ตอนที่แล้ว2.ภารกิจแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป4. โหมดแฮ็คระบบและการลาออก

3.น้ำห้าธัญรสแผลงฤทธิ์


หลังวางสาย หนิงซีรับอีกสามภารกิจ

[ต้องการเนื้อสัตว์ : ลุงแซม เจ้าของร้านขายเนื้อ ต้องการเนื้อหมูป่าจำนวนมาก ฆ่าหมูป่า 10 ตัวแล้วเอาเนื้อมาขายให้เขา]

[วิกฤตสมุนไพร: ขาดแคลนวัตถุดิบในร้านขายยา กรุณารวบรวมสมุนไพรสำหรับผู้เริ่มต้น 100 หน่วยและขายให้ร้านขายยา]

[ปัญหาของลีน่า: ลีน่าเป็นลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน หมีดำที่เธอเลี้ยงไว้หายไป โปรดตามหาหมีดำและส่งคืนให้ลีน่า]

ปัญหาของเกมนี้ คือไม่มีการบอกรางวัลของภารกิจล่วงหน้า  หนิงซีได้แต่เหวี่ยงแหเดาไปเรื่อย

ภารกิจเหล่านี้ค่อนข้างอันตราย เนื่องจากต้องเข้าไปในภูเขาและล่าหมูป่า

แต่หนิงซีไม่รีบร้อนที่จะทำภารกิจ เขาออกไปนอกหมู่บ้านเพื่อฟาร์มกระต่าย 20 ตัวก่อน จนกระทั่งยกระดับนักล่าเป็นระดับ 4

ด้วยคะแนนศักยภาพหนึ่งแต้มที่เพิ่มเข้าไปในค่ากายภาพ ทำให้ค่ากายภาพของเขากลายเป็น 8 แต้ม

ด้วยค่ากายภาพ 8 แต้ม เทียบเท่าได้กับนักกีฬาที่ฝึกฝนมาหลายปี ถ้าเขาฝึกเพิ่มอีกเพียงนิดหน่อย เขาอาจลงแข่งชิงเหรียญในโอลิมปิกดาวเสาร์เลยก็ได้

หนิงซีรู้สึกว่าความแข็งแกร่งและความว่องไวเพิ่มขึ้นมาก น่าเสียดายที่หลังจากมาถึงนักล่าถึงระดับ 4แล้ว เขาไม่ได้รับค่าประสบการณ์จากการฆ่ากระต่ายอีกต่อไป

นอกจากนั้น เขายังต้องการคะแนนประสบการณ์อีก 200 แต้มเพื่อเลื่อนไปยังนักล่าระดับ 5 มันยากมากที่จะสำเร็จโดยเร็ว

เมื่อคิดว่าภารกิจต่อไปคือการเข้าไปในป่า หนิงซีจึงใช้คะแนนทักษะสองแต้มเพื่อเรียนรู้การสร้างกับดักและการวิ่งในป่า

การสร้างกับดักใช้ดักจับหมูป่าได้ การวิ่งในป่าจะเพิ่มความเร็วของหนิงซีในการเคลื่อนไหวได้มากและช่วยในการรักษาความทนทานของเขา

หนิงซีมาถึงภูเขาหมีดำด้านหลังหมู่บ้าน หยิบสมุนไพรออกมาจำนวนหนึ่งและวางกับดักสี่อัน เมื่อเห็นว่าเริ่มจะมืดแล้ว เขาจึงกลับเข้าไปในหมู่บ้าน

หนึ่งในอันตรายที่ระบบเตือนเขาคือ ไม่ขึ้นเขาตอนมืด

หนิงซีกลับมาที่บ้านหินแบบเรียบๆซึ่งหัวหน้าหมู่บ้านช่วยจัดหาให้และเลือกที่จะออกจากเกม

[ตรวจพบร่างหลักออกจากเกม ระบบจะเปิดใช้งานโหมดแฮ็คระบบโดยอัตโนมัติ]

หลังจากใช้เวลาอยู่ในเกมนานกว่าสิบชั่วโมง ทำให้หนิงซีรู้สึกมึนงงเล็กน้อยเมื่อเขากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

