ตอนที่ 999 เมืองไป๋เหอ เฒ่าขี้เมา?
เมืองไป๋เหอ ดินแดนใจกลางภูมิภาคสวนสวรรค์
เมืองไป๋เหอเป็นเมืองที่สร้างอยู่บนผิวน้ำใจกลางเขตที่มีการสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างจักรพรรดิเสิ่นกวงจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิฟู่โฉวทั้งสามฝ่ายมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว
เป็นเรื่องแปลกที่แม้ว่าไฟสงครามไม่เคยมอดดับลงมานานเป็นพันปีแต่เมืองไป๋เหอมีกฎที่แปลกประหลาดไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ใช้กำลังในเมืองไป๋เหอ และนักรบใดก็ตามที่เข้ามาในเมือง จะถูกถอดสถานะออกจากสนามรบในเมืองนี้คนที่โกรธเกลียดกัน สามารถนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันได้ แต่ทันทีที่พวกเขาออกไปจากเมืองพวกเขาจะเผชิญหน้าและเข่นฆ่ากันและกัน
ในเมืองน้ำแห่งนี้แม้แต่เจ้าเมืองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ก่อสงครามนองเลือดและระบายความโกรธได้ นั่นต้องบอกว่าเป็นปาฏิหาริย์
เมืองไป๋เหอกล่าวกันว่าเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดในภูมิภาคสวนสวรรค์
แต่แม่น้ำไป๋เหอที่อยู่นอกเมือง
ความจริงเป็นดินแดนที่น่ากลัวที่สุดในภูมิภาคสวนสวรรค์
ไม่ทราบว่าที่นั่นมีทหารและนักผจญภัยถูกฝังไว้มากมายเพียงไหน กระดูกคนตายสุมกองทับ หากมิใช่เพราะแม่น้ำไป๋เหอลึกเกรงว่าคงกองพะเนินสูงเท่าภูเขากลายเป็นที่ลือชื่อในภูมิภาคสวนสวรรค์
ตราบเท่าที่คนที่เคยไปเมืองไป๋เหอ จะเข้าใจว่าแม่น้ำไป๋เหอไม่ใช่แม่น้ำแต่เป็นทะเลที่มองแทบไม่เห็นฝั่ง
พื้นที่หนึ่งในสามของภูมิภาคสวนสวรรค์จมอยู่ใต้ทะเลสาบ เพราะผิวทะเลมักจะมีหมอกสีขาวเป็นทางและมีหมอกลับที่ยาวเป็นทางนั่นจึงเป็นที่มาของเมืองไป๋เหอ “แม่น้ำขาว”
ความลึกของแม่น้ำไป๋เหอนั้นเกินกว่าจะหยั่งถึงได้ แม้แต่ทวีปที่จมลงก็หายไปจนมองไม่เห็นนั่นมีเมืองเกือบพันเมือง เหลือแต่แนวเขามองเห็นได้ ยอดเขาโผล่ให้เห็นกลายเป็นเกาะน้อยพอเหลือให้คนรุ่นหลังได้สร้างเมืองอยู่บนผิวน้ำ ในบรรดาเมืองเหล่านั้น มีเมืองไป๋เหอรวมอยู่ด้วย
เมฆหมอกยาวจนสุดสายตา ปรากฏเรือสินค้ากำลังแล่น
เนื่องจากเรือกินน้ำลึก และมีขนาดใหญ่ใครๆมองเห็นก็รู้ว่านี่คือเรือเสบียงซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ฝ่ายใด เพราะข่าวว่าจักรพรรดิเสิ่นกวงและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วตายจักรพรรดิฟู่โฉวเนรเทศตนเอง ภูมิภาคสวนสวรรค์ดูเหมือนจะถูกควบคุมโดยสตรีที่ไม่มีชื่อเสียงเรียกว่าเทียนฟา และตอนนี้มีสถานการณ์ที่สับสนจึงอนุญาตให้เรือสินค้าชักธงลงได้
แม้ว่าเจ้าเมืองก็ยังไม่รู้ว่าเจ้านายตายหรือยังอยู่จะสู้เพื่อเขาต่อไปหรือไม่
น่าขันหรือไม่?
