ตอนที่ 19 ผู้มาเยือนจากนิกายเต๋า
“ศิษย์น้องตูกู่อยู่ที่จุดสูงสุดของระดับที่สองอาณาจักรเหนือมนุษย์ แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญอาณาจักรเหนือมนุษย์ระดับสูงกว่าเขา อย่างน้อยเขาก็สามารถหลบหนีได้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถชนะได้ก็ตาม”
“ดีที่สุดไปที่พระราชวังและถามผู้เชียวชาญอาณาจักรเหนือมนุษย์ที่นั่น เขาคงจะทราบอะไรบางอย่าง”
คนกลุ่มหนึ่งบินรอบเมืองหลวง
จากนั้นพวกเขาก็หายไปราวกับภูตผีและมุ่งหน้าไปยังพระราชวัง
ภายในตำหนักชูหนิง…
หัวใจของหลี่มู่รู้สึกเต้นไม่เป็นจังหวะ
“มีผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรเหนือมนุษย์มากมายตั้งแต่เมื่อไหร่? มีคนบอกว่าไม่มีอาณาจักรเหนือมนุษย์อยู่ในจักรวรรดิไม่ใช่เหรอ?”
เขาเริ่มเฝ้าสังเกตอย่างเงียบ ๆ
มีคนหนึ่งอยู่ในระดับที่ห้าของอาณาจักรเหนือมนุษย์
อีกสองคนอยู่ในระดับที่หนึ่งและสองของอาณาจักรเหนือมนุษย์
พวกเขามาจากนิกายเต๋าหรือไม่?
ร่างทั้งสามนี้ลอยอยู่เหนือพระราชวังสองครั้งและในที่สุดก็หยุดที่ยอดหอสมุด
“เหตุใดข้าจึงไม่รู้สึกถึงออร่าของอาณาจักรเหนือมนุษย์ในพระราชวัง”
“ข้าก็ไม่รู้สึกเหมือนกัน” ชายหนุ่มที่มีมารยาทดีแสดงความคิดเห็นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
เขาเป็นศิษย์หลักของนิกายเต๋าและเป็นปรมาจารย์ระดับกลางอาณาจักรเหนือมนุษย์
กลิ่นอายของอาณาจักรเหนือมนุษย์ระดับกลางไม่สามารถหลบซ่อนจากเขาได้
แม้จะอยู่ในช่วงปลายของอาณาจักรเหนือมนุษย์ เขาก็สามารถรับรู้ได้
ถึงกระนั้น เขาก็ไม่สามารถรู้สึกถึงอาณาจักรเหนือมนุษย์ได้เลย
พวกเขามองหน้ากัน
“บางทีปรมาจารย์คนนั้นอาจไม่ได้อยู่ในวังหลวง นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถสัมผัสเขาได้”
“ถ้าคนๆ นั้นเป็นปรมาจารย์อาณาจักรเหนือมนุษย์ของราชวงศ์ ทำไมถึงไม่มีบันทึกของเขาในนิกาย?”
ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างงุนงง
“ไม่มีอาณาจักรเหนือมนุษย์อยู่ในจักรวรรดิเซี่ยเช่นกัน หากมีอัจฉริยะเกิดขึ้น เขาคงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจักรวรรดิ”
พวกเขาได้ตรวจสอบบันทึกทั้งหมดเกี่ยวจักรวรรดิเซี่ยก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธที่จุดสูงสุดของอาณาจักรควบคุมวิญญาณนั้นยังอยู่ในความคิดของพวกเขา
“ไปหาที่พักและพักสักสองสามวัน เราจะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับปรมาจารย์อาณาจักรเหนือมนุษย์ในระหว่างนี้”
“ไม่ได้ลงจากภูเขานานมากแล้ว เราจะสนุกกันที่นี่สักสองสามวัน”
ทั้งสามคนพักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
ภายในตำหนักชูหนิง…
หลี่มู่ขมวดคิ้ว เขาเริ่มกังวล
ข้าไม่สามารถที่จะรออีกต่อไป
ไม่ว่าทั้งสามคนจะมาจากนิกายเต๋าหรือไม่ก็ตาม การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน
กลับมาที่ห้องสมุดจักรพรรดิ ในตอนกลางคืน…
จักรพรรดิขมวดคิ้ว
ความสงบทั่วทั้งอาณาจักรไม่เท่ากับผู้คนที่ไม่พยายามสร้างปัญหา
เขาอ่านบันทึกทั้งหมดอย่างน้อยสามครั้งก่อนที่จะพยายามตัดสินใจ
“ฝ่าบาท คืนนี้ดึกมากแล้ว”
เฮ้อ...
