บทที่ 14 อาโปกินพริก!?
บทที่ 14 อาโปกินพริก!?
【ความโปรดปรานของสัตว์อสูร】: 56
【ความโปรดปรานของสัตว์อสูร】: 57
【ความโปรดปรานของสัตว์อสูร】: 59
ขณะที่ป้อนไม้ไผ่หยกวิญญาณอาโป เฉินเหวินก็เปิดระบบขึ้น และดูแผงศักยภาพของมันไปด้วย
ตามที่คาดไว้ หลังจากป้อนไม้ไผ่หยกวิญญาณให้มันแล้ว ความไว้วางใจของมันก็เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 59 ในระยะเวลาอันสั้น
หลังจากกินไผ่หยกฯ จนอิ่มแปล้ จนในที่สุดความไว้วางใจของมันก็เพิ่มขึ้นเป็น 60
จนบางครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า การที่เขาได้อาโปมาครั้งนี้มันจะได้ประโยชน์หรือไม่?
"เฮ้อ!~ กินแล้วก็นอนขี้เซา แล้วจะเอาเวลาไหนไปกอบกู้โลก!" เฉินเหวินได้แต่ยืนเกาศีรษะแกร๊กๆ
จากนั้นเฉินเหวินลองแกล้งแหย่ อาโปในพื้นที่มิติสำหรับสัตว์อสูรอีกครั้งโดยการใช้พรสวรรค์ในการควบคุมมัน
"เฮ้..เจ้าหมีน้อย!"
จากการสื่อการกับอาโปอย่างเงียบ ๆ เฉินเหวินก็ลองเปิดใช้งาน "ศักยภาพ"ของมันดู
ทันใดนั้น! มีอักขระพันธสัญญาปรากฎขึ้นที่หน้าผากของทั้งเขาและอาโป จากการที่เขาสื่อสารกับอาโปในพื้นที่มิตินั้น ก็ปรากฏลำแสงเชื่อมโยงกันเป็นประกายเจิดจรัส จากนั้นลำแสงประหลาดก็พุ่งออกจากร่างของอาโป แล้วพุ่งทะลุเข้าไปในร่างของเฉินเหวิน
"นี่มันเป็นอาการเดียวกับที่เราทำพันธสัญญากับอาโปสำเร็จนี่นา... แต่ทว่า...พลังที่ได้รับนั้นยิ่งใหญ่กว่า"
เฉินเหวินคาดเดาว่านี่อาจจะเป็นด่านแรกของ "สายสัมพันธ์" ซึ่งมีคุณลักษณะบางอย่างร่วมกันกับสัตว์อสูรที่เลี้ยงดู
เมื่อได้รับคุณสมบัติสายสัมพันธ์ดังกล่าว เฉินเหวินรู้สึกได้ทันทีว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ในตอนแรกเขารู้สึกว่าอาโปในอ้อมแขนของเขานั้นหนักพอๆ กับแตงโมลูกใหญ่ แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันนั้นเบาราวกับปุยนุ่น
ในเวลาเดียวกัน อาโปรู้สึกว่าส่วนหนึ่งของพลังงานในร่างของมันถูกดูดออกไป จึงทำให้พลังวิญญาณของมันเริ่มเฉื่อยชาลง
ด้วยเหตุผลนี้ เฉินเหวินยังคงกังวลเล็กน้อยว่าอาโปจะเลิกไว้ใจ หากมันรู้ว่าเขา "ขโมย" พลังวิญญาณของมันไป!
แต่ทว่า.......
อาโปกลับไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย อาโปกลับรู้สึกดีที่เฉินเหวิน "ขโมย" พลังวิญญาณของมันไป!
เมื่อพลังวิญญาณถูกเฉินเหวินดูดไป ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับร่างกายของมันแต่อย่างใด ในขณะนี้ท้องเล็กๆ ของมันก็ค่อย ๆ พองขึ้นจากการแทะไผ่หยก ฯ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอาโปก็คงมีความสุขอยู่กับการแทะไม้ไผ่หยกฯ .....
