ตอนที่ 1003 คืนสู่เหย้า!
มนุษย์เงือกแมงกะพรุนต้องการฆ่าตัวตาย แต่ตอนนี้ความตายนับว่าเป็นสิ่งที่เลิศหรูสำหรับเขา
แต่เขาไม่มีทางทำได้สำเร็จ
เขาไม่รู้ว่าเขาตกอยู่ในเงื้อมมือใคร แต่เขารู้ว่าเขาตกอยู่ในเงื้อมมือบุรุษหน้ากากเงินและต้องพบจุดจบอย่างแน่นอน สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือพวกเขาอาจถูกยึดครองสิ่งที่พวกเขาได้พยายามทำมาโดยตลอดในเมืองไป๋เหอมาเป็นเวลาหลายพันปี ทั้งหมดนั้นอาจจะสูญเปล่าได้
“ก็อย่างที่เจ้าบอกเขาเมื่อครู่นี้ เจ้าไม่มีทางเลือกที่สอง ความจริงแล้วข้าไม่ต้องการให้เจ้าพูดอะไรเพราะผู้น้อยอย่างเจ้าถูกกำหนดไม่ให้รู้ความลับมากมายอยู่แล้ว” บุรุษหน้ากากเงินผู้ติดตามซือจิ่วสืบหาความลับทั้งวันก็คือเย่ว์หยางนั่นเองเขาจับมนุษย์เงือกแมงกะพรุนที่ตัวสั่นโยนเข้าไปในเจดีย์ปราบปีศาจ รอจนถึงเวลาอันควรจึงค่อยปล่อยออกออกมาศึกษาดูว่ายังจะใช้ประโยชน์ได้หรือไม่
“ท่าน..ท่าน...” เรื่องที่เย่ว์หยางอ้างตัวว่าเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ทำให้ซือจิ่วตกใจและสงสัย
“ข้าไม่อยากจะสนใจเจ้าปล่อยให้เจ้าได้อยู่คนเดียวเสียบ้าง เพราะสีหน้าของเจ้า วิธีพูดของเจ้า พ่อของเจ้าไม่หักขาเจ้าก็ดีแค่ไหนแล้ว แน่นอนว่าเจ้ายังอายุเยาว์ คนหนุ่มมักใจร้อนแต่มองที่ความมีคุณธรรมของเจ้าบ้าง ข้าให้อภัยในความประมาทของเจ้า และจงทราบเอาไว้ข้าไม่ค่อยอภัยคนที่ทำความผิดซ้ำสอง” ทันทีที่เย่ว์หยางยื่นมือออกมา เขาเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือซือจิ่วตกอยู่เงื้อมมือเขาและถูกพาตัวไปยังบันไดสวรรค์ชั้นห้า
พอกลับมาได้เขาพูดทักทายเย่คงและเจ้าอ้วนไห่กับคนอื่นๆ
เขาปล่อยซือจิ่วซึ่งตัวเต็มไปด้วยเศษดินหินและโยนลงกับพื้นราวกับโยนกระสอบทราย
เขาไม่สนใจการตอบสนองของซือจิ่วและหายตัวไป ภารกิจเทเลพอร์ตขนส่งวันละสามรอบทำให้เขาเป็นเหมือนนักธุรกิจเกมออนไลน์ไม่สามารถจะบ่นให้ใครฟังได้
เย่ว์หยางถูกบังคับให้ต้องวิ่งรอกธุรกิจจากไปแล้ว เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นแสยะยิ้มรุมล้อมให้ความสนใจซือจิ่ว
ซือจิ่วกลัวแทบตายแต่เขาไม่สามารถหยุดได้!
