ตอนที่ 1001 สาวน้อยหลิวเย่
เมืองไป๋เหอ
หากมองดูเฉพาะเชื้อชาติและรูปแบบของสถาปัตยกรรมเมืองไป๋เหอเป็นสถานที่ต่างจากเมืองอื่นในภูมิภาคสวนสวรรค์ แม้ว่าจะมีทหารที่ได้รับบาดเจ็บและพิการเกษียณจากหน้าที่เป็นจำนวนมาก นักผจญภัย และนักเดินทางค้าขาย แต่เผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองเป็นมนุษย์เงือกซึ่งหาได้ยากในภูมิภาคสวนสวรรค์
มนุษย์เงือกมีอยู่เกือบสองแสนรูปแบบเป็นพลเมืองเดิมของเมืองไป๋เหอ
ประวัติศาสตร์ของพวกเขา
ว่ากันว่าย้อนหลังกลับไปหลายพันปี
คงจะระบุจำนวนปีไม่ถูกว่าบรรพบุรุษมนุษย์เงือกอยู่อาศัยที่นี่มากี่ปีแล้ว
ชนชาวพื้นเมืองมนุษย์เงือกของที่นี่ซึ่งมีอยู่หลายหมู่เผ่าต่างสายพันธุ์มีลักษณะคล้ายกันอย่างน่าประหลาดก็คือบุรุษน่าเกลียด สตรีงดงามไม่ต้องคำนึงถึงต้นกำเนิดกลุ่มเผ่าพันธุ์ พวกเขามีรูปร่างแปลกประหลาดไม่น่าดูมีลักษณะคล้ายมนุษย์ครึ่งปลา กุ้งและแมลงที่อาศัยอยู่ในน้ำ สตรีกลับตรงกันข้าม พวกนางแทบไม่มีลักษณะของปลาและกุ้งเลยมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับร่างมนุษย์ พวกนางงดงามมีเสน่ห์ความเคลื่อนไหวชดช้อยงดงามคล้ายกับลักษณะของปลาอยู่บ้าง
รูปแบบสถาปัตยกรรมของเมืองไป๋เหอมีเอกลักษณ์โดดเด่น
ไม่มีใครเขาใจว่าทำไมมนุษย์เงือกถึงชอบโลหะและจักรกล
ขณะที่พวกเขาบังคับให้มีการแต่งงานกันเฉพาะในเผ่าพันธุ์เดียวกันเท่านั้นคนเผ่าเงือกเหล่านี้จะไม่ใช้วัสดุอย่างอื่นสร้างที่อยู่นอกจากโลหะ
ร้านค้าหรืออาคารสิ่งก่อสร้างของเผ่าเงือกล้วนมีชื่อคล้ายเครื่องจักรโลหะเช่นสมาคมล้อเหล็ก โรงแรม, สี่แยก จัตุรัสฟันเฟืองเป็นต้น ในช่วงเวลาสั้นๆ ถ้าไม่มีร้านค้าอื่นในเมืองไป๋เหอที่มีชื่อเกี่ยวกับโลหะนั่นไม่ใช่ร้านค้าที่เป็นของชาวพื้นเมือง แต่เป็นหอการค้าหรือผู้ที่อพยพเข้ามาในพื้นที่
มีการขนส่งทางรางในเมืองไป๋เหอซึ่งไม่เคยพบเห็นในที่อื่นขับเคลื่อนโดยจักรกลที่ชาวเผ่าเงือกโบราณสร้างขึ้น
เคลื่อนไปข้างหน้าหรือไม่ก็หยุด
ชาวเผ่าเงือกพื้นเมืองคอยจัดหาอำนวยความสะดวก
หากผู้อพยพหรือคนเดินทางจากถิ่นอื่นต้องการใช้การขนส่งประเภทนี้จะต้องได้รับอนุญาตและจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับชาวเผ่าเงือกท้องถิ่น
ขณะนี้เย่ว์หยางกำลังนั่งอยู่บนหัวรถจักรรางคู่หลิวเย่ที่นั่งอยู่ข้างเขารู้สึกตื่นตาประหลาดใจมองดูภาพที่ผ่านมาผ่านมาในเส้นทางจากริมหน้าต่าง ในฐานะหัวหน้าหน่วยคุ้มกันภัยและสาวใช้ที่มีคุณสมบัติ เย่ว์หยางกับหลิวเย่เป็นตัวแทนหอการค้าไตตันและเงินการค้าทำการเจรจาธุรกิจขนาดใหญ่เกี่ยวกับแร่ดอกไฟฟ้า แม้ว่าจะยังไม่ได้ทำการซื้อขายในท้ายที่สุด แต่ด้วยความทนทานและความเปราะบางของอัญมณีหลากสีนี้ ทำให้ธุรกิจนี้ไม่อาจดำเนินต่อไปได้
“เราอาจนั่งรถไฟกลับได้เช่นกัน! มันดูปลอดภัยดีมาก!” หลิวเย่มีความสุขและนางมีความคิดแปลกประหลาดขึ้นมาในใจทันที
ชั้นแขกผู้มีเกียรติก็น่าสนใจ
ตัวแทนจากหอการค้าเงินให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
พวกเขาส่งคนไปที่สมาคมล้อเหล็กอย่างรวดเร็วที่สุดและมอบตั๋วผ่านทางโดยใช้ชื่อจริงให้กับเย่ว์หยางและหลิวเย่
เมื่อส่งเย่ว์หยางและหลิวเย่ขึ้นรถไฟและพูดคุยอย่างมีมารยาท มนุษย์ปลาซาร์ดีนจับมือกับเย่ว์หยางและหยอกล้อตามมารยาท“ท่านเย่ว์หยาง ถ้าไม่อย่างนั้น เราคงยังไม่รู้จักท่าน และชื่อท่านทั้งสอง!”
