12. การเปลี่ยนแปลงที่ซ่อนเร้น
เมื่อกลับสู่โลกจริง หนิงซีก็ซิงโครไนซ์ความสามารถของอวตารกับร่างหลัก
จากนั้นก็สวมรองเท้าออกจากบ้าน
“ฉันนอนกลางวันทั้งวัน ออกไปข้างนอกทั้งคืน นี่มันชีวิตนกฮูกกลางคืนชัดๆ
อืม เริ่มเบื่อบาร์บีคิวแล้ว เปลี่ยนรสชาติไปกินหม้อไฟบ้างดีกว่า”
แถวนี้ดันไม่มีร้านหม้อไฟที่เปิดดึกขนาดนี้
หนิงซีเลยต้องไปร้านหม้อไฟแถวๆเมืองไนท์เลสที่อยู่ใกล้ๆ
"สวัสดีครับ! มากันกี่ท่านครับ”
"หนึ่งคน!"
“เชิญทางนี้ครับท่าน!!”
หนิงซีเดินตามบริกรไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ
การค้าร้านอาหารของเมืองไนท์เลสไม่ค่อยดีเหมือนที่เคยเป็น
เลยไม่ต้องเข้าคิวอีกต่อไป
"สวัสดีครับ. นี่คือโต๊ะหมายเลข 40 โต๊ะวางเครื่องปรุงรสอยู่ทางขวานะครับ
ผมชื่อเซียวลี่ ถ้ามีอะไร เรียกได้เลยครับ”
“โอเค ฉันสั่งก่อนนะ”
บริกรเสี่ยวลี่หยิบแท็บเล็ตออกมายื่นให้
หนิงซีสั่งหม้อไฟเผ็ดน้ำมันใส เนื้อติดมัน เต้าหู้ ผ้าขี้ริ้ว และอาหารอื่นๆ
ตั้งแต่ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ความอยากอาหารของเขาก็มากขึ้นเช่นกัน
ขณะที่เขาสั่งอาหาร ก็ได้ยินเสียงสนทนาดังมาจากโต๊ะใหญ่ฝั่งตรงข้ามทางเดิน
“ผู้กองหยุน คุณคิดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่?
แม้แต่ฉันยังไม่อยากเชื่อเลย”
"ใช่แล้ว. ถ้าเป็นเรื่องจริง เราจะอยู่เหนือกว่าทุกคนในอนาคต
ไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนเมื่อก่อน ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเหมือนหนูในท่อ
คุณรู้จักฉันดี ผู้กองหยุน ฉันชอบโชว์ความเทพต่อหน้าคนอื่น”
ผู้กองหยุนตอบว่า
“เรากำลังทำการทดลองขนาดเล็กอยู่ จากข้อมูลของห้องปฏิบัติการ
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ค่อนข้างแน่นอน”
เสียงฟังดูคุ้นหูมาก หนิงซีหันศีรษะมองไปยังคนพูด
มันเป็นแผ่นหลังที่สวยงาม แม้จะเป็นแค่แผ่นหลัง
แต่หนิงซีก็รู้ได้ว่าผู้กองหยุน คือหยุนโม่เซียง
เจ้าหน้าที่ของสำนักควบคุมปรากฎการณ์พิเศษ
มีคนร่วมโต๊ะกับหยุนโม่เซียงเก้าคน
คนที่นั่งข้างเธอมีรอยแผลเป็นลึกห้าจุดบนแก้มซ้าย นัยน์ตายาวแคบ จมูกงุ้ม
แค่นั่งตัวตรงเฉยๆ ก็ปล่อยออร่าที่น่าสะพรึงกลัวปฎิเสธผู้คนออกมา
เขาคือชายหน้าแผลเป็นที่จับกุมอาชญากรที่ภัตตาคารหยานอู่
เขาคือ "ผู้ควบคุมพลังชี่" ที่อาชญากรกล่าวถึง
ตามที่หยุนโม่เซียงบอก เขามาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ดูเหมือนว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักควบคุมปรากฎการณ์พิเศษ
กำลังประชุมกันอยู่
“เยี่ยมมาก! ฉันหวังว่าการทดลองจะเห็นผลโดยเร็วนะ”
ผู้เฒ่าจูที่เพิ่งพูดกับเขาถามชายหน้าแผลเป็นอีกว่า
“ผู้กองหวาง ตามหลักแล้ว พวกเราทุกคนจะได้เลื่อนตำแหน่งไหม!”