“ยินดีต้อนรับสู่เมืองไป๋เหอ พวกท่านปลอดภัยแล้ว!” ผู้เฒ่าเถี่ยเหมาประจำการอยู่ที่ท่าเรือตะวันออกเขายกเชือกเหล็กใหญ่และพันรอบหลักอย่างชำนาญ
คนงานท่าเรือเป็นพวกแรกที่เข้ามาทักทายและอำนวยความสะดวกให้คนนอกนี่คือกฎของเมืองไป๋เหอ
ธรรมเนียมนี้สืบทอดกันมาหลายพันปีจนเป็นลักษณะเฉพาะของเมืองไป๋เหอ
เฒ่าเถี่ยเหมาถือเป็นคนงานที่ดีที่สุดในที่นี้
เขาทำงานที่นี่มาหลายร้อยปีแล้ว
เขารู้เรื่องราวทุกอย่าง
กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งเขาเคยขึ้นเรือของเสิ่นกวง,เฟิ่นนิ่วและฟู่โฉว สามจักรพรรดิแดนดิน ไม่เคยมีใครอื่นได้รับเกียรติขนาดนี้
“โอว, นายผู้เฒ่า ขอทิปด้วย” เฒ่าเถี่ยเหมารับเงินมาตามปกติและพบว่าเจ้าอ้วนเผ่าคางคกดึงถุงเงินเล็กๆออกมาและยักไหล่ด้วยท่าทางแปลกๆ “ดูเหมือนว่าท่านต้องการข้อมูลลับสุดยอดจากปากข้าสินะ!”
“ข้าแค่ถามปัญหาสามข้อง่ายๆหลังจากถามแล้วก็จบกัน ตราบเท่าที่เจ้าตอบตามตรง ไม่ว่าเจ้าจะตอบได้หรือไม่ เงินถุงนี้จะเป็นของเจ้า” พ่อค้าเผ่าคางคกยิ้ม
เขาแกว่งถุงเงินล่อเฒ่าเถี่ยเหมา
เฒ่าเถี่ยเหมารอมองดูอีกฝ่ายมีบุคลิกท่าทางของผู้ประสบความสำเร็จจากนั้นเขาเปลี่ยนท่าทีทันที “ขออภัย ข้าขอปฏิเสธได้ไหม?”
นี่เป็นลูกไม้ตลกของพ่อค้าต่างถิ่นสหายของเขาที่ได้พบเห็นก่อนหน้านั้นมีขนทั้งตัวเหมือนกอริลลาชอบทุบอกตนเองทำให้อดหัวเราะอย่างมีความสุขไม่ได้ “พ่อค้าต่างถิ่น เลิกลองใจพวกเราได้แล้ว อยู่ต่อหน้าท่านเถี่ยเหมา เงินทองไม่มีประโยชน์ เจ้าคิดว่าเขาจะยอมแพ้และเป็นผู้รับใช้เพื่อเงินเจ้าหรือ? เขาแค่ยอมแพ้ต่อสุราชั้นดีของโลกมีแต่หนอนสุราเท่านั้นที่เอาชนะเขาได้ ฮ่าฮ่าฮ่า...”
บุรุษอีกคนหนึ่งมีตาอยู่บนศีรษะเหมือนกุ้งโบกแขนผอมๆของเขาแนะนำอย่างจริงจัง “ไม่ต้องพูดมากคนต่างถิ่น ในเมืองไป๋เหอเจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ แม้ว่าเจ้าจะบ้าเงินทอง เจ้าก็สามารถหาเงินจากกระเป๋าทุกคนได้และข้าเองก็ไม่มีอะไรเลย อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ควรจะรู้ความลับที่ไม่ควรรู้เกินไป...”
