ตอนที่ 4 รูปแบบแก่นแท้จริง
ว่านฉานไห่มองไปที่ลู่หยานรันอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ด้วยแววตานี้ทําให้ลู่หยานรันกลัวมากจนเธอถอยไปสองสามก้าว
เธอไม่ได้ดื่มน้ำหรือกินข้าวเป็นเวลาสองวันมันจึงทำให้ร่างกายของเธอก็เริ่มจะถึงขีดจํากัดแล้ว
และตอนนี้เธอกำลังถูกจ้องมองโดยคนระดับสูงหลายคนเธอมันจึงยิ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
โชคดีที่คนเหล่านี้ไม่ได้กดดันลู่หยานรันแต่อย่างใด
เพราะร่างกายที่เล็กของเธอจะไม่สามารถทนต่อมันได้อย่างแน่นอนหากพวกเขาทํา
ว่านฉานไห่นั้นตอบสนองต่อสิ่งที่ลู่หยานรันเพิ่งพูด
"เจ้าบอกว่าเขาเป็นปรมาจารย์ของเจ้างั้นหรือ?"
จากนั้นสายตาของเขาก็มองไปที่ตราของปรมาจารย์ของนิกายที่ลู่หยานรันกำลังกำอยู่ในมือของเธออย่างแน่นหนา
คําว่า 'ยื่อ' บนนั้นบ่งบอกได้ว่ามันเป็นตราประจำตัวของยื่อซวน
คนอื่นๆก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วและก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน
"ปรมาจารย์ยื่อได้รับลูกศิษย์แล้วอย่างงั้นหรือ? และลูกศิษย์คนนั้นก็คือคนรับใช้เนี่ยนะ?"
ทุกคนในที่นั้นต่างพากันแปลกใจ
ทุกคนรู้ดีว่ายื่อซวนนั้นเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากของนิกายชิงหยุน และเขาไม่เคยสนใจในการรับลูกศิษย์
โดยปกติแล้วเขายุ่งกับการฝึกตนของตัวเองมากเกินไปและไม่ค่อยให้ความสนใจกับบุคคลภายนอก
นั่นก็เป็นเพราะยื่อซวนยังเด็กมาก สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับเขาในตอนนี้คือการยกระดับการฝึกตนของเขาโดยเร็วที่สุด
เมื่อการฝึกตนของเขาถึงจุดสูงสุดแล้วเท่านั้นเขาถึงจะต้องรับลูกศิษย์เพื่อสืบทอดความสามารถต่อจากเขา
แต่ทําไมยื่อซวนคนนั้นถึงได้รับลูกศิษย์ในตอนนี้?
ทุกคนแทบรอไม่ไหวที่จะได้รู้ความจริงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แล้ว
เมื่อนึกถึงคําพูดของลู่หยานรันในตอนนี้และมองไปที่ตราปรมาจารย์ของยื่อซวนในมือของเธอแล้ว...
พวกเขาทั้งหมดก็เลิกคิดที่จะเข้าไปในห้องโถงนั้น
แม้ว่าลู่หยานรันจะเป็นเพียงลูกศิษย์ที่อยู่ในระดับรูปแบบการปรับแต่ง...
แต่ว่าตอนนี้เธอกําลังถือตราปรมาจารย์ของยื่อซวนอยู่ซึ่งเธอสามารถใช้ตรานี้แทนตัวของเขาได้
และหลังจากทุกอย่างเริ่มสงบลง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดแบบหลินชิง
ทุกคนรู้สึกว่าเป็นไปได้มากที่ยื่อซวนนั้นรู้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
และนั่นคือเหตุผลที่เขายอมรับสาวรับใช้เป็นลูกศิษย์ของเขาอย่างรีบร้อน เพราะเขาไม่ต้องการให้สิ่งที่เขาพยายามฝึกมานั้นเสียเปล่า
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทุกคนในก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ความเศร้าโศกของพวกเขาออกมาผ่านการแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขา
ในขณะนี้หัวใจของทุกคนเต็มไปด้วยความแค้นที่มีต่อนิกายซวนหยิน
ถ้าไม่ใช่เพราะนิกายซวนหยินปรมาจารย์ยื่อซวนก็คงไม่ตกอยู่ในสภาวะแบบนี้
อย่างไรก็ตามหากยื่อซวนใกล้จะตายจริงๆแล้วทําไมจึงมีออร่าที่เหมือนกับจะก้าวข้ามออกมาจากห้องโถงใหญ่ในตอนนี้?