เย่ว์หยางเมื่อได้ยินเขายิ้มอย่างจริงใจเป็นพิเศษ “ท่านซาร์ดีน ขณะที่ธุรกิจของเราทั้งสองพัฒนาไปร่วมกันท่านจะรู้จักข้ามากขึ้น”
ฮุยไท่หลางสุนัขเกียจคร้านนอนอยู่ที่แทบเท้าเจ้านายอย่างเฉื่อยชามันครางแบบแมวเหมียว
เหมือนกับมันต้องการจะบอกว่าทุกคนไม่ควรเพิกเฉยต่อมัน
ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสนุก
รถรางแล่นไปอย่างเชื่องช้า แต่ตรงต่อเวลาทุกห้านาทีรถจะจอดในจุดจอดเป็นเวลาครึ่งนาที จากนั้นประตูจะเปิดโดยอัตโนมัติทั้งสองด้านให้ผู้โดยสารขึ้นลงตามต้องการ
เย่ว์หยางกับหลิวเย่โดยสารรถกลับไปที่‘โรมแรมกางเขนเหล็ก’ ที่พวกเขาพักอยู่ เมื่อรถไฟหยุดที่สถานีมีสตรีเผ่าเงือกชุดเขียวขึ้นรถทำให้เย่ว์หยางและหลิวเย่ให้ความสนใจทันที ไม่มีสตรีเผ่าเงือกคนใดน่าเกลียดพวกนางล้วนสวยงามแม้ยามเคลื่อนไหวในท่าที่แย่ที่สุดก็ยังดูชดช้อยงดงาม
อย่างไรก็ตามสตรีเผ่าเงือกที่สวยงามขนาดนี้เย่ว์หยางและหลิวเย่เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก
แขนของนางคล้องตะกร้ารูปกลีบดอกไม้ชุดสีเขียวของหญิงสาวเผ่าเงือกมีกลิ่นหอมเป็นธรรมชาติไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยว่าผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี ดวงตาสีฟ้ากลมโตราวกับอัญมณีล้ำค่าผู้ใดมองใบหน้าที่งดงามของนาง ต่อให้โกรธขุ่นเคืองใจเพียงไหนก็รู้สึกสดชื่นอารมณ์ดีมีรอยยิ้มเต็มหน้า สตรีเผ่าเงือกชุดเขียวนี้มีรูปร่างที่ดี ดูเหมือนเย่ว์หยางแทบอดสนใจมิได้ และแม้แต่หลิวเย่ผู้มีรูปร่างสมบูรณ์ยังอดรู้สึกด้อยกว่ามิได้
นางมีมารยาทที่งดงามและดูสูงส่งเป็นพิเศษ
เห็นได้ชัดว่านางถือตะกร้าที่คล้ายดอกไม้เหมือนกับหญิงสาวทั่วไปผู้ช่วยมารดาซื้ออาหารตามท้องถนนแต่ว่าดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้น
คนนอกเห็นนางแล้วไม่คิดว่าแขนนางคล้องถือตะกร้าที่ดูเทอะทะน่าอึดอัดตรงกันข้ามกลับดูเหมือนผู้สูงศักดิ์ถือแหวนเพชรที่ดูเหมาะเข้ากันได้ดีกับนาง
“สวัสดี ข้าขออวยพรให้พวกท่านเดินทางโดยปลอดภัย” หญิงสาวเผ่าเงือกนั่งอย่างงามสง่าอยู่ด้านตรงข้ามกับเย่ว์หยางและมองสำรวจเย่ว์หยางที่เอาแต่สำรวจมองขึ้นมองลง นางกล่าวทักทายอาคันตุกะภายนอกตามธรรมเนียมของเมืองไป๋เหออย่างสุภาพและไม่โกรธต่อกิริยาการมองที่จาบจ้วงของเขา และดูเหมือนนางจะคุ้นเคยกับการมองเช่นนี้ สำหรับเย่ว์หยางนั่นนับว่าสุภาพแล้ว สำหรับหลิวเย่ซึ่งเป็นสตรีด้วยกันกลับทำให้สตรีเผ่าเงือกมีความสุขขณะนางยิ้มแย้มความงามของดอกไม้ยังถูกรัศมีของนางบดบัง นางยิ้มด้วยความจริงใจให้หลิวเย่และทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส “ข้าขออวยพรให้ท่านสนุกกับการเดินทางเช่นกันแม่นางหลิวผู้น่ารัก”
