9.แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
หลังจากเลื่อนระดับสายเลือดแล้ว
หนิงซีได้รับค่าประสบการณ์ทั้งหมด 6,000 แต้ม
เขาจัดสรรค่าประสบการณ์ 2,000 แต้มให้นักรบสายเลือดแล้ว
[นักรบสายเลือดเลื่อนระดับเป็นระดับ 2 (0/5000), ค่ากายภาพ +2,
ค่าพลังจิตวิญญาณ +1, แต้มทักษะ +1, แต้มศักยภาพ +1]
นักรบสายเลือดนั้นสุดยอดมาก หลังจากเลื่อนระดับ
มันจะเพิ่มค่ากายภาพและค่าพลังวิญญาณได้โดยตรง
ตอนนี้ คุณลักษณะของหนิงซี มีดังนี้:
อวตาร : หนิงซี
กายภาพ : 22 (35)
พลังวิญญาณ : 13 (20)
ภาพลักษณ์ : 8 (หล่อมาก)
พื้นฐานครอบครัว : 5 (ปกติ)
สายเลือด : สายเลือดแห่งหมียักษ์ (ขีดจำกัดกายภาพ 35 : ขีดจำกัดพลังวิญญาณ: 20)
อาชีพ : นักล่าระดับ 7 (1200/1800) / นักรบสายเลือดระดับ 2 (0/5000)
ทักษะ : ยิงธนูระดับ 3, สร้างกับดักระดับ 1, การวิ่งในป่าระดับ 1
ความสามารถพิเศษ: การเรียนรู้ (สีน้ำเงิน), ความแข็งแกร่งแห่งยักษ์ (สีน้ำเงิน), การฟื้นฟู (สีทอง)
ความสำเร็จ : ไม่มี
เขายังเหลือ ค่าประสบการณ์ 4,000 แต้ม, แต้มศักยภาพ 2 แต้ม และแต้มทักษะ 4 แต้ม
สายเลือดแห่งหมียักษ์ให้เพียงพรสวรรค์เท่านั้น แต่ไม่ได้ให้ทักษะ
ต่างจากงูยักษ์สายลมของลีนาที่มีทักษะประเภทวายุ
หนิงซี ต้องรีบเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ประชิดตัวอย่างเร่งด่วน
เพื่อที่จะดึงศักยภาพทางกายภาพที่มากผิดปกติออกมาใช้
หนิงซีใช้ค่าประสบการณ์ 3,800 แต้มเพิ่มระดับนักล่าเป็นระดับ 9 (200/5000)
จากนั้นก็ได้รับแต้มทักษะ 2 แต้มและแต้มศักยภาพ 2 แต้ม
ด้วยวิธีนี้ ทำให้เขามีแต้มศักยภาพ 4 แต้มและแต้มทักษะ 6 แต้ม
ในการยกระดับสายเลือดแห่งหมียักษ์ไปสู่สายเลือดหมีที่ทรงพลังขึ้น เขาต้องใช้ 3 แต้มศักยภาพ
ขณะที่หนิงซีกำลังจะเลื่อนระดับสายเลือด ระบบก็แจ้งเตือนขึ้นว่า
[ขอแนะนำให้อวตารสังเคราะห์สายเลือดก่อน เพื่อเพิ่มศักยภาพของสายเลือด
ก่อนที่จะดำเนินการเลื่อนระดับสายเลือด ยิ่งระดับสายเลือดสูงขึ้น
การสังเคราะห์สายเลือดก็จะยิ่งยากขึ้น]
เมื่อเห็นการแจ้งเตือนของระบบ หนิงซีจึงล้มเลิกที่จะเลื่อนระดับสายเลือด
ต่อจากนี้ เขาต้องเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ประชิดตัว ล่าสัตว์อสูรเวทย์
และค้นหาสายเลือดเพื่อนำมาสังเคราะห์
หลังจากวุ่นวายมาทั้งวัน แม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่เหนื่อยล้า
แต่จิตใจเขาอ่อนล้ามาก หนิงซีออกจากเกมและปล่อยให้อวตารเข้าสู่โหมดแฮ็กระบบ
เมื่อเขากลับสู่โลกความเป็นจริง เขาคลิกที่ซิงโครไนซ์ทันที
ความสามารถอวตารทั้งหมดก็ซิงโครไนซ์กับร่างหลัก