“พวกเจ้าจะทำอะไร? ที่นี่คือที่ไหน?” ซือจิ่วพบว่าที่นี่เป็นสถานที่แปลกที่เขาไม่เคยเยือนมาก่อนในการเป็นผู้สะกดรอย ต้องมีความรู้สึกถึงทิศทางและความเข้าใจภูมิภาคนั้นๆ ให้ดีนั่นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมิต้องสงสัย ซือจิ่วกล้าพูดว่าไม่มีที่ใดในภูมิภาคสวนสวรรค์ที่เขาไม่รู้จัก ยกเว้นหมอกซ่อน คลื่นควันและซากเมืองโบราณใต้น้ำ แต่ที่นี่อยู่ที่ไหนกัน? สถานที่ผีสางนี้ไม่มีน้ำสักหยดมันอยู่ที่ไหนในภูมิภาคสวนสวรรค์ ถ้าไม่ได้อยู่ในภูมิภาคสวนสวรรค์ นักสู้แข็งแกร่งที่อ้างว่าเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่สามารถพาเขาออกจากภูมิภาคสวนสวรรค์ได้ในทันที พลังที่น่ากลัวขนาดนี้ หรือว่าเขาคือเทพเจ้าในตำนาน?
“ที่นี่คือบันไดสวรรค์ ใช่แล้วก็อยู่ในหอทงเทียน ซึ่งเป็นที่เจ้าชาวแดนสวรรค์เคยอยู่มาก่อน ในเมื่อเป็นหอทงเทียนอย่างนั้นเราก็เป็นชาวพื้นเมืองของหอทงเทียน เป็นยังไงบ้างคนพื้นเมืองรูปหล่ออย่างข้าเจ้าเคยเห็นมาบ้างหรือเปล่า?” เจ้าอ้วนไห่ยิ้ม ซือจิ่วหลั่งเหงื่อเยียบเย็น เขาเหมือนสินค้าที่กำลังถูกตรวจสอบ
“หอทงเทียน?” ซือจิ่วทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยคิดว่าเพียงชั่วขณะ เขาจะถูกคนพามาหอทงเทียนที่เผ่าพันธุ์วงศ์ตระกูลของเขาไม่สามารถกลับมาได้หลายพันปีแล้ว
“เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?” เจ้าอ้วนไห่ใช้มือหนาใหญ่กดไหล่ของซือจิ่วไว้
“ข้า ข้า.. ตอนนี้ข้า.. ไม่ ข้าเป็นข้ารับใช้จักรพรรดิ เขาเพิ่งจะรับข้า ตัวข้าเองข้าเป็นชาวหอทงเทียน เป็นกลุ่มคนที่ถูกทอดทิ้งตกค้างอยู่ในแดนสวรรค์ข้าทำหน้าที่เป็นมือปราบคอยติดตามไล่ล่าคนทรยศข้ารับการช่วยเหลือจากจักรพรรดิอวี้ขณะที่เขาไล่ตามคนทรยศ” ซือจิ่วพูดอย่างรวดเร็วสุดชีวิตบอกเล่าเรื่องราวหลายอย่างของเขา เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ฆ่าเขาแน่ แต่ถ้าเขาไม่ทำให้ชัดเจน หากถูกเจ้าอ้วนโจมตีเขาจะตะโกนบอกได้อย่างไร? เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของตนเอง ซือจิ่วตัดสินใจแกล้งทำเป็นร่วมด้วย
“เจ้าเป็นบริวารของคุณชายไตตันหรือ?” เขาเห็นคนสองสามคนในกลุ่มแทรกตัวออกมาและจับมือซือจิ่วอย่างเป็นกันเอง
“เป็นเรื่องจริงหรือนี่?”
“ยินดีต้อนรับน้องใหม่ในที่สุดก็ถึงวันที่ข้าหวังไว้เสียที”
ซือจิ่วเกือบประทับใจกับความกระตือรือร้นของคนเหล่านี้เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อจินหวินและกำลังตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาไหลพรากเขาเข้ามาจับมือโอบกอดต้อนรับอย่างอบอุ่น
พระเจ้า ชาวหอทงเทียนให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองอย่างคาดไม่ถึง!