เขาสับสนระหว่างความเป็นจริงกับภาพมายาอยู่ครู่ใหญ่

หนิงซีอดใจไม่ไหว รีบคลิกที่ปุ่มซิงโครไนซ์ทันที ทันใดนั้นกระแสความอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยก็เติมเต็มเข้ามาในร่างกายเขา

ร่างหลักของหนิงซีก็มีค่ากายภาพเพิ่มขึ้นเป็น 8 แต้มเช่นกัน กล้ามเนื้อที่เรียงตัวอย่างสวยงามก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายเขา มีกล้ามหน้าท้องขึ้นเป็น 8 มัดชัดเจน แม้แต่การมองเห็นของเขาก็ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์!

แม้หนิงซีจะถอดแว่นตา เขาก็ยังคงมองเห็นได้ชัดเจน  ยิ่งไปกว่านั้นผลจากการเป็นนักล่าทำให้วิสัยทัศน์การมองเห็นของเขาดีขึ้นมาก ระยะการมองก็ไกลขึ้นเช่นกัน

เขาได้เรียนรู้สามทักษะรวมถึงทักษะการยิงธนู

ในเวลาเพียงสั้นๆเพียงหนึ่งวัน หนิงซีได้ก้าวข้ามสิบปีของการฝึกฝนในคนธรรมดาทั่วไป ค่ากายภาพเขาแข็งแกร่งมาก

ความรู้สึกนี้ช่างดีเกินบรรยาย

เหลือบมองเวลาเห็นเป็นเวลา 18:15 น. หนิงซีรีบล้างหน้าเปลี่ยนเป็นเสื้อทีเชิร์ตแล้วขับรถคาดิลแลคมือสองที่แม่ให้มาออกไป

คืนนี้เขามีนัดทานข้าวเย็นกับเพื่อนสมัยเด็กสองคน

การจราจรตอนนี้เป็นชั่วโมงเร่งด่วนช่วงเย็นของเมืองตงหลิน มันจึงติดมาก ระยะทาง20 กิโลเมตร หนิงซีใช้เวลาขับรถเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนไปถึง

เมื่อเขามาถึงร้านอาหารเล็กๆชื่อ หลินเจียง  เพื่อนเก่าทั้งสอง หยางหยุนจีและเฉินเว่ยได้มาถึงก่อนแล้ว พวกเขานั่งคอยอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง

ในคืนกลางฤดูร้อน พวกเขานั่งอยู่ริมหน้าต่าง รับประทานอาหารทะเลในขณะที่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนริมแม่น้ำที่สวยงาม มันควรจะเพลิดเพลินเป็นมาก   แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะดูไม่มีความสุขนัก

“เฮ้ เกิดอะไรขึ้นกับพวกแกสองคน? หมดรักกันแล้วเหรอ”

เฉินเว่ยหัวเราะและพูดว่า “ก่อนที่แกจะมา เราสองคนเล่นคิงส์กลอรี่กันสองรอบ เราพบกับทีมนักเรียนชั้นประถมและถูกฆ่าเรียบ”

หยางหนุนจี ยิ้มให้หนิงซี

“เฮ้ สือโถว(หนิงซี) น้ำหนักแกลดลงหรือเปล่า แถมยังไม่ต้องใส่แว่นอีกด้วย หนึ่งเดือนนี้แกดูเปลี่ยนไปมากเลยนะ!”

“ให้ตายสิ ฉันไม่ได้สังเกตมาก่อนเลย จนกระทั่งแกพูดขึ้นมา สือโถวน้ำหนักลดลงจริงๆ เขาดูมีพลังและหล่อขึ้น!”

