ตอนที่ 1010 ถ้าอย่างนั้นข้าจะนับถึง 100?
ซานเย่าสีหน้าเปลี่ยน
ในศึกนี้เขาไม่ต้องการสู้จริงๆ ไม่ว่าหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาจะเป็นยอดฝีมือที่อำพรางพลังหรือประเภทปิดทองกลบเกลื่อนฝีมือย่ำแย่ เขาก็ไม่ควรสู้ด้วย
เขาจะยอมแพ้อย่างสง่างามได้อย่างไร?
ในที่สุดแล้วจะทำอย่างไรจึงะรักษาได้ทั้งหน้าและชีวิต?
ในใจของซานเย่ากำลังคิดอย่างไม่หยุดยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล ยิ่งกังวลก็ยิ่งคิดไม่ออก....“ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ต้องสู้กับข้าจริงๆ ก็ได้” เย่ว์หยางเข้าใจคนอื่นดี และเป็นคำพูดที่ตรงใจเขาพอดี
“ใช่ ใช่ ข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ....” ซานเย่าดีใจต้องการฉวยโอกาสในสถานการณ์ เย่ว์หยางยิ้มส่งสัญญาณมือว่าเขาไม่ต้องรีบร้อนกังวล เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าไม่ต้องสู้กับข้า ข้าก็ไม่บังคับ แต่ข้าจะนับหนึ่งถึงร้อยถ้าเจ้าหนีออกไปพ้นระยะโจมตีของข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
เงื่อนไขที่เย่ว์หยางตั้ง เปิดโอกาสให้ซานเย่าหนีนั้นทำให้เขาไม่อยากเชื่อหู
เขาดีใจแทบคลั่ง
นับหนึ่งถึงร้อย?
ด้วยเวลามากมายขนาดนั้นเขาสามารถหนีไปได้อย่างน้อยหลายสิบกิโลเมตร ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็ยังดีกว่าอยู่ในระยะโจมตีของศัตรู!
เขาไม่สามารถใส่ใจได้และเตรียมตัวหนีทันทีที่เย่ว์หยางเอ่ยปากนับ! ขณะที่หน้าตา ศักดิ์ศรี เรื่องเหล่านี้จะเทียบอะไรได้กับชีวิต!
เย่ว์หยางชี้นิ้วส่งสัญญาณให้หัวหน้าจินฟันทองช่วยเขานับ
หัวหน้าจินฟันทองชำเลืองมองไม่เห็นคนอื่นก็รู้ว่าคุณชายใช้เขาโดยตรง!
หัวหน้าจินตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
เขาหายใจลึกไม่กี่ครั้งรีบปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ววิ่งหน้าแดงเข้ามาหาและคำนับเย่ว์หยางด้วยความรู้สึกจากใจจากนั้นแสดงบทบาทในฐานะตัวแทนปากเสียงแทนคุณชายพูดกับนักสู้ปราณฟ้าที่อยู่ด้านล่างเวทีต่อสู้ แต่เดิมด้วยความแข็งแกร่งของเขา นักรบแดนสวรรค์เหล่านั้นจะไม่มีทางชายตามองเขา แต่ตอนนี้เขาเป็นที่สนใจเพราะอาศัยนักสู้ปราณฟ้าของราชินีเว่ยฟงเขายิ้มให้ทุกคนด้วยความพอใจ นักสู้ระดับราชาทั้งหลายพยายามข่มสีหน้าไม่แสดงความรู้สึกที่ดูถูก
“คุณชายไตตันมอบหมายภารกิจบ่าวเฒ่ามีหรือจะไม่อุทิศชีวิตน้อมสนอง ถ้าใต้เท้าซานเย่าพร้อม ข้าจะเริ่มนับ” ในดวงตาของหน้าจินฟันทองมีน้ำตาคลอเบ้าด้วยความภูมิใจ ที่นี่มีนักสู้ปราณฟ้าอย่างน้อยหลายพันคนที่ให้เกียรติเขาในวันนี้ ตามปกติแล้วถ้าคนพวกนี้ชำเลืองมองเขาบ้างก็นับเป็นเกียรติมากมายแล้ว เขายิ้มอย่างมีเสน่ห์.. “หนีไปซะเจ้าลูกเต่า” ขวงลี่กลายเป็นเผชิญหน้ากับซานเย่าต่อไปนี้ไม่มีคำพูดที่เกรงใจจากเขา
