ตอนที่แล้วบทที่ 15: ไอ้อ้วนดำ ‘ต้าสยง’
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17: สุดยอดซากปรักหักพัง

บทที่ 16: พลังต่อสู้ที่ผิดปกติและถ้ำเช่า


“เชี่ย...  โคตร!”

ถังเจิ้นจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยสีหน้าว่างเปล่าเป็นเวลานานกว่าจะเค้นออกมาจากปากได้ซักประโยคที่มีทั้งคำสบถแถมยังไม่ใช่ประโยคที่สมบูรณ์ด้วย

พวกเฉียนหลงกับพี่น้องมู่หรงก็พยักหน้าเห็นด้วย  แม้ว่าจะไม่รู้ว่าที่ถังเจิ้นพูดนั้นแปลว่าอะไร  แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็พอเดาได้ว่ากำลังตะลึงเหมือนกัน

ดูเหมือนชายร่างใหญ่ผู้นี้จะไม่ใช่พวกไร้ประโยชน์ที่เอาแต่กินซะแล้ว  พลังต่อสู้ของหมอนี่มันเวอร์เกิน  ขนาดที่ใช้มือเปล่าทุบตีมอนสเตอร์จนตายได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากหั่นผักหั่นแตงโม

ด้วยพลังขนาดนี้หากติดอุปกรณ์ดี ๆ ให้ล่ะก็จะต้องกลายเป็นเครื่องจักรสังหารมอนสเตอร์ในร่างมนุษย์โดยสมบูรณ์แน่!

กระนั้นทั้งกลุ่มก็ไม่มีใครนึกมาก่อน  ว่าฉากนองเลือดจนรู้สึกสงสารเจ้าพวกมอนสเตอร์เหล่านี้กลับเป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม  ฉากที่ทำให้ต้องอึ้งโดยแท้ยังมาไม่ถึง

เพราะหลังจากที่กำจัดมอนสเตอร์หมดฝูงแล้วเจ้าอ้สนดำต้าสยงก็เข้าไปแหวกศพมอนสเตอร์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น  มันทุบหัวศพนั่นแตกโพละเหมือนทุบแตงโม

ฉากที่เศษเนื้อเศษสมองกระจายเปื้อนไปทั่วทำให้ทุก ๆ คนอยากอ้วก

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปกลับทำให้ทุก ๆ คนต้องอ้วกออกมาจริง ๆ

เพราะเจ้าอ้วนดำต้าสยงมันเอามือตบ ๆ ตะปบ ๆ ฉีก ๆ แล้วหยิบลูกปัดสมองออกมาจากหัวมอนสเตอร์แล้วโดยเข้าปากโดยไม่แม้แต่จะเช็ดออก

“อ้วกกกกกกกกก!”

มู่หรงจื่อเหยียนอ้วกออกมาทันที  ถังเจิ้นเองก็แทบพุ่ง  เฉียนหลงนี่หน้าเหมือนปวดขี้

ถังเจิ้นที่พึ่งจะเคยเห็นอะไรแบบนี้ไม่ต้องพูดถึง  ขนาดพวกเฉียนหลงที่ใช้ชีวิตอยู่ในแดนทุรกันดารนี้มาหลายปียังไม่ไหว

เมื่อเห็นเจ้าอ้วนดำต้าสยงกินลูกปัดสมองอย่างเอร็ดอร่อยแล้วถังเจิ้นก็คิดในใจในแบบหน้าซีด ๆ

‘ลูกปัดสมองธรรมดามีพลังพอที่จะขับเคลื่อนเทเลพอร์ตข้ามโลกได้  พวกผู้พเนจรทั่วไปใช้มันต่างเงินตรา  โหลวเฉิงใช้เป็นเครื่องเซ่นสังเวยในการอัปเกรด  แต่ไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามนุษย์สามารถดูดกลืนได้!  ถึงทำได้แต่ก็ต้องเป็นลูกปัดสมองเวลหกขึ้นไปไม่ใช่เหรอ?’

