ตอนที่ 1011 กล้า จริงหรือ
ราชินีเว่ยฟงขึ้นครองบัลลังก์หลังจากการศึกครั้งนี้ได้สร้างศักดิ์ศรีชื่อเสียงนางไปทั้งโลกอำนาจนางแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศไม่มีอะไรหยุดยั้งได้
เจ้าเมืองเจ้าแคว้นและราชาเกินกว่าหมื่นคน แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่เต็มใจภักดีหรือเชื่อมั่นในราชินีเว่ยฟงและจักรพรรดินีเทียนฟาสองพี่น้อง แต่ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
รวมทั้งบริวารจ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะและของชางหลงเจ้าตำหนักน้ำ ก็ไม่กล้าโจมตีตอบโต้ภายใต้แรงกดดันนี้
ไม่ต้องพูดถึงกองทัพทหารผ่านศึกของจักรพรรดิเสิ่นกวงจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว จักรพรรดิแดนดินรุ่นก่อน
ตอนนี้พวกเขาทุกคนคิดว่าราชินีเว่ยฟงและจักรพรรดินีเทียนฟาไม่ใช่พวกที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ส่งมาปกครองแน่ ผู้ปกครองที่ส่งมาโดยตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าจะรู้จักเผ่าภูตบูรพามากมาย สองสาวพี่น้องไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายแต่กลับมีสาวใช้และหัวหน้าองครักษ์ที่ทรงพลังมากขนาดนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีใครรู้จัก
มีโอกาสเป็นตระกูลที่ซ่อนตัวอยู่ในแดนสวรรค์บนได้มาก
สองสาวพี่น้องหลังจากเดินทางท่องเที่ยวผ่านภูมิภาคสวนสวรรค์แล้วไม่ทราบว่านึกยังไงตัดสินใจเข้าครอบครองพื้นที่ในทันที
ราชินีเว่ยฟงและจักรพรรดินีเทียนฟาทรงพลังด้วยกันทั้งคู่
แม้ว่าคนของจ้าวสุริยาและคนของชางหลงรู้ว่าเจ้านายของพวกเขาคงไม่พอใจพวกนางเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาจะพูดอะไรได้เล่า? จ้าวสุริยาและชางหลงไม่อยู่ที่นั่นจักรพรรดิเสิ่นกวงและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่อยู่ จี้โจว เหลยเป้าและเถิงเฉอยังคงรอฟังข่าว...ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะไม่เต็มใจก็ตามก็ต้องร่วมแสดงความยินดีตามน้ำไปพลางๆ
ทนไปก่อนชั่วคราว
ในใจของมนุษย์หลายคนยังคงมองหาเจ้านายพวกเขาอย่างจ้าวสุริยาและชางหลง ตราบใดเจ้านายของพวกเขากลับมายังภูมิภาคสวนสวรรค์ทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องง่าย
หลังจากนั้นพวกเขากลับไปปรึกษาหาวิธีตอบโต้ แต่เบื้องหลังฉากภาพในตอนนี้ พวกเขาคงมอบให้ได้แต่ความสงบสุขเท่านั้นพวกเขาปรบมือให้ร่วมกับฝูงผู้คนที่อยู่กลุ่มร่วมเป็นเกียรติให้กับราชินีเว่ยฟง นักรบปราณฟ้าบางคนนิยมชมชอบราชินีเว่ยฟงและจักรพรรดินีเทียนฟา พยายามพูดคุยกับหัวหน้าพ่อบ้านเย่และหัวหน้าจินฟันทองหรือคนอื่นหวังว่าจะได้รับตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง บางคนก็มั่นใจตนเองว่ามีพลังพอไม่จำเป็นต้องกังวลเหมือนกับหุ่นเชิดเล็กๆหรือรอให้ราชินีเว่ยฟงหรือจักรพรรดินีเทียนฟาออกคำสั่ง จากนั้นค่อยเข้ามาร่วมงานเพื่อให้พวกตนได้รับผลประโยชน์มากขึ้น
ทหารรับจ้างระดับปราณฟ้าไม่มีความกังวลเช่นนี้
ใครที่มีพลังหรือมีแนวโน้มมีพลังมากที่สุดทหารรับจ้างจะร่วมงานด้วย ทหารรับจ้างนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในแดนสวรรค์
ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าพ่อบ้านเย่และหัวหน้าจินฟันทองที่พวกเขาต้องทดสอบเล็กน้อย พวกเขาก็มีพลังพอจะได้ใส่ชุดทหารประจำเมืองลู่หลิวหรือไม่? ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์!” ในแดนสวรรค์มีคนทรงพลังมาก จักรพรรดิแดนดินมีความแข็งแกร่ง ตราบใดที่เขาโบกมือเบาๆก็ไม่รู้ว่าต้องมีคนตายไปกี่คน?
