ตอนที่ 15
“ฝ่าบาท ท่านกำลังทำอะไร”
หลี่มู่ พบฉากที่แปลกประหลาด แต่ในขณะเดียวกันก็ค่อนข้างคุ้นเคย
ดูเหมือนวาระสุดท้ายของหญิงสาวที่ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองเพื่อความรัก ในละครโทรทัศน์ที่เขาเคยดูเมื่อชาติที่แล้ว
หลี่มู่ก้าวเข้าไปในห้องอย่างเร่งรีบ
“เซี่ยวลี่จือ ทำไมเจ้ายังไม่จากไป” สนมจิงตกตะลึงแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ
“ฝ่าบาท ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ผู้ร้ายที่โจมตีพระราชวังถูกฆ่าตายหมดแล้ว” หลี่มู่อธิบายทันที
หลังจากเขาออกจากตำหนักชูหนิง นางสนมก็พร้อมที่จะฆ่าตัวตาย
โชคดีมากที่เขาเลือกที่จะกลับมาเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“ไร้สาระ ข้างนอกวุ่นวายในขณะนี้ ไปซ่อนตัวในที่ปลอดภัย” นางสนมจิงตำหนิเขา
“เอ่อ…”
หลี่มู่พูดไม่ออก
ในเวลานี้สามารถได้ยินเสียงดังไปทั่วพระราชวัง
เสียงฝีเท้าของทหารองครักษ์ที่วิ่งไปมา รวมถึงเสียงโลหะจากการปะทะกันระหว่างอาวุธและชุดเกราะ สามารถได้ยินได้ตลอดทางไปยังตำหนักชูหนิง
ผู้คนที่ไม่รู้ก็จะคิดว่าราชวงศ์นั้นพ่ายแพ้ไปแล้ว
“ฝ่าบาท ได้โปรดอย่าคิดฆ่าตัวตาย เสียงที่ดังด้านนอกคือทหารกำลังจับกุมกบฏที่เหลืออยู่”
สนมจิงเข้าใจผิด และเขาอธิบายตามที่เห็น
“เมื่อกี้เจ้าเพิ่งกล่าวว่ากบฏถูกฆ่าตายทั้งหมด และตอนนี้คุณกำลังกล่าวถึงการจับกมกบฏที่เหลืออยู่ เซียวลี่จื่อ เจ้าเรียนรู้วิธีโกหกตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เห็นได้ชัดว่านางสนมไม่เชื่อหลี่มู่
ขันทีอย่างเขาถูกเข้าใจผิดว่าไม่รู้อะไรเลย
เธอเริ่มตอบโต้เขาและจับผิดคำพูดของเขา
"ข้าไม่ได้โกหก! ทันทีที่ข้าออกไปข้างนอก ข้าเห็นผู่เชี่ยวชาญลึกลับคนหนึ่งฟันหัวของผู้บุกรุกด้วยการแกว่งดาบเพียงครั้งเดียว ผู้บุกรุกคนอื่น ๆ หลบหนีด้วยความตื่นตระหนก ข้ากลับมาเล่าให้ฟังด้วยความตื่นเต้น”
“ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นมาและจากอย่างไร้ร่องรอย เป็นไปได้อย่างไรที่ขันทีเช่นเจ้าจะสามารถบอกได้ว่าการต่อสู้ของพวกเขาเป็นอย่างไร? เจ้าต้องสร้างเรื่องที่น่าเชื่อถือเพื่อหลอกหลวง”
"ข้า…"
หลี่มู่พูดไม่ออก
หลี่มู่รู้สึกกระวนกระวายใจมากเมื่อเห็นสนมจิงยกมีดในมือขึ้น
ไอ้ปากหมา!
ทำไมข้าถึงไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเธอได้?
แล้วผู้หญิงคนนี้มีไอคิวสูงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ออกไปและอย่ากลับมาที่วังอีก ถ้าเจ้ากลับมาอีก ข้าจะ… ข้าจะเอามีดเล่มนี้ควักไส้ตัวเอง” นางสนมพูดพร้อมกับยกมีดขึ้นสูงเหนือหัว
“ฝ่าบาท ถ้าอย่างนั้นเราจะไปกันยังไงล่ะ? มีความโกลาหลมากมายที่นั่น”
เขามีความคิด
เขาจะสามารถทำให้เธอเชื่อเขาได้ทันทีที่เธอออกไปและเห็นด้วยตัวเอง
“เซียวลี่จือ อย่าพยายามเกลี้ยกล่อมข้า ข้าจะทำอะไรได้บ้างที่นั่น? เจ้าอาจจะอยู่รอดได้นานหลายปีด้วยตัวเจ้าเอง แต่เจ้าจะต้องตายถ้าเจ้าอยู่ที่นี่”
“
โลกภายนอกนั้นช่างซับซ้อน ข้าคิดว่าการอยู่ในวังจะปลอดภัยกว่า” หลี่มู่บอกเธอว่าเขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เจ้าดื้อรั้นแค่ไหน? แค่ออกไป!”
สนมจิงโกรธมากในตอนนี้
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอและครุ่นคิดเล็กน้อย
“เวร... ข้าควรทำยังไงดี”
“ผู้หญิงคนนั้นโกรธมากในตอนนี้ ข้าจะทำให้เธอสงบลงได้อย่างไร”
“ฝ่าบาทฟัง ข้างนอกเริ่มเงียบแล้ว”
“อย่าพยายามโกหกข้าอีก”
“ข้าหมายความว่าอย่างนั้น ฝ่าบาท ลองฟังถ้าฝ่าบาทไม่เชื่อข้า”
"ออกไป!"
หลี่มู่โมโห
“ทำไมไม่ฟังเลย”
ทั้งคู่อยู่ในความขัดแย้งนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
การหยุดชะงักดำเนินไปจนกระทั่งนางสนมง่วงนอนและหาวไม่ได้
หลี่มู่ใช้โอกาสนี้แทงจุดฝังเข็มการนอนหลับของเธอ
…
สิ่งต่าง ๆ นอกเมืองกลับหัวกลับหางในขณะที่หลี่มู่กำลังเผชิญหน้ากับนางสนมจิง
เจตจำนงของดาบอันน่าทึ่งที่แสดงให้เห็นในวันนั้นช่างน่าทึ่งอย่างยิ่ง
ปรมาจารย์นับไม่ถ้วนทั้งในและนอกเมืองได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะในเมือง…
ปรมาจาย์จำนวนมากหลบซ่อนตัวอยู่ และพวกเขาก็เข้าใกล้พระราชวังมาก
พวกเขาสังเกตเห็นเมื่อปรมาจารย์แปดคนในอาณาจักรควบคุมวิญญาณปรากฏตัวขึ้น
จากนั้นพวกเขาก็เห็นบางสิ่งที่จะทำให้พวกเขาตกใจไปตลอดชีวิต
“บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
“ข้าไม่กล้าคาดเดาเกี่ยวกับราชวงศ์มีไพ่กี่ใบ”
“ดูเหมือนยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนราชวงศ์”
“ตระกูลตูกู่ จบสิ้นแล้ว”
……
ปรมาจารย์ที่ซ่อนอยู่ถอนหายใจ
บางคนตื่นเต้นในขณะที่บางคนเศร้าใจ
หน่วยสอดแนมจากตระกูลขุนนางที่ซุ่มอยู่ทั่วเมืองส่งนกพิราบออกไปพร้อมกัน
เต็นท์ขนาดใหญ่ของกองทัพนอกเมืองก็ได้รับข่าวจากนกของพวกเขาเช่นกัน
"อะไร? อาณาจักรเหนือมนุษย์ในเมืองและปรมาจาย์แปดคนระดับจุดสูงสุดของอาณาจักรควบคุมวิญญาณที่เราส่งไปถูกฆ่าตายทั้งหมด!”
ตูกู่ซินอ่านจดหมายแล้วอุทานด้วยความตกใจ
"ให้ข้าดูหน่อย!"
ผู้อาวุโสของตระกูลหยิบจดหมายจากมือของเขา เขาเริ่มสั่น
“มีอาณาจักรเหนือมนุษย์อยู่ในราชวงศ์ บรรพบุรุษของพวกเขากลับมาแล้วหรือ?”
“จะไปกลัวอะไร? ไม่ใช่ว่าราชวงศ์ของพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรเหนือมนุษย์เท่านั้น ตระกูลตูกู่ ก็มีเช่นกัน แม้ว่าจะล้มเหลวในครั้งนี้ แต่ดินแดนของเราก็ยังคงปลอดภัย” ผู้อาวุโสของตระกูลกล่าว
“หัวใจของข้าเจ็บปวดสำหรับการสูญเสียของเรา! หากเรารู้ว่าแท้จริงแล้วมีอาณาจักรเหนือมนุษย์อยู่ท่ามกลางพวกเขา เราคงไม่ส่งคนทั้งแปดไปตาย… มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด ที่ไม่ได้รับการข้อมูลที่ถูกต้อง”
"ท่านประมุข! เป็นความตั้งใจของเรามาโดยตลอดที่จะทดสอบราชวงศ์เพื่อดูว่ามีอาณาจักรเหนือมนุษย์อยู่ท่ามกลางพวกเขาหรือไม่ เมื่อเราส่งทั้งแปดคนไปที่นั่น แปดคนนั้นได้บรรลุเป้าหมายแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าทั้งแปดคนจะตายทั้งหมด” ผู้อาวุโสคนหนึ่งปลอบโยนหัวหน้า
“พวกเขาตายได้อย่างไร”
ข้อความที่ส่งที่ส่งกลับมาคลุมเคลือ
ไม่มีสิ่งใดที่อธิบายการเสียชีวิตด้วยวิธีไหน เนื่องจากมีเพียงผลลัพธ์ที่เขียนไว้เท่านั้น
“ต้องเป็นการลอบโจมตีแน่ๆ แค่คิดเกี่ยวกับมัน เราปิดล้อมเมืองมาหนึ่งวันแล้ว แต่อาณาจักรเหนือมนุษย์ของพวกเขาก็ไม่สนใจที่จะปรากฏตัว”
“อาณาจักรเหนือมนุษย์แห่งราชวงศ์ซ่อนตัวมาหลายปีแล้ว และข้าคิดว่ามันรอวันนี้ เป็นเรื่องดีที่เราจัดการเปิดเผยไพ่ตายของพวกเขาในคืนนี้”ตูกู่ซินอธิบายเพิ่มเติม
สิ่งที่เขาพูดเสริมการคาดเดาของผู้อาวุโสเช่นกัน
อาณาจักรควบคุมวิญญาณทั้งแปดของพวกเขาถูกฆ่าโดยอาณาจักรเหนือมนุษย์จากราชวงศ์อย่างแน่นอน
“มีอย่างน้อยสองคนที่ระดับสูงสุดของอาณาจักรควบคุมวิญญาณในพระราชวัง ด้วยสองคนนี้ที่ทำหน้าที่เบี่ยงเบนความสนใจ มันง่ายเกินไปสำหรับบรรพชนที่จะฆ่าพวกเขาทั้งแปดคน”
“อาณาจักรเหนือมนุษย์คนนั้นซ่อนตัวจากภายนอก ข้าสงสัยว่ามีปรมาจารย์อาณาจักรควบคุมวิญญาณคนอื่นด้วยหรือไม่”
“มันสำคัญ? ขันทีหวังอยู่ข้างเราแล้ว มีข้า ผู้อาวุโสคนที่สอง ผู้อาวุโสสาม และผู้อาวุโสห้าล้วนอยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรควบคุมวิญญาณ มีผู้อาวุโสสูงสุดเข้าร่วมกับเรา มีความเป็นไปได้ไหมที่เราจะล้มเหลวในการยึดครองจักรวรรดิ” ตูกู่ซินกล่าวต่อ
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเสนาบดีผู้มีบทบาทมากในราชสำนักนั้นแท้จริงแล้วเป็นคนที่อยู่จุดสูงสุดของอาณาจักรควบคุมวิญญาณ
“ในกรณีนั้น เราจะแจ้งให้ผู้อาวุโสทราบทันที เราจะโจมตีพระราชวังอีกครั้งในคืนพรุ่งนี้ มาทำให้พวกมันตั้งตัวไม่ทัน”
"ใช่! ไม่มีใครคาดคิดว่าเราจะโจมตีอีกครั้ง”
“ถอนทหารออกจากเมืองประมาณ 30 ลี้ เพื่อไม่ให้ทหารราชวงศ์เห็น”
…
พระอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้นในวันรุ่งขึ้น
คนส่วนใหญ่ทั้งในและนอกเมืองไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน
ยังคงเห็นแสงไฟสว่างไสวอยู่ในบ้านหลายหลัง
“ตระกูลตูกู่ สูญเสียแปดคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรควบคุมวิญญาณ ตระกูลตู่กู่จะไม่สามารถต่อสู้ในสงครามนี้ได้อีกต่อไป”
“กองทัพของพวกเขาอยู่ที่ไหน”
ยังมีข่าวอีกมากถูกส่งเข้ามาในเมืองตั้งแต่เช้าตรู่
กองทัพของตระกูลตระกูลตูกู่ได้ล่าถอย
พวกเขาเอาแต่ถอยหนี
มีข่าวมาแจ้งอีกรอบตอนเที่ยง
กองกำลังของ ตระกูลตู่กู่ ได้ถอนกำลังออกไปประมาณ30 ลี้ และพวกเขาก็ตั้งค่ายอยู่ที่นั่น
การก่อตัวเป็นไปอย่างเรียบร้อยเมื่อพวกเขาถอยกลับ
กองทัพที่รักษาเมืองตามหลังพวกเขาและไม่เห็นช่องทางให้โจมตี
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ตระกูลตูกู่ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถรังแกราชวงศ์ได้ใช่มั้ย? เอาเลย แขวนศพของทั้งแปดไว้ที่ประตูเมือง และแขวนศพอาณาจักรควบคุมวิญญาณบนกำแพงเมืองเช่นกัน” จักรพรรดิสั่ง
นี่เป็นครั้งเเรกที่ที่ข้ามีความสุขหลังจากต้องอดทนมานานหลายปี
เหล่าขุนนางปฏิบัติตามที่เขาสั่งทันที
ตอนนี้อำนาจของจักรพรรดิยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเป็น
“ฝ่าบาท ขันทีและนางในหลายคนเก็บข้าวของเมื่อคืนนี้เพื่อออกจากพระราชวังท่ามกลางความโกลาหล เราควรทำอย่างไรกับพวกเขา”
ขันทีชุดม่วงที่อยู่ข้างๆถาม
“ลืมไปซะ! ไว้ชีวิตพวกเขา! อย่างไรก็ตาม ขันทีและสตรีในราชสำนักเหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ไม่ว่าพวกเขาอยู่ในระดับใด พวกเขาทั้งหมดควรถูกลดขั้นเป็นขันทีธรรมดา ใครทำประโยชน์เมื่อคืนนี้ ส่งเสริมพวกเขาให้สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินและให้พวกเขาเติมเต็มตำแหน่งว่าง”
จักรพรรดิได้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง และออกคำสั่ง
....................
ตอนที่ 15 ตระกูลตูกู่ล่าถอย