หนิงซีกางแขนออกอย่างโอ้อวดและทำท่าเบ่งกล้ามอวดกล้ามเนื้อลูกหนูของเขา

“ดูๆ เห็นไหมนี่คือกล้ามเนื้อของฉัน มันเป็นผลของการฝึก นอกจากลดน้ำหนักแล้ว ฉันยังไปผ่าตัดแก้สายตาสั้นและไม่ต้องใช้แว่นอีกต่อไป”

หนิงซีคิดวิธีนี้เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ถ้าเขาเล่าว่าเขาไปเจออะไรมา เพื่อนทั้งสองคงไม่มีใครเชื่อ

หยางหยุนจีหัวเราะเบา ๆ และจับกล้ามเนื้อของหนิงซีอย่างชั่วร้าย แกล้งทำเป็นคนรักของเขา

หนิงซีตบบ่าเขาและพูดว่า “อย่าซื่อบื้อ ไปสั่งอาหารไป!”

ร้านอาหารทะเลเล็กๆแห่งนี้ให้ลูกค้าสั่งอาหารที่ทางเข้าร้าน หยางหยุนจีคุ้นเคยกับที่นี้ดี เขาอาสาเป็นคนจัดการให้ หนิงซีเลยให้เขาเป็นคนสั่งอาหาร

หลังจากหยางหยุนจีเดินจากไป หนิงซีก็ถามขึ้นตรงๆ ว่า “บอกฉันสิอาเว่ย ทำไมพวกแกดูเศร้านัก? แกปิดบังอะไรฉันอยู่และทำไปทำไม”

“ฉันไม่เคยปิดแกได้เลย” เฉินเหว่ยถอนหายใจ “ร้านชานมที่ฉันเปิดร่วมกับต้าจือ(หยางหยุนจี)ขาดทุนมาสามเดือนติดกัน มันใกล้จะต้องปิดร้านแล้ว”.

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่ ก่อนเปิดร้าน ฉันรู้อยู่แล้วว่าร้านนี้ไปไม่รอด ที่สำคัญคือธุรกิจของครอบครัวต้าจือดูเหมือนจะมีปัญหา เมื่อเร็ว ๆ นี้ การเงินของเขาค่อนข้างตึงตัว เขาจึงไม่อยากให้ฉันบอกแก เพราะเขากลัวว่าแกจะให้เขายืมเงิน”

ครอบครัวหยางหยุนจีทำธุรกิจเกี่ยวกับรองเท้าและเสื้อผ้าขนาดใหญ่ ในฐานะลูกชายคนเดียว พ่อแม่เขามักจะให้เงินค่าขนมกับเขามาก เขาเป็นคนเลี้ยงข้าวพวกเขาทุกเดือน

พวกเขาทั้งสามเติบโตมาด้วยกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

หนิงซีเป็นผู้นำของกลุ่มสามคนนี้มาโดยตลอด

เขาทั้งเกเรทั้งซนมาตั้งแต่เด็ก แต่กระนั้น เขาก็ยังมีผลการเรียนที่ดี เขาเป็นนักเรียนที่ครูทั้งรักทั้งเกลียด พวกหยางหนุนจีและเฉินเว่ยต่างก็ชื่นชมเขามาตั้งแต่เด็ก

เมื่อทั้งคู่เปิดร้านชานม พวกเขาต้องการให้หนิงซีถือหุ้นฟรี แต่หนิงซีไม่ต้องการเอาเปรียบพี่น้องของเขา เขาจึงไม่ยอมรับ

เมื่อเห็นหนิงซีเงียบไป เฉินเว่ยจึงพูดต่อว่า “หยางหยุนจีเปิดร้านชานมเพราะฉัน มันเป็นความผิดของฉันเองที่คิดแค่ด้านเดียว”

หนิงซีตบไหล่เขา “เอาละ พวกเราเป็นพี่น้องกัน นอกจากนี้ เงินลงทุนของร้านชานมแค่ 200,000 หยวนเท่านั้น พอๆกับเงินค่าขนมเพียงหนึ่งเดือนของต้าจือเอง”

“เราตกลงกันตั้งแต่แรกว่าแค่ลองทำดู”

ผลการเรียนของเฉินเว่ยและหยางหยุนจีไม่ค่อยดีนัก พวกเขาเรียนในมหาวิทยาลัยทั่วๆไป จากนั้นก็ไม่ได้หางานทำ

