ตอนที่ 1004 มีแต่คนหล่อทั้งนั้น
ความจริงซือจิ่วไม่ต้องการดึงบิดามาลงน้ำด้วย
การดึงบิดาเข้ามาเป็นกลุ่มเด็กใหม่และทุบตีอย่างเมามันเพื่อสร้างความสะใจ ทำให้ซือจิ่วไม่กล้าลงมือ เขากลัวว่าบิดาของเขาจะไม่สามารถพูดคุยกับจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ได้เขาจึงคิดแนะนำให้บิดาของเขาเข้าทำงานที่หอการค้าไตตันตอนนี้หอการค้าไตตันยังขาดคนมีฝีมือทางด้านการเงิน ถ้าบิดาของเขายืนยันช่วยเจ้ากบจั๊ดด์ที่งานการค้ายุ่ง ก็จะสามารถจัดตั้งหอการค้าไตตันสาขาเมืองไป๋เหอได้ซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่าพอใจทั้งสองฝ่าย
ด้วยวิธีนี้บิดาของเขาจะกลายเป็นผู้กลุ่มบริวารของจักรพรรดิอวี้อย่างรวดเร็ว และสามารถผลักดันเผ่าพันธุ์ตนเองที่ซุ่มซ่อนอยู่ในแดนสวรรค์ให้มีความได้เปรียบอย่างมาก
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาไม่มีเวลาทำความเข้าใจกับบิดาให้ชัด
ปล่อยให้บิดาเข้าใจผิด
เถ้าแก่กันฉวนได้รับรู้ความจริงต่อมาแต่ยังไม่ยอมหายโกรธทันที เขากล่าวอย่างจริงจังห้ามซือจิ่วดึงคนในพวกพ้องในกลุ่มมาเป็นสมาชิกใหม่ในกลุ่มนี้ มิฉะนั้นเขาจะตัดสัมพันธ์พ่อลูก
“ข้าบอกท่านลูเกอร์ แม้ว่าข้าต้องการดึงคนเข้ามาร่วมงานด้วย พวกเขายังไม่สามารถพบเจอคุณชายไตตัน คงเป็นเรื่องไม่ดีสำหรับคนที่ต้องการเข้ากลุ่ม” ซือจิ่วฝืนยิ้ม
“เฮ้, ดูสารรูปตัวเจ้าเสียบ้าง!” ถ้าแก่กันฉวนฟังแล้วรู้สึกผิดหรือว่าลูกเขาบอกว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วม? เมื่อเขาโมโห เขาต้องการเข้าไปหยิบมีดทำครัว ในที่สุดเขาเห็นท่านหนานกงเดินเข้ามาฉุดดึงเขาออกมา เขาตั้งใจว่าในอนาคตจะหาโอกาสคิดบัญชีเจ้าเด็กบ้านี่อีกครั้ง
“ท่านหนานกงอัธยาศัยดีจริงๆ” ซือจิ่วรีบพูดหลังจากคำนับแล้วเขาคิดว่าถ้าไม่รีบไปตอนนี้ บิดาของเขาคงเห็นเขาเป็นหมูปรุงอาหารเป็นแน่
“หอทงเทียนตอนนี้กำลังยุ่งมากและยังขาดแคลนผู้ช่วยงาน เย่ว์หยางน้อยเขาต้องการขอให้ท่านช่วยแต่เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่องานตามปกติของท่าน เขาจึงขอให้ข้าหนานกงมาช่วยเจรจา...” ผู้เฒ่าหนานกงและเถ้าแก่กันฉวนพูดถึงงานอย่างเป็นทางการ
“ข้ากันฉวนยินดีมีส่วนร่วมเพื่อความรุ่งเรืองของหอทงเทียน” เถ้าแก่กันฉวนดีใจและยอมรับคำเชิญของผู้เฒ่าหนานกง
“ดีแล้ว เสี่ยวเย่ว์หยางจะกลับมาในภายหลัง เมื่อท่านกังฉวนสามารถกลับไปเยือนดินแดนมาตุภูมิในหอทงเทียนหรือจะพาเย่ว์หยางน้อยไปปักหลักในแดนสวรรค์ก็ได้ ส่วนในเมืองไป๋เหอ ฐานลับนี้ได้รั่วไหลออกไปแล้วไม่มีประโยชน์จะอยู่ต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงมือโดยไม่รู้ตัว ท่านกันฉวนควรเตรียมพร้อมไว้!” หลังจากผู้เฒ่าหนานกงพูดจบก็ออกมาเตือนเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและพวกพ้องให้ใส่ใจระมัดระวังความปลอดภัย อย่าใจร้อนเพราะจะเกิดความผิดพลาดใหญ่ได้