จักรพรรดิถอนหายใจและพลิกอ่านบันทึกโดยไม่สนใจอะไร
ข้าอยู่บนบัลลังก์เป็นเวลา 16 ปี
เขามีภรรยาหลายคนและมีไม่กี่คนที่ตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม แม้แต่ผู้ที่ตั้งครรภ์ได้ก็ลงเอยด้วยการคลอดบุตรยาก
ในตอนแรกเขาคาดเดาว่าบางทีคนจากตระกูลตูกู่อยู่เบื้องหลัง
ไม่มีองค์ชายองค์ใดที่สามารถเติบโตได้มากนักในช่วงสามถึงสี่ปีที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้เป็นกรรมของข้าหรือ?
ขันทีจากไป โดยนำของทั้งหมดไปด้วย และจัดการเกี่ยวกับสถานที่ที่เขาจะพักในคืนนี้
…
จักรพรรดิเริ่มทบทวนความทรงจำครั้งสุดท้าย
“พาข้าไปที่วิหารบรรพบุรุษของจักรวรรดิ”
เขาได้ยินเสียงที่เขาปรารถนาทันทีที่เขาวางพู่กันลง
ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงอีกครั้งหลังจากผ่านไปสามปี
เขาจำได้ว่าเสียงนั้นฟังอย่างไรทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะกลัวว่าจะลืม
เขาลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง
“ผู้อาวุโส ท่านพบปัญหาอะไรบ้าง”
"อืม"
“ได้ ข้าจะรีบจัดการทันที”
จักรพรรดิปรากฏตัวต่อหน้าวิหารในเวลาต่อมาโดยมีหลี่มู่ตามหลัง
ขณะที่หลี่มู่ยังคงสงสัยเกี่ยวกับสถานที่
“ผู้อาวุโส ท่านยังอยู่หรือเปล่า”
"ข้าอยู่นี่"
“ข้ากำลังจะเข้าสู่ทางลับ ท่านเดินตามมาอย่าห่าง? ทางเข้าจะปิดอย่างรวดเร็วทันทีที่เปิดใช้งานกลไก”
จักรพรรดิมองไปข้างหลังขณะที่เขาพูด
เขาต้องการมองดูผู้อาวุโส เพาะเขาได้ยินแค่เสียง
อย่างไรก็ตาม เขามองไม่เห็นอะไรเลย แม้จะรู้ว่าผู้อาวุโสอยู่ข้างหลังเขา
“ข้าจะเดินนำ”
หลี่มู่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีทางเดินใต้ดินอยู่ใต้วิหารปลอม
นั่นคือที่ที่เป็นฮะ?
บรื๋อออ...