“อา... เจ้ารู้จักชื่อข้าได้ยังไง?” หลิวเย่ประหลาดใจ
“นั่นเป็นเพราะหนังสือเดินทางเหล็กของท่านระบุชื่อเอาไว้” หญิงสาวเผ่าเงือกยิ้มสดใสอีกครั้ง
“มีอยู่จริงๆ ด้วย”หลิวเย่ห้อยจี้เงินเล็กไว้ที่คอ ถ้ามองใกล้ๆ จะเห็นว่ามีชื่อจริงของนางและนางอดชื่นชมไม่ได้ “สายตาเจ้าดีมากจริงๆ ตัวอักษรเล็กขนาดนี้ เจ้ายังมองเห็นได้ชัด”
“แน่นอนว่าสายตาของข้าดีที่สุดในกลุ่มสหาย เมื่อข้ายังอายุน้อยข้าสามารถเห็นปลาที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำลึกสิบเมตร” สาวเผ่าเงือกชุดเขียวหัวเราะคิกคักสนทนากับหลิวเย่ เมื่อคุยกันสักพักดวงตาโตของนางมองไปทางเย่ว์หยางและนางยิ้มให้เขาทันที “ท่านเย่ว์หยางเป็นคนลึกลับมากจริงๆทำไมท่านถึงชอบสวมบังหน้าครึ่งหนึ่งด้วยหน้ากากเงิน? ขออภัยถ้าคำถามข้าอุกอาจ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย
“ฮะฮะ.. เป็นไปได้ยังไงข้าไม่อาจบอกความลับกับคนอื่น! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวงามถ้าเป็นไปได้ข้าหวังว่าหญิงงามหมดทั้งโลกจะเข้าใจข้า!” ทันทีที่เย่ว์หยางพูดฮุยไท่หลางแทบไม่อาจจะปกปิดตัวตนของมันได้
“เหมียว!” ฮุยไท่หลายเงยหน้า แต่น่าเสียดายไม่มีใครให้ความสนใจสุนัขอย่างมัน
“ท่านเย่ว์หยางดูเป็นคนน่ารักจริงๆ!” สตรีเผ่าเงือกชุดเขียวพูดกับเย่ว์หยางที่กำลังใช้เท้าเขี่ยฮุยไท่หลางกลับไปด้านหลัง เขาได้แต่หัวเราะแก้เก้อ “แน่นอนข้าเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นที่สุดในหอการค้าไตตัน ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะสอบสวนข้า!” สาวเผ่าเงือกชุดเขียวพูดไม่ออก
“อาจารย์ข้ามักเป็นเช่น อย่าได้ถือสาเลย” หลิวเย่ป้องปากพูดเบาๆ
“อาจารย์ของเจ้าหรือ?หา...ท่านเย่ว์หยางเป็นอาจารย์ของเจ้าหรือ?” สตรีเผ่าเงือกชุดเขียวแสดงสีหน้าประหลาดใจ นางอ้าปากค้างเล็กน้อยเหมือนคนกำลังกินกล้วย
แน่นอนนี่จำกัดแค่เย่ว์หยางเท่านั้น
หลิวเย่ผู้มีความคิดไร้เดียงสาย่อมไม่คิดอะไรอย่างนั้น
หลิวเย่ประหลาดใจต่อปฏิกิริยาของหญิงสาวเผ่าเงือกนางขมวดคิ้วเล็กน้อย “เขาเป็นอาจารย์แม้ว่าข้าไม่ได้ฝึกฝนอย่างขะมักเขม้น แม้จะไม่ได้สอนข้าที่โรงเรียนแต่เขาคืออาจารย์ที่สอนหลายอย่างให้ข้า” สำหรับคนอื่น ไม่ว่าใครตำหนิเย่ว์หยางหลิวเย่จะไม่สบายใจ ในใจนางไม่มีความสงสัยในตัวเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางตอนนี้มีความภูมิใจและเขาคิดว่าเขาก็เป็นอาจารย์ที่ดีคนหนึ่ง “ข้าสั่งสอนด้วยตัวเองเท่านั้นมันทำให้ได้ผลที่แตกต่าง ฮ่าฮ่าฮ่า!”
สอนด้วยตัวเองโดยตรง?
ทันใดนั้นหญิงสาวเผ่าเงือกมีความคิดในแง่ร้ายเกิดขึ้นในใจนางนางมองหน้าที่ไร้เดียงสาของหลิวเย่ และจากนั้นมองดูเย่ว์หยาง เห็นมีลักษณะเหมือนหมาป่าเจ้าเล่ห์ทำเอานางพูดไม่ออก
นางตอบสนองอย่างรวดเร็ว นางเห็นว่าหลิวเย่ไม่สบายใจนางรีบขอโทษหลิวเย่ทันที และกล่าวว่านางไม่ได้สงสัยในตัวเย่ว์หยาง อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ และนางพูดยกยอชื่นชมว่าอาจารย์หนุ่มอย่างเย่ว์หยางนั้นหาได้ยากนั่นทำให้หลิวเย่ฟังแล้วรู้สึกพอใจ หลังจากคลายความขุ่นใจเล็กๆ น้อยๆทั้งสองกลับมาพูดคุยเหมือนเดิม พวกนางพูดถึงอัญมณีประดับเสื้อผ้าไปจนกระทั่งถึงเรื่องการแต่งงาน อัญมณีเทพ จากนั้นคุยเรื่องชีวิตและในที่สุดก็กลับมาคุยเรื่องเสื้อผ้า... “พี่สาว! ทำไมเจ้าไม่มาเป็นมัคคุเทศก์ให้เราล่ะข้ายังไม่ได้ถามชื่อของพี่สาวเลย..” หลิวเย่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามชื่อของอีกฝ่ายหนึ่งเย่ว์หยางได้แต่ถอนหายใจอยู่ข้างๆ เด็กน่าสงสาร คนที่ขายคนให้คนอื่นและช่วยคนอื่นกลายเป็นเจ้าเสียแล้ว!
“ข้าชื่อชิงผิงแอยู่ในตำบลเล็กๆ ชื่อซือจิน น้องหลิวเย่ แม้ว่าข้าจะชอบคุยกับเจ้า แต่ถ้าเจ้าต้องการมัคคุเทศก์จริงๆข้าขอแนะนำให้ไปที่สมาคมเหล็ก ตัวข้าไม่มีประสบการณ์ในการเป็นมัคคุเทศก์!” หญิงสาวเผ่าเงือกปฏิเสธ
“ไม่ต้องมีประสบการณ์อะไร มัคคุเทศก์แค่ดูสวยก็พอแล้ว” เย่ว์หยางเริ่มใช้ทฤษฎีหมาป่าในตำนาน
“อย่างไรก็ตาม เราแค่ต้องการคนคุ้นเคยกับภูมิประเทศของเมืองไป๋เหอ ไม่จำเป็นต้องได้มืออาชีพเกินไปก็ได้ เราจะทำใบขอตัวให้พี่สาวมาเป็นมัคคุเทศก์เราสักวันหรือสองวันจะเป็นยังไง?” หลิวเย่คิดว่าเป็นเรื่องดีที่มัคคุเทศก์สามารถสนทนาพูดคุยได้
“ค่าจ้างเพิ่มให้เป็นสองเท่า” เย่ว์หยางแสดงอำนาจเงินอย่างเต็มที่
“เอ่อก็ได้..ถ้าใบขอของท่านได้รับรับอนุมัติจากสมาคม”หญิงสาวเผ่าเงือกเห็นรถไฟชะลอความเร็วและหยุด นางลุกขึ้นทันทีและโบกมือให้หลิวเย่ “ข้าลงตรงนี้นะ น้องสาว ไว้พบกันพรุ่งนี้!”
“แล้วข้าล่ะ...!” เย่ว์หยางกังวล สาวงามไม่บอกลาเขาได้ยังไง?
“ท่านเย่ว์หยาง พรุ่งนี้พบกันใหม่” สาวงามเผ่าเงือกยิ้มและโบกมือให้นางเดินชดช้อยหายไปในอีกไม่นาน
หลิวเย่ไม่พูดตลอดทางจนกระทั่งกลับมาถึงโรงแรมกางเขนเหล็ก
ก่อนนางจะเข้าห้องพักจู่ๆ นางยิ้มให้เย่ว์หยางและพูดขึ้น “วันนี้ข้าทำงานเป็นยังไงบ้าง?”
เย่ว์หยางเอื้อมมือจัดผมให้นางและยกหัวแม่มือให้นางเงียบๆ หลิวเย่หน้าร้อนผ่าวเหมือนถูกไฟลนนางอายและรีบเข้าไปเก็บตัวอยู่ในห้องอย่างรวดเร็ว