ตอนนี้เป็นเวลา 00:30 ในตอนกลางคืนแล้ว
หนิงซีหิวมาก เขาสวมรองเท้าแตะเดินออกไปตามถนน
เมืองตงหลินเป็นเมืองคึกคักที่ไม่เคยหลับใหล
ยิ่งช่วงกลางดึกกลางฤดูร้อนก็ยิ่งมีคนออกมาทำกิจกรรมมากขึ้น
หนิงซีเดินผ่านถนนมาสองสายจนถึงร้านบาร์บีคิว
“เถ้าแก่ เนื้อวัวเสียบไม้ 50 ไม้ เนื้อสันนอกหมู 20 ไม้ น่อง 5 ไม้ มะเขือยาว 2 ไม้
กระเทียมหอม 2 ไม้ เนื้อแกะเสียบไม้ 20 ไม้ เนื้อสะโพกแกะเสียบไม้ 2 ไม้…”
หนิงซีสั่งบาร์บีคิวจำนวนมากและหาโต๊ะนั่งขนาดเล็กที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง
การค้าของร้านบาร์บีคิวนี้ดีมาก แม้จะเป็นเวลาดึกมากแต่ผู้คนก็ยังพลุกพล่าน
กลุ่มเพื่อนฝูงสามหรือห้าคนมารวมตัวกันดื่มไวน์และกินบาร์บีคิว มันป็นชีวิตประจำวันของผู้คน
รอไม่นานบาร์บีคิวก็มาเสิร์ฟ หนิงซีกินจนน้ำมันเต็มปาก เขาดื่มเบียร์เย็น ๆ และดื่มด่ำกับอาหารเลิศรส
เมื่อกินเสร็จ ก็มีความวุ่นวายเกิดขึ้นที่โต๊ะถัดไป
ชายอ้วนเปลือยร่างท่อนบนมีรอยสักเต็มแขนกำลังสบถเสียงดัง
“แม่Xเอ้ย ฉันไม่ได้จ่ายเพื่อฟังเพลงนะโว้ย อย่าขัดขืนและไม่ต้องอายไป!”
มีเด็กผู้หญิงยืนถือกีตาร์ตัวสั่นงันงกอยู่หน้าเขา
ในวันกลางฤดูร้อน เด็กหญิงสวมเสื้อเชิ้ตตัวสั้นที่เผยให้เห็นหน้าท้องขาวนวลและสวมกางเกงขาสั้นร้อนแรง
ทำให้เธอดูเซ็กซี่มาก
เธอร้องเพลงอยู่ที่ร้านบาร์บีคิวและโชคร้ายที่เจอกับอันธพาลข้างถนนที่สนใจเธอ
“ฉันไม่ต้องการเงิน ฉันแค่ร้องเพลง ไม่ได้ขายตัว”
ชายอ้วนที่ไม่สวมเสื้อมีกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
เห็นได้ชัดว่าเขาเมามาก เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหญิงสาว เขารีบดึงหญิงสาวเข้ามาในอ้อมแขนของเขาทันที
“แกรับเงินของฉันไปแล้ว แกจะตอบแทนฉันยังไง!”
ขณะที่เขาพูด มือของเขาก็เริ่มขยับอย่างหยาบคาย
เถ้าแก่ร้านเห็นเหตุการณ์ ก็รีบเข้ามาห้าม แต่คนมากกว่าสิบคนที่โต๊ะไม่ได้สนใจเถ้าแก่เลย
ลูกค้ารอบๆ ก็ไม่กล้าเสนอหน้า แต่มีคนโทรแจ้งตำรวจแล้ว
“มันจะซวยอะไรอย่างนี้วะ!”
หนิงซีบ่นพึมพำแล้วยืนขึ้น
“ผู้ชายเป็นโหลรุมผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ พวกแกไม่อายบ้างรึไง? ปล่อยเธอซะ!”
พวกอันธพาลกำลังเมา เมื่อเห็นมีคนเข้ามายุ่ง พวกมันก็ยืนขึ้นพร้อมสบถเสียงลั่น
พวกนี้ก็ไม่สวมเสื้อและมีรอยสักแทบทุกประเภท ในที่สุดหนิงซีก็ทนไม่ได้
“ไอ้โง่ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องคนอื่นโว้ย ระวังผิวสวยๆเนื้อนุ่มๆ ของแกจะเสียโฉม”
หนิงซีมองไปที่กลุ่มอันธพาลอย่างไม่เกรงกลัว
“แกซิโง่ ปล่อยเธอไป”
อันธพาลที่กำลังเมา ถูกยั่วยุจากหนิงซี จึงยั้งตัวเองไม่ได้?