‘เห็นทีเราคงต้องใส่ใจกับข้อมูลนี้หน่อยแล้ว  เจ้าอ้วนนี่กลืนลูกปัดสมองสด ๆ ได้  คงเป็นสาเหตุที่แม้จะอยู่ในที่กันดารอดอยากแต่ก็ยังมีร่างกายใหญ่โตได้งั้นสินะ?’

ในขณะที่ถังเจิ้นกำลังคิดต้าสยงมันก็ทุบหัวศพอื่นแล้วจกเอาลูกปัดสมองออกมาทีละเม็ด ๆ โดยมันกินเข้าไปแค่ครึ่งเดียว  ส่วนอีกครึ่งเอาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเอามือตบ ๆ อย่างดีอกดีใจ

หลังจากทำงานทั้งหมดนี้เสร็จต้าสยงก็วิ่งกลับมาด้วยแววตาเหมือนหมาน้อยที่ไม่มีพิษภัยอะไรเลย  แต่กลิ่นเหม็นของซากศพมอนสเตอร์ผสมกับกลิ่นตัวของหมอนี่แล้วหัวจะปวดจริง ๆ อย่างกับอาวุธชีวภาพ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายที่กลืนลูกปัดสมองสด ๆ คนนี้แล้วถังเจิ้นก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยในใจ ‘กูจับตัวเชี่ยไรมาเลี้ยงวะหนิ’

ถังเจิ้นบีบจมูกและถามต้าสยงว่า “นี่...  ต้าสยง  นายกินลูกปัดสมองสด ๆ แบบนี้ไม่ปวดท้องเหรอ?”

เจ้าอ้วนดำต้าสยงก็ลูบหัวตัวเองงง ๆ แล้วก็ส่ายหัวอย่างงง ๆ ก่อนจะยิ้มไร้เดียงสาโชว์ฟันขาวเต็มปาก

‘ดูจากไอคิวของมันแสดงว่าคงไม่มีวันเข้าใจคำถามละ  ลืมไปแล้วกันเรา’

แล้วถังเจิ้นก็โบกมือ “เอาล่ะ  ไปกันเถอะ!”

หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็หันหลังจากไปโดยพยายามอยู่ให้ห่างจากเจ้าต้าสยง  คนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน  ไม่ได้กลัวมันนะ  แต่เหม็นจริง ๆ

ทีมยังคงออกเดินทางต่อไปยังเมืองผู้พเนจร  และถังเจิ้นก็ได้เห็นอะไรที่ทำให้ดวงตาเป็นประกายจึงหยุดทันที  อะไรที่ว่านั่นก็คือแอ่งน้ำ!

ถังเจิ้นหยิบสบู่ออกมาก้อนหนึ่งด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขแล้วโยนให้เจ้าต้าสยง  อีกฝ่ายก็รับแล้วเอาไปกัดครึ่งก้อนเคี้ยวกินอย่างมีความสุขซะอย่างนั้น

ถังเจิ้นเส้นเลือดปูดด้วยความโมโห  แต่ก็สอนมันใช้สบู่อาบน้ำอย่างมีน้ำอดน้ำทน  เสร็จแล้วก็เดินไปรอข้าง ๆ ซึ่งถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะทำให้เสียเวลาไปบ้างแต่ทุก ๆ คนก็เต็มใจ  ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะคลุกคลีกับเพื่อนที่เปื้อนกลิ่นศพคาว ๆ ตลอดเวลาได้

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเจ้าอ้วนดำต้าสยงกับกางเกงหนังตัวใหญ่ได้เดินมาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อยหลังจากอาบน้ำเสร็จ  ถังเจิ้นที่เดิมหันมองทางอื่นอยู่ก็หันไปดูตามเสียงแล้วก็ต้องผงะ  และเฉียนหลงกับมู่หรงจื่อเหยียนเองก็มีสีหน้าเหมือนเห็นผี

เพราะหลังจากอาบน้ำเสร็จเจ้าต้าสยงที่ตัวดำสนิทแต่เดิมกลับกลายร่างเป็นชายที่มีผิวขาวผ่องเป็นยองใยแถมยังดูเหมือนเด็กด้วย  โคตรจะประหลาดคน

‘งั้นเจ้าหมอนี่มันโดนสิ่งสกปรกเกาะหนาขนาดไหนกันวะ?  จะว่าไปที่แอ่งน้ำมีปลาลอยตายอยู่ด้วยนี่หว่า  หรือพวกมันก็เหม็นกลิ่นไอ้นี่จนตายด้วย?’