เจ้าอ้วนไห่อาจจะทำตัวเป็นพี่ใหญ่ต่อหน้าคนอื่น แต่ต่อหน้าท่านหนานกงเขาไม่กล้าหายใจแรง
มิฉะนั้นผู้หลักผู้ใหญ่อย่างอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและจุนอู๋โหย่วจะสะกิดผิวหนังด้านหนาของเขาได้หรือ
ซือจิ่วได้ยินแล้วก็หน้าแดง
ท่านหนานกงไม่ได้พูดเรื่องเกี่ยวกับเขาที่นี่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นเขารู้สึกละอายใจ
เย่ว์หยาง มารกฎฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้ร่วมปรึกษากันถึงแผนการใหม่และรีบกลับกันทันที ครั้งนี้เขากลับไปยังหอทงเทียนชั้นที่หกป้อมสายฟ้าและพาหัวหน้ามนุษย์ปลาหมึก ปลาวาฬจางมนุษย์ปลาดาบจี๋ฟงและมนุษย์ปลาตีนสุ่ยจุ้ยกับพวกมาด้วย
สองสาวนางเซียนหงส์ฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้มิได้วุ่นวายอะไร พวกนางให้ความร่วมมือแน่นอน
ในเมืองไป๋เหอมีทหารผู้เคยปกป้องหอทงเทียนอยู่หลายแสนคนเนื่องจากการทรยศ พวกเขาถูกบรรพบุรุษที่อยู่ในหอทงเทียนห่างไกลสาปแช่ง จึงกลายร่างเป็นมนุษย์เงือกกลายพันธุ์โดยคำสาป นี่เป็นเรื่องจริงที่ผ่านมาหลายชั่วอายุคน คำสาปนี้ไม่สามารถกำจัดได้ ด้วยเหตุนี้มนุษย์เงือกกลายพันธุ์จึงใช้คุณสมบัตินี้เพื่อระบุตัวตน หากไม่มีคำสาปแช่งอยู่ในร่างแสดงว่าไม่ใช่เผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์ อย่างนั้นก็เป็นคนนอก มีความเป็นไปได้ว่าเป็นศัตรู... ไม่มีใครสามารถเข้าหาผู้ทรยศเช่นนี้ได้!
อย่างไรก็ตามมนุษย์เงือกกลายพันธุ์เหล่านี้เป็นเรื่องไม่มีใครคาดคิดถึง
ในหอทงเทียนยังมีนักรบบางส่วนที่ถูกผนึกและสาปให้เป็นมนุษย์เงือกกลายพันธุ์เช่นกัน มนุษย์เงือกกลายพันธุ์เหล่านี้เย่ว์หยางปล่อยตัวพวกเขาออกมาและกลายเป็นบริวารผู้ติดตามเขา
การใช้หัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกปลาวาฬจางและมนุษย์ปลาดาบจี๋ฟง เป็นเรื่องยากจะเข้าไปในกลุ่มแกนกลางของผู้ทรยศ
เวลาจะช้าเกินไป
อย่างไรก็ตามหัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกถูกขอให้ร่วมแสดงละครกับเย่ว์หยาง
ดังนั้นเรื่องจะง่ายขึ้น... มนุษย์เงือกกลายพันธุ์แห่งเมืองไป๋เหอแม้ว่าพวกเขาจะระแวงคนนอก แต่พวกเขาจะไม่มีทางสงสัยคนของพวกเขาเองและไม่สงสัยหัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกซึ่งคล้ายกับพวกเขามาก!