“ถูกแล้ว ข้าพยายามเตือนเจ้าด้วยความปรารถนาดี นายผู้เฒ่า! ที่นี่คนเขลาจะปลอดภัยที่สุด!” เฒ่าเถี่ยเหมาพูดจบก็หัวเราะ
“เป็นอย่างนี้นี่เอง!” ปรากฏว่าเจ้ากบอ้วนไม่โกรธ และยังยิ้มได้
แต่องครักษ์ที่อยู่ข้างเจ้ากบอ้วนมีสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย
เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์โบกมือ “ฟงจี, จินหวิน กลับไปบอกคุณชายและภรรยาว่าเรามาถึงเมืองไป๋เหอแล้ว
มีคนออกมาจากห้องโดยสารอยู่ก่อนแล้ว
เป็นเย่ว์หยางและมารกฎฟ้า ราชันย์ปีศาจใต้ซึ่งคลุมหน้าด้วยชุดยาว หลิวเย่ยังคงอยู่ในชุดเดิมที่คุ้นเคย นางอยู่ด้านหลังเย่ว์หยางดวงตาคู่งามกวาดมองไปรอบๆ มองดูทุกอย่างด้วยความสงสัย
ใครที่ไม่รู้จักอาจจะเข้าใจผิดคิดว่านางคือสาวใช้ของเย่ว์หยาง
เจ้ากบอ้วนก็คือจั๊ดด์ผู้จัดการผลประโยชน์ใหญ่แน่นอน เขาคือผู้ดูแลการเงินและผลประโยชน์อันดับหนึ่งของเย่ว์หยางและมีความเชี่ยวชาญมากกว่าเปากู่
องครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าก็คือฟงจีและจินหวิน ตามด้วยจงกวนเฮยถูและไป๋หม่ากลุ่มสามสหายที่ยอมจำนนไปก่อนหน้านั้น
ฮัวปันและเฟยหวงประจำการอยู่ที่ห้องโดยสารซ้ายขวา แม้แต่สองพี่น้องกระทิงเถื่อนก็สามารถเดินทางร่วมด้วยขอเพียงแต่มีอาหารให้กินมีเหล้าให้ดื่มพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวโดยพลการ แม้เมื่อเทียบฮุยไท่หลางเจ้าหมาจอมตะกละ สองพี่น้องกระทิงเถื่อนก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้อย่างพวกมัน มันเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ยอดเยี่ยม เมื่อเย่ว์หยางออกมามันก็ติดตามออกมาทันทีไม่ยอมพลาดโอกาสแสดงความภักดี
“คุณชาย!ทำไมท่านไม่นั่งเกี้ยวออกมา ที่นี่กว้างใหญ่มาก” เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ แม้ว่าจะไม่ใช่สุนัข แต่จมูกไวมาก เขาสูดกลิ่นอากาศที่นี่ตามปกตินอกจากได้กลิ่นน้ำเค็มแล้ว ยังแฝงไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
เหมือนกับสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือดผู้คนตายหลายพันคนแม้ผ่านไปหลายวัน แต่กลิ่นก็ยังอยู่
เย่ว์หยางยังคงเงียบ
เขาใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดูแล้ว จึงเข้าใจได้
กลิ่นคาวเลือดไม่ได้มาจากแม่น้ำไป๋เหอนี้ แต่มาจากเมืองไป๋เหอ
กลิ่นคาวเลือดแบบนี้ไม่ใช่ฆ่าหมูและฆ่าแพะ แม้ว่าจะมีการปกปิดไว้บ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นเลือดมนุษย์ เย่ว์หยางแน่ใจเรื่องนี้
“น่าจะเป็นการใช้เลือดบูชายัญ” นางเซียนหงส์ไม่ได้พูดจากปากแค่พูดผ่านสายแพรเชื่อมใจกับเย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้บอกความรู้สึกของนาง
“ดูเหมือนว่าจริงๆ แล้วเมืองไป๋เหอจะเป็นถ้ำเสือวังมังกรไม่ได้สงบสุขเหมือนดังคำเล่าลือจากตำนาน! ใช้เลือดบูชายัญ? ใช้เลือดบูชายัญเพื่อเปิดประตูอะไร? ตำหนักน้ำหรือโบราณสถานอื่น?” ราชันย์ปีศาจใต้ไม่ใช่พวกกินเจมังสวิรัติ ต้องทราบว่านอกจากเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแล้วนางคือองค์หญิงแห่งเผ่าภูตบูรพาผู้งดงามจับตามากที่สุด
