ตอนที่ 75 เวร! ด่านที่สองทำไมจบเร็วจัง?
ตอนที่ 75 เวร! ด่านที่สองทำไมจบเร็วจัง?
"เฟี๊ยวว—" วินาทีต่อมา ลำแสงสีแดงก็ยิงตรงไปที่ที่ลู่เซิงยืนอยู่
"อย่างนี้นี่เองฉันแค่ต้องหลบแสงเลเซอร์พวกนี้ใช่ไหม?" ลู่เซิงเอี้ยวตัวหลบข้างเล็กน้อยและลำแสงสีแดงพุ่งผ่านเขาไป
ตั้งแต่ที่เขาเข้ามา เขาก็สังเกตเห็นว่าทั่วกำแพงห้องฝึกร่างกายแห่งนี้มีรูกลมๆขนาดเท่าหัวแม่มืออัดแน่นไม่ต่ำกว่าหมื่นที่และตอนนี้ดูเหมือนว่ารูกลมๆเหล่านี้จะมีหน้าที่ในการยิงแสงเลเซอร์
"การไม่สามารถคาดเดาได้ว่าแสงเลเซอร์จะมาจากทิศทางใดถือเป็นหนึ่งในความยากลําบากในการฝึกเทคนิคเคลื่อนไหวมาก"
"แต่ความยากลําบากนี้สําหรับฉัน—ไม่มีอยู่จริง"
ลู่เซิงคิดพลางเอียงศีรษะและลำแสงสีแดงก็พุ่งเฉียดหูของเขาไปที่กำแพงตรงข้าม
พลังจิต!
พลังจิตของลู่เซิงปกคลุมห้องฝึกร่างกายทั้งหมดทำให้รับรู้ทุกการเคลื่อนไหวของแสงเลเซอร์ได้อย่างแม่นยําก่อนที่ลำแสงสีแดงจะถูกยิงออกมา เขาสามารถรู้ได้อย่างง่ายดายว่าลำแสงทั้งหมดมาจากไหน
มันเหมือนกับการโกง!
"การคาดเดาการโจมตีของศัตรูด้วยการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อและสีหน้าในระหว่างการต่อสู้ยังคงเป็นเรื่องยากสําหรับฉันในตอนนี้... แต่ถ้าเป็นเครื่องจักรพวกนี้มันไม่ยากเกินไป" ลู่เซิงยืนอยู่กลางห้องพลางคิดเรื่องนี้ในขณะที่ขยับร่างกายของเขาเพื่อหลบเลี่ยงแสงเลเซอร์ที่พุ่งมา
ท่าทางสบายๆราวกับว่าเขาไม่ได้ฝึกเทคนิคเคลื่อนไหว แต่เพิ่งตื่นเช้ามาออกกําลังกายในสวนสาธารณะ
....
นอกห้องฝึกร่างกาย กลุ่มผู้ชมมองหน้ากัน พวกเขาต่างเห็นความตกใจอย่างสุดซึ้งในดวงตาของกันและกัน
เหลือเชื่อ!
"เขาทําได้ยังไง!?"ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
แต่ไม่มีใครตอบเขา
แม้แต่เหมิงจินเหอผู้ซึ่งภาคภูมิใจในการเป็นอัจฉริยะด้านเทคนิคเคลื่อนไหวและทะนงตนอย่างมากยังตกตะลึง
ห้องฝึกร่างกายใครบ้างที่เข้าไปแล้วไม่ตื่นตกใจและประหม่า?
มีเลเซอร์หลายหมื่นตัวซ่อนอยู่ในห้องฝึกร่างกายและไม่มีใครรู้ว่ามันจะยิงลำแสงออกมาเมื่อไหร่ หากไม่ระวังตัวจะถูกแสงเลเซอร์ยิงเข้าใส่และการฝึกจะหยุดลงทันที
แม้ว่าเหมิงจินเหอในตอนนี้จะผ่าน 80% ของด่านที่สองแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถเดินเล่นแบบสบายๆเหมือนลู่เซิงได้
แค่อาจจะผ่อนคลายมากกว่าคนอื่นๆเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ลู่เซิงในตอนนี้?
"แน่ใจนะว่าเขาเข้าห้องฝึกร่างกายครั้งแรก?" เหมิงจินเหอถามเด็กชายข้างๆเขาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
เด็กชายพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง"แน่นอนพวกเราทุกคนตามเขามาตลอดทาง"
เหมิงจินเหอหยุดพูด เมื่อมองไปที่ร่างในห้องที่เดินชิวๆภายใต้แสงเลเซอร์มากมาย เขาเริ่มสงสัยกับชีวิตของตัวเอง
ตอนนั้นเองที่เขาได้ยินใครบางคนพูดขึ้น
"ด่านแรกใกล้จะจบแล้-" ก่อนคำพูดจะจบลงเสียง"บิ๊บ"ก็ดังขึ้น
ข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอนอกห้อง "เตรียมพร้อมเข้าสู่ด่านที่สอง"
ทุกคนเงียบ
....
"เด็กคนนี้ทําได้ยังไง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าห้องฝึกร่างกายจริงๆเหรอ?"