“คล้ายกันมาก” หัวหน้ากังฉวนพึมพำ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางเขาสงสัยว่าคงจะมีผู้ทรยศปะปนเข้ามาหรือไม่
“เราไม่คล้ายแต่ศัตรูล้วนต้องคำสาปกันทั้งหมด” หัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกส่ายศีรษะและกล่าว “เราไม่ใช่แค่ถูกสาปเท่านั้นแต่ยังถูกผนึกเอาไว้ในสุสานทะเลมาหลายพันปี ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์ไตตัน เราก็ยังคงถูกผนึกอยู่ในสุสานทะเล และตายไปในนั้น ถ้าเราสามารถทำอะไรเพื่อบรรเทาบาปกรรมในปีนั้นเราจะมีความสุขมาก แม้ว่าเราจะกลายเป็นสารรูปอย่างนี้ แต่หัวใจเราไม่เปลี่ยน เราไม่ใช่ปลาไม่ใช่สัตว์ประหลาด เราเป็นมนุษย์!”
“เราจะล้างทุกสิ่งในอดีตด้วยเลือด” ปลาวาฬจางให้คำรับรองกับเย่ว์หยาง
“เลือดจะพิสูจน์ทุกอย่าง” มนุษย์ปลาดาบจี๋ฟงพยักหน้าเคร่งขรึม
“......” มนุษย์ปลาตีนสุ่ยจุ้ยต้องการพูด แต่เจ้าอ้วนไห่ปิดโอกาส “เจ้าไม่ต้องพูดก็ได้ ไม่ต้องพูดเลย เราทุกคนรู้แล้วว่าเจ้าจะพูดอะไร!”
“หา, เจ้ารู้จักข้ามากขนาดนั้นเชียวหรือ?” สุ่ยจุ้ยจะไม่ทนกับคำพูดนี้
“ถูกแล้ว รู้ได้ง่ายมาก” เจ้าอ้วนไห่หัวเราะและกล่าว “เจ้าไม่ต้องพูดสักคำ ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดอะไรเพราะเจ้าพูดแต่เรื่องไร้สาระ!”
“เจ้าก็พูดเหมือนกัน!” เย่คงยันเจ้าอ้วนไห่ออกมาสุ่ยจุ้ย หลี่ชิง หลี่เกอและคนอื่นรุมล้อมกันย่ำใส่เจ้าอ้วนไห่ซึ่งเป็นภาพที่คุ้นเคยเจนตากันดีอยู่แล้ว ซือจิ่วเด็กใหม่เห็นภาพเช่นนี้รู้สึกอิจฉาเขาไม่กล้าเข้าไปร่วมทุบเจ้าอ้วนไห่ เจ้าอ้วนไห่ถือเป็นรุ่นพี่ของกลุ่ม อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ฟงจีและจินหวินก็ได้แต่มองดูอยู่ข้างๆด้วยความอิจฉา
เย่คงเจ้าอ้วนไห่และพวกพ้องแค่วุ่นวายในพวกกันเอง แต่ไม่ส่งผลต่องานรวม
เย่ว์หยางและหัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกวางแผนอย่างละเอียดและเขาทิ้งฮุยไท่หลางไว้ประกันความปลอดภัยให้กับกลุ่ม
เย่ว์หยางพาผู้เฒ่าหนานกงและเถ้าแก่กันฉวนกลับไปยังหอทงเทียนพร้อมกัน...เพื่อเป็นการรับขวัญชาวหอทงเทียนที่ตกค้างอยู่ในแดนสวรรค์เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดความคลางแคลงใจของพวกเขาโดยไม่ได้พาพวกเขากลับมา
ขณะที่กลับไปยังทางเข้าชั้นแรกของหอทงเทียน
อาจารย์จิ้งจอกจุนอู๋โหย่วและตัวแทนเผ่าพันธุ์ในหอทงเทียนทั้งหมดที่ทราบข่าวผู้ตกค้างที่ขาดการติดต่อมาอย่างน้อยหกพันปี และพวกเขาได้รับข่าววันนี้
เขาจะมีความดีใจบ้างไหม?
เถ้าแก่กันฉวนเบิ่งตาค้างมองดูหอทงเทียนที่สูงเด่นเป็นสง่าในที่สุดเขาอดหลั่งน้ำตาไม่ได้
เขาคุกเข่าลงกับพื้นมือกำธุลีดินสูดดมครั้งแล้วครั้งเล่า
ก็ยังไม่รู้สึกพอใจ
นี่ นี่คือกลิ่นอายของมาตุภูมิเดิม..มาตุภูมิที่ที่เขาใฝ่ฝันถึง หลังจากหลงทางอย่างเดียวดายในแดนสวรรค์ ในที่สุดก็ได้กลับมาเสียที เขากลับมาจนได้...
เมืองไป๋เหอ
ชิงผิงมาถึงสมาคมเหล็กแต่เช้า นางรอเป็นเวลานานแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะมีคำสั่งจากเบื้องบน นางคงดูถูกเหยียดหยามเด็กหนุ่มหน้าหล่อที่พบเจอบนรถไฟแล้ว พลังของเจ้าสวะนั่นย่ำแย่จนบอกไม่ถูก แต่ใส่หน้ากากเงินเพื่อสร้างเสน่ห์ดึงดูดหรือ? ผิดแล้ว นักสู้ที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้ก็ยังดึงดูดความสนใจของคนได้นับพัน
ที่นี่คือแดนสวรรค์ พลังคือทุกสิ่ง!
ไม่มีพลัง?
ไม่จำเป็นต้องพูดมากเกินไปคำที่เหมาะใช้เรียกคนเช่นนี้ก็คือ สวะ
ชิงผิงรอสาวน้อยหลิวเย่ แต่นางไม่เห็นบุรุษผู้สวมหน้ากากเงินเมื่อวาน นางแปลกใจและอดถามขึ้นมิได้ “อรุณสวัสดิ์ น้องหลิวเย่! โอว จริงสิทำไมอาจารย์เจ้าถึงไม่มาด้วย?”
“เพราะเขามีงานเข้ามามากดังนั้นก็เลยยุ่งมาก” หลิวเย่บอกว่าเย่ว์หยางต้องเจรจาธุรกิจสำคัญดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะปลีกตัวออกมา มิฉะนั้นเขาคงมีความสุขที่ได้ออกมา ชิงผิงไม่สงสัยในครึ่งประโยคหลังนี้ ก็เหมือนอาการกรุ้มกริ่มที่เขาแสดงออกเมื่อวานนี้ ถ้ามีสาวงามเรียกหา ก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่มา ว่าแต่พวกเขาพูดคุยธุรกิจอะไรกันแน่?
“พวกเขาพูดคุยธุรกิจใหญ่อะไรหรือ?” ชิงผิงถามอย่างไม่ใส่ใจ
“แร่สายฟ้า ข้าไม่รู้รายละเอียดมากนัก มีมนุษย์เงือกสองสามคนเข้ามาเจรจาธุรกิจกลางดึก...” หลิวเย่บอกว่านางไม่แน่ใจนัก
“เราไปข้างหน้ากันเถอะแค่ทำตามคู่มือและขั้นตอนนี้ ข้าจะพาไปเที่ยวลิ้มลองอาหารและชมสถานที่น่าสนใจในเมืองไป๋เหอ” ชิงผิงเข้าใจว่าควรใช้แนวทางเปิดเผยและลอบเร้นในเวลาเดียวกัน
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าใครส่งไป แต่นางไม่สามารถเปิดเผยเป้าหมายได้
ชิงผิงเปลี่ยนหัวข้อคุย
ไม่มีปัญหากับการรับมือบุรุษหนุ่มหน้ากากเงินที่ดูเหมือนเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม แต่นางจะรับมือหลิวเย่ผู้ไม่มีประสบการณ์ทางโลกอย่างลึกซึ้ง! ชิงผิงรู้สึกว่านางมีความสำคัญน้อยเกินไป ทางกลุ่มน่าจะหางานที่สำคัญกว่านี้ให้นางในอนาคตหรือไม่? ง่ายเกินไปหรือเปล่ากับการให้ไปเดินจับจ่ายใช้สอยกับสาวน้อยผู้นี้ ที่กลัวที่สุดก็คือสาวน้อยผู้นี้ทั้งบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเกินไปนางแทบไม่อาจหักใจหลอกลวงนาง... หลังจากเดินทางผ่านไปสองถนน รถไฟก็หยุดที่หน้าคนกลุ่มใหญ่
ในหมู่พวกเขาคนอ้วนผู้หน้าด้านที่สุดแหวกกลุ่มคนออกมาทันทีที่พบเห็นหลิวเย่ “หลิวเย่! นึกไม่ถึงเลยว่าจะพบเจอเจ้าคนบ้านเดียวกันที่นี่!”
“คุณชายไห่ก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน!” หลิวเย่คารวะอย่างสุภาพ
“แม่นางคนงามนี้เป็นใคร?” เจ้าอ้วนไห่เมื่อเห็นชิงผิง น้ำลายหกและรู้สึกตัวลอย
“......” ทันใดนั้นชิงผิงพบว่าหากมีผู้ใดในโลกนี้ที่หน้าด้านยิ่งกว่าบุรุษหน้ากากเงินเมื่อวานนี้ก็คงเป็นคนอ้วนชั่วร้ายผู้อุกอาจข้างหน้านาง! ถ้าใครมีลักษณะหน้าตาแบบนี้ แทนที่จะซ่อนตัวอยู่ในบ้านแอบร้องไห้แต่นี่เขากลับเที่ยวอวดความอัปลักษณ์ไปทั่วโลก น่าเกลียดเกินไปหรือเปล่า? นี่เขาคิดว่าเติบโตขึ้นมาด้วยลักษณะน่ากลัวนับเป็นความสูญเสียของโลกหรือ?ชิงผิงเกือบจะเอ่ยปากถามอีกฝ่ายหนึ่ง
ในฐานะสายลับที่ผ่านการอบรมฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดนางแสดงออกได้อย่างคนมีคุณสมบัติครบถ้วน
นางระงับอาการคลื่นไส้แล้วฝืนยิ้ม
แม้ว่านางอยากจะตบหน้าของอีกฝ่าย แต่รอยยิ้มของนางยังดูนุ่มนวลและมักจะเป็นที่ชื่นชอบของหนุ่มๆ มีแนวโน้มกระตุ้นให้อีกฝ่ายเขินอาย..ในอีกด้านหนึ่งนางสังเกตเห็นบุรุษร่างผอมสูงที่หลิวเย่เรียกชื่อของเขาว่าเย่คงมารยาทของเขาคล้ายกับหลิวเย่มากประเมินดูจากคนกลุ่มนี้พอบอกได้ว่ามาจากถิ่นเดียวกันเย่คงผอมสูงนัยน์ตาตี่เหมือนดาบ เวลาเขาเหลือบมองดูน่าอึดอัดเหมือนมีมีดฟันผ่าน กลิ่นอายของเขาเหมือนกับมีดจริงๆ ผิวหน้าดูแข็งกระด้างชิงผิงรู้สึกว่าคนผู้นี้คือศัตรูที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบบุรุษหนุ่มหน้ากากเงินเมื่อวานนี้ บุรุษหนุ่มผู้ลึกลับนั้นนางไม่รู้ว่าแข็งแกร่งมากเพียงไหน แน่นอนว่าดูเหมือนเขาไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเป็นบุรุษผู้เยือกเย็นหยิ่งทระนงมองดูตาของเขาเย็นยะเยือกราวกับตกไปอยู่ในโรงน้ำแข็ง
ทันทีที่เขาปรากฏตัวเหมือนกับอุณหภูมิจะลดลงถึงจุดเยือกแข็ง....ศัตรู!