ครอบครัวของหยางหยุนจีค่อนข้างมีฐานะ เขาจึงชวนเฉินเว่ยมาเริ่มทำธุรกิจด้วยกัน

ทั้งคู่เปิดร้านอาหาร ห้องเล่นเกม และแม้แต่สวนสนุกสำหรับเด็ก มีบางโครงการทำกำไรได้ไม่มากนัก ในขณะที่หลายโครงการขาดทุน  ต่อไปอีกไม่นาน คงไม่มีโครงการไหนรอด

ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความสามารถ แต่สาเหตุหลักมาจากสภาพทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้การเริ่มต้นธุรกิจเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น

เฉินเว่ยก้มหน้าลง จับชามและตะเกียบอย่างเลื่อนลอย

หนิงซีไม่ได้ปลอบใจแค่เขาเท่านั้น เขารอให้หยางหยุนจีกลับมานั่งแล้วถามต่อ

“ต้าจือ เกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจของครอบครัวแก? ฉันคิดว่าแกกำลังมีอะไรปิดบังฉันอยู่”

“เฮ้อ ฉันไม่รู้ว่าพ่อแม่ฉันไปทำอะไรให้ใครขุ่นเคือง ตอนนี้สำนักการตลาดสั่งปิดโรงงาน โดยอ้างว่าระบบป้องกันอัคคีภัยมีปัญหา โรงงานปิดมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว หากส่งของตามคำสั่งซื้อไม่ทัน จะเสียหายมากกว่า 30 ล้านหยวน และยังส่งผลกระทบต่อช่องทางการขายในอนาคตอีกด้วย”

สีหน้าของหยางหยุนจีดูมืดมน “ถ้าสถานการณ์นี้ยังลากยาวไปอีก  บริษัทของครอบครัวฉันอาจจะล้มละลาย”

นี่คือสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในอาณาจักรอวิ๋นเมิง หากไปยั่วยุผิดคน ธุรกิจของพวกเขาก็จะถูกปิดลงทันที

หนิงซีได้แต่ปลอบใจเพื่อนของเขา “ถ้าแกไปต่อไม่ไหวจริงๆ ลองบอกให้พ่อแม่เลิกทำเสีย พวกท่านสะสมความมั่งคั่งไว้มากมาย เพียงพอให้ครอบครัวได้อยู่อย่างสุขสบายแล้ว”.

“ตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่มีใครเอาชนะเจ้าหน้าที่ได้เลย คงต้องอดทนไปสักพัก”

หยางหยุนจีพยักหน้า “พ่อของฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ท่านพอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง แต่สำนักการตลาดไม่ยอมปล่อยมือ ท่านเตรียมจะถอนตัวแล้ว”

หนิงซีมองเห็นความหงุดหงิดและสับสนในดวงตาของหยางหยุนจีและเฉินเว่ย

หากบริษัทของครอบครัวหยางหยุนจีปิดตัวลง พวกเขาทั้งสองคงไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ถ้าไม่ได้การสนับสนุนทางการเงิน

นอกจากเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองแล้ว ทั้งสองก็ไม่รู้จะทำอะไรดี

เมื่อนึกถึงสูตรน้ำห้าธัญรสที่เป็นรางวัลจากภารกิจแรกในเกม    หนิงซีก็มีความคิดดีๆ

“ฉันเพิ่งพบสูตรเครื่องดื่ม แกเอาไปลองดูสิ ถ้าดี ร้านชานมอาจฟื้นขึ้นมาก็ได้”

ตัวหนิงซีเองก็ไม่แน่ใจว่าสูตรอาหารในเกมจะมีผลในโลกแห่งความเป็นจริงหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงอยากลองทำดู

“โอเค เลิกพูดถึงเรื่องที่ไม่มีความสุขกันดีกว่า มากินข้าวกันก่อน หลังกินเสร็จ เราค่อยไปทดสอบสูตรเครื่องดื่มที่ร้านของพวกแกกัน”

หลังจากหนิงซีพูดจบ เฉินเว่ยและหยางหยุนจีก็เลิกซึม เมื่ออาหารทะเลมาเสิร์ฟทั้งสามคนช่วยกันปิ้ง บรรยากาศค่อยๆ อบอุ่นขึ้น

หลังกินเสร็จ ทั้งสามก็ขับรถไปที่ร้านชานม

ร้านชานมวันคัพ.