“ฮึ” ม่อเยี่ยนแค่นเสียงดูถูก เขาก็ชิงชังซานเย่ามากเช่นกัน
ถ้าเจ้าไม่สามารถเอาชนะได้ ก็คือแพ้นั่นก็คือรับผิด
แต่ไม่มีความกล้าพอจะสู้ ทั้งยังต้องการให้ศัตรูสมเพชให้โอกาสนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อให้หลบหนีได้นั่นเป็นเรื่องน่าอาย
ขวงลี่ยังไม่เท่าใด แต่คนอื่นรวมตัวกันพูดถึงซานเย่าคนขี้ขลาด เมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้หลายคนจึงไม่คิดจะอยู่กับเขา
มีนักสู้ปราณฟ้านับไม่ถ้วนอยู่ที่นั่นและพวกเขากำลังแสดงอาการดูถูก
ราชาผู้แข็งแกร่งบางคนเอ่ยปากพูดกันเอง พวกเขาจะไม่มีทางคบหากับซานเย่าอีกเลย
หน้าของซานเย่าเขียวคล้ำ ในที่สุดเขาข่มความอายและความโกรธได้และแค่นเสียงอย่างเยือกเย็น
จากมุมมองของเขา เขารู้สึกว่าคนเหล่านี้ดูถูกเขาเป็นพวกพูดไม่รับผิดชอบและดีแต่ประชดแดกดัน พวกเขาอยากเป็นคนกล้า ทำไมไม่โดดขึ้นมาสู้เอง?ราชินีเว่ยฟงขึ้นครองบัลลังก์ แต่ไม่มีใครสงสัย พวกเขาไม่มีส่วนแบ่งใช่ไหม? พอตอนนี้พวกเขาเห็นราชินีเว่ยฟงแข็งแกร่ง กลับถอนตัวตีตัวห่าง เขาไม่โง่และจะไม่ยอมเป็นปีศาจตายแทนคนพวกนี้!
หัวหน้าจินฟันทองกระแอมและนับ “หนึ่งงงงง... แค่กๆ หนึ่งร้อย...”
ซานเย่าพอได้ยินถึงกับตกตะลึง
บ้าไปแล้ว
ครูสอนเลขคณิตเจ้าตายก่อนสอนจบใช่ไหม?
ใครบอกเจ้ากันว่านับหนึ่งแล้วต่อไปนับร้อย? ไอ้ขี้โกง
คนที่อยู่ข้างเวทีหัวเราะครืน
ขวงลี่ที่บาดเจ็บสาหัสขำกลิ้งโดยไม่สนใจบาดแผลที่ปริแตก
ม่อเยี่ยนที่ปกติหน้าเคร่งขรึมก็ยังแสดงสีหน้าสะใจเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นอุบายเล็กน้อยที่หัวหน้าจินฟันทองทำขึ้นแต่ก็ทำให้เขาขบขันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นสีหน้าของซานเย่าที่เหมือนคนตาย เขายิ่งรู้สึกสาสมใจ
จัดการกับตัวร้ายอย่างซานเย่าใช้วิธีอย่างนี้นับว่าคู่ควร!
เย่ว์หยางกล่าวว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนี้ เขารีบห้ามทันที “หัวหน้าจิน! เราต้องแสดงน้ำใจอย่าให้ศัตรูว่าข้าและราชินีเว่ยฟงว่ามีแต่คนไร้คุณภาพ ราชาซานเย่าไม่ต้องกังวล เอาใหม่, ตอนนี้ข้ายังไม่นับ เจ้าพร้อมแล้วนะ,ข้าจะให้หัวหน้าจินเริ่มนับใหม่ เอาล่ะนะ เริ่มนับได้”
หัวหน้าจินรีบสำนึกผิดและกล่าวขออภัยนี่เป็นมุกตลกเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาเพิ่งคิดขึ้นได้ต้องการเอามาใช้ผ่อนคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด
ในที่สุดเขาคำนับซานเย่า “ท่านราชาซานเย่า ขออภัย..ท่านอยากกินอะไรก่อนสู่สุคติหรือไม่?”
ซานเย่าหน้าถมึงทึงถลึงตามอง
ให้ตายเถอะ มากเรื่องจริงๆ? รีบนับสักทีได้ไหม? พวกตลกหน้าตายอย่างพวกเจ้า ถ้าไม่ยั่วโมโหข้าพวกเจ้าจะตายไหม?