ชายหน้าแผลเป็นชื่อผู้กองหวางยิ้มกว้างอย่างน่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้
“หากมีการเปลี่ยนแปลง กรมสอบสวนคดีพิเศษ
และสำนักควบคุมปรากฎการณ์พิเศษ จะเพิ่มกำลังพล
และตามข้อกำหนดจากเบื้องบน สหายเก่าทั้งหลายจะเป็นแกนหลักขององค์กร
คนที่เข้าร่วมใหม่จะป็นลูกน้องของพวกคุณ”
“มีการเลื่อนตำแหน่งแน่นอน”
“แต่ฉันต้องเตือนก่อนว่าภายหลังจากการเปลี่ยนแปลง
เราจะไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับอาชญากรเท่านั้น
แต่ต้องเผชิญหน้ากับประชาชนสาธารณะทั่วไปด้วย
ความคิดเห็นสาธารณะจะมีอิทธิพลและคอยการกำกับดูแล
ทำให้ไม่สามารถทำอะไรง่ายๆได้เหมือนเมื่อก่อน”
“พวกคุณต่างมีมาตรฐานตัวเอง ในช่วงที่อ่อนไหวเช่นนี้
หากมีอะไรผิดพลาด ก็จะถูกถือว่าเป็นกรณีตัวอย่าง”
ผู้กองหวางเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจับกุมอาชญากร
แต่ไม่เชี่ยวชาญในเรื่องคน เดิมทีทุกคนมีความสุข
แต่หลังจากเขาพูดจบ บรรยากาศบนโต๊ะก็เงียบสนิท
โชคดีที่หยุนโม่เซียงช่วยสร้างบรรยากาศ
เธอยิ้มบางๆ และพูดต่อ
“ทุกคนคือสหายที่หลั่งเลือดเพื่อประเทศของเรา
องค์กรเราจะไม่ทำให้ทหารต้องผิดหวัง
การปฏิรูปครั้งนี้เป็นเวลาที่เราจะได้เชิดหน้าชูตา!”
หยุนโม่เซียง ยกแก้วไวน์ขึ้น
“เอาละ มาดื่มเพื่ออนาคตอันสดใสของเรา เชียร์!”
“เชียร์!”
สักพัก บรรยากาศก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ทุกคนกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน
อาหารของหนิงซีมาถึงพอดี
เขาสนุกอยู่กับการปรุงหม้อไฟคนเดียวและกินอย่างมีความสุข
หลังจากดื่มไปสามรอบ เฒ่าจู ก็พูดเบา ๆ
“พี่น้อง พวกคุณทำได้! ครั้งนี้ การได้ผลึกจิตวิญญาณระดับ A
เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่ง…”
เมื่อเห็นผู้กองหวางถลึงตามองมาอย่างดุร้าย เฒ่าจูก็รีบหุบปากก่อนจะพูดจบ
เขารู้ว่าเขาหลุดปากพูดไป จึงมีสีหน้าลำบากใจ
แม้เฒ่าจูจะทำผิดพลาดไป
แต่เมื่อผู้กองหวางเห็นเขาสำนึกผิดแล้วจึงไม่ติดใจอะไร
ยังไงเฒ่าจูก็เป็นลูกน้องเก่าของเขา
“เอาล่ะ หยุดพูดเรื่องงานกันได้แล้ว มาดื่มกินกัน”
หลังจากที่หยุนโม่เซียงพูดขึ้น พวกเขาก็เริ่มกินและดื่มกันอย่างเต็มที่ ไม่พูดเรื่องอื่นอีก
หนิงซีกินหม้อไฟคนเดียวด้วยความเร็วสุดขีด
แค่ครึ่งชั่วโมง เขาก็กินเสร็จเรียบร้อย
ตอนนี้กระเพาะปัสสาวะเต็มไปด้วยน้ำจนต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ
ทันทีที่เขายืนขึ้น หยุนโม่เซียงก็สังเกตเห็น หนิงซีพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย
หยุนโม่ซียงพยักหน้าตอบ ผู้กองหวางสังเกตเห็นพอดี จึงถามว่า
"เขาเป็นใคร"
