(ฟรี) บทที่ 285 สามจักรพรรดิ การเปลี่ยนแปลงของหลี่หราน!
บนแท่นแสวงดารา ผู้ดูแลของราชวงศ์ถามเสียงดัง “อัจฉริยะเซินหนิง นิกายใดต้องการนางบ้าง?”
ฉู่หลิงฉวนพูดช้าๆ “ศาลาหมื่นดาบของข้าต้องการนาง”
“นอกจากศาลาหมื่นดาบแล้วมีใครอีกไหม?” ผู้ดูแลถามอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
“ทำไมบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ถึงไม่พูดอะไรล่ะ?” ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน
ร่างกายของหลี่หรานสั่นสะท้านขณะที่เส้นเลือดปูดพองออกมาบนหน้าผากราวกับว่ากำลังต่อต้านบางสิ่ง
ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้ในทันที
มันเป็นฝีมือฉู่หลิงฉวน!
หลี่หรานไม่สามารถยกมือขึ้นเพื่อแสดงเจตจำนงได้ หากวิหารโหยวหลัวริเริ่มที่จะนิ่งเงียบ เซินหนิงก็จะเข้าร่วมกับศาลาหมื่นดาบโดยธรรมชาติ
พูดตามหลักแล้ว นี่ไม่ใช่การละเมิดกฎ
“สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับจักรพรรดิ นางสามารถกำราบบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ได้โดยไม่ต้องมองเขาด้วยซ้ำ!”
“ไร้สาระหน่า ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็อยู่ที่ขอบเขตเทวะแปรผันเท่านั้น ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นตัวตนระดับจักรพรรดิ!”
“นางกำลังบังคับให้วิหารโหยวหลัวริเริ่มที่จะถอนตัว นางไม่กลัวผู้นำนิกายเหลิงมาสร้างปัญหาทีหลังหรือ?”
“เมื่อผู้นำนิกายเหลิงรู้ ข้าวสารก็กลายเป็นหุงสุกแล้ว!”
“ถูกต้อง และบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ยังไม่ได้รับบาดเจ็บ เป็นไปได้หรือว่านางจะไปทำสงครามกับศาลาหมื่นดาบเพียงเพื่อเด็กสาวคนหนึ่ง?”
“การสูญเสียครั้งนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่จะต้องกลืนมันลงไปอย่างแน่นอน!”
—
ทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
หลินหลางเยว่และฉินหรูเหยียนเองก็รู้ถึงความผิดปกติ
พวกนางต้องการที่จะยืนขึ้นและพูดแทน แต่ทันใดนั้นแรงกดดันมหาศาลก็จู่โจมลงมาและร่างกายของพวกนางก็แข็งทื่อทันที พวกนางไม่สามารถแม้แต่จะบดขยี้ยันต์ของนิกาย
บนเวที เยว่เจียนหลี่ยืนอยู่ตรงหน้านาง “ท่านอาจารย์ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้!”
ฉู่หลิงฉวนขมวดคิ้วและพูดว่า “ทำไม?”
“ท่านไม่สามารถทำเช่นนี้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ได้! ท่านอาจารย์โปรดหยุดเถิด!”
คิ้วของฉู่หลิงฉวนขมวดลึกยิ่งขึ้น “เจ้ากำลังช่วยพูดแทนคนนอก?”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ไม่ใช่คนนอก เขากับศิษย์เป็น...”
“พอแล้ว” ฉู่หลิงฉวนขัดจังหวะ “ข้าจะไม่ยอมแพ้เรื่องเซินหนิงคนนี้ และหลี่หรานยังกล้า... กล้าทำให้ข้าขุ่นเคือง นี่ถือเป็นบทเรียนสำหรับเขา”
เยว่เจียนหลี่ยังคงต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่นางถูกอีกฝ่ายปิดปากไว้
ดวงตาที่สดใสของนางกะพริบด้วยความกังวล
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบรับ ผู้ดูแลของราชวงศ์จึงพูดเสียงดังว่า “ถ้าเช่นนั้น เซินหนิงจะเข้าร่วม...”
“เดี๋ยว...” เสียงซีดเซียวดังมาจากแท่นสูง
ฉู่หลิงฉวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับไปทันที
ภาพตรงหน้าทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“นี่คือ...”