แม้ว่าพวกเขาจะสับสนอย่างมาก แต่คนเหล่านี้ยังคงรออยู่นอกห้องโถงหลักอย่างเงียบๆ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตราบใดที่ยังมีความผันผวนของออร่าพลังนั้นออกมาจากห้องโถงก็หมายความว่ายื่อซวนยังมีชีวิตอยู่
อีกสองชั่วโมงผ่านไป
ออร่าพลังที่น่าอัศจรรย์มากกว่าเดิมนั้นได้ออกมาจากห้องโถง
ออร่าพลังนี้แข็งแกร่งกว่าตอนแรกที่พวกเขาสัมผัสได้อย่างมาก
สายตาของทุกคนกว้างขึ้น
"นี่มัน... ระดับรูปแบบแก่นแท้จริงงั้นหรือ???"
"นี่เป็นพลังของระดับรูปแบบแก่นแท้จริงแน่นอน ออร่าแบบนี้มันทรงพลังมาก!"
"เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกับยื่อซวนกันแน่?"
สีหน้าของทุกคนถูกปกคลุมไปด้วยความตกใจและสับสน
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทําไมห้องโถงที่ยื่อซวนอยู่นั้นสามารถปล่อยแรงกดดันที่มีเพียงผู้ที่อยู่ในระดับรูปแบบแก่นแท้จริงเท่านั้นที่สามารถครอบครองได้
ในระดับรูปแบบแก่นแท้จริงนั้นจะมีแก่นหลักว่างเปล่า แก่นหลักแท้จริงและ แก่นหลักทองคําอยู่
ภายในแก่นหลักว่างเปล่า แก่นหลักแท้จริง และ แก่นหลักทองคํานั้นจะมีระดับขั้นต้นกลางและสูงอยู่ด้วย
ลู่หยานรันในตอนนี้เธออ่อนแอมาก เธอจึงไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของผู้ที่อยู่ในรูปแบบแก่นแท้จริงได้
เมื่อเธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอกําลังจะระรับไม่ไหวเธอก็รู้สึกว่าร่างกายและจิตใจของเธอกำลังค่อยกลับมาเป็นปกติ
นั่นเป็นเพราะหลินชิงเป็นคนป้องกันแรงกดดันส่วนใหญ่ที่ออกมาจากห้องนั้นกับเธอ
ในขณะนี้สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ประตูห้องโถงของยื่อซวน
ทุกคนต้องการรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับยื่อซวนที่ทําให้เขาก้าวเข้าสู่รูปแบบแก่นแท้จริงได้
สีหน้าของลู่หยานรันเต็มไปด้วยความตกใจ เธอไม่รู้ว่าปรมาจารย์ของเธอนั้นกำลังทําอะไรอยู่กันแน่?