“อาจเป็นการก่อเรื่องของผู้ที่โกรธแค้นกับการตายของจักรพรรดิเสิ่นกวงจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและการออกไปจากภูมิภาคสวนสวรรค์ของจักรพรรดิฟู่โฉว ถ้ามีความเกี่ยวข้องกันระหว่างเมืองไป๋เหอและตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีอะไรที่ทำได้ พวกเขาควรจะรู้ว่าจ้าวสุริยาวางแผนจัดการจักรพรรดิแดนดินทั้งสาม แต่พวกเขาไม่ใช่บริวารของจ้าวสุริยา....หลังจากจ้าวสุริยาดำเนินการตามแผนมาจนถึงบัดนี้ข้าว่าพวกเขาเป็นบริวารของจ้าวสุริยาแน่ ข้าเกรงว่าการใช้เลือดบูชายัญไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเขาแล้ว คนเหล่านี้จะมีสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าตำหนักน้ำใหม่ชางหลงหรือไม่ก็ยังไม่แน่ชัด ลองเข้าไปดูกัน แค่คนงานท่าเทียบเรือก็ซ่อนพลังปราณฟ้าระดับหกได้แล้วนี่นับเป็นสถานที่น่าครึกครื้น!” เย่ว์หยางสวมหน้ากากเงินใหม่ปกปิดสถานะ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาเพียงสื่อสารทางใจกับนางเซียนหงส์ฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้ก็เพียงพอแล้ว
สำหรับหลิวเย่ นางรู้ตัวว่าควรทำตัวเป็นผู้น้อยดีกว่า
เพราะนางมีจิตใจบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเกินไปจึงไม่สามารถซ่อนความคิดของนางได้ คนอื่นเพียงแต่มองหน้านางก็เข้าใจได้ ดังนั้นไม่บอกนางย่อมเป็นการดีที่สุดและคอยจัดให้นางช่วยลงมือในเวลาที่เหมาะสม
เย่ว์หยางไม่ได้ไปดูเฒ่าเถี่ยเหมาขี้เมาแค่เดินนำหน้ากลุ่มออกมาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทั้งนางเซียนหงส์ฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้ทั้งคู่เข้าใจความหมายยอดฝีมือซ่อนกายตามที่เขาพูดถึง
นี่คือตาเฒ่าขี้เมา
เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์เป็นผู้เชี่ยนชาญในการทำธุรกิจ เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นยอดฝีมือซ่อนพลัง ในกลุ่มผู้คุ้มกันมีแต่เพียงจินหวินตาผู้มีฉายาว่าตาไฟมองดูเฒ่าเถี่ยเหมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย เขาส่ายหัวเล็กน้อยแล้วก็เลิกสงสัย แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้ก็ยังมองออกว่าเฒ่าเถี่ยเหมาซ่อนพลังไว้เพียงแต่ประเมินพลังได้ไม่ชัด ผู้คุ้มกันอย่างจินหวินสามารถมองออก ไม่อย่างนั้นเขาจะได้ฉายาว่าตาไฟหรือ!
เย่ว์หยางและพวกที่กำลังกรอกเหล้าเข้าปากวางขวดเหล้าในมือทันทีดวงตาที่แสดงอาการเมามายกลายเป็นสุขุมลุ่มลึกและมองตามหลังนางเซียนหงส์ฟ้าเขม็งเหมือนประเมินอะไรบางอย่าง
“เกิดอะไรขึ้น พ่อค้ากลุ่มเล็กๆคนแบบนี้นำเรือสินค้าเข้าออกทุกวันอยู่แล้ว” บุรุษตาโตร่างเหมือนกุ้งมังกรถาม
“นอกจากสตรีคนกลางที่แข็งแกร่งอยู่บ้างคนอื่นที่เป็นระดับปราณดิน ไม่มีอะไรต้องพูด” มนุษย์กอริลลาไม่หยาบคายเหมือนที่แสดงออกเมื่อครู่นี้ แต่กลับดูเหมือนคนที่สุขุมระมัดระวัง
“สตรีคนกลางแข็งแกร่งมากกว่าข้าแน่นอน” เฒ่าเถี่ยเหมาแค่นเสียง “สำหรับเด็กหนุ่มมีพลังทั่วไปไม่ค่อยแข็งแกร่ง เจ้าเด็กหนุ่มหน้าหล่อกินแต่ข้าวอ่อน แต่ข้ารู้สึกผิดปกติเล็กน้อย ก่อนที่เรื่องสำคัญเหล่านี้จะประสบความสำเร็จทุกคนต้องแบ่งบทบาทอย่าปล่อยให้เกิดปัญหาในเวลานี้ถ้าเจ้ามีโอกาสก็ควรส่งคนไปสอดแนมคนกลุ่มนี้ ถ้าพวกเขามาทำธุระจริงๆ อย่างนั้นเราก็ยินดีต้อนรับ ถ้ามาทำอย่างอื่นก็ต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด...”
“ส่งฝูโหย่วไปเป็นคนนำเที่ยว เจ้าเด็กนั่นฉลาดและมีไหวพริบ” มนุษย์กุ้งแนะนำ
“ข้าหวังว่าคนเหล่านี้เป็นนักธุรกิจพ่อค้าที่แท้จริง!” เฒ่าเถี่ยเหมาถอนหายใจเล็กน้อยดวงตาที่แวววาวของเขาหมองประกายลงความโกรธลดลง และเขากลับไปเป็นเฒ่าขี้เมาและกรอกสุราที่ยังเหลือเข้าปากต่อ
ในที่ไกลออกไปมีเรือสินค้าหลายลำแล่นเคียงกันฝ่าหมอกควันเข้ามายังเมืองไป๋เหอ
เฒ่าเถี่ยเหมาโบกมือ
ทุกคนกลับไปเป็นกลุ่มขี้เมาและรีบเข้ามาทักทายคณะเดินทาง “ยินดีต้อนรับสู่เมืองไป๋เหอ! พวกท่านปลอดภัยแล้ว!”