ด้วยความตื่นเต้นกระตือรือร้นต้อนรับอย่างอบอุ่นและการแนะนำตนเองของคนเหล่านี้ในที่สุดซือจิ่วก็เข้าใจคนกลุ่มนี้ เจ้าอ้วนผู้ดูเหมือนปีศาจมีชื่อว่าไห่ต้าฟู่แม้ว่าเขาจะอ้างว่าเป็นพี่ใหญ่ของคนกลุ่มนี้ แต่ซือจิ่วรู้สึกว่าเขาดูไม่เหมือนจะเป็นเช่นนั้น แต่บุรุษชื่อเสวี่ยทันหลางผู้หล่อเหลาเยือกเย็นยังดูคล้ายยิ่งกว่า นอกจากสองคนนี้แล้วยังมีองค์ชายเทียนหลัวผู้สุภาพอ่อนโยนที่สุดบุรุษผู้ผอมบางแต่สายตามั่นคงดุจขุนเขาชื่อเย่คงน่าจะเป็นผู้ช่วยหรือรองหัวหน้าในกลุ่มคอยรับผิดชอบกลุ่มคนของจักรพรรดิอวี้
สองพี่น้องตระกูลหลี่ หลี่เกอหลี่ชิวไม่จำเป็นต้องมอง ต้องเป็นองครักษ์ผู้ภักดีที่สุดแน่นอน
จินหวินผู้ตื่นเต้นมากจนน้ำตาไหลยืนเช็ดน้ำตาเป็นระยะๆ และฟงจีแมวขโมยที่เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม
ขณะที่คนอื่นๆอีกหลายคนบางคนมีพลังต่ำกว่าเล็กน้อย และบางคนก็สูงกว่าเล็กน้อยตัวอย่างเช่นพวกที่บอกชื่อว่าจงกวน เฮยถู ไป๋หม่า ฯลฯ น่าจะเป็นคนในกลุ่มเดียวกันเพราะพลังของพวกเขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเขามาก... “ขอบคุณข้าไม่รู้เลยว่าพวกท่านจะต้อนรับอบอุ่นถึงเพียงนี้” ซือจิ่วตื่นเต้นในหัวใจ
เขาคิดว่าคนในแดนมาตุภูมิของเขามีการแสดงออกที่อบอุ่นเป็นกันเอง!
เจ้าอ้วนไห่คว้าไหล่ของเขาและส่ายหน้าหัวเราะ “ยัง ยังไม่พอ เจ้ายังไม่ได้สัมผัสความกระตือรือร้นของพวกเราเลย!” พูดไม่ทันขาดคำ เย่คงก็ปล่อยหมัดเต็มจมูกซือจิ่ว ซือจิ่วไม่ทันตั้งตัวเลือดกำเดาของไหลทันที เจ้าอ้วนไห่จับไหล่ของเขาแล้วทุ่มลงกับพื้นหิน
หลังจากพูด ซือจิ่วยังไม่ทันได้ร้องเขาโดนย่ำไป 78 เท้าเห็นจะได้ เขาคร่ำครวญอย่างหนัก ซือจิ่วรู้สึกเหมือนถูกกระทิงขวิดใส่ กระดูกของเขาลั่นไปทั้งตัว
ซือจิ่วพบว่าคนที่ดุร้ายที่สุดในตอนนี้ก็คือจินหวินผู้ตื่นเต้นเช็ดน้ำตาต้อนรับเขา
ฟงจีที่กอดเขาอย่างกระตือรือร้นก็ไม่ด้อยกว่ากัน ซือจิ่วแน่ใจเต็มร้อยว่า ถ้าเจ้าพวกบ้านี้ตั้งใจทำร้ายผู้ร่วมงาน แสดงว่าเขาคงเป็นพนักงานดีเด่นที่สุดในโลก
“พวกเจ้า พวกเจ้า อ๊า.. จะทำอะไร?” ซือจิ่วคิดว่ามีความเข้าใจผิดอะไรบางอย่างหรือไม่?
“นี่คือพิธีต้อนรับแบบพิเศษ!” เจ้าอ้วนไห่ฟาดเขาอย่างแรงและอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับว่าถ้าเขาไม่ตบแรงๆจะถือว่าไม่เป็นการแสดงความรักต่อซือจิ่ว
“เดี๋ยวก่อน”ซือจิ่วไม่คิดว่าทุกคนจะต้อนรับเขาแบบนี้จริงๆ เทียบกับการจับมือและกอดกัน แม้ว่าจะไม่คุ้นเคยอยู่บ้างแต่มันก็ยังดีกว่าไล่ทุบตีกันอย่างนี้
“เราไม่มีอคติต่อเด็กใหม่ทุกคนอยู่แล้ว! มาเถอะให้เราแสดงความขวนขวายต้อนรับน้องใหม่ เรายังคงประเพณีที่ดีงามอย่างนี้ต่อไป มรดกนี้จะถูกละเลยไม่ได้! อ้วนไห่! เจ้าหยุดมือทำไม?” เย่คงมองดูอ้วนไห่ลอบออกจากวง
“พวกเจ้าเล่นไปก่อน ข้าหิว ข้าจะไปหาอะไรกินเพื่อเพิ่มพลังสักหน่อยจะให้เด็กใหม่ผ่านพิธีรับน้องใหม่ไปโดยไม่ประทับใจได้อย่างไร!” เจ้าอ้วนไห่พูดจนซือจิ่วอยากจะร้องไห้ดังๆ ถ้าจะตีก็ตีไปเลยนี่ยังต้องกินเอาแรงแล้วค่อยกลับมาตีใหม่ รังแกกันเกินไปหรือเปล่า?
เขาไม่ได้ร้องไห้ แต่จินหวินร้องไห้
เขาร้องไห้เช็ดน้ำตาพลางทุบตีไปด้วย
เจ้าผู้นั้นอธิบายว่า“ข้าตื่นเต้นมากจริงๆ ข้ารอวันนี้มานานเท่าใดแล้ว.. ทำไมข้าต้องเป็นเด็กใหม่คนล่าสุด?ทำไมคุณชายไตตันไม่รับสมัครคนใหม่? ข้ามักเหมือนอยู่ในอนาคตที่มืดมน คาดไม่ถึงเลยว่าในที่สุดวันนี้ความทุกข์ทรมานของข้าจะจบลง แล้วข้าจะไม่มีความสุขได้ยังไง?”
ตอนนี้ซือจิ่วเข้าใจเรื่องทั้งหมดในที่สุด
กลับกลายเป็นว่าคนใหม่จะถูกคนเก่ารังแก!
ไอ้พิธีรับน้องบ้าบอนี่ ใครคิดขึ้นมาวะนี่เป็นพิธีกรรมอันตรายเกินไปหรือเปล่า?
หลังจากลงมือหนึ่งชั่วโมงทุกคนเหนื่อยเล็กน้อย จึงหยุดพักกินอาหารกินน้ำ มีแต่ฟงจีและจินหวินที่ยังทำพิธีต้อนรับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เหมือนกับว่าไม่เคยทุบตีมาก่อนถ้าไม่ตีหนักขึ้นกลัวว่าตนเองจะตายเสียก่อน
“พี่ใหญ่ทั้งสอง หยุดพักก่อนเถอะแล้วค่อยมาต่อใหม่!” ซือจิ่วยอมรับชะตากรรม ยอมรับว่าตนเองเป็นน้องใหม่? ตอนนี้เขาเห็นฟงจีและจินหวินดูเหนื่อยสายตัวแทบขาดทั้งสองคน เขาทนดูไม่ไหวเหมือนกับว่าการจะทำงานต้อนรับน้องใหม่ให้ดี ไม่ใช่เรื่องง่ายฟงจีและจินหวินปฏิเสธคำแนะนำของซือจิ่ว ทั้งที่เหนื่อยก็ต้องทำต่อไป ในฐานะคนมาก่อนถ้าไม่ทำให้เด็กใหม่ประทับใจอย่างลึกซึ้ง นั่นถือเป็นความล้มเหลวของชีวิต
“เอ่อ..ขอถามได้ไหมเมื่อไหร่จะมีคนใหม่เข้ามาร่วม?” ซือจิ่วถามปัญหาสุดท้ายพอดีเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นก็ฟื้นคืนเรี่ยวแรงหลังจากกินเสร็จ
“รอไปก่อน มักจะมีมาเรื่อยๆ อย่างมากไม่เกินครึ่งปี อย่างเร็วก็เดือนหรือสองเดือนก็น่าจะมีน้องใหม่เข้ามาร่วม!” เจ้าอ้วนไห่ตอบคำถามให้เป็นอย่างดี
“....”ซือจิ่วได้ยินแล้วพบว่าคงไม่มีหวังแก้แค้นในช่วงเวลาสั้นๆ เขารู้สึกผิดหวัง
“พวกเจ้า พวกเจ้าตบหน้าด้วยหรือ?” เมื่อซือจิ่วพูดไม่ทันจบเขาพบว่าทุกคนระดมให้คำตอบเขาทันที
โอวแม่เจ้า ปากอีกาแท้ๆ!
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงเย่ว์หยางไปจากเมืองอู๋เย่ แดนสวรรค์ใต้ ไปปราสาทตระกูลเย่ว์ หอทงเทียนและไปยังเมืองลู่หลิวแดนสวรรค์ตะวันตกเสร็จธุระแล้วกลับมายังบันไดสวรรค์ชั้นห้า คราวนี้เขาพาทุกคนไปยังเมืองไป๋เหอ คนที่เหยาะแหยะอย่างเจ้าอ้วนไห่จะไม่ก้าวหน้าถ้าไม่พาพวกเขาไปฝึกซ้อมหาประสบการณ์
ซือจิ่วกลับมายังโรงเตี๊ยมปลาวาฬหน้าของเขาบวมปูดยิ่งกว่าหัวหมู เถ้าแก่กันฉวนแทบจำลูกชายตนเองไม่ได้
จนกระทั่งเขาเอ่ยปากพูดเถ้าแก่กันฉวนนึกว่าผีหลอก แต่เขาจำได้ทันทีว่าบุรุษหัวหมูนี้ก็คือลูกชายของเขาเอง ทำเอาเขาแทบตกใจตาย
เถ้าแก่กันฉวนคว้าตัวลูกชายพาเข้าห้องลับ “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึงกลับมา?” เขาคิดว่าลูกชายของเขาหนีไปแล้วแต่คงถูกตรวจพบและแหวกวงล้อมหนีกลับมาซือจิ่วน้ำตานองหน้าและคุกเข่าต่อหน้าบิดาเขา “ท่านพ่อ! ข้า ข้าผิดไปแล้ว..”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เถ้าแก่กันฉวนถลึงตามองดูลูกชายด้วยแววตาอำมหิต “ลูกอกตัญญู, เจ้าทรยศตระกูลหรือ?”
เขาคิดว่าลูกชายของเขาถูกจับไปทรมานบังคับให้ทรยศพวกพ้อง
ซือจิ่วส่ายหน้าน้ำตาไหลพราก “ท่านพ่อไม่ใช่อย่างนั้น แต่เป็นข่าวดี...” เขาพบว่าตนเองถูกมนุษย์เงือกแมงกะพรุนจับได้จากนั้นเย่ว์หยางปรากฏตัวมาช่วยเขาไว้และในที่สุดพาเขาไปที่บันไดสวรรค์ เขาเล่าเรื่องทุกอย่างรวดเดียว เถ้าแก่กันฉวนไม่เชื่อในตอนแรก แต่ขณะนั้นเองเย่ว์หยางเจ้าอ้วนไห่และพวกพ้องปรากฏตัวที่โรงเตี๊ยมปลาวาฬ
จนกระทั่งเย่ว์หยางแสดงตราเทพจักรพรรดิอวี้ เถ้าแก่กันฉวนจึงปักใจเชื่อว่าลูกชายของเขาพูดจริง
นี่เหมือนกับความฝันจริงๆ
ตอนนี้หอทงเทียนที่เขาไม่ได้กลับไปเป็นพันๆปีสามารถกลับไปได้ เพราะพอจักรพรรดิอวี้ตายทางผ่านเชื่อมหอทงเทียนและแดนสวรรค์ถูกผนึกนักสู้ชาวหอทงเทียนที่เหลือรอดตกค้างในแดนสวรรค์ทั้งหมดรู้สึกสิ้นหวังช่วยอะไรไม่ได้ ถูกโดดเดี่ยวเดียวดายเป็นพันๆ ปีในที่สุดก็เห็นรุ่งอรุณแห่งความหวัง หอทงเทียนไม่เพียงแต่กลับไปได้เท่านั้นแต่ยังมีจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่รับตกทอดมรดกของบรรพบุรุษ!
เถ้าแก่กันฉวนหลั่งน้ำตา
เขาร้องไห้เหมือนเด็ก
เขาเป็นผู้เหลือรอดชาวหอทงเทียนซึ่งเกิดในแดนสวรรค์ เขาไม่เคยเห็นหอทงเทียน แต่ความคิดคำนึงของคนรุ่นปู่ย่าตายายของเขาส่งผลถึงเขา
ไม่ว่าแดนสวรรค์จะดีเพียงใดแต่นี่ไม่ใช่มาตุภูมิของเขา ไม่ใช่รกรากของเขาเอง... คำพูดเหล่านี้เถ้าแก่กันฉวนไม่มีวันลืม เมื่อทวดของเขาเดินหน้าอย่างไม่ลังเลเพื่อไล่ล่าผู้ทรยศอย่างไม่เหลียวหลังกลับ น่าเสียดายที่อาจเอาร่างของเขากลับไปฝังที่มาตุภูมิได้มิฉะนั้นเขาคงไม่มีอะไรต้องเสียใจ
ตอนนี้จะสามารถกลับแดนมาตุภูมิได้ความปรารถนาสุดท้ายของทวดเขาคงสำเร็จได้
“สมาชิกจากหอทงเทียนทิ้งบุคคลที่รักเข้ามาในแดนสวรรค์แล้วท่านก็ยังไม่ลืมเลือน หอทงเทียนมาตุภูมิของเราก็ไม่ลืมเลือนพวกท่าน” ผู้เฒ่าหนานกงซึ่งติดตามมาด้วยกันจับมือของเถ้าแก่กันฉวนด้วยความปลื้มปิติ“ขอต้อนรับสหายกลับบ้าน!”
“ฮือออ!” เถ้าแก่กันฉวนไม่เคยเสียน้ำตามากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
ขณะนั้นเองเขาเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์
ทำไมคนรุ่นพ่อถึงได้รักมาตุภูมิถิ่นเกิดของท่านกลับกลายเป็นว่าเมื่อมีบ้านเกิดก็ต้องมีบ้าน มีความอบอุ่นในหัวใจนั่นคือรกรากแท้จริง!
เย่ว์หยางมอบหมายกระบวนการทั้งหมดนี้ให้ผู้เฒ่าหนานกงในฐานะหัวหน้าองครักษ์จัดการ
เถ้าแก่กันฉวนสนทนาพูดคุยกับผู้เฒ่าหนานกงตลอดทั้งคืนและเดินออกมาข้างนอกอย่างกระฉับกระเฉง ยิ่งไปกว่านั้นเขาเคยรู้สึกว่าแก่ขึ้น แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามีพลังไม่สิ้นสุดยังสามารถทำงานได้อีกหลายร้อยปี
“ท่านพ่อ!” ซือจิ่วยืนอยู่หน้าประตูเขาลังเลเล็กน้อยก่อนพูดเบาๆ “ข้าต้องการแนะนำท่านกับคุณชายไตตัน...”
“เจ้าลูกอกตัญญู!”เถ้าแก่กันฉวนเมื่อได้ยินเช่นนั้นโกรธ ลูกชายโดนทุบตี จะแนะให้พ่อเป็นเด็กใหม่แล้วโดนซ้อมเพื่อความสะใจหรือ? นี่เขายังเป็นลูกอยู่หรือเปล่า?
ทันใดนั้นเขาวิ่งไปที่ครัวและคว้ามีดทันที
ซือจิ่วกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อเผ่นหนีกระเจิง...