“ผู้ปลุกพลัง”
ทันทีที่หยุนโม่เซียงพูดจบ ผู้กองหวังก็ดูจริงจัง
เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย พร้อมที่จะจับกุมหนิงซีได้ทุกเมื่อ
“ไม่ต้องเป็นห่วง ผู้กองหวาง เขาเป็นมือใหม่สายพละกำลัง
ภูมิหลังครอบครัวสะอาดและทัศนคติปกติ”
หนิงซีเขายิ้มจางๆ เมื่อได้ยินพวกเขาพูดกัน
สัมผัสได้ถึงการดูถูกที่สังคมมีต่อผู้ปลุกพลังสายพละกำลัง
หลังจากเข้าห้องน้ำ เขาก็จ่ายเงินและออกไป
การได้ยินบทสนทนาของหยุนโม่เซียงและพวก
แสดงว่าอาจกำลังมีการเปลี่ยนแปลงการทำงานของเจ้าหน้าที่ราชอาณาจักรอวิ๋นเหมิง
และภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ
และสำนักควบคุมปรากฎการณ์พิเศษจะเปิดเผยตัวสู่สาธารณชนอย่างแท้จริง
เมื่อถึงเวลานั้น ผู้ปลุกพลังจะถูกกล่าวถึงอย่างแพร่หลาย
แต่ตอนนี้หนิงซีสนใจคริสตัลจิตวิญญาณระดับ A ที่เฒ่าจูหลุดปากออกมามากกว่า
ในท้ายที่สุด จำเป็นต้องใช้คริสตัลจิตวิญญาณระดับ A เพื่ออัปเดตระบบ
ทุกอย่างเพียงแค่ได้ยินมาอย่างคร่าวๆ ยังไม่ทราบรายละเอียดที่มากพอ
เมื่อนึกสิ่งที่ฮ่าวเหมิงเคยเตือนไว้ว่า เมื่อเร็วๆนี้ เมืองตงหลินเริ่มไม่ค่อยสงบสุข
แสดงว่าฮ่าวเหมิงอาจรู้อะไรบางอย่าง
หนิงซีต่อสายหาฮ่าวเหมิงทันที
“หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้
กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งในภายหลัง!"
ปิดเครื่องหรือ? เธอหลับหรือเปล่า ยังไงก็เช้าเกินไป
ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดต่อไป
เอาเวลาไปการเพิ่มระดับและความแข็งแกร่งดีกว่า
หนิงซีกลับมาพักที่บ้านเช่า
เมื่อเขาตื่นขึ้นในวันถัดมา หนิงซีลองโทรหาฮ่าวเหมิงอีกครั้ง แต่ก็ยังคงติดต่อไม่ได้
หนิงซีเลยเข้าสู่เกมก่อนและตรวจสอบข้อมูลในเกม
เมื่อคืนอวตารของเขาได้ฆ่าสัตว์อสูรเวทย์ระดับกลางไปถึง 12 ตัว
สะสมค่าประสบการณ์ได้ 12,000 แต้ม
ยังขาดค่าประสบการณ์อีกไม่ถึง 8,000 แต้มก็จะเลื่อนระดับได้
ระหว่างใช้โหมดแฮ็กระบบ โชคของอวตารดีมาก เขาได้รับสายเลือดเพิ่มอีกหนึ่งสายเลือด
[คุณได้ฆ่าสัตว์อสูรเวทย์ระดับกลาง เม่นสายฟ้า ค่าประสบการณ์ +500
ได้รับสายเลือดเม่นสายฟ้า]
มันเป็นสายเลือดที่มีคุณสมบัติสายฟ้า
แต่การสังเคราะห์สายเลือดของสัตว์อสูรเวทย์ระดับกลางนั้น
ต้องใช้แต้มศักยภาพ 2 แต้ม ตอนนี้เขามีแค่ 1 แต้มเท่านั้น
หนิงซีจำเป็นต้องออกล่าสัตว์อสูรเวทย์และเพิ่มระดับไปก่อน
หนิงซีเดินเข้าไปในป่าเรดวู้ด จนมาถึงหุบเขาคราวชิ่งบูล
ที่เป็นสถานที่อาศัยของสัตว์อสูรเวทย์ระดับกลาง กระทิงฟ้าโปร่ง
เป็นหุบเขาที่เขียวชอุ่มและชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ
มีกระทิงฟ้าโปร่งหลายหมื่นตัวอาศัยอยู่