ร่างกายของหลี่หรานสั่นสะท้านในขณะที่เม็ดเหงื่อไหลลงมาบนหน้าผาก
จี้หยกรูปมังกรบนหน้าอกของเขาเปล่งแสงสีแดงราวกับเลือด
มันคือหยกสื่อวิญญาณของหลี่อู๋เซียง
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถยกมือขึ้นมาทำลายมัน แต่หยกสื่อวิญญาณและตาแก่หลี่ก็เชื่อมโยงกัน มันมีร่องรอยของเต๋าแห่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อยู่ภายใน
มันถูกเปิดใช้งานโดยแรงกดดันของฉู่หลิงฉวนและกำลังต่อต้านอย่างสุดกำลัง
ร่างกายของหลี่หรานถูกปกคลุมด้วยตราประทับโบราณลึกลับ พลังสายเลือดของเขาถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองในขณะที่เขาค่อยๆยกมือขึ้นภายใต้เสียงกระดูกเลือนลั่น
ฉู่หลิงฉวนขมวดคิ้ว
“หยกสื่อวิญญาณระดับจักรพรรดิ? อย่างไรก็ตาม จากรูปลักษณ์แล้วมันไม่ใช่เหลิงอู่เหยียน”
“พลังสายเลือดของเด็กคนนี้คืออะไรกัน? มันค่อนข้างคุ้นเคย ราวกับว่ามันเป็นพลังของจักรพรรดิมารโลหิต... เช่นนั้นหลี่หรานก็เป็นผู้สืบทอดของหลี่ฮั่นเจียง?”
จักรพรรดิอมตะโบราณหลี่ฮั่นเจียง
ตามตำนาน จักรพรรดิมารโลหิตคือผู้ที่สามารถทุบทำลายขุนเขาและแหวกผ่านมหาสมุทรได้
ครั้งล่าสุดในพระราชวังจักรพรรดิหลี่หรานเองก็ใช้พลังสายเลือดนี้ แต่ตอนนั้นนางอยู่ภายใต้ร่างของเขาและลนลานจนไม่มีเวลามาสนใจ
“ไม่แปลกใจเลยที่เด็กคนนี้จะหยิ่งยโส ปรากฎว่านอกจากเหลิงอู่เหยียนแล้วยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับจักรพรรดิคนอื่นอยู่เบื้องหลังเขา!”
รอยยิ้มของฉู่หลิงฉวนเย็นเยียบ “แต่เมื่อพิจารณาจากออร่าของหยกนี้แล้ว ความแข็งแกร่งของมันไม่นับเป็นอะไรเลย”
นางก้าวไปข้างหน้าและแรงกดดันก็พรั่งพรูออกมาทันที
ร่างกายทั้งหมดของหลี่หรานถูกกดทับ มือขวาของเขาซึ่งยกมาได้ครึ่งทางก็ถูกกดกลับอย่างแรง
หยกสื่อวิญญาณสั่นสะท้านและมันก็ไร้พลังที่จะต่อต้าน
ฉู่หลิงฉวนแข็งแกร่งเกินไป แม้แต่ตัวหลี่อู๋เซียงเองก็สู้นางไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นเพียงสายใยแห่งเต๋าบางๆ
ร่างกายทั้งหมดของหลี่หรานสั่นสะท้านขณะที่เขากัดฟัน “ถ้ามีโอกาสข้าจะตีก้นเจ้าอย่างแน่นอน!”
แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าสถานการณ์มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ทันใดนั้นแสงจากภายนอกก็เข้ามาห่อหุ้มเขาไว้
บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายไร้ตัวตนและบริสุทธิ์
ร่างของหลี่หรานลอยขึ้นไปในอากาศ ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
ฉู่หลิงฉวนตกตะลึง “กลิ่นอายนี้... เต๋าแห่งการลืมเลือน? อวี้ชิงหลัน!”
เหตุใดนักพรตเย็นชานั่นถึงเข้ามายุ่งในเรื่องนี้?
แต่นางก็กลับมามีสติได้อย่างรวดเร็ว
ร่างของฉู่หลิงฉวนถูกปกคลุมด้วยแสงระยิบระยับ ผิวของนางขาวใสราวกับหยก “คิดว่าจะหยุดข้าได้หรือไง!”
นางยกเท้าหยกขาวขึ้นและกระทืบลงตรงหน้าอย่างรุนแรง
บูม!