ศัตรูแน่นอน!
ถ้าต้องพบเจอศัตรูเช่นนั้นต้องฆ่าด้วยความเร็วที่สุด มิฉะนั้นจะกลายเป็นหายนะ
ชิงผิงมองดูใบหน้าหล่อเหลาของเสวี่ยทันหลางนางรู้สึกเสียดาย บุรุษผู้งามสง่าและทรงพลังมากขนาดนั้นจะต้องถูกฆ่าโดยเปล่าประโยชน์ นอกจากนี้ในคนกลุ่มนี้นอกจากเจ้าอ้วนบ้าบอแล้ว บุรุษหนุ่มอีกคนก็ไม่เลวเป็นคุณชายสุภาพมารยาทนุ่มนวลดูไม่เลว บุรุษที่สง่างามขนาดนี้เหมาะกับการเลือกเป็นคู่ครองที่สุด...พลังก็ไม่ด้อยไปกว่าพ่อหนุ่มน้ำแข็งที่แข็งแกร่งที่สุดรูปลักษณ์ก็เหมือนกับมังกรในมวลหมู่มนุษย์อบรมนิสัยมารยาทมาเป็นอย่างดี เทียบกับหนุ่มน้ำแข็งนับว่าดูดีเป็นธรรมชาติมากกว่า เขาเป็นคนมีค่ายิ่งกว่าคนผอมชะลูดเหมือนดาบแน่นอนว่า นางได้ยินหลิวเย่แนะนำชื่อของเขาว่าเป็นองค์ชาย!
ชิงผิงเห็นองค์ชายผู้หล่อเหลายิ้มให้นางหัวใจนางเต้นแรงจนมิอาจข่มได้ โอวพระเจ้า นี่จะต้องฆ่าบุรุษรูปงามอย่างนั้นหรือนี่โอว เสียดายจัง
ในเมืองไป๋เหอบุรุษหนุ่มทรงพลังมากกว่าพวกเจ้าชาย แต่หน้าตาพวกเขาดูแย่อัปลักษณ์เกินไป
เมื่อเทียบกับองค์ชายผู้นี้บุรุษทั่วทั้งเมืองไป๋เหอเป็นเหมือนบุรุษหน้าเสียโฉม ไม่ต้องพูดถึงองค์ชาย แค่รูปลักษณ์ของพ่อหนุ่มน้ำแข็งก็เหนือกว่าชาวไป๋เหอทั้งหมดเจ้าอ้วนบ้าหรือเป็นอย่างนั้นหรือคนผอมตาตี่ก็ยังดูพอรับได้เมื่อเทียบกับบุรุษหนุ่มชาวมนุษย์เงือกทั่วเมืองไป๋เหอ ดูเหมือนเขาชื่อเย่คง ชื่อนี้จำไม่ยาก นับว่าไม่เลว...พวกเขามาจากไหนกัน? ทำไมถึงหล่อทุกคน?
คนหล่อทั้งสามคนแต่ละคนก็มีลักษณะดีงามเฉพาะตน แต่ละคนมีลักษณะบุคลิกนิสัยเป็นของตนเอง แม้ในใจจะคิดว่าองค์ชายนั้นดีที่สุดแต่คงต้องยอมสละอีกสองคน นางลังเลใจเล็กน้อย
นี่เป็นเรื่องยากจะเลือกจริงๆ ถ้าเลือกได้หมดก็คงจะดี...ชิงผิงว้าวุ่นใจ
ยิ่งคิดใจก็ยิ่งเต้นแรง!
“ในเมื่อเป็นมัคคุเทศก์ที่หลิวเย่จ้างไว้ อย่างนั้นเราก็ร่วมจ้างด้วยกันเลยเราจะไปจ่ายตลาดด้วยกัน มาเถอะ มาเก็บเงินกันเลย” เจ้าอ้วนไห่ยืนอยู่ข้างหลังเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัว ชิงผิงไม่เห็นด้วยกับการจ้างของพวกเขา ตอนนี้อย่าว่าแต่มีข้ออ้างเลยแต่นางไม่คิดจะใช้ข้ออ้างแก้ตัว ชิงผิงหญิงสาวเผ่าเงือกไม่เคยเห็นบุรุษหนุ่มหล่อเหลามากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต นางลังเลที่จะจากไป ขณะที่บุรุษหนุ่มหน้ากากเงินผู้ลึกลับเล่า? ตอนนี้เขาไม่มีอะไรผิดปกติ! อย่างไรก็ตามเขายังไม่เป็นภัยคุกคาม ปล่อยให้เขาเจรจาธุรกิจไปก่อน!
“เจ้าโง่,ยิ่งมัคคุเทศก์สวยมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งหลอกผู้คนง่ายมากเท่านั้น” เย่คงคัดค้านการตัดสินใจของเจ้าอ้วนไห่
“สาวน้อยคนนี้เพิ่งมาเป็นมัคคุเทศก์แค่วันแรก ไม่ใช่พวกคนแก่ที่หลอกพาเข้าไปจับจ่ายซื้อของในร้านค้าน้องหลิวเย่สามารถเป็นพยานให้ข้าได้” ชิงผิงไม่โกรธ แต่อธิบายเบาๆ
“ไม่เป็นไร ตราบใดที่เป็นสาวสวยข้ายินดีเสี่ยง อย่ามาค้านข้าดีกว่า จะตีจะฟันก็เชิญ” เจ้าอ้วนไห่ยิ้มพริบตาเขาถูกทุ่มลงไปกองกับพื้น คนกลุ่มใหญ่รุมล้อมทุบเขาอีกครั้ง ชิงผิงถึงกับตะลึงทำอะไรไม่ถูก
“คุณชายไห่ไม่เคยพบเห็นหญิงงาม...” หลิวเย่พูดขอโทษชิงผิง
“ฮึ” ชิงผิงอยากจะเตะใส่สักสองสามเท้าแต่เมื่อเห็นว่าองค์ชายเทียนหลัวมองมาทางนาง นางรีบสำรวมตนเองทันที
“น่าเบื่อ, ไปกันได้แล้ว!” เสวี่ยทันหลางแค่นเสียงน้ำเสียงเขาหยิ่ง ท่าทางดูเท่ ทำให้หัวใจชิงผิงสั่นไหว
อย่างไรก็ตามบุรุษหน้ากากเงินผุดขึ้นมาในใจนาง
ตอนนี้เขาคงกำลังจะตาย...แน่นอนตอนนั้นบุรุษหนุ่มผู้น่ารักคงมีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลางดงามหน้าของเขาคงมีเสน่ห์ ดวงตาและปากของเขาก็ดูมีเสน่ห์เป็นเรื่องน่าขันมากเมื่อเอาไปเทียบกับเจ้าอ้วนน่าเกลียด เขาดูดีเกินไป น่าจะมีคะแนนความดีความชอบเป็นพิเศษถ้ารวบจับหนุ่มน้อยเหล่านี้ไว้ได้ทุกคนดูเหมือนว่าจะมีไม่มาก มีแค่เพียงสี่คน...