อาโปเป็นเพียงลูกหมีแพนด้าตัวน้อย มันยังไร้เดียงสาเกินกว่าจะรับรู้เรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน บ้าง น้ำผึ้งร้อยดอกไม้ และไม้ไผ่หยกวิญญาณ ต่างอุดมไปด้วยพลังวิญญาณ หลังจากกินไผ่หยกเข้าไปสักพักท้องของมันก็ป่องนูนออกมาอีกครั้ง อาโปก้มมองท้องของตัวเอง จากนั้นมันก็ส่ายหน้า ไม่ขอรับไม้ไผ่หยกฯเพิ่มอีก
ทำไมท้องฉันใหญ่น่าเกลียดขนาดนี้!
"ฮ่าฮ่า~" เมื่อเฉินเหวินรู้สึกถึงความคิดของอาโป ก็อดที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆไม่ได้ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่ไม่ชอบพุงตัวเอง.... จากนั้นเขาวางอาโปลงบนพื้นแล้วจึงนำไม้ไผ่หยกฯเข้าไปเก็บในตู้เย็นก่อนจะพาอาโปไปออกกำลังเพื่อย่อย
เฉินเหวินย่อตัวลงแล้วดึงแขนอันสั้นอวบของมันเพื่อให้มันลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก็จูงมือมันเดิน
ในที่สุดอาโปซึ่งมีร่างอันอวบอ้วนเหมือนกระปุกออมสินก็สามารถยืนขึ้นได้ และค่อย ๆก้าวเดิน
ศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่จะได้รับการพัฒนาหากมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ส่วนอาโปก็เช่นเดียวกันในความคิดของเฉินเหวินนั้น มีนจะต้องเดินเหมือนมนุษย์ให้ได้มากที่สุด.....
แม้ว่าตอนนี้อาโปยังไม่ได้ใช้ลูกบอลพรสวรรค์ แต่เฉินเหวินก็คิดว่าน่าจะฝึกมันได้แน่นอน...
สิ่งแรกของการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ ก็คือเริ่มต้นด้วยการเดินสองขา!
เนื่องจากสภาพร่างของมันที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินสองขา แต่ในทางตรงกันข้ามมันกลับอยากรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆมากกว่า ด้วยความเป็นลูกหมีแพนด้าไร้เดียงสา ประกอบกับความเอาใจใส่ดูแลของเฉินเหวินทำให้อาโปเริ่มเดินสองขาคล่องขึ้น..
อาโป: อะไรเนี่ย?
เฉินเหวิน: นี่คือโต๊ะ!
อาโป: กินได้ไหมอ่ะ?
เฉินเหวินเสียงดัง: ...ไม่ได้! แต่อาหารมักจะวางไว้ด้านบนจำไว้!
อาโป: อะไรเนี่ย?
เฉินเหวิน: นี่คือเก้าอี้!
อาโป: กินได้ไหมอ่ะ?
เฉินเหวินเสียงดัง: บ้าบอ! นี่นายจะกินทุกอย่างเลยหรือไง....อันนี้ใช้นั่งด้านบนเพื่อกินสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ นายเข้าใจมั้ยอาโป
อาโป: แล้วนี่คืออะไรอ่ะ?
เฉินเหวิน: เค้าเรียกว่าทีวี...
อาเป่า: กินได้ไหมอ่ะ?
เฉินเหวินเสียงแข็ง: มันกินไม่ได้…
จากการสอนของเฉินเหวินอาโปเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ และเริ่มแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนกินได้ สิ่งไหนกินไม่ได้.....
สิ่งที่ทำให้อาโปค่อนข้างหงุดหงิดคือ เฉินเหวินนำทุกอย่างที่กินได้ซ่อนเอาไว้ทั้งหมด...
อาโป: ไม่มีอะไรกินเลยเหรอ? แล้วทำไมฉันจะต้องกันเหล็กด้วย!?ตะคอก
เฉินเกวินเสียงแข็ง: ก็นายเป็นสัตว์อสูรไม่ใช่มนุษย์ นายจะมากินมาม่าฉันได้ยังไงกันเล่าเจ้าเบื้อกเอ๊ย!
อาโปรู้สึกหมดหนทางเพราะมันหาของกินแทบไม่เจอเลย..