ประตูทางลับใต้ดินเปิดออก รอยแยกสามารถเห็นได้เมื่อประตูหินที่กว้าง หนา และหนักเปิดออก
ในไม่ช้าประตูหินหนาก็เริ่มปิดลง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้าตรวจไม่พบทางเดินใต้ดินใต้วิหารแห่งนี้ เมื่อพิจารณาจากความหนาของประตูหิน จึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีสิ่งมี
ชีวิตอยู่ข้างใต้หรือไม่
ทั้งสองเดินเข้าไปในทางเดินทันทีที่จักรพรรดิเปิด
พวกเขามาถึงพระราชวังใต้ดิน
มีบ่อน้ำลึกอยู่ใจกลางวังใต้ดิน
ชีพจรพลังปรานนั้นหนาแน่น ทำให้รู้สึกแตกต่างออกไปมาก
"นี่คือสถานที่ที่บรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์บ่มเพาะ ท่านสามารถบ่มเพาะที่นี่ได้ถ้าท่านต้องการ ที่อยู่อาศัยในถ้ำตรงนั้นเป็นที่ซึ่งบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อาศัยอยู่ บิดาของข้าส่งอาหารให้ครั้งหนึ่งเมื่อเขายังเด็กมาก ประตูไม่ได้เปิดมานานกว่า 100 ปีแล้ว”
จักรพรรดิอธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง
น้ำเสียงของเขาต่ำลงเรื่อยๆ ในขณะที่เขาพูดต่อ
หลี่มู่แผ่สัมผัสตรอจสอบหลังประตูหินและไม่พบลมหายใจในนั้น
"อืม ข้าเจอปัญหาในการทะลวงระดับเมื่อเร็วๆนี้ อย่ารบกวนข้าในเวลาอันสั้น” หลี่มู่อธิบาย
“โอ้ ใช่ บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เคยบอกพวกเราว่าอย่าเข้าใกล้บ่อน้ำนั้น ข้ารู้มาว่ามีปีศาจที่น่ากลัวถูกผนึกอยู่ในนั้น” จักรพรรดิกล่าวก่อนจะจากไป
เขายังไม่สามารถเห็นร่างของผู้อาวุโสถึงเขาจะอยากเห็น
จักรพรรดิก็ไม่สามารถกล่าวได้
หลี่สัมผัสได้ถึงอันตรายที่แฝงตัวอยู่ในบ่อน้ำ
เมื่อจักรพรรดิจากไปแล้ว เขาก็พึมพำ “ลงชื่อเข้าใช้”
“ขอแสดงความยินดีสำหรับการลงชื่อเข้าใช้ที่ วิหารบรรพบุรุษ สำเร็จ รางวัลพลังปราน 200 ปี”
หลังจากได้รับรางวัล
เขาประหลาดใจมากที่รางวัลนั้นมากเพียงใด
พลังปราน 200 ปีสามารถผลักดันการเพาะปลูกบรรลุถึงระดับครึ่งก้าวอาณาจักรเทวะ
อาณาจักรเทวะเป็นระดับฝึกตนสูงสุดที่หลู่มู่รู้
ไม่มีบันทึกใด ๆ ในหอสมุดที่กล่าวถึงระดับที่เหนือกว่าอาณาจักรเทวะ
อีกเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้น! ชีพจรปรานธรรมชาติที่นี่หนาแน่น ข้าจะบ่มเพาะที่นี่คืนนี้
…
รุ่งสางหลี่มู่กลับไปที่ตำหนักชูหนิง
จากนั้นเขาก็ใช้โอกาสออกจากพระราชวังเพื่อค้นหาสาวกทั้งสามจาก นิกายเต๋า ในขณะที่นางสนมจิงยังคงไม่รู้ว่าเขาไม่อยู่
เมืองหลวงยามรุ่งสาง…
ชายหนุ่มรูปงามพาสหายทั้งออกไปเดินเล่นในเมือง
“ศิษย์พี่ ที่นี่รุ่งเรืองมาก มันไม่ได้ทรุดโทรมเหมือนในนิกายของเรา”
“ไร้สาระ? ถ้านิกายเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตชีวา พวกเจ้าทุกคนจะสามารถมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนได้หรือไม่? เวลาและพลังใจของมนุษย์