ดวงตาของฉินเส้าชุนจ้องมองลู่เซิงอย่างใกล้ชิดและพูดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ "ทำไมเขาทำเหมือนกับว่าเคยฝึกมาหลายร้อยครั้งแล้วยังไงยังงั้นเลย... อ้ะ! ไม่ๆ แม้จะฝึกมาหลายร้อยครั้งก็ไม่สามารถทําแบบนี้ได้ง่ายๆ แม้ว่าการฝึกด่านแรกจะไม่ยาก แต่ลำดับการยิงแสงเลเซอร์ของการฝึกแต่ละรอบจะไม่เหมือนกันและเขาดูเหมือนจะรู้ว่าแสงเลเซอร์ทั้งหมดมาจากทางไหน... อ้ะ! นี่ไงอีกแล้ว!"
"แปลก..." ตงชิงเสวี่ยจ้องมองไปที่หน้าจอ
สําหรับการกระทำของลู่เซิง การคาดเดาบางอย่างได้เกิดขึ้นในใจของเธอ แต่ก็ถูกเธอหยุดอย่างรวดเร็ว
"นี่ต้องเป็นสัญชาตญาณต่อสู้ สัญชาตญาณต่อสู้ของเด็กคนนี้แข็งแกร่งมาก การทําสิ่งนี้คงไม่ยากสำหรับเขา..." ตงชิงเสวี่ยอธิบายอย่างช้าๆ
ฉินเส้าชุนสาบานว่าสัญชาตญาณต่อสู้คือสัญชาตญาณต่อสู้ การรับรู้คือการรับรู้เขาสามารถแยกแยะสิ่งเหล่านี้ได้
แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไร เด็กสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาทั้งสองคน
"สวัสดีค่ะหัวหน้าผู้สอนและรองหัวหน้าผู้สอน"
เมื่อตงชิงเสวี่ยเห็นเด็กสาว ดวงตาของเธอก็อ่อนลงเล็กน้อย "เธอมาตรงนี้ ฉันจะให้เธอเห็นบางอย่าง"
หลังจากนั้นตงชิงเสวี่ยก็ทักทายฉินเส้าจุน "เข้ามาใกล้ๆ เราจะได้มองเห็นชัดๆ"
ตงชิงเสวี่ยใช้พลังจิตของเธอรับรู้สถานการณ์ในห้องฝึกร่างกายทั้งหมด
....
"ด่านแรกจบแล้วหรอ?" เมื่อได้ยินเสียงเตือนในหูของเขา ลู่เซิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ด่านแรกจบเร็วเกินไปและยังง่ายเกินไป เขายังไม่ได้ใช้เทคนิคเคลื่อนไหวจริงๆเลยด้วยซ้ำ
แล้วยังงี้ยังฝึกฝนได้อยู่ไหม?
"เอ่อสงสัยฉันคงไม่สามารถใช้พลังจิตโกงแบบนี้ได้อีกต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นห้องฝึกร่างกายนี้คงไร้ประโยชน์.."
ลู่เซิงครุ่นคิดเขาดึงพลังจิตที่ปกคลุมทั้งห้องกลับเข้ามาอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นสีหน้าของลู่เซิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาสังเกตเห็นว่าหลังจากที่เขาถอนพลังจิตออกไป พลังจิตของใครบางคนก็เข้าปกคลุมห้องฝึกร่างกายทันทีและสำรวจร่างกายของเขาอย่างไร้ยางอาย
พิจารณาจากความแข็งแกร่งของพลังจิตควรเป็นของตงชิงเสวี่ย
จู่ๆความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของลู่เซิง
"ถ้าตงชิงเสวี่ยอยู่ที่นี่ ฉันสามารถใช้แผนนั้นได้..."
ในเวลาเดียวกันนอกห้องฝึกร่างกาย
ร่องรอยของความสับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของตงชิงเสวี่ยและเธอก็แอบพูดในใจอย่างเงียบๆ "ฉันคิดมากเกินไปจริงๆ"
จากนั้นเธอหันศีรษะไปพูดกับเซี่ยหลินข้างๆ "เธอควรสังเกตความแข็งแกร่งของลู่เซิงให้ดี เขาจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอในค่ายฝึกนี้..."
จากนั้นเธอก็ใช้พลังจิตแทรกซึมเข้าไปในห้องฝึกร่างกายทีละน้อย ภายใต้การรับรู้ของพลังจิตร่างของลู่เซิงดูเหมือนจะยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เซี่ยหลินอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
"สู้ๆ เซี่ยหลินเธอทําได้! ผู้ชายคนนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด จงเอาชนะเขาและปิดช่องโหว่ในใจ! สู้ๆ เธอทําได้!"
เซี่ยหลินให้กําลังใจตัวเองอย่างสิ้นหวังและมองลู่เซิงอย่างตั้งใจพลางคิดว่ารูปร่างหน้าตาของผู้ชายคนนี้ดีมาก
เธอเห็นกล้ามเนื้อที่เพรียวบางและสมส่วนกับหน้าตาที่หล่อเหลาของลู่เซิงและอดไม่ได้ที่ความคิดนี้จะผุดขึ้นในใจ
"ให้ฉันดูหน่อยเถอะ!ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน!"
แค่แป๊บเดียว! ครั้งเดียวก็แค่สังเกตความแข็งแกร่งของลู่เซิง
เซี่ยหลินปลอบโยนตัวเองจากนั้นก็ส่งพลังจิตไปที่ลู่เซิงอย่างระมัดระวัง
ในขณะนั้นเองกระแสไฟฟ้าช็อตก็ถูกส่งกลับมาอย่างรุนแรง
เซี่ยหลินส่งเสียง"อ่า" และรีบดึงพลังจิตของเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเธอเห็นลู่เซิงในขอบเขตสายตามองมาในทิศทางที่เธอยืนอยู่อย่างลึกซึ้งและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยคําเตือน
"ข-เขาเห็นฉันไหม? เขารู้ไหมว่าฉันกําลังสังเกตเขา?" เซี่ยหลินตกตะลึงทันทีและยืนนิ่งอยู่กับที่
"เกิดอะไรขึ้น?" เสียงสงสัยของตงชิงเสวี่ยดังขึ้นในหูของเธอ
เซี่ยหลินกลับมารู้สึกตัวและส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว"ไม่... ไม่มีอะไรค่ะ"
เซี่ยหลินไม่กล้าบอกตงชิงเสวี่ยเพราะเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอเห็นเมื่อกี้เป็นภาพลวงตาหรือไม่
ในสายตาของเธอ ลู่เซิงยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"หรือว่าฉันตาฝาดไป?" เซี่ยหลินคิดกับตัวเอง
แต่ว่า....
เซี่ยหลินเหลือบมองลู่เซิงและใช้พลังจิตอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากและยังดูน่ากลัวกว่าเมื่อก่อน ฉันควรจะอยู่ห่างจากเขา....
.....
"อะไรเนี่ย! ใช้พลังจิตกับฉันหมายความว่าอะไร? หยาบคายเกินไปแล้ว..."
มันเป็นพฤติกรรมที่ไม่สุภาพมากที่ใช้พลังจิตสังเกตผู้อื่น ในกรณีที่อีกฝ่ายเป็นผู้แข็งแกร่งและยังอารมณ์ร้ายมีแนวโน้มมากที่จะแสวงหาความตายโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นลู่เซิงรู้ว่าจําเป็นต้องเตือนสาวน้อยคนนี้ การใช้พลังจิตอย่างประมาทเช่นนี้เขาเดาได้ทันทีว่าต้องเป็นเซี่ยหลิน
จากนั้นเขาไม่สนใจตงชิงเสวี่ยกับเซี่ยหลินอีกต่อไปและกลับมาให้ความสนใจกับห้องฝึกร่างกายเพราะ....
ด่านที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว
"ฟิ้ว—" แสงเลเซอร์สีแดง 6 ดวงยิงออกไปหาลู่เซิงพร้อมกัน
เมื่อเทียบกับด่านแรกแสงเลเซอร์ของด่านที่สองมีจํานวนที่เยอะกว่าและเร็วกว่ามาก
แสงเลเซอร์สีแดงพุ่งเข้ามาอย่างเงียบเฉียบไม่มีแม้แต่เสียงส่งผ่านอากาศทำให้คาดเดาได้ยากมาก
หากไม่มีการเตือนล่วงหน้าจากพลังจิต ลู่เซิงทำได้แค่พึ่งปฏิกิริยาการตอบสนองของประสาทสัมผัสและความเร็วของร่างกายเพื่อหลบเท่านั้น
ผ่าน 10%...
ผ่าน 20%...
ผ่าน 30%...
ลู่เซิงผ่าน 80% แรกของด่านที่สองอย่างใจเย็น
จนกระทั่งหลังจาก 80%
สีหน้าของเขาเริ่มจริงจังขึ้นเล็กน้อยแต่แค่เล็กน้อยเท่านั้น
เทคนิคเคลื่อนไหวที่ยังติดอยู่ในคอขวดที่สองสามารถผ่านด่านที่สองนี้ได้อย่างสบาย ท้ายที่สุดการต่อสู้กับซอมบี้ที่ทรงพลังเหล่านั้นในโลกความฝันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
การเดินไปมาท่ามกลางฝูงซอมบี้ยังน่าตื่นเต้นกว่าการหลบแสงเลเซอร์ในห้องฝึกร่างกายนี้เสียอีก
เมื่อจํานวนแสงเลเซอร์เพิ่มขึ้น เขาก็ยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเช่นกัน
ลู่เซิงค่อยๆรู้สึกว่าเทคนิคเคลื่อนไหวที่ติดอยู่คอขวดที่สองคลายลงราวกับว่าแค่เพิ่มแรงกดดันอีกเล็กน้อยเขาสามารถทะลวงมันได้อย่างง่ายดาย
แต่ในขณะที่ลู่เซิงกำลังคาดหวังอย่างตื่นเต้นอยู่นั้น
แสงเลเซอร์หยุดลงกะทันหัน
"ติ๊ง-" ลู่เซิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
เวร! ด่านที่สองทำไมจบเร็วจัง....