ถังเจิ้นแอบบ่นในใจขณะที่จ้องมองต้าสยง

ตอนนี้ต้าสยงกระพริบตาปริบ ๆ มองผิวขาว ๆ ของตนอย่างอึดอัดรู้สึกเหมือนสูญเสียบาเรียป้องกันตัวไป

“เอ่อ...  โอเคเลยหนิ  เด๋วไอ้กางเกงเน่า ๆ นั่นค่อยหาอันดี ๆ มาเปลี่ยนให้ทีหลังจะโอเคกว่านี้!”

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งถังเจิ้นก็ตัดสินใจพูดออกไปด้วยน้ำเสียงชื่นชม  สุดท้ายแล้วเจ้าอ้วนขาวตรงหน้าก็ยังดูเจริญตากว่าเจ้าอ้วนดำก่อนหน้านี้มาก

อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ต้องทนดมกลิ่นมัน

การเดินทางต่อเป็นไปอย่างราบรื่น  และในไม่ช้าก็พบเมืองผู้พเนจรซึ่งอยู่ห่างออกไป  เมื่อทุกคนมาถึงหน้าประตูเมืองแล้ว  ยกเว้นรูปลักษณ์ที่เด่นสะดุดตาของต้าสยง  พวกถังเจิ้นทั้งกลุ่มไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้พเนจรคนอื่น ๆ เลย

หลังจากจ่ายลูกปัดสมองตามที่กำหนดทุกคนก็เข้าไปในเมือง  แต่คราวนี้ไม่ได้ไปที่โรงแรมเพราะมีแผนจะหาบ้านเช่า

เมื่อมีพี่น้องมู่หรงอยู่ด้วยแล้วถังเจิ้นจึงต้องทำอะไรอย่างรอบคอบมากขึ้น

ทว่าถังเจิ้นก็ไม่คุ้นเคยกับแง่มุมนี้มากนัก  ต้องให้งูเจ้าถิ่งอย่างเฉียนหลงนำทาง  แล้วพวกเขาก็ได้พบกับผู้จัดการบ้านเช่าในเมืองผู้พเนจรอย่างรวดเร็ว

ผู้จัดการไว้หนวดสวมชุดเกราะหนังที่ค่อนข้างชำรุด  มีกริชและซองบุหรี่ห้อยอยู่รอบเอวท่าทางหยิ่งผยองสุด ๆ

เจ้าผู้จัดการนี่มีนิสัยชอบจ้องมองคนอย่างพินิจพิเคราะห์  หลังจากได้ยินว่าพวกถังเจิ้นวางแผนที่จะเช่าบ้านที่นี่มันก็มองพวกเขาทั้งห้าทีละคน ๆ มองอย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยจับจ้องไปที่ต้าสยงนานสุด

หลังจากมองเสร็จแล้วชายคนนี้พูดด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ “ถ้าต้องการอยู่ที่เดียวกันทั้งห้าคนและเป็นที่ที่เงียบสงบเป็นพิเศษล่ะก็  มีแค่ถ้ำฝั่งตะวันตกของเมืองเท่านั้น  ค่าเช่าคือลูกปัดสมองเลเวลหนึ่งปีละสองร้อยเม็ด”

หลังจากที่ถังเจิ้นได้ยินราคาหัวใจก็เจ็บปวด

เฉียนหลงหันกลับมาพยักหน้าให้โดยบอกว่าราคาไม่เลว  ถังเจิ้นจึงทำได้แค่แค่หยิบลูกปัดสมองออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งมันให้อีกฝ่ายไปด้วยความเจ็บปวด  หลังจากนับลูกปัดสมองเสร็จแล้วผู้จัดการก็หยิบโดมิโนโยนให้  ซึ่งโดมิโนนี้เป็นหลักฐานการเช่าบ้านนั่นเอง

หลังจากที่เฉียนหลงถามตำแหน่งที่แน่ชัดเสร็จแล้วก็พาทุกคนไปที่จุดหมายในทันที

หลังจากเดินไปซักพักผ่านตรอกซอกซอยที่คดเคี้ยวของเมือง  ในที่สุดทุกคนก็มาถึงเนินเขาสูงแห่งหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยถ้ำหลายสิบแห่งทั้งเล็กและใหญ่ที่ถูกคนขุดขึ้น  โดยในตอนนี้ถ้ำส่วนใหญ่มีผู้พเนจรเข้าไปอาศัยแล้ว

ถังเจิ้นถามเฉียนหลงระหว่างทางมาที่นี่  ปรากฏว่าผู้พเนจรทุกคนสามารถอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ได้เป็นเวลานานก็จริง  แต่โดยพื้นฐานแล้วคนที่อยู่ได้มักจะเป็นทีมที่มากความสามารถพอจะหาลูกปัดสมองทีละมาก ๆ ได้  หรือไม่ก็เป็นหมาป่าเดียวดายที่แข็งแกร่งสุดขีด  ไม่งั้นก็ต้องเป็นคนที่โคตรโชคดี

ส่วนผู้พเนจรทั่วไปก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังที่จะอยู่ที่นี่นาน ๆ ได้หรอก  อย่างมากก็แค่มาใช้ลูกปัดสมองซื้อโควตาเข้าออกเมืองเพื่ออำนวยความสะดวกให้ตนเองในการซื้อขายแลกเปลี่ยน

หลังจากเฉียนหลงค้นหาที่หน้าถ้ำแล้วเขาก็เดินไปที่ถ้ำแห่งหนึ่งหลังจากยืนยันว่านี่คือสถานที่ที่เขาเช่า  ถังเจิ้นก็เดินเข้าไปก่อน

แสงในถ้ำนี้สลัวมาก  และในที่สุดถังเจิ้นก็มองเห็นสภาพแวดล้อมภายในได้อย่างชัดเจนหลังจากที่สายตาปรับโฟกัสอยู่พักหนึ่ง  พื้นที่ทั้งหมดของถ้ำนี้ประมาณ 50 ตารางเมตร  คุณภาพอากาศค่อนข้างแย่  ภายในไม่มีอะไรนอกจากฝุ่นกับขยะ

“เอาล่ะมาทำความสะอาดกันเถอะ  เราจะอยู่ที่นี่กันซักพักใหญ่ ๆ”

หลังจากที่ถังเจิ้นโบกมือพร้อมตะโกน  ทุก ๆ คนต่างก็วางหีบห่อสิ่งของและเริ่มทำความสะอาดถ้ำ

ถังเจิ้นจ้องมองที่ทางเข้าถ้ำอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าการป้องกันที่นี่หยาบ  ไม่สิ  ไม่มีการป้องกันเลยต่างหาก  คนอื่นสามารถเดินดุ่ย ๆ เข้ามาได้อย่างหน้าด้าน ๆ เลยด้วยซ้ำ

เมื่อคิดว่าถ้าเขากับเฉียนหลงออกไปล่า  การทิ้งพี่น้องมู่หรงกับต้าสยงไว้ที่นี่ก็ไม่มีความปลอดภัยเลยน่ะสิ  ดังนั้นถังเจิ้นเลยวางแผนจะเสริมความแข็งแกร่งให้ถ้ำอยู่ในใจ

ในเมื่อต้องอยู่ที่นี่ซักพักใหญ่ ๆ ก่อนจะสร้างโหลวเฉิง  งั้นก็ควรที่จะจัดการไม่ให้มีปัญหาด้านความปลอดภัยนั่นจะดีที่สุด

ด้วยความคิดนี้ถังเจิ้นจึงไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป  หลังจากบอกลาพวกเฉียนหลงแล้วเขาก็เดินออกจากถ้ำและไปยังบริเวณใกล้เคียงที่ไม่มีคนอยู่

หลังจากเช็กจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนจริง ๆ ด้วยแอปแผนที่  ถังเจิ้นจึงเทเลพอร์ตกลับบ้าน

เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วถังเจิ้นก็นั่งพักบนเตียงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอก

เขานั่งรถไปที่ตลาดวัสดุก่อสร้างและซื้อปูนซีเมนต์กับอิฐแดงก่อนเลย

หลังจากนั้นก็ซื้อแผ่นเหล็กหนาจำนวนมากโดยตัดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดครึ่งเมตรและขอให้คนงานเชื่อมเหล็กเหล่านี้ตามที่เขาต้องการ  โดยจะเอาฝังผนังระหว่างก่ออิฐเพื่อเป็นตัวป้องกัน

ในเวลาเดียวกันเขายังสั่งประตูเหล็กซึ่งสามารถถอดประกอบได้พร้อมติดตั้ง

เพื่อให้แน่ใจว่าที่พักพิงชั่วคราวนี้จะสามารถใช้รับมือกับอันตรายส่วนใหญ่ได้ถังเจิ้นถึงกับซื้อหน้ากากกันแก๊สพิษ  ถังดับเพลิง  และสิ่งของอื่น ๆ จนแน่ใจสุด ๆ แล้วว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุใด ๆ ขึ้นมาแล้วจะมีของครบพอเอาตัวรอดกันได้

ในช่วงเวลาดังกล่าวถังเจิ้นซื้อของใช้ประจำวันมาอีกจำนวนมาก  รวมถึงอาหารกระป๋องและขนมปังกรอบมาเพื่อเป็นอาหารฉุกเฉิน

หลังจากได้เสื้อผ้า  รองเท้า  และหมวกที่ทนทานแต่ไม่เด่นสะดุดตาสำหรับลูกทีมทุกคนรวมถึงเจ้าอ้วนต้าสยงมาแล้ว  ถังเจิ้นก็จ้างรถขนของขนทั้งหมดนี่กลับบ้าน

หลังจากกลับถึงบ้านถังเจิ้นก็เอาของทั้งหมดใส่ลงช่องเก็บของโดยจะต้องแบ่งเป็นส่วน ๆ ขนกลับถ้ำทีละชุด ๆ อยู่หลายรอบ

เมื่อกลับไปที่โลกนั้นก็ไปเรียกให้พวกเฉียนหลงมาช่วยขนของ  โดยอาศัยว่าเป็นเวลากลางคืนแอบขนทั้งหมดไปยังถ้ำที่ตนอาศัย  พวกเฉียนหลงแม้จะสงสัยที่มาของวัสดุเหล่านี้แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะยังไงก็ตัดสินใจติดตามถังเจิ้นแล้ว

นอกจากนี้ความสามารถของถังเจิ้นในจัดหาสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถไม่ธรรมดา

แม้จะเป็นคนละโลก  แต่คุณค่าของผู้มีความสามารถยังคงเหมือนกัน  ตราบใดที่สามารถหาอาหารและความปลอดภัยจากมอนสเตอร์มาให้ได้  ทุก ๆ คนที่ได้รับก็จะเชื่อฟังอย่างแน่นอน

หลังจากย้ายวัสดุที่ซื้อทั้งหมดกลับมาที่ถ้ำพวกเขาจุดเทียนให้ความสว่าง  จากนั้นทุก ๆ คนก็เริ่มทำงานภายใต้คำแนะนำของถังเจิ้น  เขาอธิบายวิธีการใช้วัสดุต่าง ๆ และด้วยปริมาณงานที่ไม่ได้มากมายอะไรนักจึงทำให้งานทั้งหมดเสร็จก่อนรุ่งสาง

ปากถ้ำที่มีการเสริมแกร่งนั้นดูธรรมดามาก ๆ แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นอิฐคอนกรีตเสริมเหล็กโดยปูนภายนอกไม่ได้มีการฉาบให้เรียบ

ประตูเหล็กทึบบานใหญ่ถูกเศษผ้าแปะกาวบังไว้หมดโดยไม่มีการเผยเนื้อเหล็กออกมาให้เห็น  เวลาจะใช้งานคือเลื่อนกลอนล็อกเอาซึ่งการจะพังเข้าไปนั้นไม่ง่าย

เมื่อปากถ้ำมีการป้องกันเช่นนี้แล้วทำให้ถังเจิ้นรู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด