ตอนที่ 29 เงาที่ทอดยาวจากเสาเขตแดน
ตอนที่ 29 เงาที่ทอดยาวจากเสาเขตแดน
ชั้นที่แฮงแมนนั้นหมายถึงดินแดนในเหมือง ซึ่งเหมืองมรณะนี้ตั้งอยู่ก้นหุบเหวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางราว ๆ 360 กิโลเมตรและที่นี่จะแบ่งออกเป็นชั้นเหมืองลงไปเรื่อย ๆ แบบวงกลมมีทั้งหมด 18 ชั้น แบ่งเป็นชั้นระยะ 20 กิโลเมตร
ยิ่งอยู่ชั้นนอก ๆ ก็จะยิ่งปลอดภัย แต่ว่ายิ่งลึกเข้าไปจะยิ่งอันตรายมากขึ้น ชั้นที่ 13-18 เป็นเขตห่วงห้ามเข้าไปเป็นอันเด็ดขาด เพราะแม้แต่หมอผีแท้จริงยังเป็นอันตราย
“พวกเจ้าบอกข้าสิ” ลีโอกล่าว เนื่องจากพึ่งมาที่นี่ลีโอจึงไม่รู้สภาพแวดล้อมและสถานที่ในการขุดที่ดีที่สุด เขาจึงต้องขอความเห็นจากคนเหล่านี้
“เออ...” แฮงแมนลากเสียงยาว เพราะที่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอหัวหน้าแบบที่ ปกติแล้วเส้นทางจะถูกกำหนดโดยคนแบบลีโอ ซึ่งพวกเขามักจะหยิ่งและพากันเข้าไปให้ลึก ๆ เพื่อขุดแร่สื่อวิญญาณให้ได้มากที่สุด
ทำให้มักจะมีคนธรรมดาตายจากสิ่งลี้ลับเป็นจำนวนมาก
“หัวหน้าเลือกที่ชั้น 5 เป็นยังไงที่นั่นไม่อันตรายมาก และแร่พอสมควร” ซูซี่เป็นคนกล่าวขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปที่นั่น” ลีโอตอบตกลงอย่างไม่คิดมาก
“ที่ชั้น 5 มีจุดดี ๆ อยู่” แฮงแมนรีบใส่พิกัด ส่วนซูซี่ก็จับรถบรรทุกเหมือนยันต์ใหญ่พาทุกคนออกเดินทางไปในทันที
ลีโอสนใจมองสถานที่รอบตัว บรรยากาศมัว ๆ ที่ราวกับแสงแดดหวาดกลัวสถานที่นี้ เขากลับพบต้นไม้บางต้นงอกเงยขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นต้นที่แห้งตายแล้ว
ว่ากันว่าสมัยที่มาขัดเหมืองแรก ๆ มีการตั้งแล็บวิจัยของพันธุ์ไม้ด้วย พวกเขาอยากจะทดลองปลูกพืชไปในทุก ๆ สภาพแวดล้อม แม้แต่หุบเหวที่เห็นเหมืองก็ไม่เว้น
พอทุกอย่างล่มสลายไปและถูกทิ้งล้าง ช่วงนั้นพืชก็กระจายกันออกมาจากห้องแล็บและเจริญเติบโตอยู่ที่นี่มา 50 ปี ทุกอย่างคงอยู่และตายลงไปเป็นวัฏจักรที่ไม่จำเป็นต้องมีใครควบคุมมัน
ธรรมชาติก็เป็นแบบนี้ มันอยู่มาก่อนตั้งแต่มนุษย์จะกำเนิด จนมนุษย์จากไปมันก็จะดำรงต่อตามวิถี
รถของพวกเขาเคลื่อนตัวออกจากฐานไปยังขอบของเหมืองมรณะ ด้านบนขอบยังคงมีไฟส่องทางลงไปยังทางลงสู่ชั้นแรก
พวกเขาลงมาที่ชั้นแรกและขับต่อไปเรื่อย ๆ
ลีโอเปิดดวงตาผนึกเทพมองดูรอบตัวอยู่ตลอดเวลา ขณะนั้นซูซี่ก็พูดคุยกับแฮงแมนถึงเรื่องของลีโอ
“เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนยังไง” ซูซี่ถามขึ้นมา แต่ตาของเธอยังคงมองทางตลอดเวลา
“เราไม่ควรตั้งคำถามกับเรื่องของหัวหน้าทีมลืมแล้วเหรอว่าเราเซ็นสัญญาปกปิดความลับกับทางการแล้ว” แฮงแมนเอ่ยเตือน
“ข้ารู้อยู่แล้วน่า แค่ถามว่าเขายังเด็กมาก แต่ก็มาที่อันตรายแบบนี้แล้ว”
แฮงแมนได้ยินก็เหลือบไปมองลีโอและรีบถอนสายตากลับ
“อืมเขาเด็กมากจริง ๆ และไม่เหมือนหัวหน้าของทีมอื่น ๆ ด้วย”
“หวังว่าเขาจะจัดการพวกสิ่งลี้ลับเหล่านั้นได้”
“ก็น่าจะนะ ยังไงทางการก็ส่งเขามาก็คงจะมีฝีมือบ้าง จริงสิเราต้องขุดให้ได้เท่าไหร่”
แฮงแมนตรวจสอบ ก่อนจะพูดบอกว่า “1 กิโลกรัม”
“บ้าจริง 1 กิโลเราคงไม่ขุดแร่ดิบเป็นร้อยตันเหรอ” ซูซี่หงุดหงิดเล็กน้อย
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เราไปที่ชั้น 5 มีที่ขุดดี ๆ อยู่ น่าจะแค่ 70-80 ตันก็ได้แร่สื่อวิญญาณ 1 กิโลกรัมแล้ว”
“เอาเถอะ ปิดตัวนำทางได้แล้วถึงชั้น 4 เราต้องพึ่งตาของตนเอง” ซูซี่กล่าว
แฮงแมนรีบทำการปิดตัวนำทางและเปิดไฟรอบคัน จากนั้นก็เปิดระบบระบุตำแหน่งเชื่อมต่อตามทุ่นส่งสัญญาณที่ติดต้องไว้บนเส้นทาง ทุ่นส่งสัญญาณเหล่านี้เป็นเหมือนตัวเชื่อมสัญญาณกลับไปที่ฐานเพื่อบอกตำแหน่งของพวกเขา
ลีโอนั่งนิ่งกวาดตามองตลอดเวลา เขาพบว่าตั้งแต่ลงมาที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นระยะทางกว่า 80 กิโลเมตรแล้วจากฐาน ไฟในรถขับเคลื่อนเริ่มจะมีอาการกะพริบมากขึ้น
ตอนนั้นลีโอก็มองออกไปด้านนอกเห็นเงาคนยืนมองจากในความมืด ซึ่งเป็นผี ลีโอหันกลับไปมองฮานที่กำลังเหงื่อแตกพลั่กมองดูเงานั้นด้วยร่างกายที่แข็งค้าง
ลีโอคุ้นเคยกับอาการนี้ดีมันคือความกลัวที่ลีโอคนเก่าก็เคยเป็นตอนเห็นผี
“อย่ามอง” ลีโอส่งเสียงเรียกพร้อมกับพลังจิตที่พุ่งเข้าไปหาฮาน ทำให้ฮานนั้นได้สติกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“อึก...อ้วก!” ฮานทำท่าอ้วกเอาน้ำลายออกมา
ซูซี่และแฮงแมนหันกลับมามองด้วยความตกใจทันที ซูซี่กำลังจะจอดรถ แต่ลีโอกล่าวห้ามไว้ก่อน
“ขับต่อไป”
เสียงของลีโอเย็นชาพอสมควร ซูซี่ทำตามอย่างเกรงกลัว นี่เป็นผลมาจากแรงกดดันทางพลังจิตของเขาที่สูงมาก
แฮงแมนรีบเข้ามาดูฮานและถามด้วยความเป็นกังวล
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแต่เผลอมองออกไปด้านนอกก็เท่านั้น” ฮานเช็ดคาบที่มุมปากและกล่าว
แฮงแมนได้ยินก็ขมวดคิ้วในทันที เขาไม่กล้ามองออกไปเพราะความกลัว หนึ่งในระเบียบข้อบังคับที่พวกเขาต้องปฏิบัติคือระวังการมองของตนเอง อย่ามองในสิ่งที่ไม่รู้จัก
ซูซี่ได้ยินก็รีบลดสายตาของตัวเองลงและมองเฉพาะจุดที่มีแสงจากรถส่องถึงเท่านั้น ก่อนจะหันมาถามลีโอ
“หัวหน้าพวกเราจะทำยังไงกันดี”
“ขับต่อไป มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในตอนนี้” ลีโอกล่าวขณะที่สายตาของเขาจ้องมองไปด้านหน้ารถ เพื่อคอยช่วยซูซี่ถ้ามีวิญญาณผีร้ายโผล่ออกมา
ที่จริงแล้วตัวเมื่อครู่เป็นแค่ผีประเภท 1 ที่อ่อนแอมาก ๆ มันยังคงไม่สามารถก่อร่างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้นเป็นพวกประเภท 1 ที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นอันตรายกับมนุษย์มากแล้ว
เมื่อเห็นว่าลีโอยังคงสงบเยือกเย็นทุกคนก็พากันสงบใจลงตาม รถขับมาถึงทางลงไปสู่ชั้น 5 พอลงต่ำมาในความลึกจากชั้น 4 ที่ 30 เมตรไปตามขอบผาพวกเขาก็มาถึงชั้น 5
จากนั้นก็ตรงไปยังทางด้านหนึ่งของที่เป็นบ่อให้ขุดเอาแร่สื่อวิญญาณที่นี่ไม่มีใครมา ดังนั้นพื้นที่รอบ ๆ จึงเป็นของพวกเขา
รถบรรทุกค่อย ๆ หยุดนิ่ง แสงไปจากรถคือสิ่งเดียวที่ให้ความแสงสีขาวสว่างไปรอบบริเวณ ฝุ่นค่อย ๆ หายไปจากรถที่วิ่งเข้ามาประตูก็เปิดออก
แต่ว่าไม่ใช่ลีโอหรืออีกสามคนลงมาเป็นกลุ่มแรก ที่ลงมาคือหุ่นยนต์สามตัว พวกมันกระโดดลงมาพร้อมกับคำสั่งที่ถือเอาเสายาว 2 เมตร จำนวน 30 ต้นลงมาด้วย
หุ่นยนต์เหล่านั้นเริ่มทำการปักเสาไปรอบรถและปากหลุมที่พวกเขาต้องขุดกัน โดยรัศมีอยู่ที่ 200 เมตร
“อาเขตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้านนอกน่าจะปลอดภัยแล้ว” แฮงแมนบอกกับทุกคน แต่อีกสองยังไม่มีใครลงไป
“ข้าจะไปดูเอง” ลีโอลุกขึ้นยืน ก่อนจะลงไปเป็นคนแรง เขาเปิดดวงตาผนึกเทพก็พบว่าไม่มีผี แต่ว่ารอบตัวของลีโอกลับมีอนุภาควิญญาณหนาแน่นมาก
ตอนนั้นแววตาของลีโอก็เหลือบไปมองทางปากหลุม ตอนนั้นลีโอก็ค้นพบบางสิ่งที่น่าสนใจ พอเดินไปหยิบขึ้นมาก็เป็นก้อนหินขนาดเท่านิ้วก้อย
ตามปกติแล้วดวงตาของลีโอจะเห็นอนุภาควิญญาณเป็นจุดแสงสีเทา และเห็นพลังจิตเป็นเหมือนกับคลื่น แต่ครั้งนี้เขาเห็นว่าก้อนหินนี้มันมีออร่าสีใสออกมาอยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้ชัดเจน
“นี่คือแร่สื่อวิญญาณที่มี่โลหะสื่อวิญญาณอย่างนั้นเหรอ” หินก้อนเท่านิ้วก้อยของลีโอนั้นมีแร่สื่อวิญญาณน้อยมาก ๆ แต่ว่าเขาก็ยังสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยการมองผ่านดวงตาผนึกเทพ
“น้อยไปจริง ๆ” ลีโอถือมันไว้ในมือ
ตอนนั้นเสียงตะโกนถามของซูซี่ก็ดังขึ้นมา
“หัวหน้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ปลอดภัยเริ่มงานกันได้เลย” ลีโอหันกลับไปบอกพวกเขา
ซูซี่ แฮงแมนและฮานพอได้ยินก็มีสีหน้าโล่งใจ พวกเขาจึงลงจากรถและเตรียมของกัน ในขั้นตอนเหล่านี้ลีโอไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่ง เพราะนี่คือหน้าที่ของทั้งสามคน ส่วนหน้าที่ของลีโอนั้นคือคอยจัดการบางสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถจัดการได้
ขณะที่ทั้งสามคนนั้นกำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวขุดเจาะในอุโมงค์ ลีโอก็สังเกตเห็นว่าไฟด้านหนึ่งกะพริบขึ้นมาแปลก ๆ สัญญาณเตือนกลับมาที่พวกเขาในทันที
ลีโอกดไปที่หน้าจอควบคุมเพื่อดูเขตแดนของพวกเขา
เขตแดนเหล่านี้เป็นเหมือนอุปกรณ์ตรวจจับการรบกวนของพลังงาน ซึ่งหมายถึงว่าถ้ามีผีปรากฏตัวพวกมันจะปลดปล่อยคืนมารบกวนเสาเหล่านั้นและแจ้งให้กับหมอผีได้รู้ก่อน
นี่เป็นสิ่งที่ช่วยการลดการใช้พลังจิตของหมอผี ทำให้พวกเขาไม่ต้องเปิดใช้จิตสัมผัสตลอดเวลา เป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสานกับศาสตร์ของหมอผี
“ทำงานของพวกเจ้าไป ข้าจะไปจัดการเอง” ลีโอกล่าวบอก ก่อนจะเดินไปยังจุดที่ไฟกะพริบ
คนทั้งสามมองหน้ากัน จากนั้นก็รีบเร่งมือ
ลีโอเดินไปยังจุดที่ไฟกะพริบเตือน ตอนนี้มันกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ลีโอรู้สึกผ่านจิตสัมผัสของเขาได้อย่างชัดเจนว่าด้านนอกแสงจากไฟที่เสามีบางสิ่งอยู่ในความมืด
ลีโอเดินผ่านเสาออกมาหยุดอยู่ที่ต้นไม้ที่แห้งตายซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปเช่นเดียวกับก้อนหินจำนวนมาก
ตอนนั้นเท้าของลีโอก็เหมือนจะไปสะดุดเข้ากับบางอย่างเขาจึงก้มลงไปดู ก็เห็นว่ามันมีเศษของแผ่นป้ายหนึ่งที่ตกอยู่ เป็นแผ่นโลหะพร้อมกับข้อความที่เขียนไว้ด้วยภาษาอวกาศสากลว่า อันตราย
ลีโอโยนแผ่นเหล็กทิ้ง มันเป็นของที่พบได้ทั่วไป เนื่องจากเมื่อก่อนที่นี่เป็นเหมืองที่เต็มไปด้วยแรงงานหลายพันคน เขาใช้ดวงตาผนึกเทพมองไปรอบ ๆ ตัว ก่อนจะเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ในความมืด
ห่างจากเขตแดนไปเรื่อย ๆ จนออกมาได้ประมาณ 50 เมตร ตอนนั้นลีโอก็จ้องมองไปที่เงาของตัวเองที่เกิดจากแสงสว่างจากเสาเขตแดนทางด้านหลัง
เงาที่เท้าของลีโอทอดตัวยาวไปกับพื้นจนไปถึงกองหินด้านหนึ่ง
“ว่ากันว่าผีมีอยู่สองแบบ หนึ่งคือพวกที่สิงสถิต พวกนี้จะแข็งแกร่งมาก เพราะมีแหล่งกำเนิดของพลังที่ชัดเจน ส่วนอีกพวกคือพวกเร่ร่อนที่เป็นเพียงจิตที่หลงเหลือร่องรอยไปอย่างไร้ตัวตน อ่อนแอและไม่มีความทรงจำใด ๆ ก่อนตาย”
ลีโอพูดขึ้นมาคนเดียว เสียงพูดของเขาลอยล่องไปกับสายลมที่พัดแผ่นเบา บรรยากาศรอบตัวเริ่มน่าขนลุกขึ้นเรื่อย ๆ
ในมือของลีโอปรากฏยันต์ไฟขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ลีโอไม่ลังเลที่จะกระตุ้นยันต์ไฟแผ่นนี้ทันที
พรึบ!
เปลวไฟของลีโอพุ่งลงไปยังเงาดำของเขาที่ทอดยาวไปกับพื้น แสงจากเพลิงสว่างวาบอาบไร้ใบหน้าของลีโอเป็นสีส้มออกแดง