“สอบอย่างไร? ทดสอบพลังหรือทักษะ?” ทหารรับจ้างถามหัวหน้าพ่อบ้านเย่ด้วยความกระวนกระวาย
“ไม่ต้องห่วง การทดสอบง่ายมาก เนื้อหาการทดสอบของเราอยู่สามจุดใหญ่ ข้อแรกคือความกล้าหาญ สองการเชื่อฟังคำสั่ง และสามการทำงานเป็นกลุ่ม สามสิ่งนี้ขาดหายไปไม่ได้ต้องใช้ในการทำให้ภูมิภาคสวนสวรรค์สงบลงในอนาคต ดังนั้นเราจึงแยกทดสอบเป็นหัวข้อที่สำคัญที่สุด แม้ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากแต่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่สุดที่จะเข้าใจ และเราไม่มีวิธีเข้าใจสถานการณ์ของทุกคนในคราวเดียว เพื่อที่จะเลือกนักรับที่เก่งที่สุด ราชินีเว่ยฟงจึงตั้งหัวข้อไว้ว่า”คว้าธง...” หัวหน้าพ่อบ้านเย่พูดถึงเงื่อนไขการเข้าร่วมช้าๆ
“คว้า..คว้าธง?” ทหารรับจ้างปราณฟ้าประหลาดใจ นั่นคืออะไร?
“ทุกคนก็รู้ว่าเรามีบึงหยุดลมอยู่ตรงนี้ใช้เวลาสิบวันเดินทางจากเมืองลู่หลิวไปขอบทะเลคลั่งเกาะกลาง การเดินทางไปกลับรวมทั้งเงื่อนไขต่างๆที่เกาะกลาง จำกัดเวลาให้หนึ่งเดือน ภายในหนึ่งเดือนใครก็ตามที่เอาธงกลับมาได้ร้อยผืนที่เราจัดวางไว้ที่ริมทะเลคลั่งเราจึงจะยอมรับว่าท่านมีทักษะและคุณสมบัติครบคือทั้งความกล้าหาญเชื่อฟัง และการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มพวกเจ้าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกรักษาเมืองลู่หลิว” หัวหน้าจินอธิบายถึงกฎเกณฑ์
“หนึ่งเดือนไปกลับและรับเพียงร้อยคนเท่านั้นหรือ?” หลายคนร้องลั่น เวลาสั้นเกินไป และร้อยตำแหน่งก็น้อยเกินไป ต้องรู้ว่ามีคนอย่างน้อยสามพันคนต้องการร่วมเข้าสอบครั้งนี้
“ไม่ใช่แค่ร้อยคน เรากำลังรับร้อยกลุ่มที่คว้าธงมาได้ พวกเจ้าสามารถสร้างกลุ่มสิบกลุ่มกลุ่มละสิบคนจากสหายของพวกเจ้า และร่วมมือกันใช้พลังของกลุ่มแข่งขันกับคนอื่น นี่คือการทดสอบความสามารถในการร่วมมือทำงานเป็นกลุ่มของพวกเจ้า แน่นอนว่ายังต้องมีความเชื่อมั่นและกล้าหาญ จากนั้นจงมุ่งหน้าไปยังบึงหยุดลมที่สำคัญนั่นไม่ใช่เขตธรรมดาที่คนธรรมดาจะตอแยได้ พวกเจ้าต้องอาศัยความกล้าความเชื่อใจและร่วมมือกันเป็นกลุ่มผ่านไปให้ได้” หัวหน้าจินฟันทองอธิบายอย่างชัดเจน
สิบกลุ่มแต่ละกลุ่มต้องคว้าธงให้ได้หนึ่งธง
และกลับมายังเมืองลู่หลิวภายในหนึ่งเดือน
ผู้ชนะจะได้เป็นองครักษ์และผู้ทำไม่สำเร็จอาจกลายเป็นอาหารของสัตว์ประหลาดในบึงหยุดลมก็ได้และถูกตัดออกจากการแข่งขัน
จะเลือกยังไง? จะเสี่ยงชีวิตเข้าแข่งขันคว้าธงหรืออยู่อย่างปลอดภัยที่แนวหลัง และดำเนินการสานต่อสัมพันธ์ผ่านประตูหลังบ้าน? การคว้าธงเพียงอย่างเดียวไม่มีทางจะเอาชนะตามลำพังได้ แต่ถ้าเจ้ามีกลุ่มและวางกลยุทธ์เชื่อใจสหายร่วมกลุ่ม พวกเจ้าน่าจะลองจริงๆ
อยู่แนวหลังไม่มีอะไรต้องพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย แต่พวกเขาจะทำได้แต่เพียงมองคนอื่นประสบความสำเร็จคว้าโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ไป
ราชินีเว่ยฟงและจักรพรรดินีเทียนฟาสองพี่น้องต้องการรักษาความสงบในภูมิภาคสวนสวรรค์ พวกนางต้องการคนมาก แต่พวกนางต้องการทหารฝีมือดี ไม่ใช่สวะ พวกที่ไม่มีความกล้าหาญ ไม่มีความเชื่อมั่นและไม่มีพวกพ้องที่มีความสามารถเข้ากันไป ไม่มีทางจะสมัครเข้ามาได้... “มาคุยกันก่อน....”
“สหาย, มากินมาดื่ม และปรึกษากันเถอะ”
“นี่เป็นโอกาสดีในการแสดงฝีมือของเรา เราต้องไม่พลาด เราจะต้องทำให้สำเร็จ แน่นอน เราจะทำสำเร็จ เราจำเป็นต้องแสดงฝีมือของเราให้นายใหม่ดู ถูกแล้ว นี่คือโอกาสแสวงความก้าวหน้า”
ทหารรับจ้างระดับปราณฟ้าไม่รีบร้อนเกือบทุกคนจะพูดคุยกับสหายก่อน
คนบุ่มบ่ามจะต้องไม่กินเต้าหู้ร้อน คนที่ไม่รู้จักเตรียมตัวต้องการจะพิชิตบึงหยุดลมนั่นเท่ากับหาที่ตาย!
พวกเขาต้องหากลุ่มที่สามารถเชื่อใจกันได้เตรียมการทุกอย่าง และจากนั้นไปให้ถึงทะเลคลั่งและเอาธงกลับมา
บริวารของจ้าวสุริยาและเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ชางหลงแอบเสียใจพวกเขาไม่รู้สถานการณ์โดยเฉพาะเจาะจง และคนอื่นๆ ที่อยู่ในทะเลคลั่งของบึงหยุดลม ในการแข่งขันนี้มีผลต่อแผนการชิงคัมภีร์เทพของจ้าวสุริยาไม่ใช่หรือ...แต่จะมีวิธีหยุดแผนการนี้ได้อย่างไร?
ต้องกลับไปหารือกันเกี่ยวกับเรื่องนี้!
มือมืดที่อยู่หลังฉากหลายคนถอนหายใจ ราชินีเว่ยฟงแข็งแกร่งเกินไปการอยู่ที่นี่ต่อไปไม่เพียงแต่ไม่ช่วยอะไรได้ ทั้งยังจะเป็นการเปิดเผยตัวควรรีบกลับไปรายงานเบื้องบนให้ทราบถึงปัญหาน่าปวดหัวดีกว่า!
อีกด้านหนึ่งภายใต้การเป็นพยานของผู้เฒ่าหนานกงและผู้อาวุโสของหอทงเทียนราชันย์ปีศาจใต้ก็คือเจ้าหญิงของเผ่าภูตบูรพา
มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่านางขึ้นครองบัลลังก์อาณาจักรเว่ยฟง
มีการจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่มีนักสู้ปราณฟ้า ด้วยความแข็งแกร่งของภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราช อาหงและเย่ว์หยางผู้เข้าชมดูเหตุการณ์ส่งเสียงโห่ร้องปรบมือไม่มีใครกล้าเข้ามาขัดขวาง หัวหน้าพ่อบ้านเย่ และหัวหน้าจินฟันทองผู้ใต้บังคับบัญชาระดับล่างได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วยความภาคภูมิ ทำให้นักสู้หลายคนทนรอไม่ไหว ต้องการคว้าธงที่ขอบบึงหยุดลมกลับมาทันที พิธีขึ้นครองบัลลังก์ของราชินีเว่ยฟงบางคนอาจไม่ทัน แต่พิธีขึ้นครองบัลลังก์ของจักรพรรดินีเทียนฟาไม่อาจพลาดได้ “ยิ่งใหญ่เหลือเกินสมแล้วที่มาจากแดนสวรรค์บน ตอนนี้พอดูเทียบกับจักรพรรดิเสิ่นกวง จักรพรรดิแดนดินคนก่อนดูกลายเป็นเศรษฐีบ้านนอกในชนบทที่ห่างไกลไม่อาจเอามาเทียบกันได้!”
“ข้าจะต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน!”
“อะไรนะ? เจ้ามีความเข้มแข็งแค่ไหน ถึงได้กล้าแข่งชิงธงกับข้า?”
“แม้ว่าพลังข้าจะด้อยกว่าเจ้า แต่กลุ่มของข้ามีกลยุทธ์ทำงานได้ดีกว่ากลุ่มเจ้าที่เหมือนเม็ดทรายที่แตกกระจายหลายเท่า! ใครเขาจะประลองกับเจ้าเล่า? สิ่งที่ราชินีต้องการคือทหารที่เคร่งครัดต่อคำสั่งไม่ใช่กลุ่มอันธพาล นอกจากนี้ยังมีธงถึงร้อยผืน ถ้าเราร่วมมือกันไม่ขัดแข้งขัดขากันเองเราอาจชนะในสถานการณ์นี้ทั้งคู่ก็ได้ ถ้าเจ้ามาทะเลาะกับข้า คนอื่นมีแต่จะได้ประโยชน์เท่านั้น!”
“อย่าส่งเสียงดังไป พวกเจ้าอาจต้องร่วมกลุ่มกันในอนาคต!”
หลังจากราชินีเว่ยฟงขึ้นครองบัลลังก์นางกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆ จากนั้นจึงกลับเข้าวังหลวงนางไม่ได้ถามอะไรเลยเกี่ยวกับทหารรับนางระดับปราณฟ้า
ทุกคนรู้ว่าทหารรับจ้างระดับปราณฟ้ายังไม่อยู่ในสายตานาง
มีแต่กลุ่มนักสู้ฝีมือดีผู้กลับมาจากการแข่งชิงธงเท่านั้นคาดว่าจะได้รับการสัมภาษณ์และมอบหมายตำแหน่งงาน
จิตใจพวกเขาตื่นเต้นบางคนมีกลุ่มเล็กคุ้นเคยกับการร่วมมือได้ออกไปนอกเมืองแล้ว พวกที่เหลือก็ยิ่งกังวลวุ่นวายกับการหาเพื่อนร่วมงาน และกลัวว่าพวกเขาจะถูกทิ้งอยู่ข้างหลังนานเกินไปและพวกที่ต้องการดูเรื่องตื่นเต้น ไม่มีความทะเยอทะยานใจก็ออกไปด้วยอย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย
นอกจากนี้ยังมีนักสู้ปราณฟ้าเหลืออยู่บางส่วนเช่นขวงลี่ที่ตอแยหาเรื่องสู้จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาตกหลุมรักเมืองลู่หลิวและกระตือรือร้นอยากทำงานกับเจ้านายใหม่
แตกต่างจากกองทัพเก่าไหม?
สามารถตายแทนได้
เทียบกับสองสาวพี่น้องจากตระกูลลับในแดนสวรรค์บน เทียบกับราชินีเว่ยฟงและจักรพรรดินีเทียนฟาแล้วคนพวกนั้นไม่ต่างอะไรกับขยะ?
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมืองลู่หลิวจะส่งสัญญาณไปทั่วทั้งภูมิภาคสวนสวรรค์มีราชินีเว่ยฟงและจักรพรรดินีเทียนฟาวันคืนสงบสุขของภูมิภาคสวนสวรรค์อยู่อีกไม่ไกล การต่อต้านไม่ให้ความร่วมมือจะต้องถูกกวาดล้าง ตอนนี้มาดูกันว่าใครจะผู้โชคร้ายรายแรก
วังหลวง
ได้รับการปรับปรุงใหม่ ภายในแทนที่ด้วยรูปแบบที่ราชันย์ปีศาจใต้โปรดปราน ตอนนี้มีนางในรับใช้ที่เป็นชาวเผ่าภูตบูรพานับไม่ถ้วนกำลังวุ่นวายเป็นกลุ่มๆ
องค์หญิงแห่งเผ่าภูตบูรพาขึ้นครองบัลลังก์เผ่าภูตบูรพาจากหอทงเทียนมีหรือจะไม่มาร่วมด้วย?