มีจำกัด เจ้าจะไร้ความก้าวหน้า หากคุณมัวแต่เสียเวลาและพลังงานไปกับความสนุกส่วนตัว” ชายหนุ่มอธิบาย
เมืองที่ดูทรุดโทรมเป็นสถานที่เดียวที่พวกเขาเคยเห็นระหว่างทางไปเมืองหลวง
มีเพียงหมู่บ้านเท่านั้นที่ดูราวกับว่าพวกเขามีชีวิตอยู่ในนั้น
รูปลักษณ์ที่เจริญรุ่งเรืองของเมืองต่อหน้าต่อตาพวกเขาช่างเป็นภาพที่น่ามองสำหรับพวกเขาจริงๆ
มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“มีกฎมากเกินไปในนิกาย อยู่เฉยๆ ไปสนุกกันอีกสองวันดีกว่าไหม เราต้องผ่อนคลายจากการบ่มเพาะ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับอาณาจักรเหนือมนุษย์ของราชวงศ์ และการรวบรวมข่าวต้องใช้เวลา”
ชายวัยกลางคนมองดูทุกสิ่งบนท้องถนนด้วยใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็น
เท้าของเขารู้สึกราวกับว่าถูกหยั่งรากลงกับพื้นในสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาบังเอิญเห็นสาวสวยรอบๆ
“อืม เราจะไม่สามารถหาศิษย์น้องตูกู่ได้สักระยะหนึ่ง ก็ได้ งั้นเราพักกันสองวันก็ได้”
ชายหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย
น้องชายคนที่สองกล่าว เป็นการยากที่จะปฏิเสธคำกล่าวของเขา
แม้จะอ้างว่าอยู่เพื่อความสนุก แต่พวกเขาทั้งสามก็ไม่เคยลืมที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญจักรวรรดิเซี่ย
ทั้งสามคนรวมตัวกันเพื่อรวบรวมข้อมูลที่พวกเขารวบรวมได้ในหลายวันต่อมา
“เฒ่าปีศาจหานหายตัวไปเมื่อ 18 ปีที่แล้ว มีข่าวลือว่าเขาบุกเข้าไปในพระราชวัง อาณาจักรเหนือมนุษย์คนนั้นจะเป็นเขาได้ไหม? เจ้าคิดเห็นอย่างไร?” ชายร่างท้วมเอ่ยถาม
“เฒ่าปีศาจหานเป็นอัจฉริยะจริงๆ และมีนิกายมากมายที่ส่งสาวกออกไปเพื่อติดต่อกับเขา ถึงกระนั้นเขาก็เป็นคนเกียจคร้านโดยธรรมชาติและปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมดของพวกเขาเนื่องจากไม่ต้องการถูกผูกมัดตามกฎนิกาย ถ้าเขาเข้าร่วมนิกาย พลังของเขาอาจถึงจุดสูงสุดของระดับต้นอาณาจักรเหนือมนุษย์ สิ่งที่กล่าวมานั้นมีความเป็นไปได้”
ชายหนุ่มนึกถึงข้อมูลที่เขาได้รู้เกี่ยวกับนิกายและตอบ
“พี่ชาย แต่ข้าได้รับข่าวว่า เฒ่าปีศาจหาน พ่ายแพ้โดยใครบางคนในวังตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกจับได้ ข้ารู้สึกว่าผู้ฝึกยุทธคนอื่นในวังจะต้องมีอาณาจักรเหนือมนุษย์อยู่ ดังนั้น ข้าไม่คิดว่าอาณาจักรเหนือมนุษย์จากวังหลวงจะเป็นเฒ่าปีศาจหาน” ชายวัยกลางคนกล่าวเสริม
“เจ้าสองคนรวบรวมอะไรได้อีกบ้าง”
ชายหนุ่มจับคางด้วยมือข้างหนึ่ง
“ข้าได้ยินมาว่ามีอัจฉริยะนามว่า หลิวหยู ซึ่งเป็นองค์ชายเก้าของราชวงศ์ เขาเริ่มฝึกฝนเมื่ออายุ 16 ปี แต่เขาก็อยู่ในช่วงปลายของอาณาจักรก่อกำเนิดแล้วหลังจากฝึกฝนเพียงสี่ปี เขาเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน”