ตอนที่ 3 การก้าวข้าม
ในภูมิภาคนี้ผู้ที่อยู่ระดับรูปแบบการปรับแต่งนั้นสามารถเอาชนะได้เพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปได้เท่านั้น
หลังจากที่ก้าวข้ามสู่ระดับรูปแบบการเปลี่ยนแปลงฉีนั้นที่ถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่งและสามารถเดินบนผิวน้ำได้
แน่นอนว่าผิวน้ำนั้นเป็นเพียงแค่แม่น้ำเล็กๆหรือบ่อน้ำ
ผู้ฝึกตนนั้นสามารถเป็นนักปรุงยาได้หลังจากที่ระดับของเขาคือรูปแบบแก่นแท้จริงเท่านั้น
เพราะการจะปรุงยานั้นอย่างน้อยจะต้องใช้พลังที่บริสุทธิ์ของระดับรูปแบบแก่นแท้จริง
และถึงแม้ว่าจะอยู่ในระดับรูปแบบแก่นแท้จริงแล้วแต่ผู้ฝึกตนระดับนี้จะปรุงยาได้เพียงแค่ขั้นที่หนึ่งเท่านั้น
ผู้ที่อยู่ในระดับรูปแบบจิตวิญญาณสีม่วงนั้นจะสามารถปรุงยยาเม็ดขั้นที่สองได้ ส่วนยาเม็ดอื่นๆเช่นยาฟื้นวิญญาณขั้นสามนั้นสามารถปรุงได้หลังจากถึงระดับรูปแบบการก่อตัวหลักเท่านั้น
สําหรับคนอย่างลู่หยานรันนั้นที่อยู่ในระดับรูปแบบการปรับแต่งนั้น มันเป็นเรื่องยากสําหรับเธอมากที่จะได้รับยาเม็ดระดับสามเธออาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตในการฝึกฝนเพื่อไปอยู่ในระดับที่จะสามารถปรุงยาเม็ดนี้ได้
ด้วยเหตุนี้เองมันจึงเป็นที่ชัดเจนว่ายาฟื้นวิญญาณขั้นสามนั้นมีความสําคัญต่อเธอมากเพียงใด
เช่นเดียวกับที่ลู่หยานรันกําลังหลงใหลอยู่กับยาเม็ดนี้เสียงบางอย่างก็ดังมาจากที่ไกลๆ
ร่างที่สวยงามนั้นลงมาที่ยอดเขาหลิงจิ่วอย่างรวดเร็ว
ภายในนิกายชิงหยุนปรมาจารย์ในนิกายและผู้อาวุโสทุกคนจะมียอดเขาเป็นของตัวเอง
ยอดเขาหลิงจิ่วนั้นเป็นดินแดนของปรมาจารย์ยื่อซวน
เนื่องจากยื่อซวนมักจะไม่รับลูกศิษย์ ยอดเขานั้นจึงถูกทิ้งให้รกร้างเล็กน้อย มีสาวใช้เพียงไม่กี่คนที่รับผิดชอบด้านเสื้อผ้าอาหารที่พักและการเดินทางของยื่อซวนเท่านั้นที่จะมาที่นี่เป็นครั้งคราว
ไม่นานนักลู่เหยียนหรันก็เห็นคนที่กำลังมาที่นี่
เธอเห็นว่าบุคคลนั้นเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสง่างามและรูปลักษณ์ที่สวยงาม
นั่นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสของนิกายชิงหยุน หลินชิง!
การแสดงออกของลู่หยานรันนั้นแสดงความเคารพในทันที เธอกําหมัดใส่ฝ่ามือและโค้งคำนับหลินชิงตามธรรมเนียมมารยาทของนิกาย
"สวัสดีท่านผู้อาวุโสหลินชิง!"
หลินชิงค่อยๆลงมาจากฟากฟ้านั้น
เธอมองไปที่ลู่หยานรันต่อหน้าเธอด้วยความาสงสัย
เพราะในตอนนี้ลู่หยานรันยังคงสวมเครื่องแบบของสาวใช้แปลกๆอยู่
หลินชิงจึงไม่เข้าใจว่าทําไมสาวใช้คนนี้ไม่ทําอะไรเลยนอกจากยืนเฝ้าอยู่นอกห้องโถงของผู้อาวุโสยื่อซวนแทน
ก่อนที่หลินชิงจะถาม ลู่เหยียนหรันก็ชิงพูดก่อน
"ท่านหลินโปรดหยุดก่อน ตอนนี้ท่านปรมาจารย์กำลังอยู่ในความสันโดษ เขาไม่อยากถูกรบกวนจากใครก็ตามได้โปรดยกโทษให้เขาด้วย"
หลังจากได้ยินคําพูดของลู่หยานรันหลินชิงก็ตกใจเช่นกัน
และไม่ช้าเธอก็เห็นเหรียญของปรมาจารย์ในมือของลู่หยานรันซึ่งมันเป็นของยื่อซวน
หลินชิงจึงไม่ได้ถามอะไรกับลู่เหยียนหรันอีกต่อไป
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงประหลาดใจมาก ยื่อซวนซึ่งให้ความสําคัญกับการฝึกตนของเขามาตลอดตอนนี้กลับรับลูกศิษย์แล้วงั้นหรือ?อ
ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเขาตอนนี้จะดูไม่ดีเอาสะเลย!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้อารมณ์ของหลินชิงก็อดไม่ได้ที่จะจมดิ่งลง
เธอสงสัยว่าเป็นไปได้ไหมที่ยื่อซวนนั้นรู้ว่าเขากําลังจะตายดังนั้นเขาจึงเลือกลูกศิษย์ในนาทีสุดท้ายเพื่อสืบทอดทักษะของเขา?
แม้ว่าเธอจะอารมณ์เสียเล็กน้อย แต่หลินชิงก็ไม่รีบร้อนที่จะบุกเข้าไปในห้องโถงนั้น
เธอยังคงรู้สึกถึงความผันผวนบางอย่างที่ออกมาจากห้องโถงนั้น
ยิ่งกว่านั้นมันเป็นความคิดของยื่อซวนเองที่จะให้ลู่หยานรันอยู่ที่นี่ดังนั้นเธอจึงไม่รีบเข้าไปหาเขา
ดังนั้นหลินชิงจึงไปที่ด้านหน้าของห้องโถงและนั่งไขว้ขา
ในฐานะผู้อาวุโสของนิกายชิงหยุนเธอได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อสมบัติของสวรรค์และโลกเมื่อไม่กี่วันก่อน
ในระหว่างการต่อสู้ครั้งนั้นยื่อซวนถูกวางยาพิษโดยผู้คนในนิกายซวนหยินด้วยผงพิษถึงห้าชนิด
หลินชิงนั้นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยขณะที่เธอพยายามช่วยยื่อซวนซึ่งถูกล้อมโดยผู้ฝึกตนหลายคน
แต่อาการบาดเจ็บของเธอไม่ได้ร้ายแรงมากและเธอก็ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว
ตอนนี้หลินชิงไม่รู้ว่านอกจากยาพิษจากผงพิษห้าชนิดรวมนั้น มันยังมียาพิษละลายกระดูกที่มีพิษสูงอีกตัวหนึ่งรวมเข้าไปด้วย
ถ้าเธอรู้ความจริงในตอนนี้ เธอคงจะสิ้นหวังอย่างแน่นอน
นั่นเป็นเพราะผงละลายกระดูกนั้นร้ายแรงกว่ายาพิษทั้งห้าชนิดรวมกันมาก อาจกล่าวได้ว่าแม้แต่ในราชวงศ์เฉียนที่ยิ่งใหญ่นั้นก็ยังไม่มียาแก้พิษสําหรับผงละลายกระดูกเลย
หญิงทั้งสองคนที่มีอายุหนึ่งคนและเด็กหนึ่งคนกำลังรออยู่หน้าห้องโถงของยื่อซวนอย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปสองวัน ในตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้เข้าไปข้างในห้องโถงนั้น
ในช่วงนี้ลู่หยานรันยังคงทำตามคำสั่งของยื่อซวนและไม่ออกไปจากหน้าห้องโถงเลย
นั่นเพราะระดับของลู่หยานรันอยู่ในขั้นที่สี่ของระดับรูปแบบการปรับแต่งเท่านั้น
ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเธอมันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะอยู่ได้โดยไม่กินไม่ดื่มน้ำเป็นเวลาถึงสองวัน
และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ร่างกายของเธอเริ่มทรุดตัวลง
หลินชิงซึ่งอยู่ข้างๆเธอกําลังหลับตาอยู่ เธอไม่ได้สังเกตเห็นอาการของลู่เหยียนหรัน
ในขณะนี้คลื่นออร่าที่แข็งแกร่งบางอย่างก็มาจากห้องโถงที่ยื่อซวนอยู่
หลินชิงซึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่ก็ลืมตาขึ้น
"นี่มัน...การก้าวข้ามงั้นหรือ?"
สีหน้าของหลินชิงเต็มไปด้วยความตกใจ เธอสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของออร่าที่มาจากห้องโถงได้อย่างชัดเจน
นั่นเพราะเธออยู่ในระดับรูปแบบการก่อตัวหลัก ทำให้เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความกดดันในร่างกายของเธอนั่นเพิ่มสูงขึ้น
"เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
ความประหลาดใจในสายตาของหลินชิงนั้นปรากฎขึ้นเป็นเวลานาน
เธอไม่เข้าใจว่าทําไมยื่อซวนที่ควรจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตายกลับปลดปล่อยออร่าที่ทรงพลังแบบนี้ออกมาได้?
ยิ่งไปกว่านั้นออร่าของเขาก็ทรงพลังเพิ่มกว่าเดิมมาก เห็นได้ชัดว่ามันเกิดขึ้นได้เพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น
เช่นเดียวกับที่หลินชิงรู้สึกว่าเธอไม่สามารถตกใจได้มากกว่านี้ เธอได้ยินเสียงคนทั้งห้าคนดังมาจากที่ไกลๆ
เสียงนั้นมาจากยอดเขาอื่นๆของนิกายชิงหยุน เห็นได้ชัดว่าคนทั้งห้าคนนี้มาที่นี่เพื่อมาดูสิ่งน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในที่ที่ยื่อซวนอยู่
ไม่นานนั้นร่างของห้าคนก็มาถึงใกล้ๆหลินชิง ซึ่งพวกเขาทั้งหมดกำลังลอยอยู่ในอากาศ
ทุกคนมองไปที่ห้องโถงซึ่งยื่อซวนอยู่ด้วยความตกใจมาก
การที่พวกเขาทั้งหมดลอยอยู่ในอากาศได้ นี่คือความสามารถที่ระดับรูปแบบการก่อตัวหลักเท่านั้นที่สามารถทําได้
ทั้งห้าคนนี้เป็นปรมาจารย์ของนิกายรองปรมาจารย์นิกายและผู้อาวุโสของนิกายชิงหยุน
คนที่อยู่ตรงกลางคือปรมาจารย์ของนิกาย ว่านฉานไห่!
ทันใดนั้นพวกเขาก็ลงมาและเข้าใกล้ๆห้องโถงที่ยื่อซวนอยู่ข้างใน
พวกเขานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับยื่อซวนถึงได้ทำให้เขาเปล่งออร่าที่ทรงพลังเช่นนี้ได้
ในขณะนี้ลู่หยานรันกําลังยืนอยู่หน้าห้องโถง เมื่อเธอเห็นสมาชิกระดับสูงของนิกายปรากฏขึ้นเธอรู้สึกกดดันอย่างมาก
แม้จะมีความกดดัน แต่เธอก็ต้องบังคับให้พวกเขาไม่ให้เข้าไปข้างใน
"ท่านปรมาจารย์นิกาย ท่านรองปรมาจารย์นิกาย และท่านผู้อาวุโส โปรดรอสักครู่ ท่านปรมาจารย์ยังคงอยู่อย่างสันโดษ ได้โปรดอย่าเข้ารบกวนเขา!"
ลู่หยานรันเป็นเพียงผู้รับใช้เท่านั้น ทำให้เธอต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการพูดคําเหล่านี้ต่อหน้าสมาชิกระดับสูงของนิกายเป็นจํานวนมาก
คําพูดของลู่หยานรันนั้นดึงดูดสายตาของบุคคลระดับสูงเหล่านี้ทันที
เมื่อพวกเขาเห็นสาวใช้ในชุดแปลกๆของเธอพวกเขาทั้งหมดก็ค่อนข้างไม่พอใจ
"เจ้าพูดว่าอะไรงั้นเรอะ?"
ว่านฉานไห่จ้องมองไปที่เธอและถามอย่างเย็นชา