ชายร่างผอมสูงหนึ่งในกลุ่มนักเลงที่อยู่ใกล้หนิงซี หยิบขวดเบียร์เปล่าบนโต๊ะขว้างไปที่หนิงซี!
เพล้งงงง!
ขวดเบียร์กระแทกเข้ากับหัวของหนิงซี แตกกระจายไปทั่วพื้น
หนิงซีไม่เป็นอะไรเลย เขาบิดคอและชกไปที่ท้องของชายร่างผอมสูง
จนตัวงอเหมือนกุ้งล้มลงกับพื้นทันที สำลักลมหายใจแทบไม่ทัน
อันธพาลคนอื่นเห็นดังนั้นก็พากันกลุ้มรุมเข้ามา
หนิงซีใส่ไม่ยั้งกระแทกทั้งหมดล้มลงในไม่กี่กระบวนท่า
ลูกค้ารอบข้างตกตะลึง
“หนุ่มหล่อคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ใช่ไหม?
เขายอดเยี่ยมมาก เอาชนะคนมากกว่าสิบคนด้วยตัวคนเดียว”
“ใช่ เขารู้จักวิชาหัวเหล็ก เมื่อกี้ขวดโดนหัวเขาอย่างจัง เลือดยังไม่ออกสักหยด”
“หล่อและกร้าวมาก ถ้าฉันมีแฟนแบบนี้ เขาคงปกป้องฉันได้!”
“พ่อหนุ่ม ป้ามีบ้านสองหลัง คุณยังอยากสู้ที่นั่นอีกไหม”
เมื่อเห็นหญิงอ้วนที่แต่งจัดตรงหน้า มุมปากของหนิงซีก็กระตุก เขารีบจ่ายเงินและจากไป
สิบนาทีต่อมา ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ
หลังจากถามเถ้าแกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็พาอันธพาลทั้งหมดไปโรงพัก
เมื่อถึงบ้านหนิงซีก็อาบน้ำ และเอาผ้าลงเครื่องซักผ้า
เขานอนดูรายการวาไรตี้อยู่พักหนึ่งก่อนจะหลับสนิท
เช้าวันต่อมา ขณะที่หนิงซีกำลังจะเข้าเกม กริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น
เขาเปิดประตูและเห็นผู้หญิงสวยดูฉลาดในชุดเครื่องแบบสีดำยืนคอยอยู่ที่ประตู
ม่านตาของหนิงซีหดลง เมื่อสองวันก่อน เขาเคยเห็นเครื่องแบบสีดำนี้มาแล้ว
เจ้าหน้าที่ที่ไปจับกุมผู้ปลุกพลังที่ภัตตาคารหยานอู่ก็สวมเครื่องแบบนี้
“สวัสดี คุณคือหนิงซีใช่ไหม
ฉันเป็นสมาชิกของสำนักควบคุมปรากฎการณ์พิเศษของราชอาณาจักรอวิ๋นเหมิง
ฉันชื่อหยุนโม่เซียง”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอช่วยให้เธอดูเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ
แต่มีความหยิ่งทะนงฝังในกระดูกของเธอ เธอมองหนิงซีด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า
หนิงซียังคงรักษาความเยืกเย็นไว้
“คุณหยุน คุณตามหาฉันทำไม เข้ามาคุยกันข้างในดีกว่า”
"เชิญนั่ง. ฉันอาศัยอยู่คนเดียว มันเลยรกหน่อยนะ”
หนิงซีหยิบขวดน้ำอัดลมออกมาจากตู้เย็น วางไว้บนโต๊ะ
หยุนโม่เซียง เดินเข้าไปในห้องและกะขนาดของห้องชายโสดคนนี้คร่าวๆ
เธอนั่งบนโซฟาอย่างงดงาม
“หนิงซี ชาวเมืองตงหลิน เป็นคนซุกชนมาตั้งแต่เด็กและชอบแกล้งคนอื่น
มีผลการเรียนยอดเยี่ยมและสอบได้อันดับที่ 21 ของเมืองในการสอบเข้ามัธยมปลาย
เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายลำดับที่หนึ่งของตงหลิน ทำคะแนนได้ 655 คะแนน
เข้าเรียนแผนกวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยตงหลิน
หลังจบการศึกษา ทำงานเวลาห้าปีที่ หลงจิ่งกรุ๊ป บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ต
ยื่นใบลาออก เมื่อเช้าวานนี้”
“ปัจจุบัน จัดตั้งบริษัทร่วมกับเพื่อนสมัยเด็ก หยางหยุนจีและเฉินเว่ย
ภายใต้ชื่อ บริษัทผลิตอาหารและน้ำผลไม้ห้าธัญรส ตงหลิน วันคัพ จำกัด”
“บิดาชื่อ หนิงเทา เป็นรองประธานสาขาอู่เฉิง ธนาคารตงหลิน
มารดาชื่อ หวังหยาน เป็นหัวหน้าของ บริษัทการค้าตงหลินจิงเฉินจำกัด เชี่ยวชาญด้านสิ่งทอ”
หยุนโม่เซียงบอกข้อมูลทั้งหมดของหนิงซีอย่างช้าๆ
ถือเป็นคำเตือนเงียบ ๆ เพื่อสร้างแรงกดดันต่อหนิงซี
หนิงซี ไม่ได้ตกหลุมพรางนี้ เขาพูดเบา ๆ
“คุณหยุน คุณต้องการอะไร? ช่วยบอกตรงๆ ยุคนี้เป็นยุคของข้อมูล สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความลับ”
หยุนโม่เซียงเปลี่ยนท่านั่งและยกขาขวาไขว้บนขาซ้าย
เผยให้เห็นข้อเท้าเซ็กซี่และรองเท้าส้นสูงสีแดง
“สำนักควบคุมปรากฎการณ์พิเศษ
เป็นหน่วยงานอย่างเป็นทางการของราชอาณาจักรอวิ๋นเหมิง
รับผิดชอบการลงทะเบียน การฝึกอบรม และค้นหาผู้ปลุกพลัง”
“เราได้ภาพคุณจากกล้องวงจรปิดของภัตตาคารหยานอู่ ตอนที่เราจับกุมอาชญากรเมื่อวานซืน
เราได้เห็นว่าความทรงจำของคุณไม่ได้ถูกลบโดยคริสตัลเวทย์มนต์”
“มีเพียงผู้ปลุกพลังเท่านั้นที่สามารถต่อต้านคริสตัลเวทย์มนต์ได้”
“เดิมฉันคิดว่าจะมาหาคุณในอีกสองสามวันข้างหน้า
แต่จากการกระทำเมื่อคืนนี้ ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากปรากฏตัวล่วงหน้า”
หนิงซี ไม่ได้ปฏิเสธข้อสังเกตของทางการว่าเขาเป็นผู้ปลุกพลัง
เขาถามว่า
“เมื่อวานฉันทำร้ายพวกอันธพาลมากกว่าหนึ่งโหล คุณคิดว่าฉันตัวอันตรายเพราะเรื่องนั้นเหรอ?”
“คุณทำเพื่อความยุติธรรม ฉันรู้สึกยินดีมาก
แต่ตามข้อบังคับของผู้ปลุกพลัง เว้นแต่จะถูกรุกราน ผู้ปลุกพลังห้ามจงใจทำร้ายคนธรรมดา”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำ”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเป็นคนมาหาคุณ ไม่ใช่คนจากกรมสืบสวนคดีพิเศษ”
หยุนโม่เซียงหยิบหยิบน้ำอัดลมขึ้นมาเปิดฝาขวดแล้วจิบ จากนั้นเธอก็พูดต่อ
“ตามขั้นตอน ฉันต้องตรวจสอบความสามารถของคุณและยืนยันตัวตนของคุณในฐานะผู้ปลุกพลัง”
หนิงซีไม่ขัดข้อง เขาต้องการใช้ตัวตนผู้ปลุกพลังเพื่อซ่อนความลับของอวตารในเกม
“ความสามารถของฉันง่ายมาก แค่ความแข็งแกร่งของฉันเพิ่มขึ้นและร่างกายของฉันก็แข็งแรงขึ้น”
หนิงซียกโต๊ะขึ้นด้วยมือข้างเดียวแสดงให้เห็น
“มันเป็นความสามารถประเภทพละกำลัง”
ความผิดหวังฉายวาบผ่านสายตาของหยุนโม่เซียง เธอยื่นกระดาษให้หนิงซี
“มีที่อยู่เว็บและหมายเลขบัญชีอยู่ในนี้ คุณสามารถล็อคอินเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
เพื่อตรวจสอบความรู้ทั่วไปและกฎข้อบังคับของผู้ปลุกพลัง”
หยุนโม่เซียงดื่มน้ำอัดลมหมดในอึกเดียวและลุกขึ้นยืน
“ข้อมูลของคุณจะถูกลงทะเบียนที่สำนักควบคุมปรากฎการณ์พิเศษ
ถ้าไม่อยากโดนกรมสอบสวนคดีพิเศษตามจับก็อย่าสร้างปัญหาให้ตัวเอง”.