รอยแยกมิติพังทลายลงทันที และเมืองหลวงทั้งหมดก็สั่นสะเทือน
กฎแห่งเต๋าของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองต่อสู้กันตรงหน้าหลี่หราน มิติรอบตัวเขาถูกทำลายและสร้างขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง เพียงแค่ร่องรอยของพลังที่รั่วไหลออกมาก็ทำให้ทุกคนหมอบลงกับพื้น
อาวุธจิตวิญญาณและสมบัติต่างๆตกลงสู่เบื้องล่าง พวกมันร้องโหยหวนราวกับคนธรรมดาได้พบสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง
ดวงตาของฉู่หลิงฉวนกระพริบไหวขณะที่นางเลียริมฝีปากอย่างตื่นเต้น “ดี ดีมาก เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่ข้าไม่ได้สู้อย่างจริงจัง กระดูกของข้ากำลังจะขึ้นสนิม!”
“เทพธิดาแห่งสถาบันเทียนซู หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”
จิตสังหารของนางถูกเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ นางลืมเป้าหมายเดิมไปแล้วด้วยซ้ำ...
ในเวลานี้เอง ร่างของหลี่หรานวูบไหวด้วยแสงสีดำ
แสงสีขาวกลายเป็นสะดุดตามาก ราวกับหยดหมึกหนาๆลงบนแผ่นกระดาษ มันเป็นเหมือนหลุมดำอันทรงพลังที่กลืนกินดวงอาทิตย์ที่แผดเผา
บูม บูม บูม!
แรงกดดันอันไร้ขอบเขตกระจายออกมาพร้อมกับจิตสังหารที่เย็นชาและกดขี่
ดวงอาทิตย์ส่องแสงเหนือหัวของพวกเขา แต่ในเวลานี้เงาของทุกคนกลับหายไป
เสียงที่เย็นชาและดุร้ายดังขึ้นในอากาศ “ฉู่หลิงฉวน เจ้าจะลองดีใช่ไหม?”
ฉู่หลิงฉวนตกตะลึง ลำคอของนางรัดแน่นขึ้น
“ละ เหลิงอู่เหยียน?!”
—
ลึกเข้าไปในหมู่เมฆ ขาและท้องของเซิงเย่เป็นตะคริว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
“มันไม่ใช่แค่งานชุมนุมสวรรค์อมตะหรือไง ทำไมมันวุ่นวายขนาดนี้!”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า…”
บูม!
หลี่หรานลอยขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง แสงสีแดง ดำ และขาวประสานกันบนร่างกายของเขา
กฎแห่งเต๋าของจักรพรรดิทั้งสามถูกเพิ่มเข้ามา สีของสวรรค์และโลกเปลี่ยนไป สุริยันและจันทรากลายเป็นไร้แสง
ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นไร้อารมณ์ ผมสีดำแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสนิท ดวงตาของเขาไร้จุดโฟกัสอีกต่อไป
ตาซ้ายของเขาสว่างไสวด้วยแสงสีขาวราวกับเที่ยงวัน ส่วนตาขวาของเขามืดหม่นและลึกล้ำราวกับค่ำคืน
ผมสีแดงราวกับเลือดปลิวไสวอย่างบ้าคลั่ง อำนาจที่แผ่ออกมานั้นทรงพลังจนไร้ขอบเขต
ในเวลานี้ ตัวเขาราวกับเป็นเทพเจ้า
การหายใจของฉู่หลิงฉวนเริ่มติดขัด พลังวิญญาณของนางถูกผนึกและไม่สามารถแม้แต่จะยกนิ้วขึ้น
จุดยืนถูกเปลี่ยนผัน
คราวนี้คนที่ขยับไม่ได้คือนาง
หลี่หรานค่อยๆลอยไปตรงหน้านาง ดวงตาไร้ศูนย์ของเขาจ้องมองมาอย่างเย็นชา
ฉู่หลิงฉวนประหม่าอย่างบอกไม่ได้และพูดตะกุกตะกัก “จะ เจ้ากำลังจะทำอะไร?”
หลี่หรานยังคงเงียบและค่อยๆยกมือขวาขึ้น
จากนั้นภายใต้สายตาที่ตกตะลึง เขาก็ตีก้นนางอย่างรุนแรง
เพียะ!
ชุดคลุมสีเขียวสั่นไหว
“……”
/////