มันเป็นที่ที่เหมาะกับการล่าสัตว์อสูรเวทย์และเพิ่มระดับ
หนิงซีใช้เวลาสองชั่วโมงสังหารกระทิงฟ้าโปร่งสิบหกตัว
[ นักรบสายเลือดเลื่อนเป็นระดับ 5 (0/40,000), กายภาพ +1,
แต้มทักษะ +1, แต้มศักยภาพ +1]
ค่ากายภาพของเขาขึ้นไปถึงถึง 29 จุดแล้ว และตอนนี้เขามีแต้มทักษะ 2 แต้ม
หนิงซีจึงใช้ยกระดับทักษะดาบพื้นฐานทันที
[ ทักษะดาบพื้นฐานเลื่อนเป็นระดับ 6 :
ผู้เชี่ยวชาญแห่งดาบได้ยกระดับเป็นปรมาจารย์ดาบ
ความเสียหายของทักษะดาบ +200% ]
ขั้นต่อไปถึงเวลาของการสังเคราะห์สายเลือด
[ใช้ 2 แต้มศักยภาพ
สายเลือดหมีอำมหิตสายฟ้าผสานกับสายเลือดเม่นสายฟ้า
เพิ่มศักยภาพสายเลือดเป็นระดับ 8 ดาว
พรสวรรค์อาณาเขตสายฟ้าเพิ่มระดับเป็นสีม่วง
และพรสวรรค์ด้านโหดร้ายเพิ่มระดับเป็นสีม่วง]
[อาณาเขตสายฟ้า(สีม่วง): โจมตีด้วยพลังทำลายล้างที่รุนแรงของสายฟ้า:
โหดร้าย (สีม่วง): ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 400%]
หลังจากเพิ่มความแข็งแกร่งแล้ว หนิงซีก็ยังคงล่าต่อไป
เมื่อนักรบสายเลือดถึงระดับ 5 แล้ว
ค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากสัตว์อสูรเวทย์ระดับกลาง ลดลงเหลือแค่ 400
การไปถึงนักรบสายเลือดระดับ 6
เขาจะต้องฆ่าสัตว์อสูรเวทย์ระดับกลางถึง 100 ตัว
แต่ สัตว์อสูรเวทย์ระดับกลาง ไม่ใช่กะหล่ำปลีที่ฆ่าได้ง่ายๆ
มันไม่อยู่เฉยๆให้เขาเดินเข้าไปฆ่าแต่ต้องต่อสู้ถึงจะฆ่าพวกมันได้
ดังนั้นความเร็วในล่าจึงไม่มากนัก
เมื่อจมอยู่ในการต่อสู้ หนิงซีรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จนท้องฟ้าเริ่มมืดลง เขาฆ่ากระทิงฟ้าโปร่งไปมากกว่า 60 ตัว
เขาย่องไปข้างหน้าอย่างเงียบกริบเหมือนแมวพร้อมที่จะหากระทิงฝูงใหม่
"มีอะไรอยู่ตรงนั้น?"
หนิงซีหรี่ตาลง มองไปในกลางป่าในหุบเขา
เห็นสัตว์อสูรเวทย์ขนาดยักษ์ตัวยาวกว่า 10 เมตรนอนอยู่บนพื้น
มันมีรูปร่างเหมือนจระเข้ ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำเมื่อม
มีเขายาวหนึ่งเมตรอยู่บนหัว
ภายใต้แสงยามสนธยา เกล็ดบนตัวมันเปล่งประกายเยียบเย็น
นัยน์ตาเย็นยะเยือกราวน้ำแข็งขณะจ้องไปยังฝูงกระทิงฟ้าโปร่งตรงหน้า
หนิงซีได้อ่านคู่มือภาพสัตว์อสูรเวทย์และจำได้ว่า
มันเป็นคือมังกรปฐพี
ผู้มีอำนาจเหนือสัตว์อสูรเวทย์ระดับกลางทุกชนิด
ดูจากท่าทางแล้ว มันคงกำลังออกล่าเหยื่อ
มังกรปฐพีมีร่างกายขนาดใหญ่
แค่ความแข็งแกร่งทางกาย
ก็เพียงพอที่จะกวาดล้างสัตว์อสูรเวทย์ระดับกลางได้อย่างง่ายดาย
อีกทั้งยังมันยังมีพลังการกดขี่ของมังกรและเวทย์ปฐพี
ทำให้มังกรปฐพีไร้ซึ่งความกลัวต่อสัตว์อสูรเวทย์ระดับสูงทั่วไป