ตั้งอยู่บนถนนนอกเมืองว่านเซียงในอำเภอตงผู ทำเลนี้นับว่าดีมาก

อำเภอตงผูเป็นพื้นที่พัฒนาใหม่ที่เจริญที่สุดของเมืองตงหลิน เมืองว่านเซียงเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลา แม้ว่าถนนข้างนอกจะไม่ดีเท่าในเขตการค้า แต่ก็ยังมีผู้คนมากมาย

น่าเสียดายที่อุตสาหกรรมชานมเป็นอุตสาหกรรมปราบเซียนอย่างแท้จริง มีเพียงไม่กี่รายที่อยู่รอดได้

ก่อนจะมาร้าน   หยางหยุนจีทำตามคำแนะนำของหนิงซี เขาให้ผู้ช่วยในร้านไปซื้อวัตถุดิบและเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการทำน้ำผลไม้ห้าธัญรสมาเตรียมพร้อมไว้แล้ว

หลังจากที่ทั้งสามคนมาถึงร้าน พวกเขาขอให้ผู้ช่วยร้านเลิกงานก่อนกำหนดและเริ่มทำน้ำผลไม้ห้าธัญรส

“ถั่วเหลืองต้องคั่วที่อุณหภูมิ 200 องศา นาน 5 นาที และข้าวบาร์เลย์ต้องแช่ในน้ำเดือดนาน 2 นาที…”

หนิงซีเริ่มทำตามสูตร ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขาได้ผงห้าธัญรสมาประมาณสองชั่ง (ประมาณ 600 กรัมต่อชั่ง)

“อัตราส่วนของผงห้าธัญรสต่อน้ำคือ 1:5 อุณหภูมิของน้ำเหมาะสมที่สุดอยู่ที่ 40 องศา”

หนิงซีหยิบถ้วยออกมาสามถ้วยและใช้ผงห้าธัญรสชงน้ำผลไม้ห้าธัญรสได้สามถ้วย

“ลองชิมดู ตามสูตรแล้วรสชาติของน้ำผลไม้ห้าธัญรสจะอร่อยมาก นอกจากนี้ยังทำให้จิตใจสดชื่นและลมหายใจสงบ มันทำให้ลำไส้ชุ่มชื้นและบรรเทาอาการท้องผูก”

เมื่อมองไปที่น้ำผลไม้ห้าธัญรสสีม่วงที่เปล่งประกายในถ้วย หยางหยุนจีแทบจะทนรอไม่ไหว รีบยกขึ้นมาจิบ มันหอมมากและเต็มไปด้วยกลิ่นของธัญพืช

รสชาติเปรี้ยวอมหวาน อร่อยมาก!

ยิ่งหยางหยุนจี ดื่มมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งลุ่มหลงมันมากขึ้นเท่านั้น เขาดื่มจนหมดถ้วยภายในอึกเดียว

“สุดยอดเป็นบ้าเลยวะ! สือโถว(หนิงซี) น้ำห้าธัญรสนี้น่าทึ่งมาก! หลังกินข้าวเสร็จ ฉันรู้สึกง่วงเล็กน้อย และขับรถมาตลอดทาง พอดื่มเสร็จ ฉันกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีเลย!”

เฉินเหว่ยดื่มเสร็จแล้วเช่นกัน ดวงตาของเขาลุกโชน  น้ำห้าธัญรสจะทำให้ร้านชานมกลับมาสดใส และยังทำให้ธุรกิจเติบโตและเติบโตได้อีกด้วย!

ในขณะที่เขากำลังจะพูด หยางหยุนจีเอามือกดท้องของเขาแล้ววิ่งเข้าไปในห้างสรรพสินค้า

เฉินเหว่ยหัวเราะ “ต้าจือดูรีบร้อนมาก เขาท้องผูกมาหลายวันแล้ว ตามที่สูตรระบุไว้ น้ำห้าธัญรสทำให้ลำไส้ชุ่มชื้นและบรรเทาอาการท้องผูกได้ ผลดีอย่างนี้มันสุดสุดไปเลย!”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด