็นความรู้จากโลกก่อน
“เจ้าพ่อนี้ ก็เหมือนกับเทพเจ้า....” เจ้าอ้วนไห่เสนอหน้าทันที “ข้าอยากเป็นเจ้าพ่อบ้าง จะได้มองดูกระโปรงสั้นจิ๋วให้เต็มตา!”
“ดูเหมือนสวะอย่างเจ้าน่ะหรือ?ในสมัยเด็กเจ้าไม่รู้จักอ่านเรียนให้ดี แล้วอยากจะเป็นเจ้าพ่อน่ะหรือ? เจ้าอยากเห็นกระโปรงสั้นจิ๋วจริงๆ หรือ? ประสาทจริงๆ เด็กๆ! ต่อไปพวกเจ้าต้องเตือนเจ้าอ้วนนี่อย่าให้ได้พบจุดจบที่น่าอนาถอีก!” เย่ว์หยางเขกกะโหลกเจ้าอ้วนไห่ เหมือนเป็นการเตือนเย่คง เสวี่ยทันหลางองค์ชายเทียนหลัวว่าพวกเขาควรจะฝึกฝนให้หนักขึ้นทุกคนวัน
“ในโลกนี้มีกระโปรงสั้นจิ๋วจริงๆ หรือ?” ชิงผิงไม่เคยได้ยินเรื่องทำนองนี้
“อะแฮ่ม,เจ้ารู้เรื่องการออกแบบเสื้อผ้ายุคโบราณแค่ไหน? เกี่ยวกับกระโปรงสั้นจิ๋วในตำนานนี้มีอยู่ในคัมภีร์โบราณชื่อว่า คัมภีร์ไซอิ๋ว ข้าได้เห็นครั้งหรือสองครั้งแต่ข้ามีปัญหาในการทำความเข้าใจจนกระทั่งข้าได้เข้าใจว่านั่นเป็นเหมือนเสื้อผ้าเทพที่มีมาแต่โบราณดึกดำบรรพ์ จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆ จึงจะมีโอกาสได้ใส่” เย่ว์หยางส่งสัญญาณให้ทุกคนฟังเรื่องราวของเขา
“โปรดอธิบายเพื่อคลายความเขลาเบาปัญญาให้เราด้วย!” เจ้าอ้วนไห่อดแสดงความนับถือไม่ได้
“คัมภีร์โบราณไซอิ๋ว ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน?” ชิงผิงยังคงสงสัยอยู่ในใจ
“ไซอิ๋วกล่าวถึงเรื่องราวการต่อสู้กับโชคชะตาของวานรกำพร้าเป็นเรื่องไม่ยาวแต่น่าซาบซึ้งตรึงใจยิ่งนัก เมื่อเจ้าลิงตัวนี้โดดออกมาจากเขาห้าดรรชนีปรากฏตัวและไล่ฆ่าเสือแก่แล้วถลกหนังของมันมานุ่งเป็นกระโปรงสั้นหนังเสือ” เจ้าอ้วนไห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “โหว...กระโปรงต้องสั้นจริงๆ! สามารถทำลายภูเขาห้าดรรชนีออกมาได้ฆ่าเสือแก่ เย็บเป็นกระโปรงสั้น เขาคือเจ้าพ่อใช่หรือเปล่า?”
“ไม่, เจ้าพ่อนั้นแข็งแกร่งอย่างที่ข้าไม่เคยพบเจอมาก่อน” เย่ว์หยางทำหน้าเสียดาย
“แล้วกระโปรงสั้นจิ๋วนี่เรื่องจริงหรือ?” ชิงผิงเมื่อได้ยินเรื่องจริงเล็กน้อย นางสงสัยว่าเจ้าลามกผู้นี้ไม่น่าสามารถแต่งเรื่องราวที่ดีอย่างนี้ได้ จากนั้นนางถามต่อ “เหมือนกับอะไร?”
“ความจริงเป็นภาพวาด ข้าไม่เคยเห็น แต่ถ้าทำตามตำนาน ข้าต้องสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจกว่าจะเลียนแบบได้เพียงไม่กี่จุด” เย่ว์หยางพูดอย่างไม่เห็นแก่ตัว“เมื่อข้าทำเสร็จข้าจะส่งรูปไปให้เจ้าดู คาดว่าถ้าอย่างเจ้าได้สวมใส่คงดูดีเป็นแน่” เขาพูดจบ เจ้าอ้วนไห่ เย่คงปรบมือโห่ร้อง
“จริงหรือ? ข้าต้องขอบคุณไว้ก่อน...” แม้ว่าชิงผิงจะรู้สึกอึดอัดใจกับเย่ว์หยาง แต่นางอยากสวมใส่ชุดในตำนานจริงๆ
เฒ่าเถี่ยเหมาเดินเข้ามาหาและขออย่างสุภาพให้เย่ว์หยางกับพวกขึ้นเรือ และจากนั้นเรือสำราญเปิดเสียงหวูดเรือ
การเดินทางไปทะเลหมอกเริ่มขึ้นแล้ว การเดินทางจะเป็นเช่นไร? จากรอยยิ้มบนใบหน้าของเย่ว์หยางเจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับพวก ดูก็รู้ว่านี่เป็นการเดินทางที่สนุก
…………………………