หนิงซีไม่กล้าประมาทเมื่อเผชิญกับมังกรปฐพีที่มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่เข้าขั้นวิปริต
เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าแม้ขยับตัวและเฝ้ารอโอกาส
กลางป่า มังกรปฐพีฉวยโอกาสกระโจนเข้ากัดคอกระทิงฟ้าโปร่งอย่างดุเดือด
เมื่อฝูงกระทิงฟ้าโปร่งเผชิญหน้ากับมังกรปฐพี
มันก็ได้รับผลจากพลังการกดขี่ของมังกร จนไม่กล้าที่จะต่อสู้
พวกมันวิ่งหนีกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทางทันที
มังกรปฐพีไม่ได้ไล่ตามพวกมัน
หลังจากกัดคอเหยื่อแล้ว มันก็นอนลงบนพื้น เพลิดเพลินกับเนื้อกระทิง
กระทิงฟ้าโปร่งหนักหลายพันปอนด์เหลือเพียงกระดูกไม่กี่ชิ้น
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
หลังจากกินเสร็จ มังกรปฐพีก็ตาปรือนอนลงบนพื้นอย่างเกียจคร้าน
"ได้โอกาสแล้ว"
หนิงซีเคลื่อนไหวทันที
ประกายดาบฟันลงอย่างเร็วสับเข้าที่หัวขนาดมหึมาของมังกรปฐพี
แต่ความรู้สึกของการตัดขาดไม่ได้เกิดขึ้น
หนิงซีรู้สึกดาบของเขาฟันตัดลงไปถูกหินที่แข็งมาก
ด้วยพลังทั้งหมดในร่างกายของเขา ดาบตัดผ่านเกล็ดของมังกรปฐพี
และฟันเข้าไปในหัวของมัน แต่เมื่อเจอกระดูก ดาบก็ไม่สามารถลงลึกไปได้อีก
หนิงซีไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากดึงดาบเขาออกมา
มันเต็มไปด้วยเลือดสดๆ และใบดาบก็โค้งงอ
ดาบใช้การไม่ได้แล้ว แต่หนิงซีก็ไม่ตื่นตระหนก
เขาโยนดาบทิ้งและกระโดดหลบการโต้กลับด้วยความโกรธของมังกรปฐพี
หัวของมันถูกฟันด้วยดาบ
เลือดสดๆ ไหลทะลักย้อมดวงตาของมังกรปฐพีจนแดงฉาน
มันคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวไล่ตามโจมตีหนิงซีไม่หยุด
ด้วยพลังของเวทย์ธาตุดิน มังกรปฐพีจึงเคลื่อนที่บนพื้นดินได้เร็วมาก
มันใช้หัวกระแทกและใช้หางฟาด ต้นไม้ล้มระเนระนาดด้วยแรงกระแทก
หนิงซีใช้ก้าวย่างเมฆา กระโดดหลบไปมาในช่องว่างระหว่างนิ้วของมังกรปฐพี
ทำให้มันโจมตีเขาไม่ได้
หนิงซีไม่เพียงแต่หลบหลีกเวทย์ธาตุดินได้สองครั้งติดต่อกัน
เป็นเวทย์หอกดินและบอลปฐพี แม้แต่พลังการกดขี่ของมังกรก็ไม่ส่งผลกับเขา
มังกรปฐพีเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติและเตรียมจะะล่าถอย
เนื่องจากมันขยับตัวมากเกินไป แม้แผลบนหัวของมันจะค่อย ๆ ฟื้นตัว
แต่ยังมีเลือดไหลออกมา
หนิงซีไม่เปิดให้มันหนี เขากระโดดขึ้นไปบนหัวของมังกรปฐพี
ชูกำปั้นขึ้นทุบลงเหมือนใช้ค้อนทุบลงที่บาดแผลอย่างรุนแรง
“กรรร!”
มังกรปฐพีส่งเสียงคำรามอย่างน่าสมเพช กลิ้งไปบนพื้น
พยายามสลัดหนิงซีออกจากหัวของมัน
หนิงซีรัดคอของมังกรปฐพีไว้แน่น ระดมต่อยหมัดลงไปไม่หยุด
ไม่มีใครทราบว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดมังกรปฐพีก็ค่อยๆหยุดดิ้นรน