“คุณโชคไม่ดี ถ้าเป็นในอดีตหลังจากที่คุณลงทะเบียนเป็นผู้ปลุกพลังแล้ว
รัฐจะจ่ายเงินสวัสดิการให้เดือนละ 10,000 หยวน
แต่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเมื่อเร็วๆ นี้
ผู้ปลุกพลังนั้นไม่ได้หายากอีกต่อไปและสวัสดิการส่วนนี้ก็หายไป”
หลังจากพูดจบ หยุนโม่เซียงก็เดินจากไป หนิงซีปล่อยให้เธอไปโดยไม่พูดอะไร
ตอนนี้ เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐมากเกินไป
หนิงซี รู้สึกได้ว่าหลังจากที่หยุนโม่เซียงรู้ว่าเขามีความสามารถประเภทพละกำลัง
เธอแสดงสีหน้าผิดหวัง และทัศนคติก็ดูห่างเหินมากขึ้น
เขาล็อคอินเข้าใช้เว็บไซต์ที่หยุนโม่เซียงให้ไว้
มันเป็นฟอรัมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของเหล่าผู้ปลุกพลังของราชอาณาจักรอวิ๋นเหมิง
จากข้อมูลมนฟอรัมช่วยให้หนิงซีเข้าใจข้อมูลของผู้ปลุกพลังมากขึ้น
และทราบว่าทำไมหยุนโม่เซียงจึงมีท่าทีเปลี่ยนแปลงไป
หลังจากนึกว่าเขาเป็นผู้ปลุกพลังประเภทพละกำลัง
ผู้ปลุกพลังเป็นชื่อของบรรดาบุคคลพิเศษในราชอาณาจักรอวิ๋นเหมิง
ที่ปลุกความสามารถพิเศษของพวกเขาขึ้นมา
ความสามารถพิเศษมีหลากหลายประเภท และศักยภาพในการพัฒนาของแต่ละประเภทก็แตกต่างกัน
โดยที่ทราบกันว่าความสามารถพิเศษประเภทพละกำลังมีศักยภาพในการพัฒนาต่ำที่สุด
ในขณะที่ความสามารถพิเศษประเภทธาตุ ประเภทจิตวิญญาณ และความสามารถพิเศษอื่นๆ
มีศักยภาพในการพัฒนามากกว่า
จากข้อมูลในฟอรัม บุคคลผู้มีความสามารถพิเศษประเภทความพละกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดคือ
แอนเดอร์สัน เขาเป็นคนของแคว้นหมีดำ และปัจจุบันเขาเป็นเพียงผู้ปลุกพลังระดับ 3 เท่านั้น
ความสามารถพิเศษประเภทความพละกำลังเป็นความสามารถพิเศษระดับต่ำสุดในบรรดาผู้ปลุกพลัง
เดิมที หนิงซีนึกว่าหยุนโม่เซียงจะเชิญเขาเข้าร่วมองค์กรอย่างเป็นทางการ
แต่เห็นได้ชัดว่าเมื่อเธอนึกว่าเขาเป็นผู้ปลุกพลังประเภทพละกำลัง เธอก็ล้มเลิกความคิดดังกล่าว
นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่หนิงซีต้องการ เขาสามารถใช้ตัวตนของผู้ปลุกพลังได้
แถมยังเป็นประเภทที่ไม่โดดเด่นอีกด้วย มันน่าจะช่วยลดปัญหาในอนาคตให้เขาได้มาก.