เพื่อประโยชน์ของชีวิตน้อยๆ ตอนนี้เขาแทบจะทนไม่ได้
ซานเย่าโมโหอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะระบายอารมณ์ลงกับหัวหน้าจิน
อย่างไรก็ตามมันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว และเขาไม่สนใจสุนัขรับใช้น่ารังเกียจที่คอยหักหน้าเขา!
หนึ่ง สอง สาม สี่...หัวหน้าจินฟันทองเริ่มนับอย่างจริงจังในที่สุด เขานับไม่เร็วเกินไปเป็นจังหวะที่แน่นอนโดยไม่เร่งเร็ว หรือดึงจังหวะช้าอย่างจงใจเวลานี้ขณะที่หัวหน้าจินฟันทองเริ่มนับที่ทางออกแรก ซานเย่าดีดตัวพุ่งออกไปราวกับลูกธนู ภายในวินาทีเดียวเขาบินออกไปได้ไกลถึงกิโลเมตรโดยไม่รอหัวหน้าจินนับ เมื่อนับถึงสามความเร็วเขาก็เพิ่มขึ้นราวกับดาวตกทลายกำแพงเสียงหนีไปได้สิบกว่ากิโลเมตร
ซานเย่าหนีไปได้อย่างรวดเร็วมาก
ตัวของเขานั้นชำนาญในด้านเร่งความเร็วแล้วยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของความกลัวตายเขารีบเร่งบินหนีด้วยความเร็วเต็มที่ ความเร็วของเขาจึงมากกว่าปกติธรรมดา
หลบหนีออกจากเมืองลู่หลิวได้เขาข้ามผ่านป่าและไปที่ท่าเรือเขตชานเมืองข้ามแม่น้ำลู่หลิวซึ่งอยู่ห่างจากเมือง ซานเย่าเดินทางผ่านเมฆหมอกขาวบินผ่านภูมิภาคสวนสวรรค์อย่างเร็วที่สุด
ผ่านภูเขาและแม่น้ำ
ทุ่งราบใหญ่ ยอดเขา ป่า บึงและภูเขา ซานเย่าเองไม่รู้ว่าเขาบินผ่านพื้นที่ต่างๆไปมากน้อยเพียงใด
เขาหนีออกไปไกลอย่างร้อยกิโลเมตรขณะที่กะประมาณระยะทางอยู่ในใจเงียบๆ
นอกจากนี้ซานเย่าไม่เพียงแต่แค่หลบหนีอย่างเดียว ทุกครั้งที่เขาหนีไปได้สิบกิโลเมตรเขาจะใช้วิชาแยกร่างแยกย้ายกันเผ่นหนีไปในทิศต่างๆ
ส่วนที่เจ้าเล่ห์มากที่สุดของซานเย่าก็คือเขาสร้างเงาและแสงปลอม
ภายในระยะร้อยกิโลเมตรเต็มไปด้วยร่างแยกเงา
ร่างแท้จริงของซานเย่ากลายเป็นสภาพโปร่งแสง
ทันใดนั้นเขาโดดลงไปในทะเลสาบที่เรียบเหมือนกระจก
ทะเลสาบนี้ไม่มีความแปลกแตกต่างอะไรแต่ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นที่ลับสำหรับหลบซ่อนที่ได้จัดสร้างขึ้นไว้ก่อนในส่วนลึกของก้นทะเลสาบนี้ ลึกลงไปที่ก้นทะเลสาบมีทางเข้าที่เต็มไปด้วยหญ้าน้ำปิดบังทางเข้าไว้เงียบๆ
ซานเย่าฟังเสียงอยู่ชั่วขณะ เมื่อไม่มีเสียงอื่นหรือลมหายใจดังมาจากข้างนอก ซานเย่าถอนหายใจโล่งอก
เขาบินเข้าไปในรูและเปิดประตูประกบสองบาน มีวงเวทเทเลพอร์ตสลัวให้เห็น....เขาก้าวขึ้นไปยืนบนวงเวทเทเลพอร์ต ขณะที่กำลังจะเทเลพอร์ต ก็เกิดระเบิดขึ้น แม้ว่าระเบิดจะไม่ทรงพลังแต่คาดว่าพื้นผิวทะเลสาบจะไม่รู้สึกถึงแรงระเบิดของวงเวทเทเลพอร์ตได้ง่ายเลย
เมื่อผ่านเข้าวงเวทเทเลพอร์ตแล้ว ซานเย่ากลับมายังปราสาทลับ
ก่อนอื่นเขาทำลายวงเวทเทเลพอร์ต
ในที่สุดเขาก็ตบอกถอนหายใจอย่างอกสั่นขวัญแขวนด้วยความไม่แน่ใจ “อันตรายจริงๆ โชคดีที่เจ้าเด็กหน้าขาวนั่นตามน้ำไม่เช่นนั้นจะอันตรายจริงๆราชินีเว่ยฟงทรงพลังเกินไป คาดว่านางคงมาจากแดนสวรรค์บน การสู้กับนางเท่ากับรนหาที่ตาย ไม่, ข้าต้องหลบไปพักหนึ่ง ไม่เช่นนั้นพวกเขาไม่ยอมปล่อยข้าไปแน่”
ทันทีที่เขาประเมินเหตุการณ์ เขาตวาดลั่น “มาที่นี่! เก็บข้าวของทุกอย่างทุกชิ้นอย่าให้เสียของ!”
บ่าวทาสและผู้คุ้มกันได้ทราบข่าวก็แยกย้ายและเตรียมตัวหนีทันที มีคนหนึ่งถามขึ้นอย่างงุนงง “ฝ่าบาท! ท่านไม่กินอะไรก่อนแล้วค่อยหนีหรือ?”
หนี?
ประโยคนี้แทงใจดำและทำร้ายความรู้สึกของเขา!
เขาลืมตัวชั่วขณะและตวาดลั่นด้วยความโมโห “กิน, ใครบอกว่าข้าจะหนีเล่า?เจ้าเด็กน่ารังเกียจนั่นเป็นตัวอะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะนังนั่นให้ท้ายมัน ข้าใช้เพียงนิ้วเดียวก็ฆ่ามันได้แล้ว! ไสหัวไป ข้าจะหนี แล้วค่อยกินจากนั้นค่อยฆ่าเจ้า!”
ทหารของเขาคนนั้นดูเหมือนจะกลัว
ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
ในที่สุดเมื่อซานเย่าเตรียมพร้อมจะฆ่าเขา เขายิ้มแปลกๆ “ราชาซานเย่า ถ้าท่านไม่ต้องการกินอะไร และต้องการหนี อย่างนั้นข้าจะนับร้อย...”
อะไรนะ ร้อย?
ซานเย่าตะลึง
ทันใดนั้นพื้นที่ภาพที่เห็นทั้งหมดพังทลายเหมือนกับกระจกแตก
ทุกอย่างสูญหายไปหมด มีแต่ซานเย่าและนักสู้ปราณฟ้าที่ชมดูนับหมื่นเงียบกริบ ทหารหน้าโง่ของเขาเปลี่ยนหน้าเป็นหัวหน้าจินฟันทอง ขณะนั้นเขานับหมายเลขสุดท้าย “100”
“ไม่, เป็นไปไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น?” ซานเย่ากำลังจะบ้า เขาหลบหนีไปยังปราสาทลับแต่กลับมาที่เวทีเมืองลู่หลิวได้อย่างไร?
“เห็นได้ชัดว่าข้าหลบหนีออกไปแล้ว นี่ต้องเป็นภาพลวงตา เจ้าคือภาพลวงตา”
“ข้าไม่ยอมแพ้ภาพลวงตาของเจ้า พวกเจ้าจงหายไปให้หมด จงหายไป โธ่เว้ย...หายไปสิโว้ย, ข้าไม่อยากตาย ข้าตายไม่ได้ เจ้าบอกข้าที นี่คือภาพลวงตา โอวไม่.. เจ้าจะมองข้าอย่างนี้ไม่ได้ หายไปเร็วๆ พวกเจ้าทั้งหมดเป็นภาพหลอน พวกเจ้าทั้งหมดกำลังโกหกข้าใช่ไหม?”
ซานเย่ามองดูรอบๆอย่างหมดหวังและสิ้นหวังทุกที
นักสู้ปราณฟ้านับไม่ถ้วนกำลังหัวเราะขบขันเขา ทำให้เขารู้สึกมืดมน
เมื่อมองดูตัวเองเขายังก้าวไม่พ้นเวทีต่อสู้ด้วยซ้ำ
เขาวิ่งวนอยู่ในภาพลวงตาถึงร้อยกิโลเมตรจินตนาการว่าลอบลงไปในทะเลสาบเข้าไปในวงเวทเทเลพอร์ตและกลับไปที่ปราสาทลับทั้งหมดเป็นภาพลวงตาที่แท้จริง เขาคิดว่าตนเองหนีไปแล้ว ใครเล่าจะคิดว่าเขายังไม่ได้จากไปเลยสักก้าว
การนับหนึ่งถึงร้อย ก็แค่ให้เขาฝัน
ตอนนี้ความฝันพังทลาย
ซานเย่ารู้สึกว่าบางอย่างในหัวแตกสลาย และความรู้สำนึกถึงเหตุผลที่กดดันไว้สลายไปเขากระอักโลหิต จากนั้นหัวเราะเหมือนกับคนเสียสติ “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชนะ ข้าหนีพ้น ไม่มีใครต้องไปจากข้า ข้าคือราชาที่เร็วที่สุดในพื้นปฐพีสวนสวรรค์ ข้าคือซานเย่า ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชนะ...”
นักรบปราณฟ้าผู้เคยหัวเราะเยาะซานเย่าพากันนิ่งเงียบมองเขาด้วยอาการดูถูก
คนที่น่าสมเพชแบบนี้ มีความคิดแบบนี้ยังกล้าเรียกตนเองว่านักสู้อีกหรือ? น่าขันจริงๆ ไม่ทันได้รับพลังโจมตีเลยก็กลัวจนกลายเป็นบ้าไปแล้ว คนแบบนี้ขึ้นไปถึงระดับราชาได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว คนที่ผลักดันเขาอยู่เบื้องหลังมีพลังมากขนาดไหนจึงผลักดันเขามาได้ขนาดนี้?
ม่อเยี่ยนหันกลับไปและไม่กลับมามองซานเย่าอีกเลย
คนแบบนี้เขารู้สึกว่ายิ่งมองยิ่งเสียศักดิ์ศรี
ขวงลี่ดูถูกเหยียดหยาม เขาอยากฆ่าซานเย่า แต่ตอนนี้ฆ่าคนแบบนี้มีแต่จะทำให้มือของเขาแปดเปื้อน ปล่อยให้เขาตายเองดีกว่า
สองพี่น้องกระทิงเถื่อนลากซานเย่าที่กลายเป็นบ้าลงจากเวทีแล้วกลับมาเงียบๆ
ผู้ชมทั้งหมดเงียบกริบ
ทุกคนมองดูเย่ว์หยาง
ในขณะนั้นทุกคนรู้ถึงความน่ากลัวของคนผู้นี้แล้ว...เทียบกับสาวใช้ผู้มีสำนึกเทพสองคนก่อนหน้านั้น ผู้ที่เรียกว่าหัวหน้าองครักษ์นี้มีพลังเหนือกว่าเป็นร้อยเท่า! ไม่ต้องพูดถึงซานเย่าที่ตกอยู่ในภาพลวงตา แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าเห็นทุกอย่างในพื้นที่ชัดเจนไม่มีใครติดอยู่ในกับดักภาพลวงตาที่แท้จริง
เมื่อซานเย่าหนีไปไม่มีใครสงสัยความเป็นจริงที่แท้ และไม่มีใครถามเหตุผลว่าซานเย่ามองเห็นอะไรในระหว่างหลบหนีและเขาคิดอะไรอยู่ในใจ
ขณะนั้นทุกคนเป็นเหมือนซานเย่าไม่สามารถแยกภาพลวงตาออกจากภาพจริงได้อย่างชัดเจน
สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือซานเย่านั้นทุกคนรู้ว่าตกอยู่ในความควบคุมแล้ว
แต่ไม่มีใครคิดเรื่องนั้น ซานเย่าไม่มีทางจากไปได้
เขาไม่ได้ก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว
ด้วยสนามพลังลวงตาที่แท้จริง เขาสามารถควบคุมจิตของนักสู้ปราณฟ้าหมื่นคนได้อย่างนั้นหรือ? เขาเป็นใคร? มีความแข็งแกร่งระดับไหน? คำถามนี้ไม่มีผู้ชมดูคนใดค้นหาได้รู้แต่เพียงว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเขาถล่มตัวยิ่งนัก! ลองนึกย้อนไปทำไมราชินีเว่ยฟงและจักรพรรดินีเทียนฟาสองพี่น้องถึงกล้าปกครองภูมิภาคสวนสวรรค์ หรือว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง?
เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่?