ด้วยความเหนื่อยล้า อาโปจึงรีบหาเหมาะ ๆ เพื่อนอน จากนั้นมันก็เดินเตาะแตะสองขาไปที่โซฟาห้องนั่งเล่น
เมื่อได้ที่แล้วอาโปก็นอนหงายถ่างขาอ้าซ่า และผล็อยหลับไปบนโซฟา... เฉินเหวินมองไปที่ท่านอนเสมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาของมัน เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเงียบ ๆ และถ่ายรูปมัน
เฉินเหวินวางโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าแล้วหาผ้าห่มจากห้องนอนมาห่มให้มัน......
เครื่องปรับอากาศถูกเปิดอยู่ในห้องนั่งเล่น ในขณะที่อาโปกำลังหลับสบาย
หากสัตว์อสูรที่กินเหล็กไม่เพียงพอ จะมีผลต่อการนอนหลับของมันนั่นเอง....
อาโปนอนดิ้นไปดิ้นมาเพียงไม่กี่นาทีมันก็เตะขา และเตะผ้าห่มออกไป
เฉินเหวินห่มผ้าให้มันอีกครั้ง และหลังจากนั้นไม่นานมันก็ถีบผ้าห่มออกอีก เขาต้องคอยจัดท่านอนให้มันเพราะกลัวมันจะตกโซฟา ...
เมื่อเห็นอาโปนอนดิ้นไปดิ้นมา เฉินเหวินก็นั่งลงข้างๆ เล่นโทรศัพท์ไปพร้อมๆ กับคอยกันมันตกที่นอน
พื้นที่มิติสัตว์อสูรนั้นมหัศจรรย์มาก ซึ่งมันจะสามารถเร่งการเติบโตของสัตว์อสูรได้
เมื่อเปิดโทรศัพท์ เฉินเหวินหยิบรูปถ่ายของอาโปสองสามรูปแล้วส่งไปยังกลุ่ม "ครอบครัวเฉิน"
เฉินหม่า: "เฮ้...เหวินเหวิน นี่คือสัตว์อสูรที่นายทำพันธสัญญาด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นสัตว์อสูรหน้าตาแบบนี้มาก่อน แต่มันน่ารักมาก!"
ป๊าเฉิน: "ไหน ส่งรูปมาดูหน่อยสิ!"
เฉินเหวินส่งรูปอาโปให้ทุกคนดูย่างรวดเร็ว
แม่เฉิน: "พ่อของลูกตอนเป็นเด็กก็ผอมเหมือนเสาไฟฟ้า หน้าตาก็เหมือนลิง โตเป็นหนุ่มก็ยัง? แล้วเจ้าตัวนี้ตอนเล็ก ๆมันน่ารัก แม่กลัวว่าพอมันโตขึ้นจะน่าเกลียดน่ะสิ"
เฉินหม่า: "เฉินเหวิน มันมีว่าชื่ออะไร? แล้วมันชอบกินอะไร? วันหลังฉันจะซื้อเข้าไปให้..."
เฉินเหวิน: "มันเรียกว่าสัตว์อสูรกินเหล็ก สามารถกินดินได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าแพนด้ายักษ์ มันชอบกินไม้ไผ่ แต่ที่บ้านมีอยู่แล้ว นายก็ซื้ออย่างอื่นมาละกัน"
ขนาดกินเหล็กกินดินได้ แสดงว่ามันกินได้ทุกอย่าง จริงไหม?
แม่เฉิน: "ตกลง!"
หลังจากนั้นไม่นานแม่เฉินก็ส่งข้อความมาอีก
เฉินหม่า: "มันกินพริกได้มั้ย! ที่บ้านฉันทำสวนพริก?"
เฉินเหวินแสดงสีหน้าสับสนทันที กับคำถามของ เฉินหม่า
สัตว์อสูรที่กินเหล็กนั้นค่อนข้างหายาก และเฉินเหวินไม่สามารถหาคำตอบบนอินเทอร์เน็ตได้ ดังนั้นเฉินเหวินจึงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่จะพิมพ์ข้อความตอบกลับอย่างช้าๆ
เฉินเหวิน: "มันอาจจะไม่ควรกินพริกแห้ง อืมม..หรือว่ามันคงพริกเขียวได้มั้ง"
แต่หน้าตามันเหมือนสัตว์เลี้ยงในท้องถิ่นของมณฑลซีฉวน ดังนั้นการกินอาหารรสเผ็ดได้หรือไม่นั้นจึงไม่มีข้อมูลแน่ชัด?