อย่างไรก็ตามผู้จัดการปกครองอย่างเป็นทางการไม่ใช่ราชันย์ปีศาจใต้
แต่เป็นจักรพรรดิมังกรพระบิดาของนาง
ธิดาของเขาเป็นราชินีมีชื่อเสียง ตอนนี้นางแอบเข้าไปอยู่ในโลกคัมภีร์มีความสุขกับการนวดเฟ้นจากมือของชายคนรักของนาง
“ถ้ารู้ว่าเป็นราชินีแล้วเหนื่อยอย่างนี้ อย่างนั้นข้าคงไม่เป็นแน่” ราชันย์ปีศาจใต้ต้องทำตัวเหมือนหมาป่าเจ้าเล่ห์นางพูดหมายถึงนั่งอยู่ในเกี้ยวเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ไม่มีนางกำนัลคอยช่วยมีแต่หัวหน้าองครักษ์ที่มืออยู่ไม่สุข
“งานหนักเมื่อยไหล่ นวดให้เอาไหม? เอวล่ะ? ตรงกดตรงอื่นด้วยไหม ไม่บีบข้างหน้า จะว่าไปแล้วข้าไม่ได้ออกกำลังมานานแล้ว ไม่ ไม่ อย่ากัด, ราชินีที่รัก ความสัมพันธ์เราแนบแน่นมั่นคงเราควรสนิทกันยิ่งกว่านี้ ไม่ควรจะกีดกันเกินไป อยากเล่นเกมผู้กล้าค้นหาความจริงไหม คือเราต้องบอกความจริงต่อกัน ถ้าเราพูดโกหกหรือปฏิเสธที่จะตอบ อย่างนั้นคนแพ้จะต้องแก้ผ้าหนึ่งชิ้น”เย่ว์หยางเจ้าเล่ห์เสนอเล่นเกมพิสดาร
“กล้าจริงหรือ?” ราชินีที่กำลังถูกนวดได้ยินคำพูดนุ่มนวลเอาใจถามเป็นคำถามแรก “หัวหน้าองครักษ์ของข้า เจ้าชอบสาวคนใดมากที่สุด?”
“.....” หมาป่าเจ้าเล่ห์อึ้ง ถ้าเขาตอบตามความเป็นจริง เขาตายแน่ ยังเป็นเวลาไม่สมควรจะบอกในเวลานี้
ดังนั้นเขาตัดสินใจลำบาก
ดังนั้นเขาจึงต้องเปลื้องผ้าหนึ่งชิ้น
คำถามที่สองของราชินีตามมา “เมื่อเจ้ามีสัมพันธ์กับพี่อู๋เหินสมองเจ้าคิดถึงอู๋เสียอยู่ใช่หรือไม่?”
แน่นอนคำถามนี้ทำให้หมาป่าเจ้าเล่ห์เหงื่อตกคำถามนี้เป็นความจริง
เขาไม่สนใจเสียหน้าขืนปล่อยให้สาวหิมะรู้เรื่องที่อยู่ในความคิดของเขามีหวังตายสถานเดียวเหมือนกัน จึงได้แต่จำใจถอดผ้าอีกหนึ่งชิ้น
คำถามที่สาม “เมื่อเจ้าอยู่กับอี้หนานและฝึกพลังคู่รักสามีภรรยา ย่อมเป็นพี่ชายที่แสนดีจริงแท้แน่นอน แต่เจ้ามีความคิดอกุศลอยู่ในใจหรือไม่?”
ถ้าเขาตอบว่าเป็นความจริง เขาจะกลายเป็นสัตว์ป่าร้าย เสียภาพพจน์ ดังนั้นจึงต้องถอดผ้าอีกหนึ่งชิ้น
ก็ได้เสื้อผ้าถอดหมดแล้ว
ตอนนี้คงต้องถอดกางเกง
หลังจากราชินีเห็นหมาป่าเจ้าเล่ห์โต้ตอบด้วยความขุ่นเคืองใจ นางสงสัยทันที “เจ้าไม่อยากแก้ผ้าเพราะไม่พูดเรื่องจริงใช่ไหม?”
แน่นอนว่าหมาป่าเจ้าเล่ห์ต้องการปกป้องภาพพจน์ไม่ให้พังทลายเขารับคำอย่างหน้าตาชื่นบาน “ใช่แล้ว ฉลาดจริงๆ ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น”