เธอไม่รู้ว่าพลังของรูปแบบแก่นแท้จริงนี้มันทรงพลังแค่ไหน
อย่างไรก็ตามจากการแสดงออกของสมาชิกระดับสูงของนิกายชิงหยุนรอบตัวเธอ เธอจึงสามารถเดาได้คร่าวๆว่าปรมาจารย์ของเธอได้ก้าวเข้าสู่ระดับที่ทรงพลังมากกว่าเดิม
จากการแสดงออกของว่านฉานไห่และคนอื่นๆนั้น มันชัดเจนมากว่านี่เป็นเรื่องใหญ่
บางทีรูปแบบแก่นแท้จริงอาจถูกมองว่าเป็นรูปแบบที่ผู้เชี่ยวชาญมากภายในราชวงศ์เฉียนที่ยิ่งใหญ่นั้นสามารถไปถึงได้
นั่นนี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริง ตราบใดที่ผู้ฝึกตนระดับแก่นหลักทองคําไม่อยู่นั้นผู้ฝึกตนระดับแก่นหลักแท้จริงก็สามารถคุ้มครองราชวงศ์เฉียนที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากที่ลู่หยานรันคิดออกเธอก็จ้องมองไปที่ห้องโถงอย่างไม่กะพริบตา
เธอต้องการมองผ่านประตูหลักเพื่อให้เธอได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องนั้นได้อย่างชัดเจน
คนอื่นๆก็อยากรู้เช่นเดียวกับเธอและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่ข้างในห้องนั้น
หลังจากนั้นไม่นานออร่าของพลังนั้นก็สลายไป
มีร่างที่ผอมเพรียวเดินออกมาจากประตู ชายที่หล่อเหลาและมีโครงสร้างใบหน้าที่แข็งแกร่ง
"ท่านปรมาจารย์นิกาย ท่านรองปรมาจารย์นิกาย ท่านผู้อาวุโส!"
คนที่ออกมานั้นคือยื่อซวน ซึ่งรูปร่างหน้าตาของเขาทําให้ดวงตาของทุกคนเป็นประกายมากขึ้น
ตอนนี้ทุกคนยังคงสับสนและสงสัยว่าอาจมีคนอื่นอยู่ในห้องโถงอีก
แต่หลังจากที่ยื่อซวนปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาพวกเขานั้น ความสงสัยของทุกคนก็หายไปอย่างสมบูรณ์
แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ว่ายื่อซวนนั้นรอดจากความตายและได้รับพลังที่แข็งแกร่งแบบนี้มาได้อย่างไรก็ตาม...
แต่นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีสําหรับนิกายชิงหยุน!
"ปรมาจารย์ยื่อ ทําไมเจ้าถึง..."
ปรมาจารย์นิกายว่านฉานไห่มองไปที่ยื่อซวนด้วยความสับสน
ตอนนี้เขาต้องการคําอธิบายจากยื่อซวนอย่างเร่งด่วน
"ข้าก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง ข้าโชคดีที่ได้รับพลังจากประสบการณ์เฉียดตายของข้า"
ยื่อซวนนั้นรู้ว่าคนเหล่านี้ต้องการคําตอบจากปากของเขา
แต่เขานั้นไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้ว่าเขานั้นมีระบบอยู่
เมื่อได้ยินแบบนี้คนอื่นๆก็พยักหน้าเบาๆเท่านั้น
แม้ว่ายื่อซวนจะไม่ได้อธิบายอย่างละเอียดแต่คำพูดง่ายๆว่า 'โชคดีนั้น' ก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายทุกอย่างได้
เพราะโชคนั้นก็ถือว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่งเช่นกัน
โชคนั้นอาจะมีโอกาสได้ทั้งใหญ่และเล็ก โชคเล็กๆน้อยๆอาจเป็นสมบัติล้ำค่าได้อย่างง่ายๆ
และด้วยโชคนี้เองทำให้การฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ตลอดช่วยชีวิตที่ผ่านมาของเขา ยื่อซวนปกปิดเรื่องทุกอย่างไว้ด้วยคําว่า 'โชค'
นอกเหนือจากภูมิภาคเทียนหยวนอันกว้างใหญ่และไร้ขอบเขตแล้วก็ยังมีผู้ฝึกตนที่ได้รับโอกาสจากโชคที่แตกต่างกันตลอดเวลาด้วยเช่นกัน
ปรมาจารย์นิกายและผู้อาวุโสของนิกายชิงหยุนล้วนได้รับโชคในรูปแบบที่แตกต่างกันในระหว่างการฝึกตน
ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะสมสําหรับพวกเขาที่จะถามคําถามมากไปกว่านี้