เมื่อเฉินเหวินตอบอย่างนั้นแม่เฉินเลยไปซื้อของดังกล่าว
ในตอนเย็น พ่อและแม่ของเฉินเหวินกลับมาพร้อมกับถุงเนื้อ ผัก และผลไม้สองถุงใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีพริกเขียวสด....
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้อง หลังจากวางกระเป๋า พ่อและแม่ของเฉินเหวินก็รีบตรงไปที่โซฟาเพื่อดูเจ้าแพนด้าน้อยกินเหล็ก
"ว้าว~ น่ารักจัง! เฉินเหวิน แสดงว่าการถ่ายภาพลูกนั้นแย่มากเลยนะ ถ่ายมาซะหน้าตาหน้าเกลียดเชียว!"
"มันช่างเป็นสัตว์อสูรที่หน้าตาน่ารักจริงๆ!"
"..."
เฉินเหวินรู้สึกว่าพ่อแม่ของเขากลายเอฟซีของมันไปแล้ว และพวกเขาก็ชมแล้วชมอีกว่ามันน่ารัก แต่ทว่า....ไม่รู้ว่ามันจะมีพฤติกรรมที่น่ารักหรือไม่?
และสำหรับอาโปนั้นแท้จริงมันไว้วางใจเขาได้สักแค่ไหนกัน?
อาจเป็นเพราะนอนเหลับเต็มอิ่มหรืออาจเป็นเพราะเสียงพ่อกับแม่ของเฉินเหวินดังขึ้น อาโปจึงค่อยๆ ขยี้ตาตื่นอย่างงงๆ
อาโปนั้นถูกเลี้ยงดูโดยจูหวู่ ดังนั้นมันจึงไม่ตื่นคน เมื่อเห็นพ่อกับแม่ของเฉินเหวินมันก็หาวต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นมันก็พยายามเตะขาอันสั้นของมันเพื่อที่จะลุกขึิ้น
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงของ ดังนั้นมันจึงยังไม่สามารถลุกขึ้นได้หลังจากเตะขาสั้น ๆ ขึ้นไปในอากาศสองครั้ง
จากความน่ารักของมันที่ได้ใจพ่อและแม่ของเฉินเหวินไปทันที....
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินหม่าที่อยากจะเจอ และกอดอาโปตัวเป็น ๆเร็ว ๆ
เฉินเหวินรีบแนะนำพ่อและแม่ของเขาให้อาโปรู้จัก....
เมื่อรู้ว่าพวกเขาเป็นญาติของเฉินเหวิน อาโปจึงไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่เมื่อมันได้ยินว่าทั้งสองจะให้อะไรมันกิน มันก็เปลี่ยนสีหน้าทันที ปีนลงจากโซฟาแล้วกอดน่องของพวกเขาอย่างว่าง่าย...
.
แม่ของเฉินเหวินรีบเข้าไปกอดมันเหมือนเด็กและลูบหัวมันอย้างเอ็นดู เธอเรียกมันว่า "เด็กดี"
เฉินเหวินดีใจมากที่พ่อแม่ชอบอาโป ท้ายที่สุดแล้วภาระหน้าที่สำคัญในการเลี้ยงดูอาโปนั้นคงต้องตกเป็นภาระของพ่อแม่เขาจริงๆ
มันยังเด็กอยู่จริงๆ
แล้วมันจะกินพริกได้อย่างไรกัน?
แต่ทว่า.....
เมื่ออาโปเห็นพริกเขียว...น้ำลายมันก็ไหล
ด้วยความตกละของมันหลังจากกัดพริกเข้าไป อาโปก็น้ำตาพรั่งพรูราวกับสายน้ำ มันรีบเป่าลมออกจากปากแล้วรีบกินน้ำไปหลายขวดกว่าอาการเผ็ดจะทุเลาลง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันจะระมัดระวังตัวไม่กล้าแตะต้องของที่ไม่เคยกินอีก.....